![]() |
![]() |
SONG-982![]() |
...ตีพิมพ์ครั้งแรก รวมเรื่องสั้นอิโรติกชุด "รักร้อนซ่อนเงื่อน"
ตีพิมพ์ครั้งที่สอง รวมเรื่องสั้นอิโรติกชุด "LUST:ร้อน" สำนักพิมพ์ ณ ถนนฯ ธันวาคม 49...
จันทร์เต็มเดือนดวงซีดแขวนค้างอยู่กลางฟ้าตะวันออก เธอรู้สึกเสียวแปลบขึ้นมาที่ระหว่างขาอย่างช่วยไม่ได้ ยังไม่ล่วงสู่สนธยากาลด้วยซ้ำแต่จันทร์เจ้ากลับจู่มาแจ้งเหตุแห่งรัก ดีที่เธอใช้แผ่นอนามัยชิงซับมันไว้เสียแต่เนิ่น ไม่เช่นนั้นความเคยชินคงย้อยเยิ้มเลยเลอะถึงกระโปรงชั้นนอกให้ได้อาย เร่งเลือกสรรสิ่งสำคัญสำหรับคืนวันพระใหญ่ด้วยการตีสีหน้าชาเฉย กลบจริตที่เต้นระริกอยู่ภายในตีพิมพ์ครั้งที่สอง รวมเรื่องสั้นอิโรติกชุด "LUST:ร้อน" สำนักพิมพ์ ณ ถนนฯ ธันวาคม 49...
"ถ้าจะเปลี่ยนดอกไม้วันพระ น่าจะซื้อไปตั้งแต่เย็นวานนะคะคุณ" แม่ค้ามากคารมสอดแทรกความรู้สู่เธออย่างหวังดี ปรายตาไปที่ป้ายกระดาษซึ่งปักไว้ระหว่างก้านกล้วยไม้สีชินตา "วันนี้วันพระ" เทคนิคการขายพื้นบ้านคงได้ผลดีมาตั้งแต่เมื่อวาน เพราะด้านหลังของป้ายกระดาษแผ่นเดียวกันนี้เขียนไว้ "พรุ่งนี้วันพระ" เป็นการบอกบุญอย่างหนึ่งที่คนส่งสารพลอยได้อานิสงฆ์ทันตา ขายดีเป็นเทน้ำท่าเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษอีกสองวัน
" ไม่รับกุหลาบหรือกล้วยไม้บ้างหรือคะวันนี้" ฉันแอบขันกับคำถาม ขณะที่เธอคงรู้สึกตัวได้ว่ายืนเลือกหาสิ่งที่ต้องการนานเกินไปเสียแล้ว จึงตวัดสายตาขึ้นไปสบตาคนถามเอาบ้าง ความเป็นคู่ค้าซื้อขายกันมานานทำให้แม่ค้าหน้าฉ่ำเสมองมาที่ฉัน ฉันยิ้มให้แล้วส่งเลยไปทักทายเธอเป็นการเสนอไมตรี แค่นี้ฉันก็ได้ติดสอยห้อยตามเธอมาด้วยอย่างสะดวกดาย
เธอหอบบัวชมพูทรงสวยดอกย่อมทั้งสามกำราวกับซื้อหามันมาด้วยราคาสูงลิบลิ่ว ไม่เกรงเสื้อผ้าจะเปื้อนเปรอะ ฉันแอบสังเกตเห็นว่าหลังความมุ่งมั่นอหังการในสีหน้านั่น ไม่สามารถเกลี่ยลบความหวาดระแวงพะวงหวั่นในหวัง ที่ช่างเลือนรางอย่างร้ายกาจ เพราะความรู้สึกที่ตามมาหลังจากความเสียวกระสันรัญจวนจิต กลับเป็นความระบมตรมอกต้องแฝงฝืนกลืนกล้ำละล้าละลังด้วยความไม่แน่ใจว่าอยากให้วันนี้มันเวียนมาถึงอีกหรือไม่
เราสบตากันอย่างเข้าใจและเห็นใจ พวกฉันเองที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น วันที่คนรักของเธอจากไปอย่างไม่มีวันกลับ วันที่ซากศพกลายเป็นมหรสพอันโอชาของผู้สัญจร มนุษย์แร้งรุมทึ้งร่างไร้วิญญาณด้วยแสงไฟแฟลชนับไม่ถ้วน ภาพข่าวพาดหัววันรุ่งขึ้นจึงมีพวกฉันเป็นองค์ประกอบสำคัญให้ได้ฮือฮา ว่าสวยนักหนาและระคนปนเศร้า ภาพนั้นคือเพื่อนฉันบางคนกำลังโน้มลงซบซับกับกองก้อนเลือดอย่างไม่รังเกียจ บางคนเกลือนกระจายไปบนถนน คอยระวังภัยให้กับคนที่มือยังกุมกำก้านบัวไม่ปล่อย สองตายังเบิกโพลงด้วยความสงสัยและห่วงหา ริมฝีปากยังอ้าเผยอเพื่อถามไถ่อะไรจากใครสักคำหากว่าเจ้าตัวไม่สิ้นใจไปเสียก่อน
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านั่นคือเหตุให้เธอสงัดเหงาเศร้าตรมตรอม แป้งสีดินสอแต้มสิ่งสำอางฉาบเคลือบได้เพียงสีหน้าที่ชาเฉย การงานในหน้าที่ลุล่วงรวดเร็วกว่าเคยเพราะไม่มีอารมณ์ปรารถนาจะวิสาสะกับใครอื่น ประหนึ่งความเงียบทำให้เกิดสติ สมาธิทำให้เกิดปัญญากระนั้น ความสำเร็จในหน้าที่การงานจึงแปรผกผันกับความหม่นหมองนองน้ำตาในอก ขั้นเงินเดือนถูกเลื่อนขยับให้สูงขึ้นรวดเร็วจนเป็นที่ระแวงแคลงใจของเพื่อนร่วมงาน เสียงนินทาลับหลังจึงมาพร้อมกับการโดดเด่นของความดี เธอจึงยิ่งเงียบงำกรำทุกข์ เพียรรักษาใจกายไว้เพื่อสิ่งเดียวที่หมาย คือการได้เขากลับคืนมา
เรายิ้มให้แก่กันอีกครั้งก่อนเธอจะกระซิบแผ่ว "เจ้านายชวนฉันอีกแล้ววันนี้ ภรรยาเขาไปถือศีลทีวัดอย่างเคย ไม่รู้ว่าค้างคืนที่นั่นด้วยศรัทธากล้าแกร่ง หรือว่าอยากร่วมวงถกหัวข้อธรรมการนินทากับเหล่าเพื่อนผองคุณนายเศรษฐีนีสามีไม่รักกันแน่" เธอแย้มรอยเยาะเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อไปโดยฉันยังทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดีเช่นเคย "ที่ฉันพลาดไปครั้งเดียวนั้น คงไม่มีหนสอง การทานมื้อค่ำแล้วต่อด้วยการไปนั่งในคลับหรูที่เขาเป็นหุ้นส่วนใหญ่ ไม่ยากเกินไปที่จะเดาทางได้ถูก แล้วเขาก็เดินหมากตานั้นพลาด การทำรักอันเหยอะแหยะและเล็มเลียไปนิ้วสั้นและฝ่าเท้า ทำให้ฉันขยะแขยงมากกว่าจะถวิลหา เขาหลั่งรินออกมาทั้งที่ไม่ทันได้ยักย้ายถ่ายเทสิ่งใดเข้าไปให้สมเหตุ มีหรือที่จะทำให้ฉันส่งสายตาโหยหาได้เป็นครั้งที่สอง
อาการเฉยชาจากนั้นช่วยให้ฉันอยู่ง่ายสบายตัวในที่ทำงาน ตราบใดที่ความลับระหว่างรักของเขายังถูกเก็บงำไว้ที่ฉัน ตราบนั้นการงานก็ยังคงจะมั่นคงต่อไปได้ด้วยวิธีแสดงการให้ความหวังอย่างหนึ่งอย่างใดไว้ก่อนแล้วค่อยผ่อนปรนความละเมอเพ้อหานั้นด้วยสายตาของการข่มขู่ จะให้ฉันบอกเมียเป็นศรีนั่นให้รู้หรือว่าผัวเธอมักปฏิบัติต่อลูกจ้างใต้บัญชาการอย่างไร"
ดูเธอจะเข้าใจคำถามในสีหน้าฉัน จึงชิงตอบเสียก่อนว่า "คงขอผลัดไปวันหน้า เพราะวันนี้ว่าจะมาหาซื้อดอกไม้ไปจัดที่บูชาพระน่ะค่ะ" ฉันจึงยิ้มให้กับวิธีการปฏิเสธเจ้านายของเธออีกคราว คงต้องรอให้แม่ยายตายแล้วเมียต้องไปค้างเหย้าเฝ้าศพเสียก่อนกระมังจึงจะถึงฤกษ์งามยามปลอด ฉันอยากกระซิบตอบเธอไปเหลือเกินว่า "จงรักษาตัวให้รอดปลอดภัยต่อไปเถิด เพราะถึงวันนี้รอยร่องรูปร่างสรีระโดยเฉพาะนั่น คงเปลี่ยนไปตามการปฏิบัติบูชาเป็นกิจอย่างที่เธอเริ่มกระทำมาหลังจากคืนนั้น"
เธอรีรอหลบมุมให้กรรมซัด อยากเห็นหน้าเขาเหมือนเคยคือได้หนุ่มน้อยมอเตอร์ไซค์วินจอมกักขฬะนั่น ถึงคิวมันพอดีกับภาระทุกข์สาหัสที่ก่อขึ้นด้วยวัยคะนองเนื้อ เธอเชื้อเชิญฉันให้ขึ้นไปร่วมซ้อนท้ายด้วยกันอย่างเฉิดฉาย หลังไหล่กว้างขวางของหนุ่มน้อยร่างกำยำหลุบลู่ลงอย่างผิดสำนึก ราวกับว่าเธอจะเริ่มป่าวประกาศไปตลอดทางกระนั้น ว่าไอ้หน้าตัวเมียนี่มันเคยแอบเอามีดจี้รุนหลังฉันเข้าไปในบ้าน แล้วลงมือข่มขืนด้วยวิธีการถ่อยวิตถารเท่าที่จะสรรหา "ของเก่า" ที่ที่รักของเธอเหลือทิ้งไว้ สำหรับการบรรเลงเพลงวิจิตรกามาสารพัดรูปแบบ
รอยเชือกรอยแส้ รอยซ้ำช้ำที่บ้างเป็นด่างดวงแดงเพราะพิษร้อนของเทียนหยด บ้างเขียวคล้ำของการขยำบดขยี้อย่างไม่ปรานีและฟันขบ ทำให้เธอถึงกับต้องลางานนอนซมอยู่หลายวัน ข้อเรียกร้องหนึ่งเดียวสำหรับไอ้หนุ่มทรงซาดิสซ์นี่คือให้มันส่งข้าวส่งน้ำรองมือรองเท้าให้เธอได้ใช้สอยตามต้องการ เพราะทั้งหมดของความรุนแรงยังแฝงไว้ด้วยความถูกจริตระเริงใจ
วันนี้มันพาเธอมาถึงบ้านอย่างเร็วกว่าปกติ เลิกตัดพ้อต่อว่า "พี่ทำไมไม่ใช้บริการของผมแทน" มานานแล้วตั้งแต่รุ่งของแรมหนึ่งค่ำที่อารมณ์ของเธอยังค้างคาแล้วมันมาเห็นสภาพระเกระกะบนที่นอน ไอ้หนุ่มเหมือนจะแหยะแหยงเมื่อเธอบอกเล่าถึงวิธีการ แล้วจิกหัวมันลงบดเบียดกับร่องรอยเลอะคราบเลือดคาว เลือกเอาว่าจะติดตะรางหรือจะเสร็จสมอย่างพิสดารอยู่อย่างนี้
พวกฉันเคยแสดงการคัดค้านและไม่ยินยอมพร้อมใจมาตั้งแต่ครั้งแรกๆ ที่เธอทำท่าว่าจะเสียจริต มันช่างอ้างไม่ขึ้นเสียเลยกับพุทธบูชาและอานิสงฆ์ เธอว่าคนที่รักยังวนเวียนมาหาเพราะยังไม่ได้ไปผุดเกิด ด้วยห่วงโซ่สุดท้ายที่หมายยังมั่งคงอยู่ในจิต วิญญาณจึงจำต้องสถิตย์อยู่เพื่อล้างกรรมสุดท้ายให้บริสุทธิ์หมดสัญญาเวทนาสงสาร วิธีการนั้นยังประกาศชัดอยู่ในกำมือยามสิ้นลม คราวหนึ่งที่พวกฉันยอมหักไม่ยอมงอกับพิธีการบ้าบอเช่นนี้เธอยังกล้าอรรถาธิบาย
เข้าใจผิดมานานว่าสิ่งที่เขาต้องการคืออะไร เธอเพียรเปลี่ยนดอกไม้บูชาพระให้เขาทั้งวันพระน้อยพระใหญ่ แน่นอนว่าจะต้องเป็นบัวสีดอกสวยที่เกิดแต่ตมแล้วบานเป็นบุปผชาติสะอาดตา แต่แล้วความฝันนั้นยังชัดขัดตา เขาที่รักยังต้องทนวนเวียนทรมากับกรรม ร่ายเปลือยของชายสมบูรณ์แบบถูกขึงตรึงไว้ด้วยใยบัว บรรดาเหล่าเสนาหน้าม้าหน้าวัวเฝ้าโบยตีด้วยแส้หนามบัวอยู่ไม่รู้วาย เธอสงสารเขาจับใจในฝันอยากรับวิบากกรรมนั้นไว้เองเสียทั้งสิ้น เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าคืนที่เขาตายทำไมเขายังกุมกำก้านบัว การเล่นรักอย่างใหม่ที่ท้าทายกับบาปมหันต์จนทำให้เขาต้องทนทรมานอยู่อย่างนี้
แววตาแห่งความแน่วแน่ปลิดความหวาดหวั่นทิ้งเสียตั้งแต่ประตูหน้าบ้าน ราวกับเธอปลดมันแขวนคล้องไว้กับคอของเจ้าหนุ่มวินมอเตอร์ไซค์นั่น เพราะก่อนที่มันจะเร่งเครื่องจากไปฉันยังทันเป็นสีหน้าอันกระอักกระอ่วนจนบอกไม่ถูกว่าคืนนี้มันจะกลับไปจินตนาการถึงเธอได้ด้วยอารมณ์ไหน รอยยิ้มน้อยๆ ที่โปรยไว้ให้ก่อนยื่นเงินค่าโดยสารให้ตามมารยาทมันคงปวดร้าวเสียยิ่งกว่าการก่นด่าถึงบุพการี "เศษเงิน" ซึ่งเป็นเหรียญด้วยซ้ำ ที่ได้เป็นค่าตัว ค่าแรงและค่าปิดปาก
สิ่งแรกในบ้านที่มองเห็นได้โดยง่ายคือพระบูชาองค์งามปางประทานพรบนหิ้งบูชาใกล้เพดาน ทั้งองค์หมองลงบ้างเพราะละอองฟ่องฝุ่น แต่ยังประกาศสัจจะในโลกไว้ชัดแจ้งด้วยหัตถ์ขวายกเสมออุระ พระอังคุตจรดพระดัชนีแสดงสัณห์แห่งกงธรรมในวัฏฏะสงสาร เธอทรุดกายลงกราบเต็มตามเบญจางคประดิษฐ์โดยมีฉันอยู่เคียงข้าง อมยิ้มอิ่มสุขกับบุญปฏิบัติที่จะได้กระทำต่อไปในเวลาอันใกล้ รูปเขาที่รักในอาการเปี่ยมสุขแย้มยิ้มทรงเสน่ห์ ถูกตั้งต่ำลงมาบนตั่งเตี้ย โกฏแก้วหนาวขนุนสีครามขุ่นตั้งเคียงกับกระถางธูปและแจกันดอกไม้
เธอกราบเขาลงตรงหน้า รินน้ำตาอย่างสุดระงับ "ฉันเลิกฝันถึงพี่ พี่คงไปดีตั้งแต่ฉันเริ่มทำอย่างนั้น...ใช่ไหมจ๊ะ" เธอกระซิบถามกับภาพนิ่งจนฉันร้อนวูบวาบไปทั้งตัว รู้ได้ในชะตาตน เธอยังกล่าวต่อไปด้วยความโศกสลด "เมื่อไหร่หนอพี่ถึงจะหมดเวรหมดกรรม พี่มากระซิบบอกฉันใช่ไหมเมื่อเช้า ฉันไม่ลืมหรอกนะพี่ รอสักหน่อยเถิดนะขอให้ฉันได้จัดดอกบัวพวกนี้บูชาพระท่าเสียก่อนนะจ๊ะ"
พวกฉันทั้งสามกำถูกคลี่คลายจากเส้นตอก เธอแผ่ใบที่ห่อกันช้ำรองไว้ แล้วจึงเลือกหนึ่งในพวกฉันที่เธอคิดว่า เป็นดอกบัวดอกย่อมที่งามที่สุดในทั้งหมดเก้าดอก เพื่อปักแจกันทั้งสาม ฉันลุ้นระทึกอยู่ในใจว่าอย่าให้รูปกายทรงหยดน้ำนี้งามเข้าตาจนพลาดการปฏิบัติบูชาเพื่อไถ่บาปอีกแบบ ทั้งเก้าดอกที่ไม่มีฉันเป็นหนึ่งในนั้นถูกเธอสอดกลีบพับทับซ้อนให้กลายเป็นดอกบัวบานเผยเรณูเกสรสีนวลสวย แล้วปักจัดลงอย่างชำนาญด้วยใช้ดอกไม้ประเภทฉันอยู่อย่างเดียวมานานนัก สองแจกันถูกเทินอันเชิญสู่หิ้งสูงว่างไว้เบื้องพระพาหาซ้ายขวาขององค์พระปฏิมา
อีกหนึ่งตั้งไว้ข้างคนรัก รวบที่เหลือเข้าไปโปรยไว้บนเตียงนอนก่อนลับตัวเข้าไปในห้องอาบน้ำเพื่อชำระสรีระร่างให้สะอาดหมด ทิ้งฉันให้นอนทอดกายระทวยระทึกรออยู่ด้วยใจไม่เป็นส่ำ โอ้ละหนอ...คนเราช่างเป็นไปได้ ด้วยรักตัวเดียวจึงทำให้ดวงตาดวงใจมืดบอดงมงายได้ขนาดนี้ ก็ศาสนาใดในโลกเล่าจะมาหักห้ามหมิ่นยามความรักของผู้คนได้....ก็เธอไม่ใช่ผู้มีความรักมั่นที่แท้หรอกหรือ...จึงกล้ากระทั่งจะทำทุกวิถีทางเพื่อจะลบภาพฝันอันมีคนที่รักสุดหัวใจทนทรมานอยู่ในนั้น
เธอก้าวออกมาพร้อมร่างเปลือย แตะเกลี่ยไล่ไล้ทุกก้านดอกที่ทอดรอ ส่งในไปยังห้องหน้าภาวนาเชื้อเชิญวิญญาณคนรักมาให้เห็น "ฉันจะทำเพื่อเธอ....ฉันจะทนเพื่อเธอ....ไม่ว่าเธอจะเจ็บปวดแค่ไหนในภพภูมินั้น...ฉันขอรับมันไว้เสียเอง...ฉันขอรับความเจ็บปวดรวดร้าวของเธอเอาไว้ทั้งหมด...ฉันจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เธอหลุดพ้นไปสู่สุคติภพนะ...ที่รักของฉัน" ระหว่างคำเธอค่อยเคลื่อนกายขึ้นมาบนเตียง ไม่เกรงว่าหนามสั้นจะกดย้ำให้ช้ำเนื้อ
"ขอพี่จงรับรู้...ฉันทนเจ็บทนปวดอย่างนี้เพื่อพี่...เวรกรรมอันใดฉันขอรับไว้คนเดียว..." สิ้นคำเธอก็ใช้สองมือจับก้านยาวซึ่งเต็มไปด้วยราวหนามนั้นตีฟาดไปตามส่วนต่างๆ ของร่างขาวอวบอัด ลายเลือดซิบขึ้นเป็นทางทุกครั้งที่ฟาดลง เสียงซี๊ดครางลอดไรฟันออกมาอย่างสุดระงับ เมื่อก้านหนึ่งหักลง อีกก้านหนึ่งถูกหยิบขึ้นมาใช้แทนเพื่อกระหน่ำฟาดอย่างไม่ยั้งแรง น้ำตารินพร้อมเลือดอาบแต่เธอก็ยังมิหยุดกระทำการ จนยี่สิบกว่าก้านหักราญเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ใยบัวพาดสายไปทั้งร่าง จึงยังมีบางก้านสั้นๆ ห้อยเกาะอยู่ตามลู่ไหล่และราวนม เธอบรรจงรวบใยบัวทั้งนั้นเป็นสายเดียว จนมันเหนียวแน่นเหมือนด้ายป่านแล้วผูกรัดเอาไว้กับปลายถันกระตุกดึงหลายครั้งจนความเจ็บแปลบซ่านลึกเข้าไปกลั่นหยาดหยดแห่งความเศร้าหมองให้ซับซึมออกมาตามช่องทาง เธอรวบเริ่มหักก้านเล็กก้านน้อยนั่นอีกครั้งเพื่อให้ได้ใยบัวสายใหม่สำหรับผูกพันกระสันรัดกับติ่งไตในรอยแยก ความเบาบางแทบปาดให้ขาดหลุดถูกกระดุกดึงขึ้นลงจนต้องระริกกายขึ้นไต่ตาม มันเจ็บแปลบและกระสันสุดเสียวในคราวเดียวกัน แต่ทั้งหมดนี่คงไม่เท่าทัณฑ์ทรมานที่เขาที่รักได้รับในความฝัน "ที่รักฉันจะทนเจ็บปวดรวดร้าวได้ยิ่งกว่านี้...เพื่อเธอ"
ตลอดเวลาตั้งแต่เธอก้าวขึ้นมาบนเตียง ฉันรอดพ้นการพลีกายเพื่อการกระทำเหล่านั้นมาได้เพราะอยู่ไกลเกินเอื้อมถึงปลายเตียง ขณะนี้ไม่มีบัวน้อยดอกไหนอีกแล้วที่คงเหลือสภาพพร้อมพอสำหรับพิธีการขั้นสุดท้าย เรามองกันด้วยอารมณ์ที่แตกต่าง สีหน้าและแววตาของเธอมันฟ้องร้องออกมาชัดเจนว่าเธอลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ากำลังกระทำสิ่งเหล่านี้เพื่อใคร ฉันมองต่ำลงมาที่รอยปริแยกเยิ้มฉ่ำ เธอแยกสองเข่าออกกว้างที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาในชีวิต จับจ้องมาที่ฉันอย่างหิวกระหาย
ฉันถูกคว้ามาหักกลางอย่างไม่ปรานี ทั้งสองท่อนยังโยงยึดไว้ด้วยใยเหนียวอันเป็นคุณสมบัติพิเศษของพืชนี้อย่างฉัน เธอหมุนทวนสองส่วนของฉันเหมือนปั่นด้าย แล้วลดมือลงผูกพันเยื่อใยของฉันไว้กับติ่งเนื้อสีสดงามที่โผล่พ้น คราวนี้เธอคลึงดึงใยบัวของฉันไปมาทางซ้ายและขวาสลับกันอย่างสุขสม น้ำตาแห่งความตรอมตรมยิ่งเอ่อท้นทะลักริน เธอหยุดการกระทำทั้งหมดพร้อมสูดหายใจลึกๆ เรียกสติ เตรียมพร้อมรับจุดมุ่งหมายสุดท้ายแห่งยัญพิธี
สองมือประคองฉันที่มีก้านเหลือแค่คืน ไม่เกรงว่าเยื่อใยที่พันค้างอยู่ปลายตึ่งจะถูกกระตุกขาดไปอย่างไร รูปทรงหยดน้ำของกายฉันเหมือนถูกออกแบบมาให้ง่ายเป็นพิเศษสำหรับการนี้ ฉันรู้สึกได้ถึงกระไอร้อนผะผ่าวเมื่อแรกที่ปลายดอกได้สัมผัสระหว่างสองกลีบแดงระเรื่อ ดอกไม้อีกชนิดหนึ่งตรงหน้า กำลังจะกลืนกินฉันเข้าไปทั้งตัว แม้มันจะมีท่าไม่เต็มใจเพราะขนาดของฉันก็ไม่น่าจะล่วงผ่านเข้าไปโดยง่าย แต่เจ้าของดอกไม้อันมีเพียงสองกลีบแดงฉ่ำกลับพยายามยัดเยียดตัวฉันเข้าไปสู่ภายในอย่างเต็มตื้น การบีบรัดกระชับแน่นทำให้ร่างฉันแทบแหลกสลายในคราวแรกที่ก้าวล่วง
ดีที่เธอรีบดึงฉันให้ถอยหลังผลุบออกมาเสียก่อน ก่อนที่จะดุนดันมันเข้าไปอีกครั้งด้วยความง่ายดายกว่าครั้ง แม้ฉันจะบอบช้ำแต่ก็ไม่ถึงกับต้องปลิดกลีบกระจาย ฉันสบายตัวขึ้นกับการชักพาในครั้งหลังๆ เสียงเธอกระเส่าครางครวญชวนรัญจวนใจจนฉันอยากแปลงกายเป็นผู้ชายจะได้โถมทับกระแทกกระทั้นฟาดฟันเฟ้นฟอนให้เธอได้สมอยาก ก่อนพายุร้ายจะดับลงพร้อมกับการแหลกสลายของร่ายกายฉัน เธอยังโยกควงซ้ายขวาให้ก้านหนามสั้นนั่นขูดครูดไปรอบรอยกลีบ แล้วเธอก็กรีดร้องออกมาสุดเสียงก่อนจะคร่ำครวญแผ่วเบาเต็มสุข ราวกับเพิ่งจะโผพุ่งหลุดพ้นจากมาหานรกอเวจี
พิธีกรรมของเธอจบลงพร้อมคราบใคร่ที่ไหลเลอะ ทุกรกิริยาเยี่ยงนี้ไม่รู้อุบัติขึ้นมาในโลกตั้งแต่เมื่อใด ฉันรู้แต่เพียงว่า...บัดนี้ฉันรู้แล้ว...ที่ตายแห่งฉันมิใช่เพียงโรยราไปกับสายน้ำ หรือทอดทบนบอยู่กับแทบบาทพระศาสดาเท่านั้น เพราะที่ระหว่างขาของเธอขณะนี้ ฉันได้ตายยับอัปราชัยลงได้อย่างเป็นสุข แม้จะพ่ายแพ้แก่ตัณหาบังตาไปชั่วครู่ แต่ก็ยังอิ่มใจได้ว่าฉันได้นำพาเธอไปสู่ชัยชนะในความรักอันยิ่งใหญ่ อันเหนือความเจ็บปวด เหนือความเชื่อถือศรัทธาซึ่งบางครั้งก็ยากจะสำมะหาสาระอันใดได้
เมื่อวันที่ : 05 ต.ค. 2547, 06.37 น.
หมายเหตุบ.ก.
ครั้งแรกที่ song982 ส่งต้นฉบับ "รื่นรสสุคนธา" มาให้อ่าน ความรู้สึกชัดๆที่เกิดขึ้นหลังจากอ่านจบบอกออกมาว่า นี่คืองานวรรณกรรมที่เขียนอย่างปราณีตเรื่องหนึ่ง ฉากรักกับดอกบัวที่ผู้เขียนถ่ายทอดมันออกมาเป็นเรื่องราว ถือได้ว่าเป็นแนวคิด"ต้นแบบ"ที่สั่นสะเทือนความดิบเถื่อนในใจคนอ่านรุนแรง ความรู้สึกคล้ายกับครั้งแรกที่ได้อ่านฉากคนถีบสามล้อในงานเขียนอื้อฉาว "เอมมานูเอล" ที่มารยาท กระแสสินธุ์ เคยเขียนมันออกมาเมื่อหลายสิบปีก่อน
ความคิดต่อมาคือ จะเอามาเผยแพร่บนศาลานกน้อยได้ไหม? ถ้ายอมให้ลงได้มันจะกลายเป็นเรื่อง ดับเบิ้ลสแตนดาร์ด หรือเปล่า? เออ..แนะ ท้าทายความคิดดีครับ และที่สุดเพื่อนๆก็ได้อ่านเรื่องๆนี้ อย่างที่เห็น
เหตุผลของบ.ก. ไม่มีอะไรมากไปกว่าสิทธิ์ในการตัดสินใจ ในเมื่อมองว่านี่คืองานวรรณกรรมที่ดี ก็อยากจะยืนยันในมุมมองนั้น และเชื่อว่าผู้อ่านทุกคนจะมองเห็นความระมัดระวังในการใช้ภาษาที่ผู้เขียนใช้บรรยายภาพเชิงสังวาสฉากนี้ มันเป็นความพยายามที่จะเอาศิลปะแห่งภาษา มาห่อหุ้มเรื่องราวทางเพศได้อย่างจะแจ้งและคลุมเครือไปพร้อมๆกัน