![]() |
![]() |
เปิดฟ้า ก้องหล้า![]() |
...ญาติของฉัน หน้าธนาคารนอกประตูมีม้านั่งอยู่ ผู้คนเดินผ่านไปมา หลังประตูด้านในเป็นสถานที่ติดต่อ ฝาก ถอน ผู้ยืมของธนาคาร ผุ้คนกำลังสาละวนอยู่กับเรื่องนี้...
ญาติของฉันหน้าธนาคารนอกประตูมีม้านั่งอยู่ ผู้คนเดินผ่านไปมา หลังประตูด้านในเป็นสถานที่ติดต่อ ฝาก ถอน ผู้ยืมของธนาคาร ผุ้คนกำลังสาละวนอยู่กับเรื่องนี้
ชายสองคนแต่งกายดีมีภาคภูมิกำลังเข้าไปในธนาคารเพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่ขอถอนเงินจำนวนหนึ่งล้านห้าแสนบาท เพื่อนำไปร่วมทุน ด้วยการจัดตั้งบริษัทเลี้ยงสัตว์ส่งออก ร่วมกับสามีและภรรยาคู่หนึ่งซึ่งนั่งอยู่นอกประตู ทั้งสองแต่งกายปอน ๆ แบบชาวบ้านธรรมดาทั่วไป สามียืนอยู่ใกล้ ๆ ภรรยา เธอดมยาดม บางครั้ง และใช้พัดด้ามจิ๋วพัดวีเพื่อคลายความร้อน ซึ่งข้างนอกไม่มีพัดลมใช้บริการ ถ้าเข้าไปข้างในก็มีแอร์เย็นสบาย
"คุณรออยู่นี้ก่อนนะ ผมสองคนจะเข้าไปติดต่อเบิกจ่ายเงินให้ จะได้รวดเร็วเข้า ไม่นานเราจะได้ไปซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อนำไปสร้างโรงงานและซื้อพันธ์สัตว์และอาหารก่อน" ชายร่างสูงสงบชุดผูกไทน์อย่างดีขี่รถเก่ง
"เจ้า จะรออยู่ที่นี้" เธอตอบรับ
"ปานนี้แล้วเวลามันล่วงเลยไปนานแสนนาน จ้ากเก้า
โมงเช้า นี่ก็จะเที่ยงวันอยู่แล้ว ก็ไม่เห็นสองคนนั้นเดินออกมาประตูออกมีทางเดียวเฉพาะด้านหน้าหรือเปล่า"
"เธอเข้าไปตามหน่อย ฉันร้อนเหลือเกิน หิวก็หิวแล้ว ท้องกำลังร้องจ้อก ๆ" ภรรยาใช้สามี
"จ้า"
สามีเข้าไปหาสองคนนั้นภายในธนาคารก็ไม่เห็นมี ถามเจ้าหน้าที่ ๆ ก็บอกว่า เขาเบิกถอนเงินไปนานแล้ว"จ้ากน้าที่บิดสามีของเธอ สามี่ใจคอไม่ดี เหงื่อเม็ดโตเริ่มแตก
"นี่เรากำลังโดนหลอกหรือนี่" สามีนึกถึงคำเตือนของญาติพี่น้องและเขาโดนภรรยาของตนด่าเสียหายหลายคน
"ระวังโดนหลอกนะ อย่าไปเชื่อพวกมัน มันพวกต้มตุ๋น" ญาติผู้น้อยังคงบ่นสั่งให้ฟัง
"พี่น้องเราเป็นอย่างนี้แหละ เวลาจะได้ร่ำรวยมีเงินมาก ๆ ก็อิจฉาริษยาเราทำไม พวกท่านจนอยู่แล้วก็ยากจนต่อไปเถอะ พวกเรากำลังจะกลายเป็นมหาเศรษฐี ถ้าการเลี้ยงสัตว์ครั้งนี้ประสบควาสำเร็จ ส่งสัตว์ขายต่างปรเทศได้มาก " ภรรยาของเขาปริภาษกล่าวด่าญาติพี่น้องที่มาตักเตือนด้วยความปรารถนาดีไปอย่างนี้
"คงจะอายเขาแย่ เราไม่เชื่อเขา แต่ เอะ พวกเขาคงจะอยู่บริเวณนนี้ก็ได้ คงจะไม่ได้ไปไหน ถ้าไปก็ต้องกลับมา" สามีปลอบใจตนเอง
"คงโดนหลอกแน่แล้ว คนที่ตนหาทั้งสองคนไม่มี เจ้าหน้าที่จำได้ว่าเขาเบิกเงินไปแล้ว" เจ้าหน้าที่รักษาความสงบบอกสามีเธอ
สามีเริ่มเข่าอ่อน พาพร่าฟาง มองอะไรไม่ค่อยเห็น หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม แต่อาศัยยืนอยู่ใกล้โต๊ะเขียนใบฝาก --ถอนเงิน จึงสามารถพิงมิให้ล้ม คอยจังหวะรวบรวมสติด้วยความกล้าและแข็งใจพร้อยหายใจยาวๆ ลีก ๆ ครู่หนึ่งอาการดีขึ้น ตาสว่างขั้นจึงพยุงกายอันอ่อนเพลียผ่านประตูออกมา เมื่อยืนประจันหน้าอยู่กับภรรยา
"เจอไหม" ภรรยาถาม
"ไม่มี ไม่เจอ เขาหายไปแล้ว พร้อมกับเงินของเรา" สามีบอก
ภรรยาใจแปลบเสียววูป หน้ามืด เป็นลมล้มพับไป สามีรีบเข้าประคอง เอายาดมจากมือภรรยาให้เธอดม ไม่ได้ผลจัึงปล่อยให้เธอพิงพนักเก้าอี้ ทันใดนั้นมีคนเดินผ่านเข้ามาได้มาช่วยและเรียกรถพยาบาล รถพยาบาลมารับที่ธนาคาร มีเจ้าหน้าที่เปลช่วยกันหามลงมาที่ราบเพียงสามขันบันได รถนำเธอส่งโรงพยาบาล พร้อมกับเจ้าหน้าที่พยาบาล ซึ่งทำการปฐมพยาบาลไปด้วย ให้ออกซิเจน ผายปอดควบคู่กันไป เพียงสามนาทีถึงโรงพยาบาล เธอถูกนำเข้าห้องฉุกเฉินและช่วยเหลือชีวิตจนพื้นคืนสติ เธอยังมีอาการมันงง ตาลายอยู่ พยาบาลให้เธอพักผ่อน
ขณะนั้นเธอเห็นภาพของลูกสาวปรากฏขึ้น ลูกสาวยิ้มแย้มแจ่มใส วิ่งเข้ามาโผกอดแม่
"แม่คะ หนูคิดถึงแม่ แต่ก็มาหาแม่ไม่ได้ เพราหนูมีงานต้องทำ วันนี้มีเวลาว่าง มีโอกาสดี หนูจึงมาพบแม่ แม่สบายดีไหน" ลูกสาว ปลื้ม ปิติมาก พูดรวดเดียวปรือเหมือนนกต่อยหอย " เธอป้อนคำถามดุจยิงปืนกล
"นี่แม่ไม่สบายใจหรือ" ลูกถาม
"ไม่เป็นไรหรอก แม่ปกติทุกอย่าง" แม่ตอบ
ภรรยาลืมตาขึ้นเห็น พยาบาลยืนอยู่2 คน เหลือบไปเห็นสามียืนอยู่ใกล้ ๆ ก็ยิ้มให้กับสามี สามีก็ยิ้มตอบพร้อมยื่นมือให้จับ มือภรรยาไว้
"ลูก ลูก ไปไหนแล้ว ลูกมาหาแม่และพูดคุยกันตั้งนาน" ภรรยาบอกสามีเบา ๆ
"ไม่มี ไม่เห็น" สามีตอบ
"ลูกคุณมาแล้วหรือยัง" พยาบาลถามสามี
"ยัง เราไม่มีลูกแล้ว"สามีตอบ
"เป็นอย่างไรหรือ กรุณาเล่าให้เรารู้หน่อยได้ไหมเธอ" พยาบาลเร่วให้เล่า
"ประมาณ หก เดือนมาแล้วลูกสาวของฉันประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเมือง เจ้าภาพได้ทำพิธีเผาไปแล้ว เมือเดือนก่อน ได้รับค่าตอบแทน ค่าทำศพพร้อมเงินประกันชีวิต หนึ่งล้านห้าแสนบาทถ้วน และนำมาฝาก.ไว้ที่ธนาคารในอำเภอนี้ซึ่งอยู่ใกล้บ้าน" สามีเล่าพยาบาลด้วยด่วงตาแดงกล่ำ เขาเริ่มสะอักสะอื้น เมื่อคิดถึงลูก
"พอแล้วลุง ลุงไม่ต้องเล่าอีกแล้ว เราราบข่าวทางหนังสือพิมพ์ ทางโทรทัศน์กันแล้ว ขอบคุณ ขอบคุณคุณลุงมากที่เล่าทบทวนประวัติศาสตร์การต้มตุ๋นครังมโหฬารนี้ให้พวกเราได้ทราบ ขอบพระคุณ" พยาบาลยกมือไหวแล้วจากไป
"ญาติพี่บ้านหลายคนเขาคงเสียใจ ตักเตือนเราแล้วเราไม่เชื่อ" ภาพ เหตุการณ์ณ์ต่าง ๆ การทะเลาะ ด่าว่ากันหลายครั้งก็ปรากฏขึ้นใสความทรงจำของภรรยาผู้นอนป่วยอยู่บนเตียง พยาบาลซึ่งมีสามีและญาติบางคนที่ทราบข่าวมาเยี่ยม ดูแลด้วยความรักและเป็นห่วง แต่ผู้ป่วยเองยังจะขิดตะขวงใจอยู่บ้างสำรับบางคน
เมือทางบริษัทประกันชีวิตได้โอนเงินจำนวนหนึ่งล้านห้าแสนบาทมาให้ผู้รับมารดกหรือยายามตกทอดตามพินัยกรรม คือคุณพ่อคุณแม่
เป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่มีความภาคภูมิใจและสุขใจเป็นอย่างยิ่งในชีวิต
ช่างเป็นไปได้จริง ๆ เป็นไปแล้ว ขณะนี้เขาเปลี่ยนสภาพจากคนจนลายเป็นเศรษฐี ผู้มีความร่ำรวยกว่าใคร ๆ ในหมู่บ้านนี้ไปแล้ว ดีใจไหมพี่" ภรรยาเย้าผู้เป็นสามีในเที่ยงวันๆ หนึ่ง หลังจากที่ได้เงินประกั้นชีวิตของลูกสาวเรียบร้อยแล้ว
"โชคดีมากนะ เธอรวยแล้ว โดยมิคาดฝัน" ญาติและเพื่อนบ้านต่างทักทายด้วยความลื้มใจและมีความชานชมกับสามีภรรยาคู่นี้
สองเดือนต่อมาเหตุการณ์ณืที่ไม่คิดฝันก็บังเกิดขึ้น วันนี้มีรถเก๋งชีวิตสีครีมหรูมาจอดหน้าบ้านของภรรยาและสามีคู่นี้
"สวัสดี ครับ" "สวัสดีครับ"มีชายหนุ่มร่างสูงทรงผมสวยใบหน้าเหี้ยม ๆ ตาเป็นประกาย ส่วนอีกคนหนึ่งผู้หญิ่งร่างอวบขาวท้วมผมยาว สวมเสื้อผ้ามีตาคาใบหน้ายิ้มแย้มพูดเก่งคล่องแคล่ว รู้สึกปราดเปรียวสะดุดตาน่ารัก สร้างความศรัทธาและความเชื่อมั่นให้แก่ภรรยาสามีคู่นี้เป็นพื้นฐานในใจได้ดี ที่พบเห็นทักทายเป็นแระการแรก ส่วนประการหลัง ๆ จะเป็นอย่างไร กะรุณาติดตามต่อไปกับชีวิตคู่นี้
"จะมาสมัครงานหรือมาสุขา" สามีถาม
"ผมทราบว่าคุณมีที่ดินติดกับลำคลองใช่ไหมครับ" ผู้ชายถาม
"ใช่ ครับ" สามีตอบพร้อมชี้มือไปทางตรงข้ามกับบ้านซึ่งเป็นแนวบ่า
"ผมและเจ้าหน้าที่การเงินของบริษัท" สยามต้มตุ๋นแห่งชาติ ได้เสาะหาที่ทำเลที่ดีสำหรับการเลี้ยงเต่าส่งขายญี่ปุ่นมานานแล้ว ไม่มีที่ดินที่เหมาะสม เราได้ ทราบขาวจากทางอำเภอว่า พื้นที่ของคุณเหมาะ เราได้ทราบข่าวจากทางอำเภอว่า พื่นที่ ๆ ของคุณเหมาะที่จะทำการเพาะเลี้ยงเต่า" เจ้าหน้าที่ผู้ชายสาธยายความเป็นมาของการมาประสานงานครั้งนี้มันมีความเป็นมาอย่างไร
"สาวทานอาหารก่อน จะได้ทานยาหลังอาหาร" พยาบาลเตือนคนป่วยผู้เป็นภรรยา
"คะ ได้ค่ะ" ผู้เป็นภรรยาก็ลุกขั้นนั่งด้วยสีหน้าแววตาที่หม่นหมองซีดคล้ำ ตาแห้งโรย ปากแห้งเกรียม เธอขอน้ำดื่มและลงมือทานข้าว ช้อน เธอนั่งนิ่งเม่อมองอย่างเม่อลอย พยาบาลเตือนให้กินข้าว เธอจึงต้องช้อนกินได้อีกช้อนหนึ่ง นางพยาบาลเห็นเหตุการณ์นี้อยู่ เมื่อเสร็จภารกิจประจำตอนนี้แล้ว จึงมาช่วยเหลือพูดคุยและเตือนให้ทานข้าว และทานยามื้อเย็นสำเร็จเรียบร้อยดี
เธอล้มตัวเบา ๆ ใช้ข้อศอกมือขวายันหมอนทิ้งตัวลงนอนปิดตา เธอต้องการความเงียบสงบ ครู่หนึ่งเธอลืมตาขึ้น น้ำตาคลั่งเบ้าตา มันไหลซึมออกมาโดยมิรู้ตัว พยาบาลก็ซับน้ำตาให้ด้วยความรัก ความเอ็นดู และสงสารอย่างยิ่ง เธอหลับตาลงช้า ๆ อีกครั้งหนึ่ง และเงียบหายใจแผ่วเบา
"ทางบริษัทมีความต้องการที่จะเช่าหรือซื้อที่ดินของคุณไปดำเนินการเลี้ยงเต่าพันธุ์ ไม่ทราบว่าจะได้ไหม" ผู้หญิงถาม
"มันเป็นของเก่า เป็นมรดกที่พ่อแม่ให้มา เราจะจำหน่ายจ่ายแจกไม่ได้ เราไม่สามารถขายให้ท่านได้หรอก" ทั้งคู่ตอบเป็นเสียงเดียวกัน
"ไม่ เราก็ไม่อยากขัดขืนใจท่านหรอก มันเป็นมรดกของท่าน เต่าไม่ข้องเกี่ยวหรอก ขอให้ท่านสบายใจได้" ทั้งคู่ตอบเป็นเสียงเดียวกัน
"เราจะไปขุดมันบนควนแล้ว คงจะกลับค่ำ กลางคืนเดินลำบาก เราขอแสดงความเสียใจด้วย"
"อย่ารับปากซิครับ กรุณาฟังอะไรสักนิดก่อนได้ไหม"
"ว่ามา"
" คือบริษัทของเราเลี้ยงเต่าพันธ์ตัวใหญ่ เนื้อดี เป็นพันธ์ต่างประเทศ ขายได้
กิโลกรัมละ 800 -1200 บาท ตัวหนึ่งก็หนักกว่าสิบกีโลกรัม แล้วก็รวย" ผู้หญิงที่มาด้วยเล่าถึงเส้นทางของการลงทุนและการซื้อขายสินค้า
"ทำไมหรือ" สามีถาม
ทางบริษัทของเรามีนโยบายอีกอย่างหนึ่งว่า ให้ลงทุนร่วมกั้น คือ ทางบริษัทออกทุนครึ่งหนึ่ง คุณออกทุนครึ่งหนึ่ง รวมกันลงทุนจัดซื้อ อุปกรณ์โรงเรื้อน ทำบ่อเลี้ยง อาการองมันและซื้อลูกพันธุ์มาเลี้ยง คุณพอจะเห็นทางไหม คิดว่ามันเหมาะสมไหม เมื่อคุณไม่ขายที่ดินให้แก่บริษัทของเรา ลองรับไปพิจารณาอีกครั้ง เราจะกลับมาอีกในสัปดาห์หน้า ทำงานไม่ต้องรีบร้อน ต้องคิดหน้าคิดหลังให้เรียบร้อย วันใดประสบความสำเร็จ มีแต่ได้กับได้ ร่ำรวยแล้วอย่าบอกใครเชี่ยว
"ลาก่อนนะ ค่อยมาฟังขาวสัปดาห์หน้า อย่าตัดสินใจช้านะ ถ้าเราไปพบรายอื่น ๆ ซึ่งมีที่เหมาสมกว่า เราก็จะไปสงทุนในที่เหมาะสมกว่า ที่นี้มันไกลมาก ถ้าได้ที่ใกล้ ๆ ถนน การคมนาคมสะดวก กำไรก็จะเพิ่มขั้นอีกเท่าตัว ลาก่อนนะครับ" ทั่งสองยกมือไหว้พร้อมยิ้มอย่างเบิกกว้างและมีเลศนัย แล้วไปขึ้นรถขับออกไปช้า ๆ สองสามีภรรยายืนมองจนรถเก่งลับหายไป
ทั้งสองหันมาสบตากัน
" ครั้งนี้แหละเราคงจะรวยกันแล้ว"
ตอนเย็นญาติมาถามข่าวคราวว่ารถยนต์คันนั้นเขามาทำอะไร ทั้งสองสามีภรยาบอกตามความเป็นจริงด้วยความภาคภูมิใจทุกอย่าง พร้อมเตือนด้วยความเป็นห่วงว่า
"ระวังนะจ๊ จะโดนหลอกลวง หรือถูกต้มจนสุก" ญาติทัก ท้วงด้วยความหวังดี
"ไม่เป็นไรหรอก เขาซื่อ ๆ จริงใจ และคิดว่าพอจะรวบรวมทุนได้" สามีบอกกับญาติ
พยาบาลปรดน้ำเกลือออก เธอก็ตื่นจากภวังก์ลืมตาขึ้นพร้อมกับยิ้มให้กับนางพยาบาลที่มาถอดสายถุงน้ำเกลือให้
"รู้สึกสบายใจขึ้น อาการดีขึ้น ยิ้มออกกว้างขึ้น มีความสุขยิ่งขึ้น ขอให้นอนหลับฝันดีนะจ๊ะ" พยาบาลปลอบใจ
"กลับก่อนละนะ" ญาติหลาย ๆ คนมาเยี่ยมพร้อมของฝากประเภทผลไม้และ อาหารกระป๋องกล่าวคำอำลา
"ขอบคุณมากค่ะ"ขอ ให้ทุกคนมีความสุขมาก ๆ และเดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ ผู้ป่วยขอบคุณบรรดาญาติที่มาเยี่ยมและลากลับไป
"
"เช่นกันละนะ" ทั้งสองเจ้าพนักงานบริษัทเลี้ยงเต่ามาทักทาย เมือครบตามกำหนดสัญญา คือหนึ่งสัปดาห์มาถึง
"เป็นอย่างไร ละ" ตัดสินใจแล้วหรือยัง"
"คิดแล้ว ตกลงใจแล้วคะ" ภรรยาบอก
"จะเลือกอะไรหรือ"
จะร่วมมือกับบริษัทของคุณ"
"คุณมีทุนหรือยัง หรือจะไปกู้ธนาคาร"
"ไม่ต้องกู้หรอกเงินนะมีอยู่แล้ว"
"ลงทุนคนละครึ่ง คือ บริษัทออกหนึ่งล้านห้าแสนบาท คุณก็ลงทุนหนึ่งล้านห้าแสนบาทเช่นกัน"
"หนึ่งล้านห้าแสนบาทเป็นการลงทุนครั้งแรก อาจจะมีการร่วมลงทุนใน ครั้งต่อไปอีก เมื่อกำไรอย่างมหาศาลแล้ว
"ได้จ้า" สองสามีภรรยาแสดงความเชื่อมั่น
"ขอเดินดูและสำรวจพื้นที่ให้จับตาหน่อย จะได้วัดระยะ เพื่อนำไปคิดคำนวณหารก่อสร้างอาคารและบ่อเลี้ยง การสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย บ่อเลี้ยง และอื่น ๆ ตามความจำเป็น" พนักงานหญิงกล่าว
ทั้งสองคนเดินและสำรวจพื้นที่อีกครั้งหนึ่งกับสองสามีภรรยาพร้อมวัดระยะทางความกว้างความยาว ใช้ประกอบการเขียนแผนผังสร้างอาคารและขยายกิจการ เวลาพอสมควรทั้งสองก็ลากลับ
"เงินทุนละจะรวมกันเมื่อไร"
"พรุ่งนี้ได้ไหม จะได้เสร็จเร็ว และรวดเร็ว
"ได้ค่ะ"
"พรุ่งนี้ไปพบกันที่ธนาคาร ที่คุณมีเงินอยู่พร้อมด้วยสมุดเงินฝากธนาคาร ทะเบียนบ้าน และสำเนาบัตรประชาชน"
"ได้จ้า"
" น้า ๆ ทานยาก่อนนอนนะน้า" พยาบาลสาวสวยคนหนึ่งมาเรียกพร้อมนำแก้วยาเม็ดสีขาว จำนวน 1 เม็ดใส่ให้ในมือเธอ พยาบาลสาวบอกพร้อมส่งยิ้มให้ แล้วจากไปที่เตียงคนป่วยถัดไป
เธอรับมาทานแล้วหลับตานึกย้อนเหตุการณ์ต่าง ๆที่ผ่านมา
"น้อง ๆ ได้ข่าวว่าพรุ่งนี้จะเอาเงินไปให้พวกนั้นหรือ" ญาติคนหนึ่งถาม
"จ้าพี่ เราลงทุนร่วมกันเลี้ยงเต่าขายญี่ปุ่นไม่กี่เดือนได้ผลเราจะรวยกันอย่างมหาศาล"เธอบอกญาติผู้นั้น
"ระวังนะ จะโดนหลอก" ญาติผู้นั้นเตือน
"พี่อย่าพูดอย่างนี้ เรากำลังจะรวยแล้ว พี่จะไม่ยอมให้เราได้ลุงทุน ได้ร่ำรวยหรอกหรือ หรือว่าพี่อิจฉาริษยา
หรือพี่กลัวว่าพวกเราจะรำรวยกระนั้นหรือ"
"เราเตือนดี ๆ อย่าหาว่าเราอย่างนั้น" ญาติผู้นั้นกล่าวเสร็จก็จากไป
"ช่างเถอะ" คอยดู เราจะรวยให้ล้นฟ้า" เธอพึมพำกับตนเอง
วันนี้เรากำลังประสบชะตากรรม ถูกหลอกลวงโดนต้มตุ๋นจนเปื่อย ต้องพบกับความผิดหวัง อับอาย แทบจะแทรกแผ่นดินหนี บรรดาญาติที่เคยตักเตือนเราคงจะสมน้ำหน้า หรือสมเพศพวกเราเป็นแน่ เราจะพูดกับเขาอย่างไรดี
อายสุดอาย อยากหนีไปอยู่มาเลเซีย หรืออินเดีย หรืออินโดเนเซีย หรือที่ไหนก็ได้ที่ไม่มีญาติพี่น้องที่เคยห้ามปรามเรา และหวังดีกับเรา" ผู้เป็นภรรยาคิดไปเรื่อย ๆ
แต่ทุกวันคนยังปรารถนาดีต่อเรา มาเยี่ยมเรา ซื้อของมาฝาก หลายคนไม่ได้แสดงอาการเย้ยหยัน ดูถูกเหยียดหยามด้วยสายตาหรือกริยาท่าทาง ทุกคนให้กำลังใจ เขาแสดงความสงสาเมตตาปรานี เขาพูดปลอบใจ ให้กำลังใจ ทำให้ใจชื่นอยากมีชีวิตต่อ อยากไปยู่ในอ้อมอกที่อบอุ่นของคณะญาติพี่น้องเหมือนดังเช่นก่อน เก่า
เมื่อวันที่ : 21 ส.ค. 2558, 15.41 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...