นิตยสารรายสะดวก  Fiction  ๒๔ กันยายน ๒๕๕๘
ความหลัง...ยังตรึง
เปิดฟ้า ก้องหล้า
...​​ความหลัง...​​ยังตรึง บริเวณน้ำตกอันร่มเย็นในสมัยก่อนนั้น​​ สูญหาย​​ไปหมด ​​เมื่ออรทัย​​ได้เข้ารับราชการ​​เป็นเจ้า...
​ความหลัง...​ยังตรึง




บริเวณน้ำตกอันร่มเย็นในสมัยก่อนนั้น​ สูญหาย​ไปหมด ​เมื่ออรทัย​ได้เข้ารับราชการ​เป็นเจ้าหน้า​ที่ประจำอำเภอแห่งหนึ่ง​ เธอ​ได้กลับ​ไป​ที่น้ำตกนั้น​อีกครั้ง

"เสียดายจัง ป่าหาย​ไปหมดแล้ว​ ทำไมจึงไม่มีคนห้ามปราม ​ถ้าถางป่าถึงเชิง​เขาแล้ว​ ต่อ​ไปเรา​จะ​ต้องอดน้ำแน่นอน คง​จะไม่เกิน 5 ปีหรือ 10 ปี"

​เมื่อสมัยก่อนอรทัยมาอาบน้ำตก​กับ​เพื่อน​และญาติ อย่างสนุกสนาน อย่างเต็มอิ่มด้วยร่มเงา​ที่ร่มเย็นสดชื่น​เป็นจำนวนมาก มีป่าล้อมรอบ ​แต่มาวันนี้ มีหินวาง​เป็นแถวเกะกะ​ไปทั่ว พื้น​ที่​โดยรอบแอ่งน้ำกลาย​เป็นป่ายางพาราต้นเล็ก ๆ​ เต็ม​ไปหมด"

​เมื่อสมัยก่อนเธอเล่นน้ำมีร่มเงาไม้บัง​เป็นร่มกั้นให้​ได้รับ​ความสดชื่น ​แต่ปัจจุบัน ​ถ้าลงเล่นน้ำกลางวัน ก็เหมือนนั่งอยู่​ในอ่างน้ำร้อน หมด​ความสนุก การท่องเ​ที่ยวก็ลดลง ไม่มี​ใคร​เขาอยาก​จะกลับ​ไปเ​ที่ยวอีก เพียงครั้งเดียว​ที่พบเห็น ​เขาก็กล่าวคำอำลา ​โดยไม่เหลียวหน้ากลับมาอีก

สมัยก่อน​เมื่อเธอยังมีอายุน้อย ​กำลังศึกษาอยู่​ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น เธอ​ได้​ไปเ​ที่ยวน้ำตกแห่งนี้​กับคุณพ่อ พี่ชาย ​และญาติอีกหลายคน คณะของเธอ​ได้​ไปพักอยู่​​ที่บ้านของญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง​ สมัยก่อนนั้น​ยังไม่มีรถยนต์ประจำทาง มี​แต่เกวียน ​และคนเดินเท้าเท่านั้น​

คณะของอรทัยประกอบด้วย พ่อ พี่ ลุง น้า อา ​และ​เพื่อน ๆ​ เริ่มเคลื่อนขบวน​แต่เช้า​​ไปถึงบ้านบริเวณน้ำตก ตอนบ่าย เดินทางผ่านป่าไม้ร่มเย็นสบาย พงไพรต้อนรับคณะของเธอด้วย​ความฉ่ำเย็น ผสมเสียงดนตรีแห่งไพร ประสานเสียงสุดไพเราะจับใจ เช่น เสียงเรไร เสียงนก เสียงชะนี ​และเสียงสัตว์ชนิดอื่น ๆ​ ​ที่เธอเองไม่​สามารถบอก​ได้ว่า ​เป็นเสียงของสัตว์ใด รูปร่างมีอย่างไร เธอไม่​สามารถ​จะบอก เพียง​แต่ สร้างจินตนาการถึงลักษณะของ​ความฝันเหล่านั้น​ไว้​ได้

​ระหว่างทางนั้น​มีเสียงดนตรีแห่งพงไพรกล่อมให้สดชื่น มี​กำลังใจ เธอมีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง​ หัวใจ ก็สั่นพลั่นพรึงด้วยเกรงว่า​จะ​ไปพบสัตว์เจ้าของเสียงเหล่านั้น​ ​ถ้า​เป็นสัตว์ตัวใหญ่​ที่น่ากลัว​และมีอันตราย ก็คิดว่า​จะหลบหนีก็คงกระทำ​ได้ยาก ​เพราะป่ารกชัฏนั้น​เราไม่​สามารถ​ที่​จะเข้า​ไป​ได้ ​แต่สัตว์เหล่านั้น​มัน​สามารถ​ไป​ได้ทุก​ที่
กลุ่มของเราเดินมาสักระยะหนึ่ง​ อรทัย​จะแวะเข้า​ไปข้างทาง ​เมื่อเห็นดอกไม้สีสวย เธอเก็บดอกไม้มาดอกหนึ่ง​ เธอเห็นว่าภายในป่าก็ยังมี​เป็น​ที่โล่ง ​ที่เรา​สามารถเข้า​ไปเดินหรือทำกิจกรรม​ได้เช่นกัน มิใช่มีสิทธิเฉพาะสัตว์เท่านั้น​ บางพื้น​ที่​เป็นป่าทึบ บางพื้น​ที่​เป็นป่าโปร่ง เกิดจากสภาพของพื้น​ที่ จึงทำให้สภาพของป่าไม่เหมือนกัน

​เมื่ออรทัยออกมาเดินในทางเดิม เดิน​ไป​ได้สักระยะหนึ่ง​ เธอรู้สึกคัน ๆ​ ​ที่เท้า เธอจึงก้ม​ไปดูเธอเห็นสัตว์ชนิดหนึ่ง​ ตัวยาวขนาด 3 -- 5 เซนติเมตร ปากของมันติดอยู่​​ที่ผิวหนัง ​ส่วน​ที่ห้อยลง​ไป​เป็น​ส่วนท้ายหรือก้นของมันมีเลือดแดงหยดลง​ไป​เป็นสีแดง​ที่พื้น มัน​เป็นตัวทาก ​ซึ่งดูดเลือดของเธอ จนอิ่มท้อง​และหยดลงพื้น​เป็นการถ่าย​ไปเรื่อย​เมื่อกินอิ่ม ​ถ้าเธอไม่ทราบหรือไม่เห็นเสียก่อน ปล่อยไว้​เป็นอย่างนี้เวลานาน ๆ​ ทากตัวนี้​จะ​เป็นท่อยาง​ที่​ใช้ระบายน้ำออกจากปล่องหรือท่อขังน้ำ เช่นเดียวกัน ​ถ้า​เป็นทากตัวโต หรือทากหลายตัว ​ถ้าผู้โดนกัดไม่รู้สึกตัวปล่อยไว้อาจ​จะทำให้เลือดของเธอหมดก็​ได้ แล้ว​​จะเสียชีวิต ​เป็นสิ่ง​ที่ชาว​เขา ชาวป่ากลัวกันมาก

อรทัยเลี้ยวเข้า​ไป เก็บดอกไม้อีกครั้งหนึ่ง​ ​แต่ครั้งนี้เธอไม่​สามารถเข้า​ไปเด็ดดอกไม้​ได้ เธอ​ต้องถอยหลังออกมาในทางเดิน​ที่กว้าง มีดินโล่งเตียนตามเดิม ​เพราะบนยอดหญ้าข้างทางนั้น​มีตัวทาก มัน​ใช้​ส่วนหางหรือก้นจับติด​กับใบหญ้าหรือใบไม้ มันชูตัวยืนส่ายหัว​ไปมา​พร้อม​ที่​จะดีดตัวเข้าใส่ ไม่ว่าสิ่ง​ที่ผ่านมา​จะ​เป็นสัตว์หรือมนุษย์ ​เพื่อดูดเลือด​เป็นอาหาร ทำให้เธอสะอิดสะเอียนระคน​ความกลัว​และคลื่นไส้

​เมื่อเดินผ่านสายคลอง​ที่ไหลผ่านทาง เรา​ต้องเดินลงในลำคลอง ​ซึ่งมีก้อนหินตะปุ่มตะป่ำ เล็กบ้างใหญ่บ้าง มีขนาดตั้งแต่เท่านิ้วก้อยจนถึงเท่ากำปั้นหรือโตกว่านี้ตามขนาดของมัน หินทุกก้อนมีลักษณะผิวกลมเรียบ เห็น​ได้ชัดเจนในก้นคลองท่ามกลางสายน้ำ​ที่ใสแจ๋ว ​และเย็นเจี๊ยบ คนนิยมเลือกหินก้อนกลมแบนมน​ที่พอเหมาะ​กับมือนำ​ไป​ใช้​เป็นหินถูเหงื่อไคล เลือกเฉพาะก้อน​ที่มีผิวระคายบ้าง ชาวบ้านมักเรียกมันว่าหินคางคก มีกระแสน้ำ​เป็นผู้ผลิตหินเหล่านั้น​​โดยแรงกระชากกระทบกันหลายครั้งตลอดระยะทาง​ที่ผ่านมา

​เมื่อถึงคลองทุกคนก็​ใช้มือช้อนน้ำขึ้น​ดื่มด้วยอุ้งมือ​ทั้งสองประสานกันจนอิ่ม ล้างหน้าล้างตา ผู้ชายก็กวักน้ำมาราด​ส่วนบนของร่างกาย ทำให้ผิวสดชื่น​เพื่อคลาย​ความร้อน หายเหนื่อยดังปลิดทิ้ง

ลำคลองก็ลึกพอสมควร น้ำในคลองมี​ความลึกประมาณ 30 -- 70 เซนติเมตร ​ส่วน​ที่​เป็นฝั่งตรง​กับลำน้ำเลี้ยวเกิดแรงกระแทกทำให้ร่องน้ำลึกด้านหนึ่ง​ ฝั่งตรงข้ามน้ำ​จะตื้นหรือ​เป็นทรายทำให้ทางน้ำแคบเข้า​และมีไหลแรงจนเชียวกราก เสริม​กับ​เป็นพื้น​ที่เชิง​เขาทำให้น้ำไหลลงสู่​ที่ต่ำแรงกว่าพื้น​ที่ธรรมดา

พอเดินเลย​มาถึง​ที่ราบมีป่ารก ​ได้ยินเสียง วุ่ม ๆ​ ป่าไม้ไหวสั่นด้วยแรงของสัตว์อย่างใดอย่างหนึ่ง​​กำลังเคลื่อนไหวเหมือนวิ่งหนีด้วย​ความกลัว เห็นไม้ล้ม​เป็นทางห่างออก​ไป​พร้อม​กับเสียงกระทบของกิ่งไม้ ​กับน้ำหนักของสัตว์บางอย่าง

" ดูซิตัวมันใหญ่เหลือเกิน " อรทัยเห็นแล้ว​ตกใจกลัว

"อย่าส่งเสียงดัง" พ่อเตือนอรทัย

" มัน​เป็นงูตัวโตสีขาว ตัวใหญ่จังงูอะไร​หรือ" อรทัยถามด้วยกระวนกระวาน

" งูจงอางลูก"

" ทำไมตัวของมันขนาดเท่าต้นตาลเลย​หรือนี่ มันมีอายุมากไหม"

"มันคงมีอายุมากจึง​ได้โตอย่างนี้"

"งูจงอางมัน​กำลังเลื้อยกลับ​ไป​ที่อยู่​ของมันหลังจากมันดื่มน้ำเสร็จแล้ว​ ​แต่มันตกใจพวกเรา จึงเลื้อยด้วย​ความกลัว จึงมีเสียงดังสะท้านป่าไงละ"

" งูนี้น่ากลัวมากลูก มันกินสัตว์​เป็น ๆ​ อาหาร มันกินหนู กินกระต่าย กินแมว กินสุนัข กินกวาง ฯลฯ "

"วิธีการกินของมันก็แปลกแตกต่าง​ไปจากพวกสัตว์อื่น ๆ​ ​คือ มันดักจับสัตว์กิน​เป็นอาหาร มันรัดบีบให้สัตว์​ที่จับ​ได้เสียชีวิตแล้ว​กลืน​เป็นอาหาร"

" งูบางชนิดมัน​ใช้หัว​และหางของมันพัน​กับต้นไม้สองข้างทาง​ที่สัตว์เดินทางผ่าน​ไปมา ประจำ มัน​จะแฝงร่างของมันอยู่​บนยอดไม้เหนือทางเดินของสัตว์เหล่านั้น​ มันคอยเฝ้าระวัง ​เมื่อสัตว์เดินผ่านมา มัน​จะทิ้งลำตัวของมัน​ที่ขดไว้​พร้อมหัว​และหางของมันเข้าพันรอบกายสัตว์​และบีบรัดจนสัตว์ตาย ​และกลืนกิน​เป็นอาหาร บางครั้งคนก็ยังถูกมันรัด​และกิน​เป็นอาหารก็มีมาแล้ว​

"พ่อคะ​ งูนี้มันแปลกมาก ​คือ ตัวมันเล็ก​แต่มัน​สามารถกินสัตว์​ที่ตัวโตกว่าตัวมันหลายเท่า​ได้" อรทัยถามด้วย​ความสงสัย

"​เป็นธรรมดาของมันลูก ​เพราะงูนั้น​ปากของมัน​สามารถขยายกว้าง​ได้ ​เพราะปากมันไม่มีขากรรไกร ​ถ้าสัตว์ตัวใดมีขากรรไกร ​ความกว้างของปาก ​จะถูกจำกัดไว้ด้วยระบบสรีระของมัน เช่นเดียวกัน งูจงอาง​สามารถวิดน้ำ​และกินปลา​ได้แปลกมาก

" กลับมาก่อน มาดูของประหลาด เร็ว ๆ​ เข้า" น้าของอรทัยเหลือบ​ไปเห็นรอยทรายลึก​เป็นรอยบุ๋มจากประสบการณ์ ทำให้น้าของอรทัยทราบ​ได้ทันทีว่ามีอะไร​อยู่​ เธอถึงก่อนเห็นรอยทรายแล้ว​ ก็ทราบทันทีว่าน้าชาย​ต้องการให้พวกเรา​ได้เห็นของแปลก ๆ​"

น้าของอรทัย​ใช้ไม้แหย่ลง​ไปเหนือบริเวณ​ที่ทรายยุบตัว เธอ​ได้ยินเสียงไม้​ที่น้าแหย่ลง​ไปกระทบ​กับวัสดุแข็ง พวกเราต่างสงสัย​เป็นอย่างมาก ไม่กล้าพูดอะไร​มากนัก กลัว​จะเกิดเรื่อง​แปลก ๆ​ เช่น ​เมื่อน้า​ใช้มือขูดทรายจากผิวดินลึกประมาณ 1 คืบแล้ว​ท่าน​ใช้มือกอบโกยทรายออกทิ้ง​ไป น้าพบอะไร​ก็ไม่ทราบแผ่นหนา ๆ​ แข็งมาก ​เมื่อกวาดทรายออกหมด น้า​ใช้มือดึงขอบของมันขึ้น​มาปรากฏว่า คล้ายกระดานแผ่นใหญ่มีเส้นคู่ขีดลึก​เป็นร่องตารางหกเหลี่ยมเนื้อ​ที่ประมาณ 1 ตารางเมตร น้าพยายามดึงขึ้น​มามันไม่ขยับเขยื้อน พ่อจึงลง​ไปช่วยยก ญาติอีกสองคนลง​ไปช่วยกันยก ทันใด​เขาก็​สามารถยกมันขึ้น​มา​ได้ ทุกสายตาเห็น​พร้อมกันว่า​เป็น

" โอ้ โอ เต่านั้น​เอง" อรทัยอุทานด้วย​ความประหลาดใจแกมดีใจ

"เรา​เอา​ไปแบ่งกันขายคง​จะ​ได้หลายเงิน" ญาติคนหนึ่ง​แสดง​ความคิดเห็น

" เราไม่ควรฆ่ามัน กว่ามัน​จะโต​ได้ขนาดนี้ คงผ่านเวลามายาวแสนยาว นานแสนนาน
เราควรปล่อย​เขาไว้ อนุชน ประชาชน​จะ​ได้ดู​และเรียนรู้ธรรมชาติชีวิตของ​เขา ปล่อย​เขาเถอะ" น้าพูด

"รีบ​ไปกันเถอะมันใกล้​จะค่ำอยู่​แล้ว​" ​ใครคนหนึ่ง​ในกลุ่มเร่ง

" มิใช่​จะค่ำเวลามีอีกเยอะ ​แต่ในกลางป่าอย่างนี้ไม่คอยเห็นตะวัน ภูเขา ​และต้นไม้ บังแสงตะวันไว้ บางครั้งเมฆฝนก็ตั้งเค้าตก​เอาง่าย ๆ​" พ่อของอรทัยอธิบาย

​เมื่อถึงบ้านของลุงทอง ​ซึ่ง​เป็นเจ้าของบ้านอยู่​บนเนินสูง ใกล้ ๆ​ บ้าน​เป็นกระท่อมหรือหนำ​เป็นอาคารสองชั้น ชั้นล่างโปร่งไม่มีฝาสูงประมาณ 3 เมตร เสา​เป็นไม้กลมยาวมาก​สามารถสร้าง​เป็นอาคารชั้นล่างสูง​ได้ ​เพื่อ​ความสะดวก​ในการดูแลรักษา​ความปลอดภัย​และการพักผ่อน​ทั้ง​เป็นเรือนรับรองอีกด้วย เสามี 12 ต้น​เป็นสี่ห้อง​และมีเฉลียงหน้าบ้านหรือนอกชาน สำหรับ​ได้พักผ่อนก่อนเข้า​ไปข้างใน ฝาทำด้วยไม้ไผ่สานขัด​เป็นลายสอง หลังคามุงจาก ประตูทำด้วยไม้ไผ่ขัดเช่นกัน มีกรอบรอบบานประตู ​เขานำด้านหนึ่ง​ของขอบบานประตู​ไปผูก​กับเสาสำหรับเปิดปิด ภายในมีแม่ไฟ​และผลาสำหรับวางสิ่ง​ใช้​และเครื่องครัวเรือน ​ซึ่งแม่ไฟทำด้วยไม้หมาก​และไม้ไผ่​เป็นลักษณะของเครื่องเรือน 3 ชั้น ​แต่ละชั้นต่างกัน ชั้นแรกมี​ความยาวเท่า​กับผลา ​คือมีไม้ไผ่​เป็นเสาแปดต้น มี​ความกว้าง 1 เมตร ยาว 3 เมตร ด้านยาวมีเสาด้านละ 4 ต้น รวม 8 ต้น ชั้นล่างมี 3 ช่องเลือก​เอาช่องหนึ่ง​ปูพื้นด้วยสาดเสื่อหรือต้อกาบหมาก ให้หนาสำหรับนำดิน​ไปใส่ให้เสมอ​กับขอบรอบ ๆ​ สำหรับวางก้อนเส้าจำนวน 3 ก้อน ให้อยู่​ในลักษณะ สาม เหลี่ยม ​ซึ่ง​สามารถวางหม้อ กะทะ สำหรับปรุงอาหาร ​และก่อไฟ ตรงกลาง​ระหว่างก้อนเส้า​ทั้งสาม ​เพื่อ หุง ปิ้ง ต้ม แกง บวช อาหารตามปรารถนา นิยมเรียกว่าแม่ไฟ
ชั้น​ที่สองในสามช่องของคานตารางไม้ไผ่ ปูด้วยฟากไม้ไผ่ยาวตลอด ผูกด้วยเชือกหวายยึดให้ติดไม้คาน​ที่วางทางด้านขวาง​เพื่อผูกยึดให้ติดกัน ​ใช้สำหรับวางของ เครื่องครัวเครื่อง​ใช้ ​เมื่อก่อไฟ ควันไฟก็​ไปอังหรือรมให้มันแห้งด้วย​ความร้อนของไฟ ชั้นบนสุดเปรียบเหมือนฝาด้านบนก็เรียบด้วยไม้ไผ่ฟาก ​ใช้สำหรับวางอุปกรณ์ต่าง เช่น นาง กระด้ง กะเชอ ชิง กระบอกใส่เกลือ กระบอกใส่ปลาเค็ม กระบอกใส่กะปิ กระบอกใส่ยาสูบ กระบอกใส่มะขามเปียก ฯลฯ ​เป็นการตาก เก็บรักษา​และถนอมอาหารไว้​ได้​เป็นอย่างดี

ควันไฟเกิดจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง​ระหว่างก้อนเส้า​ทั้งสามลอยผ่านผลาชั้น​ที่ 1 ​และ 2 ขึ้น​สู่หลังคา​และลอยออกสู่ชั้นของอากาศ มีเพียงน้อยนิด จึงไม่​สามารถทำให้ชั้นของบรรยากาศเสีย​ได้ในขณะนั้น​ ​แต่ตรงข้าม​กับปัจจุบัน ควันจากครัวเรือน โรงงาน​และการเผาทำลายป่า ​และการเผาไหม้ไม่หมดของเครื่องจักร เช่นรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ​และโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ​ ดังเช่น​ที่มาบตะพุด โรงงานกลั่นน้ำมัน ฯลฯ บนผลาจึง​เป็นสถาน​ที่เก็บรักษา​และถนอมอาหาร เช่นเดียว​กับห้องเก็บของในปัจจุบัน

เสียงกระแสน้ำ​ที่ตกลงจากภูเขา ​และกระแสน้ำ​ที่ไหลเชี่ยวกราก เฉพาะพื้น​ที่ลาดชันกระแสน้ำกระทบก้อนหินแตกซ่านกระเซ็น​เป็นฝอยเสียงดังสนั่น น่าหวาดกลัว มันดังกึกก้องอยู่​ใน​ความทรงจำของอรทัยมิรู้ลืม ​แม้​แต่ปัจจุบัน​ถ้านึกถึงน้ำตกแล้ว​ ภาพ​และเสียงน้ำตก น้ำไหล ​จะดังกึกก้องประดุจ​กำลังเดินชมน้ำตกอยู่​จริง ๆ​

หลังจากรับประทานอาหารเย็นแล้ว​ ฝนก็ตกลงมา ทันใดนั้น​ในเวลาประมาณ 10 นาทีจากฝนเริ่มตก เสียงน้ำดังสะเทือนกึกก้องกว่าตอนกลางวัน หลายเท่านัก มีน้ำไหลลงมาจากภูเขาเต็ม​ไปทั่วบริเวณมีน้ำ​เป็นสีชาเหมือนสีของดินแดง น้ำไหลเชี่ยวมาก มีต้นไม้เศษไม้ไหลติดมาด้วย ​แต่​ที่บ้านของลุงทอง​ซึ่งอยู่​บนเนินสูงน้ำไม่​สามารถท่วมถึง​ได้

หลังจากนั้น​เงาดำทะมึนของราตรีก็คืบคลานเข้ามาปกคลุมทั่วป่า​เขา วิเวกวังเวงด้วยเสียงน้ำเสียงสัตว์เงียบหาย​ไป​เพราะฝนตก ​ถ้า​เป็นคืนปกติฝนไม่ตกลุงทองบอกว่าเสียงสัตว์สนุกสนานดังก้องป่า ดุจเสียงดนตรีจากสวรรค์บรรเลงกล่อมนอนให้ทุกคนหลับ​ไป​พร้อม​กับ​ความเหน็ดเหนื่อย อ่อนล้า ​และราตรีประพรม​ความสุขสดชื่นให้ทั่วถ้วนทุกท่านด้วย​ความ​เป็นธรรม ​และตามสิทธิเสรีภาพอันสูงส่ง

ภายในบริเวณนั้น​ ยามราตรีนั้น​มืดครึ้ม ​แม้​จะมีแสงจันทร์ส่องลอดลงมาบ้างก็ตาม อรทัย​สามารถมองเห็นลำน้ำ ลำคลอง​ได้อย่างสนุกสนาน มีแสงแวววาวระยิบระยับสลับกันตลอดเวลา ​เพราะกระแสน้ำ​และโขดหิน ​ที่สูงพ้นจากน้ำเล็กน้อย​และจมน้ำสลับกันตามแรงกระแสน้ำ​ที่โล้พาย​ไปมาตามแรงกระแทก​และแรงกระทบของฝั่ง​และตัวมันเอง

อรทัยมี​ความสุขเหลือเกิน ไม่มี​ความสุขใด​จะเทียบ​ได้ ค่อนคืน เธอหลับ​ไปด้วย​ความอ่อนเพลีย ด้วย​ต้อง​ใช้พลังอย่างมหาศาลในการเดินทางลงควนขึ้น​ห้วย ข้าม​เขา หลายครั้งจนกว่า​จะถึงน้ำตก​ได้

อรทัยตื่นขึ้น​มาหลังจาก​ที่เธอ​ได้หลับลึกหลับสนิท​ไปนานแสนนานจนเกือบหมดราตรี จนใกล้สว่าง เธอ​ได้ยินเสียงนก นานาชนิด เสียงกา เสียงชะนี เสียงค่าง ดังฟังชัดเจน ​เป็น​ที่ประทับใจของอรทัยมาก ​พร้อมด้วยเสียงหรีดหริ่งเรไรระงมก้องทั่วท้องพงไพร

รุ่งเช้า​อากาศค่อนข้างหนาวเหลือเกิน อรทัย​ต้อง​ใช้ผ้าห่มห่มไว้มิ​ได้เก็บเหมือนเช่นท่านผู้อื่น นกบินว่อน หลากหลายสีทำให้เธอมี​ความสุขยิ่งนัก ยาก​ที่​จะหาดู​ได้​ที่ใด ตลอดชีวิตของเธอไม่มีโอกาส​ที่​จะ​ได้ชมภาพอันวิจิตรพิสดารเหมือนครั้งนี้อีกคงไม่มี เด็กในปัจจุบันก็ไม่​สามารถ​จะ​ได้พบเห็น ​แม้​แต่​ที่จังหวัดชัยนาท ​ซึ่งมีการเลี้ยงสัตว์ปีก​ที่ใหญ่​ที่สุดในประเทศไทย​และในเอเชีย ก็ไม่​สามารถเปรียบเท่ากัน​ได้ ใน​ความ​เป็นธรรมชาติ ​ความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ​ถ้าในสมัยนั้น​มีกล้องถ่ายรูป กล้องวีดิโอ เช่นปัจจุบันนี้ ภาพเหล่านั้น​​จะ​ได้เผยแพร่​ไปทั่วโลก ภาพเหล่านี้มันตรึงแน่นใน​ความทรงจำของอรทัย ​และทุกคน​ที่​ได้​ไปพบเห็น ทุกคนสุดภาพภูมิใจ

รับประทานอาหารเช้า​ด้วยข้าวสุกแกงส้ม​กับปลา​ที่หา​ได้จากลำน้ำตก รสชาติอร่อย ​พร้อมน้ำพริก ​แม้​จะเผ็ด​ไปบ้าง มีผักเหนาะหลายชนิด​ที่คัดสรรจากธรรมชาติ​ใช้จิ้มแล้ว​ใสจานหรือหย่อนใสปากกิน​กับข้าว ขณะนั้น​ยังไม่มีช้อนเช่นในปัจจุบัน ทุกคนทานข้าวด้วยมือ ​ที่ทำ​ความสะอาดแล้ว​ เรียกว่า เปิบ ​ถ้ามีของหวาน​ที่​เป็นน้ำ เช่น กล้วยบวชชี ก็​จะ​ใช้ถ้วยซด ถ้วยทำด้วยกะลาซีก​ที่ไม่มีรู ซีก​ที่​เป็น​ส่วนก้นของผลมะพร้าว ​ใช้กิ่งไม้แทนตะเกรียบ บางครั้ง​ใช้ใบสัปปะรด แทนช้อนโต๊ะในปัจจุบัน

การต้มหัวมัน กินหัวกลอย ​กับข้าวเหนียว ​ซึ่ง​ได้ผ่านกรรมวิธี​ที่แสนยากลำบากกว่า​จะ​ได้กินมัน ปกติหัวกลอยนั้น​เมามาก ​ถ้ากิน​โดยไม่ทำให้ถูก​ต้องตามกรรมวิธีของมัน ​คือแช่น้ำลอยไว้กลางแม่น้ำ 3 วันก่อน​จะนำมาหุง​กับข้าวเหนียว

ตอนสายลุงทองนำคณะของเราหลีกเลี่ยงจากลำธาร​และน้ำตกขึ้น​​ไปบนภูเขา มีต้นไม้โตสูง ยืนต้นตระหง่าน ข้างล่างบนพื้นมีไม้เล็ก ๆ​ ขึ้น​ไม่หนาแน่น พื้นดินชื้นมีน้ำไหลซิก ซิก ดังอยู่​รอบ ๆ​ ​ที่เดินขึ้น​​ไป ​และลุงทองบอกว่ามัน​เป็นอยู่​อย่างนี้ตลอด​ทั้งวัน​และคืน ​เพราะน้ำมันไหลมาจากรากไม้ทุกต้น ไหลมารวมกัน​เป็นลำธารเล็ก ๆ​ แล้ว​รวมกัน​เป็นลำธารใหญ่แล้ว​กลาย​เป็นห้วย คลอง ลำธาร หนอง บึงใน​ที่สุด

ขณะ ย่างเท้าลงพื้นดินในป่าเหมือน​กำลังเดินอยู่​ใน​ที่ลุ่มมีน้ำ​และดินเหลวขึ้น​มา​ระหว่างนิ้วเท้า ดินอุ้มน้ำเกือบจมหลังเท้า บางแอ่งมีน้ำขัง​และล้นไหลจ๊อก ๆ​ สู่เบื้องล่าง ด้วย​ความสดชื่น พวกเรา​ได้พบผลไม้ชนิดหนึ่ง​ ​ซึ่งแตกตกอยู่​เรี่ยราดเช่นเดียว​กับลูกยางพารา

ผลไม้ชนิดนี้มันแตกระเบิดทำให้เมล็ดแตกกระจายเช่นเดียว​กับผลยางพารา มีแตกผลกระจาย​ไปทั่ว ​และกระเด็นไกล​ไปจากต้นยางพารา ผลของยางพารามีลักษณะกลม ​แต่ผลของผลไม้นี้มีลักษณะยาวรี​และมน ผลยาวประมาณ 2 -- 3 เซนติเมตร เรียกว่า ลูกประ ชาวบ้านนำผลประมาต้มกิน​กับมะพร้าวขูด​เป็นฝอยผสมเกลือ​และน้ำตาล

เสียงชะนีก้องสนั่นป้า เห็นชะนีห้อยโหน​ไปมาตามกิ่งไม้ บางครั้งเห็นเก้ง เห็นกวาง มีนกตัวโตให้เห็นมากมาย​ ​และหลากสี นกตัวโตปากใหญ่ สีขาวก็มีเยอะ

ทันใดนั้น​ เสียงดังกึกก้องมาจากทางด้านภูเขา ทำให้เธอตกใจ เสียงดังใกล้เข้ามา ​และดังใกล้เข้ามา ดังจนน่ากลัว ​และผ่านพ้น​ไปในพริบตา ​เป็นเสียงของฝูงค้างคาวขนาดใหญ่
​เมื่อกลับมาบ้าน อรทัยยังจำภาพในถิ่นแดนภูเขา​ได้เสมอ เธอนึกถึงอยู่​เสมอ ​ความสุขปิติ ยังตราตรึงมิเว้นวาย ​แม้ปัจจุบัน ถึง​แม้ป่า​จะถูกแผ้วถางหมดสิ้น​ไปแล้ว​ก็ตาม มนุษย์เรา​จะ​ต้องผจญ​กับ​ความแห้งแล้ง ​และ​ความผันแปรของธรรมชาติ ธรรมชาติทำร้ายมนุษย์ ​เพราะมนุษย์ทำร้ายธรรมชาติก่อนก็​เป็น​ความยุติธรรมแล้ว​

อรทัยอยากเห็นบริเวณน้ำตก บริเวณภูเขามีป่าปกคลุมมีน้ำอุดมสมบูรณ์เหมือนสมัยก่อนนั้น​ ผู้อ่านพอ​จะช่วยให้เธอคลาย​ความกังวล​ได้บ้างหรือไม่
...​...​...​...​...​...​...​..

 

F a c t   C a r d
Article ID A-3787 Article's Rate 0 votes
ชื่อเรื่อง ความหลัง...ยังตรึง
ผู้แต่ง เปิดฟ้า ก้องหล้า
ตีพิมพ์เมื่อ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๘
ตีพิมพ์ในคอลัมน์ เรื่องสั้น
จำนวนผู้เปิดอ่าน ๖๗ ครั้ง
จำนวนความเห็น ๑ ความเห็น
จำนวนดอกไม้รวม
| | | |
เชิญโหวตให้เรตติ้งดอกไม้แก่ข้อเขียนนี้  
R e a d e r ' s   C o m m e n t
ความเห็นที่ ๑ : ศาลานกน้อย [C-19286 ], [000.000.000.000]
เมื่อวันที่ : 24 ก.ย. 2558, 22.37 น.

ผู้อ่าน​ที่รัก,

นิตยสารรายสะดวก​ ​และผู้เขียนยินดีรับฟัง​ความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดง​ความเห็น​ได้​โดยอิสระ ขอขอบคุณ​และรู้สึก​เป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมี​ส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...​

แจ้งลบข้อความ


สั่งให้ระบบส่งเมลแจ้งการเพิ่มเติมความเห็น
 ศาลานกน้อย พร้อมบริการเสมอ และยินดีรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกท่าน  ติดต่อเว็บมาสเตอร์ได้ทางคอลัมน์ คุยกับลุงเปี๊ยก หรือทางอีเมลได้ที่ uncle-piak@noknoi.com  พัฒนาระบบ : ธีรพงษ์ สุทธิวราภิรักษ์  โลโกนกน้อย : สุชา สนิทวงศ์  ภาพดอกไม้ในนกแชท : ณัฐพร บุญประภา  ลิขสิทธิ์งานเขียนในนิตยสารรายสะดวก เป็นของผู้เขียนเรื่องนั้น  ข้อความที่โพสบนเว็บไซต์แห่งนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้โพสทั้งสิ้น