![]() |
![]() |
Anantra![]() |
...ถึงแม้ว่าฉันจะรู้ว่าใครที่รักเราที่สุด ฉันก็ยังไม่วายที่อยากจะมีรักที่แตกต่างออกไป ความรักที่นอกเหนือจากความรักของครอบครัว ถึงยังไงฉันก็ยังต้องการมัน...
จะว่าไปแล้วความรักของฉันที่ผ่านมามักจะจบลงด้วยความเจ็บช้ำ ไม่สมหวัง เสียใจ แต่ทุกครั้งฉันก็ผ่านมันไปได้ ความเสียใจต่าง ๆ มันจะค่อย ๆ เลือนลางหายไป อย่างที่ใคร ๆ มักจะบอกกันเสมอว่าเวลาจะช่วยเยียวยารักษาหัวใจให้หายดี และฉันเชื่อแบบนั้นมาตลอดเพราะฉะนั้นครั้งนี้ ความรักระหว่างฉันกับอ้นที่กำลังจะจบลง ฉันก็ต้องลืมมันได้ในไม่ช้า แต่ตอนนี้ เวลานี้ ฉันเจ็บปวด และทรมานเหลือเกิน เวลาจ๋าช่วยฉันทีเถอะ ช่วยให้ฉันลืมมันได้เร็ว ๆ จะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานแบบนี้
อีกแล้วยิ่งคิดน้ำตามันก็ไหลออกมาอีกแล้ว ช่างเถอะ ให้มันไหลออกมาเถอะ ไหลออกมาซะให้พอ จะได้ไม่ต้องมีน้ำตาให้ไหลอีก ฉันเหนื่อยมามากแล้วกับการร้องไห้ ให้กับคนที่เขาไม่เห็นค่าของเรา
"อร ทำอะไรอยู่ลูก ไม่ทานข้าวทานปลาเหรอ" เสียงแม่ตะโกนเรียกฉันจากข้างล่าง
แม่คงกลับมาแล้วจากไปต่างจังหวัด กับพ่อ และน้อง ๆ ฉันรีบล้างหน้าทันทีไม่อยากให้แม่รู้ว่าฉันร้องไห้ อันที่จริงครอบครัวของฉันไม่ค่อยจะรู้อะไรเกี่ยวกับตัวฉันมากมายนักไม่ใช่ว่าฉันไม่สนิทกับพวกท่าน แต่ฉันมักจะแยกกันออกระหว่างครอบครัวกับเรื่องอื่น ๆ
เพื่อนหรือคนรักก็เหมือนกันฉันไม่เคยปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับครอบครัวให้พวกเขาฟังเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะฉันมีครอบครัวที่อบอุ่น ไม่ได้มีปัญหาที่หนักหนาอะไร นอกจากบางครั้งจะมีบ้างเถียงกับแม่เพราะความเห็นไม่ตรงกัน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
"กลับกันมาแล้วเหรอคะ เป็นไงสนุกไหม" ฉันถาม
"งั้น ๆ ล่ะลูก ทำอะไรอยู่ล่ะแล้วทานข้าวรึยัง เนี่ยพ่อซื้อของกินมาเยอะเลยมากินด้วยกันสิ"
"โห น่ากินทั้งนั้นเลย..กินค่ะ กิน กำลังหิวเลย"
"อร..ไม่สบายรึเปล่าลูกดูตาบวม ๆ นะ" แม่คงจะสงสัยเลยถาม
"ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ สงสัยจะเป็นหวัด" ฉันตอบไปพลางหยิบถุงกับข้าวขึ้นมาดู
"อย่าลืมทานยานะ..รู้ไหมลูก"
"ค่า..แม่"
ไม่มีใครสงสัยอะไร มื้อนั้นเป็นมื้อที่อร่อยที่สุดเลย อาจจะเป็นเพราะฉันหิว ก็ควรจะต้องเป็นอย่างนั้น ก็เล่นร้องไห้ตลอดเวลาแบบนั้น ร้องจนเหนื่อยเลย ขอทานข้าวก่อนแล้วกัน เรื่องอื่น ๆ ค่อยว่ากันอีกที
เวลาที่ฉันอยู่กับครอบครัว จะเป็นช่วงเวลาที่ฉันมีความสุขที่สุด ฉันจะลืมความทุกข์โศกได้ในช่วงเวลานั้น ได้ทำอะไรต่าง ๆ ร่วมกับครอบครัว คนที่ฉันรู้ว่ายังไงพวกเขาก็รักฉัน รักด้วยความบริสุทธิ์ใจ และหวังดีกับฉันจริง ๆ แต่ก็เถอะนะ ถึงแม้ว่าฉันจะรู้ว่าใครที่รักเราที่สุด ฉันก็ยังไม่วายที่อยากจะมีรักที่แตกต่างออกไป ความรักที่นอกเหนือจากความรักของครอบครัว ถึงยังไงฉันก็ยังต้องการมัน
ฉันนั่งดูโทรทัศน์จนดึก ไม่อยากขึ้นห้องเลย กลัวว่าจะร้องไห้อีก แต่ก็ได้เวลาที่ควรจะขึ้นนอนได้แล้ว เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นไปทำงานแต่เช้า เบื่อจัง ไม่มีใจอยากจะทำอะไรเลย
พรุ่งนี้แล้วสินะที่ฉันจะต้องไปทำงานเอง คงไม่มีใครมารับฉันเหมือนอย่างเคยอีกแล้ว ปกติอ้นจะมารับฉันไปทำงานแต่เช้าทุกวัน เขาจะต้องโทรมาปลุกฉันให้ตื่นเวลาที่เขากำลังจะออกจากบ้าน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มักจะต้องมารอฉันอีก 10 นาทีอยู่ดี ตอนหลังเขาเลยต้องโทรมาปลุกฉันก่อนเวลาอยู่เสมอ แต่ก็ยังไม่วายที่จะต้องรอ
แต่นับจากวันนี้ เขาคงไม่ต้องมาทนรอผู้หญิงเฉื่อย ๆ อย่างฉันแล้วล่ะ คิดแล้วก็เศร้าอีก อืมแต่แปลกแฮะ น้ำตาไม่ยักไหล บางทีฉันอาจจะเริ่มชินกับความรู้สึกนี้แล้วก็ได้ ไปนอนดีกว่า เผื่อว่าคืนนี้จะฝันดีกับเขาบ้าง..ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
วันนี้ฉันตื่นเช้ากว่าปกติ ตื่นก่อนนาฬิกาปลุกซะอีก เป็นไปได้ยังไงกัน
ระหว่างที่กำลังแต่งตัวอยู่ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
ฉันเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับทันที
"สวัสดีค่ะ"
"อร ตื่นแล้วเหรอครับ เอ๊ทำไมตื่นเช้าจัง" อ้นนั่นเอง เขาโทรมาทำไมกันนะ
"ตื่นแล้วค่ะ...ว่าแต่..." ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบ เขาก็รีบพูดต่อทันที
"รีบแต่งตัวนะ อีกประมาณ 15 นาที อ้นจะไปถึงแล้ว แค่นี้นะครับ"
"เดี๋ยว ๆ อ้น..เดี๋ยว.." ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดอะไร ปลายสายก็วางไปเสียแล้ว
นี่เขาจะยังมารับฉันอีกเหรอ เขาคิดยังไงของเขากันนะ ถึงแม้ฉันจะสงสัย แต่ในใจลึก ๆ ก็ยังรู้สึกดีใจ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน มันคงเป็นความดีใจเล็ก ๆ ของผู้หญิงทุกคนล่ะมั๊ง ที่ยังไงก็ยังรู้สึกดีที่เขายังแคร์เรา เห็นความสำคัญของเราอยู่บ้าง ทั้ง ๆ ที่เขาก็บอกอยู่ทนโท่แล้วเมื่อวันนั้นว่าเขารักคนอื่น แต่มันก็อดที่จะดีใจไม่ได้
กำลังใจของฉันเริ่มกลับมาอีกครั้ง บางทีอ้นอาจจะคิดได้แล้วว่าใครที่เขาควรจะรัก วันนั้นเขาอาจจะคิดผิดไป ฉันต่างหากที่เขารัก ฉันเริ่มมีความหวังขึ้นมาอีกแล้ว
ฉันรีบออกไปยืนรอเขาที่หน้าบ้านก่อนที่เขาจะมาซะอีก รออย่างมีความหวังในใจ ถ้าเหตุการณ์เป็นอย่างที่ฉันคิด ถ้าเขากลับมารักฉันเหมือนเดิม ฉันจะบอกเขาอย่างไรดี ควรจะยกโทษให้เขาในทันที หรือว่าควรจะเล่นตัวนิดหน่อยโทษฐานที่ทำให้ฉันต้องเสียใจ
เขาคงจะมาถึงแล้ว ฉันจำเสียงรถของเขาได้ ฉันต้องทำท่าทางให้ปกติที่สุด ไม่อยากให้เขารู้ว่าฉันดีใจขนาดไหนที่เขามา
แต่เอ๊ะ นั่นใช่รถของเขาแน่เหรอ ในรถมีใครนั่งมากับเขาด้วย ไม่ผิดแน่ฉันมั่นใจว่ารถคันนั้นเป็นของเขา ก็ทำไมฉันจะจำไม่ได้ล่ะ ก็ฉันนั่งรถคันนี้ตั้งแต่มันยังเป็นป้ายแดงอยู่เลย ฉันเปรียบเสมือนเป็นเจ้าของมันคนหนึ่งด้วยซ้ำ ว่าแต่ใครกันนะนั่งมาในรถกับเขา นั่งในที่ที่เคยเป็นของฉัน ถ้าฉันเดาไม่ผิดต้องเป็นผู้หญิงคนใหม่ของเขาแน่ ๆ หัวใจของฉันเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ขาสั่น เหมือนกลัวอะไรซักอย่าง
รถมาจอดหน้าบ้านเรียบร้อยแล้ว อ้นรีบเปิดประตูออกมารับฉัน แต่ฉันยังคงยืนนิ่ง มองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ
"ไปอร รีบขึ้นรถเถอะครับเดี๋ยวสาย" เขาพูดพลางดึงกระเป๋าฉันไปถือ
ผู้หญิงอีกคนที่นั่งอยู่ข้างเขารีบเปิดประตูตามลงมา อ้นรีบแนะนำฉันกับผู้หญิงคนนั้นทันที
"นี่ไงจ๊ะ พี่อร ที่พี่เคยเล่าให้ฟังไง"
เด็กผู้หญิงคนนั้นมองหน้าฉัน และก็ยกมือไหว้ฉัน ฉันจำเป็นต้องฝืนยิ้มให้อย่างเสียไม่ได้ ยิ้มทั้ง ๆ ที่ในใจเจ็บปวด
"ไป รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทันกัน"
"อร ขึ้นรถเถอะครับ นะ" อ้นมองฉันอย่างวิงวอน คงกลัวว่าฉันจะไม่ยอมไป แล้วเขาจะเสียหน้า
ภายในรถเงียบสงัด ไม่มีใครพูดอะไร ได้ยินแต่เสียงถอนหายใจของอ้นเป็นระยะ ระยะ เขาคงคิดได้แล้วว่าสิ่งที่เขาทำมันไม่ดี มันกำลังทำร้ายความรู้สึกของผู้หญิงคนหนึ่ง ก็คือฉัน คนอื่นฉันไม่รู้ แต่สำหรับฉันมันเหมือนกับกำลังถูกฆ่าอย่างช้า ๆ เจ็บปวดทรมานก่อนจะขาดใจ ฉันไม่น่าขึ้นรถมาเลย ทำไมฉันไม่ปฏิเสธเขานะ ฉันรู้ว่าฉันคงทำไม่ได้ มันเสียมารยาท เหมือนคนแพ้แล้วพาล อย่างน้อยฉันก็ยังมีสติพอที่จะไม่ทำอะไรที่ทำให้ตัวเองดูไม่ดี ยิ่งต่อหน้าผู้หญิงอีกคนแล้วล่ะก็ ฉันคงไม่ทำแน่
ตอนนี้ทำได้อย่างเดียว คือ อดทนเท่านั้น อดทน ทั้ง ๆ ที่ในใจอยากจะกรีดร้องออกมาดัง ๆ อย่างเจ็บปวด
เมื่อวันที่ : 16 พ.ย. 2547, 16.51 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...