![]() |
![]() |
sony diver![]() |
งูเป็นๆมีให้เห็นดาษดื่น..... ตามบ้านนอกคอกนาริมป่าริมเขา......ดูแล้วน่าเกลียดน่ากลัว.....ชวนขนแขนตั้งชูชัน
...
มาอยู่บนหัวเราตั้งแต่เมื่อไหร่กัน......มองมันไม่เห็น.....
เพื่อนเรา ดันชอบมาว่าเรา....ยกให้เราเป็นหัวหน้างู......
งูเป็นๆมีให้เห็นดาษดื่น..... ตามบ้านนอกคอกนาริมป่าริมเขา......ดูแล้วน่าเกลียดน่ากลัว.....ชวนขนแขนตั้งชูชัน
งูตาย.....(น่าสงสาร).....หาดูได้ไม่ยาก ตามท้องถนน แถวๆนอกเมือง.......
แม้งูจะโดนรถทับติดอันดับเป็นประจำ พอๆกับกบ แต่ก็มากกว่าเขียดหน่อยนึงและก็น้อยกว่าหมา......
หมาวิ่งเร็วกว่างู แต่ดันตาย..เพราะมันวิ่งไม่ดู หลับหูหลับตาวิ่ง......เจอมันอีกที เจอหน้ารถอย่างจัง เสียงดังปุก! แล้วก็ ขลุก..ขลุก..ขลุก..ขลุก อยู่ใต้ท้องรถ แล้วก็แปรรูปออกจากท้ายรถไป จากหมาที่วิ่งอยู่ได้ดีๆกลายเป็นหมานอนนิ่ง ไม่มีลมหายใจ...
ส่วนงูรอบคอบกว่า ดูซ้ายดูขวาแลบลิ้นแผลบๆ ถึงจะดูดีแล้วแต่ก็เลื้อยไม่ทัน.....
ภาพงูโดนรถทับ มันน่าสยองขวัญ ไม่แพ้ หมา.....
หลังจากล้อเรา...ผ่านตัวมัน รู้สึกได้ถึงเสียงและแรงสั่นสะเทือน.....
ดัง " กึก.. " เบาๆ คล้ายๆหน้ายางสะดุดทับหินก้อนเล็กๆ ที่ระเกะระกะอยู่บนถนน...
ภาพทางกระจกมองหลัง เป็นภาพแห่งความทุรนทุราย ที่ค่อยๆไกลออกไปตามความเร็วรถ......
มันบิดตัวไปมาบิดหน้าบิดหลังยังกับเต้นระบำ.... ม้วนเกลียวกลม ราวกับอุปกรณ์ริบบิ้นประกอบยิมนาสติก จินตลีลา......
จินตลีลาประเภทอุปกรณ์สยองขวัญ ......เพราะเป็นนาฏยลีลา ที่ร่ายรำตามแรงบันดาล..และจังหวะ ของความเจ็บปวดสุดท้าย กระเจิงจากเส้นประสาทสู่กล้ามเนื้อทุกมัดที่รวมเป็นงู.....
หลายคนนึกถึงงูในทางไม่ดี........
งูเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย....... แค่นึกถึงหน้าของมัน ก็ชวนขยะแขยง.........
เราก็เป็นคนนึง...... ที่ได้รับการถ่ายทอดฝังหัวว่า งูเป็นสัตว์มีพิษ..... เป็นสัตว์อันตราย...... จะกัดคนทันทีที่เจอคน ไม่น่ารู้จักคบหาสมาคมด้วย........ ไม่ควรเอามาเลี้ยงในบ้าน........และไม่ควรให้เข้าบ้านด้วยซ้ำไป....
ในชีวิตจริงเจองูเข้าบ้านก็หลายตัว...... ส่วนใหญ่จะเลื้อยเข้ามา แต่ห้อยต่องแต่งที่ปลายเสียมกลับออกไป.....
.....มันเลื้อยไม่ได้.......
....เพราะร่างกับวิญญาณของมันไม่ได้อยู่รวมกัน......
สมัยเด็กๆ บ้านเราที่หาดใหญ่ จะอยู่ออกมานอกเมืองไม่ไกล แต่สงบร่มรื่นเหมือนชนบท...... เป็นบ้านพักรถไฟ.......
ดูคล้ายๆเมืองเก่า ที่บ้านออกจะโบราณๆ........เป็นบ้านไม้ทรงเก่า...... รั้วบ้านเป็น ต้นชาดัด มีไม้สูงใหญ่ให้ร่มเงา ร่มรื่นทั่วอาณาบริเวณ.......
ที่ร่มรื่นเย็นใจ นอกจากคนจะชอบแล้ว งูก็ชอบเหมือนกัน...... เราเลยเจอกับงูโดยมิได้นัดหมายเป็นประจำ
เราชอบไปนั่งอ่านหนังสือใต้ต้นหมาก ที่แม่ปลูกไว้ให้ยาย........ ยายชอบกินหมาก.......กินจนฟันดำ เวลายายยิ้ม ยายจะเหมือน แดร็กคูล่า ที่พึ่งไปแทะคอใครมา...
ต้นหมาก แม้ร่มจะไม่ค่อยมี...... แต่พิงสบาย เพราะต้นตั้งตรง......
.... กำลังอ่านหนังสืออยู่เพลินๆ......เรากับงูก็ได้พบกัน.......งูก็หล่นมาจากต้นหมาก........ หล่นใส่หัวเราดัง " ตุ้บ " แล้วก็มากองอยู่บนหนังสือที่หน้าตักเรา (ขึ้นไปได้ไง...)......
มันเป็นงูเขียวธรรมดาที่หางมันยังไม่ได้เบิร์น (มันเลยไม่ได้เป็นงูเขียวหางไหม้)........
เราตกใจแหกปากลั่นบ้าน...... โยนหนังสือทิ้ง....... คนกระเจิง.......งูกระจาย........
แล้วมันก็เลื้อย ปรู๊ดดด........ไปด้วยความตกใจ........
...... งูไปทาง....... เราไปทาง.......
อีกครั้งนึง เจอกันในครัว........
ครัวบ้านพักรถไฟ จะเป็นครัวทำด้วยไม้ แยกเป็นห้องต่างหากอยู่นอกชาน...... เหมือนบ้านไทยโบราณที่แยกส่วนห้องนอนห้องรับแขกไว้ฟากนึง...... และห้องครัวอยู่อีกฟากนึง......โดยมีชานที่มีกระไดขึ้นบ้านอยู่ตรงกลาง.........
ครัวจะติดต้นไม้ใหญ่...... ทำให้งูชอบเล่นกายกรรมไต่ราวข้ามเข้ามาเล่นอยู่ในครัว.....
วันนึงเราหยิบตะเกียบออกมาจากตะกร้าทรงสูงที่แขวนไว้ข้างฝา.........
มีลูกงูเขียวตัวเล็กๆ.... พันด้ามตะเกียบออกมากลมดิก......เหมือนขดสปริง.......
เราก็แหกปากลั่นบ้านเหมือนเดิม........
......... งูไปทาง....... เราไปทาง อีกตามเคย.........
มันก็ตกใจเลื้อยปรู้ดดดดด.........หายไปอีก.........
....................
มันเป็นหนึ่งในจำนวนงูที่โชคดี........... ที่รอดตาย.......
เพราะทุกครั้งที่เจอ เรา.........เราไม่เคยตีมันเลย........
ยกเว้นพี่หรือพ่ออยู่ด้วย........ ตัวนั้นก็จะโชคร้าย กลายเป็นศพออกไป.......
เราเจองูบ่อยมาตั้งแต่เด็ก........ เลยรู้จักมักคุ้นกับงูดี....... ไม่ค่อยกลัวมันจนสติแตก เหมือนใครหลายคน......
เจอมันก็ไม่เคยวิ่ง....... มักจะชอบเข้าไปดูมันใกล้ๆ......
..........พอดูมันใกล้ๆถึงเข้าใจมัน........
งูเป็นสัตว์น่าสงสาร....... เป็นสัตว์พิการด้านอุปกรณ์เคลื่อนไหว.........
มันไม่มีมือ...มันไม่มีเท้า........
เราเห็นมันแล้วนึกถึงภาพของคนที่ถูกจับมัดแขนมัดขา... (เปลี่ยนเป็นตัดแขนตัดขาก็ได้...ถ้าชอบ) ...โดนผลักตัวให้ล้มลงนอน...ไปใหนไม่ได้...ได้แต่แหงนหน้ามามอง.... ทำตาปริบๆ แลบลิ้นแผลบๆ......
........ มันเป็นภาพที่ชวนสังเวชสงสารไม่น่าดูชม........
มันมีปอดหรือเปล่าเราไม่ทราบ....... แต่เหมือนมันหายใจ.........
ทุกครั้งที่มันตกใจ ......มันจะหายใจแรงถี่เหมือนคน........
อืมมมม....... มันกลัวเป็นเหมือนกัน..........
ทุกครั้งที่มันเจอคน มันจะหยุด.........และหนี.........
หนีเข้าไปในที่ที่มิดชิด.....มันคิดว่าคนไม่เห็น......(หัวหนะเข้าไปแอบแล้ว แต่หางยังโผล่อีกบาน).... มันไม่เคยกระโจนเข้าใส่เพื่อที่จะมาทำร้าย..........
แต่คนก็จะต้องเข้าไป แหวก แงะ แคะ คุ้ย สิ่งกีดขวางเหล่านั้นเพื่อที่จะหามัน......... มันจะเริ่มลนลานเลี้อยเร็วขึ้น เพื่อจะหาที่หลบใหม่ แทนที่เดิม ที่เริ่มอันตราย ...........
เมื่อหมดที่ไป มันจะขดตัวม้วนกลมเหมือนกิ้งกือโดนแหย่สีข้าง เข้าไปอยู่ในซอกสุดท้าย.....ที่มันคิดว่ามันจะขดเข้าไปได้.......... หมอบอยู่อย่างนั้น........ ไม่ได้หันมาสู้คนแบบหมาจนตรอก...........
........... งูจนตรอกไม่ดุร้ายเหมือนหมาจนตรอก...........
เอาไม้ไปเขี่ยมันอยู่ห่างๆ.......... มันก็จะเริ่มออกอาการหงุดหงิดรำคาญ มองหาที่เลื้อยจะไปแอบต่อ........ แต่ก็ไม่ส่อแสดง ออกอาการก้าวร้าวให้เราเห็น.... ไม่ตอบโต้เหมือนสัตว์ดุร้ายในทีวี.........
มันจะหันมาชูคอแผ่แม่เบี้ยและฉก.... เพื่อปกป้องตัวต่อเมื่อเราเข้าไปใกล้ประชิดตัว..... หรือไม่ก็เมื่อมันเจ็บจากการที่เราไปตีมันแรงๆ ......แบบว่า....
" กู โมโหแล้วนะ มั่วกะกูจริงๆ "
งูรักสงบ...... แต่รบไม่ขลาด ........
ไปวอแวกับมัน..... มันจะรำคาญ เลื้อยหนีไป ไม่ตอแยด้วย........
แต่ถ้าเห็นว่าหนีแล้วได้ใจ........ยังตามมาตอแยไม่เลิก........
ทีนี้มันจะกัดเอา........
(เค้าบอกว่าคนเกิดปีมะเส็งก็เป็นแบบนี้......)
งูน้อยตัวนัก ที่จะได้พบอิสระอีกครั้ง หลังจากเลื้อยผิดที่.........
มันคงไม่รู้ ว่านั่นเป็นตั๋วขาเดียว........ ไม่มีเที่ยวกลับ........
ตัวล่าสุดเป็นตัวที่เจอที่ทำงานเราเอง.......... มันเลื้อยเข้ามาจากด้านหลังออฟฟิส ที่ติดกับที่ดินรกร้าง.......
พยายามไล่ให้มันออกไปอยู่นาน........ แต่ก็ไม่สำเร็จ........
สุดท้ายต้องตัดใจเรียกให้ รปภ.มาจัดการ...........
เราเดินออกมาด้านหน้าออฟฟิส......... ไม่อยากรับรู้เรื่องราว.......
เหมือนรอรับญาติที่กำลังเข้าห้องประหาร .......จะเปลี่ยนสถานะเป็นศพ ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า......
.
" ปั้ง ! ......ปั้ง ! ......ปั้ง ! ....."
3 ปั้งติดกัน....... ไม่ใช่เสียงปืน ...... เป็นเสียงท่อนแป๊บเหล็กยาวที่ รปภ เอาเข้าไปเพื่อทำการสังหารมัน.......
มันเป็นวินาทีที่สลดหดหู่สำหรับเรา............
ถ้าเป็นที่บ้านเราคงปล่อยให้มันเลื้อยออกไป หลังจากที่มันหลงทางมา..........
แต่ในเมื่อเป็นที่ทำงาน มันก็จะทำอะไรอย่างใจไปหมดไม่ได้........
....... เพราะไม่ใช่บ้านเราบริษัทเรา .......
รปภ.เดินออกมา ยิ้มอย่างอารมณ์ดี......
5 นาทีต่อมา งูตัวนั้น กลายเป็นชิ้นพอดีคำ.......หอมกุร่นด้วยกลิ่นเครื่องแกงผัดเผ็ด....... เข้าปาก รปภ 2-3คน คนละสองสามคำ......... ตามด้วยเบียร์ช้างเย็นๆ (รปภ.ที่ออกเวรแล้วนะ..อิอิ)
อาาาาาาา............เสียงรปภ.คนนั้น อ้าปากทำหน้าเปรี้ยวอย่างได้อารมณ์ หลังจากเบียร์เย็นๆบาดคอแล้วใหลลงท้องตามหลังงูผัดเผ็ดไป.....
........................
งู.....มาตีฉันทำไม ?
คน.......แล้วมากัดกันทำไม........ !!?
คนกลัวงู เพราะงูกัด......... และที่สำคัญ งูบางรุ่นพันธุ์ก็มีพิษ........
ไม่ใช่กัดกันเล่นๆแบบสนุกปาก แต่กัดกันถึงตาย........
มันเลยทำให้คนเกลียด....... เกลียด....... เกลียด........
กลัว...... กลัว....... กลัว.........งูเหลือเกิน
นิทานเรื่อง " ชาวนากับงูเห่า " ก็สอนให้คนเกลียดงู.......ว่างู ว่าไม่รู้คุณ......
คนก็ว่างูด่างูต่างๆนาๆ..........งูเนรคุณ...งูไม่รักดี....งูเลี้ยงไม่เชื่อง......
อ่านแล้วก็เชื่อตามกันมา........
มันเป็นเรื่องน่าสงสารงู ที่ไปอยู่กับชาวนาที่ไม่เข้าใจโลก.....ทำให้งูถูกด่ามาเป็นร้อยปี....
งูผิดตรงใหน........
งูไม่ใช่คน....... และคนก็ไม่ใช่งู.........
งูมันเลยไม่รู้จัก........เพราะหน้าไม่เหมือนกับญาติมัน.......
มันเลยไม่เข้าใจว่าสิ่งที่คนทำ....หมายถึงสิ่งที่ดี........ หรือว่า อันตราย ........
คนต่างหากเป็นสัตว์ฉลาด แต่ไม่ยอมเข้าใจธรรมชาติ เข้าใจแต่ตัวเอง.......
สัตว์ก็คือสัตว์ .......
มันไม่ใช่คน........ เอามันมากอดเหมือนเป็นลูกคนทำไม........
มันคงไม่เข้าใจ....... และมันก็คงกัดเอา....... เพราะคิดว่าไปกักขังมัน........
ขนาดคนพูดภาษาคน......... ยังคุยกันไม่เข้าใจ......... ต่อยกันตีกัน หัวร้างข้างแตก.......
นับประสาอะไรกับงู...... คนละเผ่าคนละพันธุ์ คุยกันคนละภาษา......
ถ้ารู้จักงูดี............ จะรู้ว่างูรักความสงบ (กล่าวแล้ว แต่อยากกล่าวอีก ....) รักความร่มเย็น.....
มันจะอยู่ในที่เงียบๆไม่วุ่นวาย......... ที่ที่เย็นชื้น.....และแฉะ....... และมันก็จะอยู่ของมันเงียบๆ ไม่ทำร้ายใคร......
ทุกครั้งที่ภัยมา งูเกือบทั้งร้อยจะเลื้อยหนี.........มันจะกัดเมื่อจวนตัว...... เข้าไปใกล้........ หรือไปเหยียบมัน......นอกนั้นกัดเพื่อกิน เป็นอาหาร.......
ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าไปตีมันเลย.......สงสารมัน.........
แต่หลายคนคงลำบากใจที่จะต้องมานั่งจับมัน......ยัดมันใส่ถุงอย่างทุลักทุเล......... แล้วเอามันไปปล่อย......
เผลอๆโดนมันกัดระหว่างดำเนินการ มันออกจะเสี่ยงไป ซวยหนักเข้าไปใหญ่......
คนเลยมักนิยมใช้วิธีรวบรัดแบบง่ายๆ......ด้วยการตีมันให้ตาย.......เอาร่างนิ่งๆของมันไปทิ้งจะสะดวกกว่า.......
เพราะงูมีพิษ หลายคนเลยไม่อยากเสี่ยง แม้จะรู้ว่ามันไม่กัดแต่ก็ไม่ไว้ใจ แม้จะรู้ว่าบางพันธุ์ไม่มีพิษแต่ก็ไม่แน่ใจ....
งูเลยตายฟรีๆ ทั้งๆที่ยังไม่ได้ทำร้ายใคร.....
งูมีพิษยังพอทำเนา....
แต่งูไม่มีพิษ เนี่ย ตายฟรีหนักเข้าไปอีก........
น่าสงสารจัง.......
เมื่อวันที่ : 18 ส.ค. 2547, 13.53 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...