![]() |
![]() |
เปิดฟ้า ก้องหล้า![]() |
...ความหลัง...ยังตรึง บริเวณน้ำตกอันร่มเย็นในสมัยก่อนนั้น สูญหายไปหมด เมื่ออรทัยได้เข้ารับราชการเป็นเจ้า...
ความหลัง...ยังตรึงบริเวณน้ำตกอันร่มเย็นในสมัยก่อนนั้น สูญหายไปหมด เมื่ออรทัยได้เข้ารับราชการเป็นเจ้าหน้าที่ประจำอำเภอแห่งหนึ่ง เธอได้กลับไปที่น้ำตกนั้นอีกครั้ง
"เสียดายจัง ป่าหายไปหมดแล้ว ทำไมจึงไม่มีคนห้ามปราม ถ้าถางป่าถึงเชิงเขาแล้ว ต่อไปเราจะต้องอดน้ำแน่นอน คงจะไม่เกิน 5 ปีหรือ 10 ปี"
เมื่อสมัยก่อนอรทัยมาอาบน้ำตกกับเพื่อนและญาติ อย่างสนุกสนาน อย่างเต็มอิ่มด้วยร่มเงาที่ร่มเย็นสดชื่นเป็นจำนวนมาก มีป่าล้อมรอบ แต่มาวันนี้ มีหินวางเป็นแถวเกะกะไปทั่ว พื้นที่โดยรอบแอ่งน้ำกลายเป็นป่ายางพาราต้นเล็ก ๆ เต็มไปหมด"
เมื่อสมัยก่อนเธอเล่นน้ำมีร่มเงาไม้บังเป็นร่มกั้นให้ได้รับความสดชื่น แต่ปัจจุบัน ถ้าลงเล่นน้ำกลางวัน ก็เหมือนนั่งอยู่ในอ่างน้ำร้อน หมดความสนุก การท่องเที่ยวก็ลดลง ไม่มีใครเขาอยากจะกลับไปเที่ยวอีก เพียงครั้งเดียวที่พบเห็น เขาก็กล่าวคำอำลา โดยไม่เหลียวหน้ากลับมาอีก
สมัยก่อนเมื่อเธอยังมีอายุน้อย กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น เธอได้ไปเที่ยวน้ำตกแห่งนี้กับคุณพ่อ พี่ชาย และญาติอีกหลายคน คณะของเธอได้ไปพักอยู่ที่บ้านของญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง สมัยก่อนนั้นยังไม่มีรถยนต์ประจำทาง มีแต่เกวียน และคนเดินเท้าเท่านั้น
คณะของอรทัยประกอบด้วย พ่อ พี่ ลุง น้า อา และเพื่อน ๆ เริ่มเคลื่อนขบวนแต่เช้าไปถึงบ้านบริเวณน้ำตก ตอนบ่าย เดินทางผ่านป่าไม้ร่มเย็นสบาย พงไพรต้อนรับคณะของเธอด้วยความฉ่ำเย็น ผสมเสียงดนตรีแห่งไพร ประสานเสียงสุดไพเราะจับใจ เช่น เสียงเรไร เสียงนก เสียงชะนี และเสียงสัตว์ชนิดอื่น ๆ ที่เธอเองไม่สามารถบอกได้ว่า เป็นเสียงของสัตว์ใด รูปร่างมีอย่างไร เธอไม่สามารถจะบอก เพียงแต่ สร้างจินตนาการถึงลักษณะของความฝันเหล่านั้นไว้ได้
ระหว่างทางนั้นมีเสียงดนตรีแห่งพงไพรกล่อมให้สดชื่น มีกำลังใจ เธอมีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง หัวใจ ก็สั่นพลั่นพรึงด้วยเกรงว่าจะไปพบสัตว์เจ้าของเสียงเหล่านั้น ถ้าเป็นสัตว์ตัวใหญ่ที่น่ากลัวและมีอันตราย ก็คิดว่าจะหลบหนีก็คงกระทำได้ยาก เพราะป่ารกชัฏนั้นเราไม่สามารถที่จะเข้าไปได้ แต่สัตว์เหล่านั้นมันสามารถไปได้ทุกที่
กลุ่มของเราเดินมาสักระยะหนึ่ง อรทัยจะแวะเข้าไปข้างทาง เมื่อเห็นดอกไม้สีสวย เธอเก็บดอกไม้มาดอกหนึ่ง เธอเห็นว่าภายในป่าก็ยังมีเป็นที่โล่ง ที่เราสามารถเข้าไปเดินหรือทำกิจกรรมได้เช่นกัน มิใช่มีสิทธิเฉพาะสัตว์เท่านั้น บางพื้นที่เป็นป่าทึบ บางพื้นที่เป็นป่าโปร่ง เกิดจากสภาพของพื้นที่ จึงทำให้สภาพของป่าไม่เหมือนกัน
เมื่ออรทัยออกมาเดินในทางเดิม เดินไปได้สักระยะหนึ่ง เธอรู้สึกคัน ๆ ที่เท้า เธอจึงก้มไปดูเธอเห็นสัตว์ชนิดหนึ่ง ตัวยาวขนาด 3 -- 5 เซนติเมตร ปากของมันติดอยู่ที่ผิวหนัง ส่วนที่ห้อยลงไปเป็นส่วนท้ายหรือก้นของมันมีเลือดแดงหยดลงไปเป็นสีแดงที่พื้น มันเป็นตัวทาก ซึ่งดูดเลือดของเธอ จนอิ่มท้องและหยดลงพื้นเป็นการถ่ายไปเรื่อยเมื่อกินอิ่ม ถ้าเธอไม่ทราบหรือไม่เห็นเสียก่อน ปล่อยไว้เป็นอย่างนี้เวลานาน ๆ ทากตัวนี้จะเป็นท่อยางที่ใช้ระบายน้ำออกจากปล่องหรือท่อขังน้ำ เช่นเดียวกัน ถ้าเป็นทากตัวโต หรือทากหลายตัว ถ้าผู้โดนกัดไม่รู้สึกตัวปล่อยไว้อาจจะทำให้เลือดของเธอหมดก็ได้ แล้วจะเสียชีวิต เป็นสิ่งที่ชาวเขา ชาวป่ากลัวกันมาก
อรทัยเลี้ยวเข้าไป เก็บดอกไม้อีกครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้เธอไม่สามารถเข้าไปเด็ดดอกไม้ได้ เธอต้องถอยหลังออกมาในทางเดินที่กว้าง มีดินโล่งเตียนตามเดิม เพราะบนยอดหญ้าข้างทางนั้นมีตัวทาก มันใช้ส่วนหางหรือก้นจับติดกับใบหญ้าหรือใบไม้ มันชูตัวยืนส่ายหัวไปมาพร้อมที่จะดีดตัวเข้าใส่ ไม่ว่าสิ่งที่ผ่านมาจะเป็นสัตว์หรือมนุษย์ เพื่อดูดเลือดเป็นอาหาร ทำให้เธอสะอิดสะเอียนระคนความกลัวและคลื่นไส้
เมื่อเดินผ่านสายคลองที่ไหลผ่านทาง เราต้องเดินลงในลำคลอง ซึ่งมีก้อนหินตะปุ่มตะป่ำ เล็กบ้างใหญ่บ้าง มีขนาดตั้งแต่เท่านิ้วก้อยจนถึงเท่ากำปั้นหรือโตกว่านี้ตามขนาดของมัน หินทุกก้อนมีลักษณะผิวกลมเรียบ เห็นได้ชัดเจนในก้นคลองท่ามกลางสายน้ำที่ใสแจ๋ว และเย็นเจี๊ยบ คนนิยมเลือกหินก้อนกลมแบนมนที่พอเหมาะกับมือนำไปใช้เป็นหินถูเหงื่อไคล เลือกเฉพาะก้อนที่มีผิวระคายบ้าง ชาวบ้านมักเรียกมันว่าหินคางคก มีกระแสน้ำเป็นผู้ผลิตหินเหล่านั้นโดยแรงกระชากกระทบกันหลายครั้งตลอดระยะทางที่ผ่านมา
เมื่อถึงคลองทุกคนก็ใช้มือช้อนน้ำขึ้นดื่มด้วยอุ้งมือทั้งสองประสานกันจนอิ่ม ล้างหน้าล้างตา ผู้ชายก็กวักน้ำมาราดส่วนบนของร่างกาย ทำให้ผิวสดชื่นเพื่อคลายความร้อน หายเหนื่อยดังปลิดทิ้ง
ลำคลองก็ลึกพอสมควร น้ำในคลองมีความลึกประมาณ 30 -- 70 เซนติเมตร ส่วนที่เป็นฝั่งตรงกับลำน้ำเลี้ยวเกิดแรงกระแทกทำให้ร่องน้ำลึกด้านหนึ่ง ฝั่งตรงข้ามน้ำจะตื้นหรือเป็นทรายทำให้ทางน้ำแคบเข้าและมีไหลแรงจนเชียวกราก เสริมกับเป็นพื้นที่เชิงเขาทำให้น้ำไหลลงสู่ที่ต่ำแรงกว่าพื้นที่ธรรมดา
พอเดินเลยมาถึงที่ราบมีป่ารก ได้ยินเสียง วุ่ม ๆ ป่าไม้ไหวสั่นด้วยแรงของสัตว์อย่างใดอย่างหนึ่งกำลังเคลื่อนไหวเหมือนวิ่งหนีด้วยความกลัว เห็นไม้ล้มเป็นทางห่างออกไปพร้อมกับเสียงกระทบของกิ่งไม้ กับน้ำหนักของสัตว์บางอย่าง
" ดูซิตัวมันใหญ่เหลือเกิน " อรทัยเห็นแล้วตกใจกลัว
"อย่าส่งเสียงดัง" พ่อเตือนอรทัย
" มันเป็นงูตัวโตสีขาว ตัวใหญ่จังงูอะไรหรือ" อรทัยถามด้วยกระวนกระวาน
" งูจงอางลูก"
" ทำไมตัวของมันขนาดเท่าต้นตาลเลยหรือนี่ มันมีอายุมากไหม"
"มันคงมีอายุมากจึงได้โตอย่างนี้"
"งูจงอางมันกำลังเลื้อยกลับไปที่อยู่ของมันหลังจากมันดื่มน้ำเสร็จแล้ว แต่มันตกใจพวกเรา จึงเลื้อยด้วยความกลัว จึงมีเสียงดังสะท้านป่าไงละ"
" งูนี้น่ากลัวมากลูก มันกินสัตว์เป็น ๆ อาหาร มันกินหนู กินกระต่าย กินแมว กินสุนัข กินกวาง ฯลฯ "
"วิธีการกินของมันก็แปลกแตกต่างไปจากพวกสัตว์อื่น ๆ คือ มันดักจับสัตว์กินเป็นอาหาร มันรัดบีบให้สัตว์ที่จับได้เสียชีวิตแล้วกลืนเป็นอาหาร"
" งูบางชนิดมันใช้หัวและหางของมันพันกับต้นไม้สองข้างทางที่สัตว์เดินทางผ่านไปมา ประจำ มันจะแฝงร่างของมันอยู่บนยอดไม้เหนือทางเดินของสัตว์เหล่านั้น มันคอยเฝ้าระวัง เมื่อสัตว์เดินผ่านมา มันจะทิ้งลำตัวของมันที่ขดไว้พร้อมหัวและหางของมันเข้าพันรอบกายสัตว์และบีบรัดจนสัตว์ตาย และกลืนกินเป็นอาหาร บางครั้งคนก็ยังถูกมันรัดและกินเป็นอาหารก็มีมาแล้ว
"พ่อคะ งูนี้มันแปลกมาก คือ ตัวมันเล็กแต่มันสามารถกินสัตว์ที่ตัวโตกว่าตัวมันหลายเท่าได้" อรทัยถามด้วยความสงสัย
"เป็นธรรมดาของมันลูก เพราะงูนั้นปากของมันสามารถขยายกว้างได้ เพราะปากมันไม่มีขากรรไกร ถ้าสัตว์ตัวใดมีขากรรไกร ความกว้างของปาก จะถูกจำกัดไว้ด้วยระบบสรีระของมัน เช่นเดียวกัน งูจงอางสามารถวิดน้ำและกินปลาได้แปลกมาก
" กลับมาก่อน มาดูของประหลาด เร็ว ๆ เข้า" น้าของอรทัยเหลือบไปเห็นรอยทรายลึกเป็นรอยบุ๋มจากประสบการณ์ ทำให้น้าของอรทัยทราบได้ทันทีว่ามีอะไรอยู่ เธอถึงก่อนเห็นรอยทรายแล้ว ก็ทราบทันทีว่าน้าชายต้องการให้พวกเราได้เห็นของแปลก ๆ"
น้าของอรทัยใช้ไม้แหย่ลงไปเหนือบริเวณที่ทรายยุบตัว เธอได้ยินเสียงไม้ที่น้าแหย่ลงไปกระทบกับวัสดุแข็ง พวกเราต่างสงสัยเป็นอย่างมาก ไม่กล้าพูดอะไรมากนัก กลัวจะเกิดเรื่องแปลก ๆ เช่น เมื่อน้าใช้มือขูดทรายจากผิวดินลึกประมาณ 1 คืบแล้วท่านใช้มือกอบโกยทรายออกทิ้งไป น้าพบอะไรก็ไม่ทราบแผ่นหนา ๆ แข็งมาก เมื่อกวาดทรายออกหมด น้าใช้มือดึงขอบของมันขึ้นมาปรากฏว่า คล้ายกระดานแผ่นใหญ่มีเส้นคู่ขีดลึกเป็นร่องตารางหกเหลี่ยมเนื้อที่ประมาณ 1 ตารางเมตร น้าพยายามดึงขึ้นมามันไม่ขยับเขยื้อน พ่อจึงลงไปช่วยยก ญาติอีกสองคนลงไปช่วยกันยก ทันใดเขาก็สามารถยกมันขึ้นมาได้ ทุกสายตาเห็นพร้อมกันว่าเป็น
" โอ้ โอ เต่านั้นเอง" อรทัยอุทานด้วยความประหลาดใจแกมดีใจ
"เราเอาไปแบ่งกันขายคงจะได้หลายเงิน" ญาติคนหนึ่งแสดงความคิดเห็น
" เราไม่ควรฆ่ามัน กว่ามันจะโตได้ขนาดนี้ คงผ่านเวลามายาวแสนยาว นานแสนนาน
เราควรปล่อยเขาไว้ อนุชน ประชาชนจะได้ดูและเรียนรู้ธรรมชาติชีวิตของเขา ปล่อยเขาเถอะ" น้าพูด
"รีบไปกันเถอะมันใกล้จะค่ำอยู่แล้ว" ใครคนหนึ่งในกลุ่มเร่ง
" มิใช่จะค่ำเวลามีอีกเยอะ แต่ในกลางป่าอย่างนี้ไม่คอยเห็นตะวัน ภูเขา และต้นไม้ บังแสงตะวันไว้ บางครั้งเมฆฝนก็ตั้งเค้าตกเอาง่าย ๆ" พ่อของอรทัยอธิบาย
เมื่อถึงบ้านของลุงทอง ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านอยู่บนเนินสูง ใกล้ ๆ บ้านเป็นกระท่อมหรือหนำเป็นอาคารสองชั้น ชั้นล่างโปร่งไม่มีฝาสูงประมาณ 3 เมตร เสาเป็นไม้กลมยาวมากสามารถสร้างเป็นอาคารชั้นล่างสูงได้ เพื่อความสะดวกในการดูแลรักษาความปลอดภัยและการพักผ่อนทั้งเป็นเรือนรับรองอีกด้วย เสามี 12 ต้นเป็นสี่ห้องและมีเฉลียงหน้าบ้านหรือนอกชาน สำหรับได้พักผ่อนก่อนเข้าไปข้างใน ฝาทำด้วยไม้ไผ่สานขัดเป็นลายสอง หลังคามุงจาก ประตูทำด้วยไม้ไผ่ขัดเช่นกัน มีกรอบรอบบานประตู เขานำด้านหนึ่งของขอบบานประตูไปผูกกับเสาสำหรับเปิดปิด ภายในมีแม่ไฟและผลาสำหรับวางสิ่งใช้และเครื่องครัวเรือน ซึ่งแม่ไฟทำด้วยไม้หมากและไม้ไผ่เป็นลักษณะของเครื่องเรือน 3 ชั้น แต่ละชั้นต่างกัน ชั้นแรกมีความยาวเท่ากับผลา คือมีไม้ไผ่เป็นเสาแปดต้น มีความกว้าง 1 เมตร ยาว 3 เมตร ด้านยาวมีเสาด้านละ 4 ต้น รวม 8 ต้น ชั้นล่างมี 3 ช่องเลือกเอาช่องหนึ่งปูพื้นด้วยสาดเสื่อหรือต้อกาบหมาก ให้หนาสำหรับนำดินไปใส่ให้เสมอกับขอบรอบ ๆ สำหรับวางก้อนเส้าจำนวน 3 ก้อน ให้อยู่ในลักษณะ สาม เหลี่ยม ซึ่งสามารถวางหม้อ กะทะ สำหรับปรุงอาหาร และก่อไฟ ตรงกลางระหว่างก้อนเส้าทั้งสาม เพื่อ หุง ปิ้ง ต้ม แกง บวช อาหารตามปรารถนา นิยมเรียกว่าแม่ไฟ
ชั้นที่สองในสามช่องของคานตารางไม้ไผ่ ปูด้วยฟากไม้ไผ่ยาวตลอด ผูกด้วยเชือกหวายยึดให้ติดไม้คานที่วางทางด้านขวางเพื่อผูกยึดให้ติดกัน ใช้สำหรับวางของ เครื่องครัวเครื่องใช้ เมื่อก่อไฟ ควันไฟก็ไปอังหรือรมให้มันแห้งด้วยความร้อนของไฟ ชั้นบนสุดเปรียบเหมือนฝาด้านบนก็เรียบด้วยไม้ไผ่ฟาก ใช้สำหรับวางอุปกรณ์ต่าง เช่น นาง กระด้ง กะเชอ ชิง กระบอกใส่เกลือ กระบอกใส่ปลาเค็ม กระบอกใส่กะปิ กระบอกใส่ยาสูบ กระบอกใส่มะขามเปียก ฯลฯ เป็นการตาก เก็บรักษาและถนอมอาหารไว้ได้เป็นอย่างดี
ควันไฟเกิดจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงระหว่างก้อนเส้าทั้งสามลอยผ่านผลาชั้นที่ 1 และ 2 ขึ้นสู่หลังคาและลอยออกสู่ชั้นของอากาศ มีเพียงน้อยนิด จึงไม่สามารถทำให้ชั้นของบรรยากาศเสียได้ในขณะนั้น แต่ตรงข้ามกับปัจจุบัน ควันจากครัวเรือน โรงงานและการเผาทำลายป่า และการเผาไหม้ไม่หมดของเครื่องจักร เช่นรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ดังเช่นที่มาบตะพุด โรงงานกลั่นน้ำมัน ฯลฯ บนผลาจึงเป็นสถานที่เก็บรักษาและถนอมอาหาร เช่นเดียวกับห้องเก็บของในปัจจุบัน
เสียงกระแสน้ำที่ตกลงจากภูเขา และกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกราก เฉพาะพื้นที่ลาดชันกระแสน้ำกระทบก้อนหินแตกซ่านกระเซ็นเป็นฝอยเสียงดังสนั่น น่าหวาดกลัว มันดังกึกก้องอยู่ในความทรงจำของอรทัยมิรู้ลืม แม้แต่ปัจจุบันถ้านึกถึงน้ำตกแล้ว ภาพและเสียงน้ำตก น้ำไหล จะดังกึกก้องประดุจกำลังเดินชมน้ำตกอยู่จริง ๆ
หลังจากรับประทานอาหารเย็นแล้ว ฝนก็ตกลงมา ทันใดนั้นในเวลาประมาณ 10 นาทีจากฝนเริ่มตก เสียงน้ำดังสะเทือนกึกก้องกว่าตอนกลางวัน หลายเท่านัก มีน้ำไหลลงมาจากภูเขาเต็มไปทั่วบริเวณมีน้ำเป็นสีชาเหมือนสีของดินแดง น้ำไหลเชี่ยวมาก มีต้นไม้เศษไม้ไหลติดมาด้วย แต่ที่บ้านของลุงทองซึ่งอยู่บนเนินสูงน้ำไม่สามารถท่วมถึงได้
หลังจากนั้นเงาดำทะมึนของราตรีก็คืบคลานเข้ามาปกคลุมทั่วป่าเขา วิเวกวังเวงด้วยเสียงน้ำเสียงสัตว์เงียบหายไปเพราะฝนตก ถ้าเป็นคืนปกติฝนไม่ตกลุงทองบอกว่าเสียงสัตว์สนุกสนานดังก้องป่า ดุจเสียงดนตรีจากสวรรค์บรรเลงกล่อมนอนให้ทุกคนหลับไปพร้อมกับความเหน็ดเหนื่อย อ่อนล้า และราตรีประพรมความสุขสดชื่นให้ทั่วถ้วนทุกท่านด้วยความเป็นธรรม และตามสิทธิเสรีภาพอันสูงส่ง
ภายในบริเวณนั้น ยามราตรีนั้นมืดครึ้ม แม้จะมีแสงจันทร์ส่องลอดลงมาบ้างก็ตาม อรทัยสามารถมองเห็นลำน้ำ ลำคลองได้อย่างสนุกสนาน มีแสงแวววาวระยิบระยับสลับกันตลอดเวลา เพราะกระแสน้ำและโขดหิน ที่สูงพ้นจากน้ำเล็กน้อยและจมน้ำสลับกันตามแรงกระแสน้ำที่โล้พายไปมาตามแรงกระแทกและแรงกระทบของฝั่งและตัวมันเอง
อรทัยมีความสุขเหลือเกิน ไม่มีความสุขใดจะเทียบได้ ค่อนคืน เธอหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ด้วยต้องใช้พลังอย่างมหาศาลในการเดินทางลงควนขึ้นห้วย ข้ามเขา หลายครั้งจนกว่าจะถึงน้ำตกได้
อรทัยตื่นขึ้นมาหลังจากที่เธอได้หลับลึกหลับสนิทไปนานแสนนานจนเกือบหมดราตรี จนใกล้สว่าง เธอได้ยินเสียงนก นานาชนิด เสียงกา เสียงชะนี เสียงค่าง ดังฟังชัดเจน เป็นที่ประทับใจของอรทัยมาก พร้อมด้วยเสียงหรีดหริ่งเรไรระงมก้องทั่วท้องพงไพร
รุ่งเช้าอากาศค่อนข้างหนาวเหลือเกิน อรทัยต้องใช้ผ้าห่มห่มไว้มิได้เก็บเหมือนเช่นท่านผู้อื่น นกบินว่อน หลากหลายสีทำให้เธอมีความสุขยิ่งนัก ยากที่จะหาดูได้ที่ใด ตลอดชีวิตของเธอไม่มีโอกาสที่จะได้ชมภาพอันวิจิตรพิสดารเหมือนครั้งนี้อีกคงไม่มี เด็กในปัจจุบันก็ไม่สามารถจะได้พบเห็น แม้แต่ที่จังหวัดชัยนาท ซึ่งมีการเลี้ยงสัตว์ปีกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและในเอเชีย ก็ไม่สามารถเปรียบเท่ากันได้ ในความเป็นธรรมชาติ ความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ถ้าในสมัยนั้นมีกล้องถ่ายรูป กล้องวีดิโอ เช่นปัจจุบันนี้ ภาพเหล่านั้นจะได้เผยแพร่ไปทั่วโลก ภาพเหล่านี้มันตรึงแน่นในความทรงจำของอรทัย และทุกคนที่ได้ไปพบเห็น ทุกคนสุดภาพภูมิใจ
รับประทานอาหารเช้าด้วยข้าวสุกแกงส้มกับปลาที่หาได้จากลำน้ำตก รสชาติอร่อย พร้อมน้ำพริก แม้จะเผ็ดไปบ้าง มีผักเหนาะหลายชนิดที่คัดสรรจากธรรมชาติใช้จิ้มแล้วใสจานหรือหย่อนใสปากกินกับข้าว ขณะนั้นยังไม่มีช้อนเช่นในปัจจุบัน ทุกคนทานข้าวด้วยมือ ที่ทำความสะอาดแล้ว เรียกว่า เปิบ ถ้ามีของหวานที่เป็นน้ำ เช่น กล้วยบวชชี ก็จะใช้ถ้วยซด ถ้วยทำด้วยกะลาซีกที่ไม่มีรู ซีกที่เป็นส่วนก้นของผลมะพร้าว ใช้กิ่งไม้แทนตะเกรียบ บางครั้งใช้ใบสัปปะรด แทนช้อนโต๊ะในปัจจุบัน
การต้มหัวมัน กินหัวกลอย กับข้าวเหนียว ซึ่งได้ผ่านกรรมวิธีที่แสนยากลำบากกว่าจะได้กินมัน ปกติหัวกลอยนั้นเมามาก ถ้ากินโดยไม่ทำให้ถูกต้องตามกรรมวิธีของมัน คือแช่น้ำลอยไว้กลางแม่น้ำ 3 วันก่อนจะนำมาหุงกับข้าวเหนียว
ตอนสายลุงทองนำคณะของเราหลีกเลี่ยงจากลำธารและน้ำตกขึ้นไปบนภูเขา มีต้นไม้โตสูง ยืนต้นตระหง่าน ข้างล่างบนพื้นมีไม้เล็ก ๆ ขึ้นไม่หนาแน่น พื้นดินชื้นมีน้ำไหลซิก ซิก ดังอยู่รอบ ๆ ที่เดินขึ้นไป และลุงทองบอกว่ามันเป็นอยู่อย่างนี้ตลอดทั้งวันและคืน เพราะน้ำมันไหลมาจากรากไม้ทุกต้น ไหลมารวมกันเป็นลำธารเล็ก ๆ แล้วรวมกันเป็นลำธารใหญ่แล้วกลายเป็นห้วย คลอง ลำธาร หนอง บึงในที่สุด
ขณะ ย่างเท้าลงพื้นดินในป่าเหมือนกำลังเดินอยู่ในที่ลุ่มมีน้ำและดินเหลวขึ้นมาระหว่างนิ้วเท้า ดินอุ้มน้ำเกือบจมหลังเท้า บางแอ่งมีน้ำขังและล้นไหลจ๊อก ๆ สู่เบื้องล่าง ด้วยความสดชื่น พวกเราได้พบผลไม้ชนิดหนึ่ง ซึ่งแตกตกอยู่เรี่ยราดเช่นเดียวกับลูกยางพารา
ผลไม้ชนิดนี้มันแตกระเบิดทำให้เมล็ดแตกกระจายเช่นเดียวกับผลยางพารา มีแตกผลกระจายไปทั่ว และกระเด็นไกลไปจากต้นยางพารา ผลของยางพารามีลักษณะกลม แต่ผลของผลไม้นี้มีลักษณะยาวรีและมน ผลยาวประมาณ 2 -- 3 เซนติเมตร เรียกว่า ลูกประ ชาวบ้านนำผลประมาต้มกินกับมะพร้าวขูดเป็นฝอยผสมเกลือและน้ำตาล
เสียงชะนีก้องสนั่นป้า เห็นชะนีห้อยโหนไปมาตามกิ่งไม้ บางครั้งเห็นเก้ง เห็นกวาง มีนกตัวโตให้เห็นมากมาย และหลากสี นกตัวโตปากใหญ่ สีขาวก็มีเยอะ
ทันใดนั้น เสียงดังกึกก้องมาจากทางด้านภูเขา ทำให้เธอตกใจ เสียงดังใกล้เข้ามา และดังใกล้เข้ามา ดังจนน่ากลัว และผ่านพ้นไปในพริบตา เป็นเสียงของฝูงค้างคาวขนาดใหญ่
เมื่อกลับมาบ้าน อรทัยยังจำภาพในถิ่นแดนภูเขาได้เสมอ เธอนึกถึงอยู่เสมอ ความสุขปิติ ยังตราตรึงมิเว้นวาย แม้ปัจจุบัน ถึงแม้ป่าจะถูกแผ้วถางหมดสิ้นไปแล้วก็ตาม มนุษย์เราจะต้องผจญกับความแห้งแล้ง และความผันแปรของธรรมชาติ ธรรมชาติทำร้ายมนุษย์ เพราะมนุษย์ทำร้ายธรรมชาติก่อนก็เป็นความยุติธรรมแล้ว
อรทัยอยากเห็นบริเวณน้ำตก บริเวณภูเขามีป่าปกคลุมมีน้ำอุดมสมบูรณ์เหมือนสมัยก่อนนั้น ผู้อ่านพอจะช่วยให้เธอคลายความกังวลได้บ้างหรือไม่
.......................
เมื่อวันที่ : 24 ก.ย. 2558, 22.37 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...