นิตยสารรายสะดวก  Fiction  ๐๖ สิงหาคม ๒๕๕๘
ทางใคร ทางมัน
เปิดฟ้า ก้องหล้า
...ณ ห้องนอนของสมบัติ​​และสมปราชญ์ ​​ซึ่ง​​เป็น​​ส่วนหนึ่ง​​ของอาคารหลังใหญ่ อยู่​​ชั้นบนห้องกว้าง มีเตียงขนาด 6 ฟุตอยู่​​ 2 เตียงสำหรับเด็กหนุ่มสองคน...
ณ ห้องนอนของสมบัติ​และสมปราชญ์ ​ซึ่ง​เป็น​ส่วนหนึ่ง​ของอาคารหลังใหญ่ อยู่​ชั้นบนห้องกว้าง มีเตียงขนาด 6 ฟุตอยู่​ 2 เตียงสำหรับเด็กหนุ่มสองคน ขณะสมปราชญ์ตื่น​ไปทำภารกิจตามหน้า​ที่แล้ว​สมบัติยังนอนซมอยู่​ในเตียง

"สมบัติ รีบตื่นเร็ว ๆ​ ​ไปฟังผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัยเร็ว ๆ​ เข้า" สมปราชย์ปลุก​เพื่อน

"นอนก่อน ไม่​ต้อง​ไป คลิ๊กอินเทอรเนตก็​ได้ เร็วกว่า ไม่เสียเวลา"

"ตื่นเถอะ ​ไปอาบน้ำเร็ว ๆ​ เรา​ไปดูผลการสอบให้ถึง​ที่​จะ​ได้พบปะ​กับ​เพื่อนมาก ๆ​ ​จะ​ได้เห็นอารมณ์​และสภาพ​ความรู้สึกของ​แต่ละคน มันสนุกน๊ะ​เพื่อน เร็ว ๆ​ เ ข้า"สมปราชญ์ขยั่นขยอ

"ไม่​เอา นอนดีกว่า"

"ไม่​ไปก็ไม่ว่า ฉัน​ไปคนเดียวก็​ได้"

"เออ​ไปก็​ไป"

บ้านพักของสมปราชญ์​และสมบัติอยู่​ห่างจากมหาวิทยาลัย ประมาณ 200 เมตร แค่นั้น​เอง ​เมื่อ​ทั้งสองมายังมหาวิทยาลัย มีนิสิตนักศึกษาเต็ม​ไปหมด แน่นทั่วบริเวณ ทำให้บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยเล็ก​ไปเยอะ ต่างนั่งกัน​เป็นกลุ่ม บางกลุ่มก็สนุกสนาน ส่งเสียงร้องเริงร่า หรือเชียรกันอย่างสนุกสนาน ในขณะนั้น​ มีบางคนแสดงอาการผะอืดผะอม ​จะพูด​จะจาก็ติดขัด​ไปหมด อารมณ์ขุ่นหมอง ​และรีบปลีกตัว​ไปจากสังคมมหาวิทยาลัยทันที ​แต่มีบางคน ​ที่ไม่มีสิทธิ์เข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ก็ยังไม่จาก​ไปไหน ด้วย​ความรัก​และห่วง​เพื่อน คิดถึง​เพื่อน สนับสนุน​เพื่อน​และไม่​ได้คิดถึงตนเองว่า​จะบังคับให้ชีวิตล่องลอย​ไปอย่างไร

สมปราชญ์​และสมบัติ​ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง กว่า​จะแทรกเข้า​ไปถึงป้ายนิเทศบอกคะแนน​และผลการสอบ​ได้เรียนต่อในมหาลัยหรือไม่

จอโปรเจคเตอร์ในอาคารบอกรายชื่อผู้สอบ​ได้ทยอย​ไปตามคณะ​ที่เรียน​และลำดับห้องเรียน ประกาศเฉพาะผู้​ที่​สามารถสอบผ่าน​และมีสิทธิ์​ได้เรียนในมหาวิทยาลัยเท่านั้น​

"สมบัติ เจอแล้ว​ ชื่อของฉัน ๆ​ สอบ​ได้คณะวิศวกรรมไฟฟ้าฯ ​และคอมพิวเตอร์ ฉันดีใจมาก ​แต่ไม่อยากลืมตน หรือแสดงอาการดีอกดีใจมากนัก ยัง​แต่ผลการเรียนของเอง​ต้องคอย​ไปก่อน อดทนหน่อย​นะ​เพื่อน"สมปราชญ์พูดเบา ๆ​

"กันบอกแล้ว​ว่านอนฟัง​ที่บ้านสบายดีกว่า"

มองจากรายชื่อ จนหมดรายชื่อของวิชาเอก​ที่สมบัติเรียน ​แต่ไม่มีชื่อของสมบัติ ๆ​ รู้สึกหน้ามืดตาลาย เรา​ต้องลำบากอีกแล้ว​ ​จะ​ไปเรียนอะไร​ เรียน​ที่ไหน จึง​จะ​ได้พบ​กับ​เพื่อน ๆ​ ​ที่สนุกกันมาด้วย"

"ทำไมวะ เองสอบ​ได้ ​แต่ข้าฯ สอบไม่​ได้ แล้ว​ข้า​จะ​ไปเรียน​ที่ไหนละ"

"เอง​จะเรียน​ที่ใดก็​ได้ ​ถ้าเองชอบ​จะเรียน ​และเรียนตรง​กับ​ความ​ต้องการของเอง"

"เราไม่เหมือนกันมาตั้งนานแล้ว​ละ ตั้งแต่เด็ก ๆ​ โน้น"

"ไม่เหมือนกันอย่างไรวะ"

"ไม่เหมือนกัน​ทั้ง​แต่สมัยเด็ก ๆ​ ​ทั้งรูปร่าง หน้าตา ​ความประพฤติ ​และสุขภาพ"

"อย่าพูดเลย​​เพื่อน ข้าฯไม่ชอบ พูดเรื่อง​อะไร​ก็​ได้​ที่ไม่เกี่ยว​กับการเรียนหนังสือ"
สมปราชญ์นั่งเฉย ไม่อยากขัดใจ​เพื่อน ไม่อยากทะเลาะ​กับ​เพื่อนจึงปิดปากเงียบ ​แต่สมองของสมปราชญ์ก็นึกย้อน​ไปถึงเรื่อง​ราว ​และเหตุการณ์ต่าง ๆ​ ในอดีต​ที่ผ่านมา

"พ่อแม่ของเรา​เป็นชาวสวน​ที่ทำนาด้วย ​เพราะอยู่​ในสถาน​ที่เหมาะสม​ที่​จะปลูกยางพารา ​และทำนา​ไป​พร้อม ๆ​ กัน มีลำ ธารไหลผ่าน พื้น​ที่ราบสวยงาม น้ำไม่แห้งขอดทุกฤดู ​เป็น​ความโชคดีอย่างยิ่งของตระกุลนี้"

"สมัยเด็ก ๆ​ เรา​เป็นคนขี้เกียจไม่อยากทำงาน อยากสบาย ไม่เหน็ดเหนื่อย แม่ยินดี​ที่​จะบังคับให้เราทำงานอยู่​เสมอ"

"ลูกกรุณาช่วยหยิบจานมาให้แม่หน่อย​ แม่​จะล้างให้เอง ​เมื่อแม่ล้างมันสะอาดแล้ว​ ขอให้ลูก​ได้นำมัน​ไปคว่ำให้เสด็จน้ำในภาชนะสำหรับกิจการนี้​โดยตรง ตกลงไหมจ๊ะ​"

"ตกลง​จะแม่"

ขณะนั้น​ผมเรียนอยู่​ในชั้นอนุบาล ยังเล็ก ๆ​ อยู่​ ​ถ้าเราไม่ยอม​ไปทำงานให้ท่าน ท่าน​จะพูดเปรียบเทียบให้ฟังถึงผลดีผลเสียให้ฟังเสมอมาจนฉันเองรำคาญ ​เพื่อตัด​ความรำคาญ ฉันจึง​ต้องช่วยงานแม่​ที่แม่​ใช้ให้ทำ

"​แต่สมบัติ​เป็นลูกคนเดียวของภารโรงในโรงเรียน​ที่อยู่​ใกล้​และเรา​ทั้งสองก็เรียนอยู่​ในโรงเรียน​ที่อยู่​ใกล้​ที่สุด"

"​ไปหยิบแก้วน้ำมาให้แม่หน่อย​ลูก" แม่ของสมบัติ​ใช้

"พี่สาวนั่งอยู่​ใกล้ ๆ​ แก้ว กรุณาหยิบให้แม่ด้วย น้อง​กำลังง่วงนอนลืมตาไม่ขึ้น​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ขณะเรียนอยู่​ชั้นมัธยมศึกษาปี​ที่ 6 สมปราชญ์​ต้อง​ไปเก็บยาง เหยียบยาง รีดยาง ตากยาง ​และเก็บยางไว้ในโรงเรือน"

ถึงฤดูทำนา หลังจากเลิกเรียนแล้ว​ สมปราชญ์ก็​ไปถอนกล้าให้แม่ ​โดยถอนต้นกล้าอ่อนกองไว้ จัดให้รากต้นกล้าเสมอกัน แล้ว​แม่ก็มัดกำกล้าให้กระผมเอง วันละ 4 -- 5 กำ ก่อนค่ำทุกวัน

"บางครั้งกระผมเอง​ต้องหาบต้นกล้า​ที่มัดไว้ ​เป็นกำ ๆ​ ประมาณหาบละ 8 -- 10 กำ"
"วันนี้ผมเจ็บบ่า ​เมื่อย​ไป​ทั้งตัว ​จะนอนก็ไม่หลับ ตั้งแขนนิ่งไม่​ได้ มัน​เมื่อยทันที ​ต้องพลิกกาย​ไปมามันสุดทรมานอย่างยิ่ง"

" แม่ครับ​ ทำไมมันเจ็บอย่างนี้ละครับ​"

"มิ​ได้เจ็บหรอกนะลูก มันปวด​เมื่อย ​เป็นธรรมดาของการทำงาน มัน​จะหาย​ไปเองไม่​ต้องรักษาหาแพทย์หรอกนะลูก"

"ลูกกลับจากโรงเรียนแล้ว​ ทานอะไร​บ้างหรือยัง"

"ยังครับ​ ผมยังไม่หิว องุ่นมีลูก​จะ​เอาไหม"

"ไม่หรอกครับ​ แม่"

"วันนี้ตอนเช้า​ครูสอนวิชาอะไร​ลูก ชั่วโมงแรกเลย​นะ"

"วิชาวิทยาศาสตร์ครับ​"

"ครูพูดเรื่อง​อะไร​บ้าง"

"เรื่อง​การแบ่งเซลของพืช​และสัตว์เซลเดียวครับ​แม่"

"วิธีการขยายพันธ์ของมัน​เป็นอย่างไร"

"จำ​ได้หมดทุกขั้นตอนครับ​แม่ ไม่​ต้องอธิบายหรอกแม่ก็รู้"

"ชั่วโมง​ที่สอง ลูกเรียนวิชาอะไร​"

"ครูสอบวิชาภาษาอังกฤษครับ​แม่"

"ครูสอนเรื่อง​อะไร​"

"เรื่อง​ประโยคธรรมดา"

"ชั่วโมง​ต่อมาละ"

"วิชาคณิตศาสตร์ครับ​แม่"

"ทำไมครูจึงสอนกลางวันไม่เบือหรือ"

"ไม่ครับ​แม่ ​จะเรียนตอนเช้า​ ตอนกลางวัน ตอนบ่าย ก็เหมือนกันครับ​แม่ คุณครูท่านจัดกิจกรรม จัดกระบวนการให้เรา​ได้สนุกกัน ​ได้ร่วมกันทำงาน​เป็นกลุ่ม ๆ​ เราช่วยกันคิด ช่วยกันทำ​และช่วยกันสรุป คะแนนของเราก็ไม่ต่างกันมากนัก ​ถ้ากลุ่มใดทำ​ได้ดีก็​ได้คะแนนดีเท่ากันทุกคน"

"แม่ไม่​ต้องถามอีกนะแม่ หลังจากปฏิบัติกันแล้ว​ก็​จะจำ​ได้ทุกวิชา"

หลังจากเลิกเรียนสมปราชญ์ก็​ไปช่วยเหลืองานคุณแม่ในนา

"ลงมาลูก มาช่วยดำนาแม่ ลงมาเร็ว ๆ​ เข้า" แม่แบ่งกำกล้า​ที่ถืออยู่​​เป็นสอง​ส่วน ส่งให้สมปราชญ์ครึ่งหนึ่ง​ สมปราชญ์รับกล้า​ไปวางบนแขนข้างซ้าย หันหน้าแขนขึ้น​ ใส่​ส่วนหนึ่ง​ของต้นกล้าอยู่​ในกำมือ ​ใช้มือขวาแบ่งต้นกล้า 3 -- 4 ต้นออก​ไป ด้วยมือขวา ​ใช้หัวแม่มือจัดให้โคนต้นเสมอกัน​และปักดำลงในดินเหลว​เป็นเทือก ​ใช้หัวแม่มือ​กับ​กับนิ้วชี้ดันดินให้แยกออก ดันกอกล้า​ที่เตรียมไว้ลง​ไปแทนแล้ว​​ใช้นิ้วบีบ​ที่โคนให้ดินแน่น ​เพื่อป้องกันมิให้ต้นกล้าล้ม"

"กระผมปักกล้าข้างหน้า​โดยก้มตัวต่ำลง เอื้อมมือปัก​เป็นแถวจากซ้าย​ไปขวามือแถวละ 4กอ ห่างกันกอละ 1 ฟุต จึงเดินถอยหลัง​ไป 1 ก้าว แล้ว​เริ่มปักดำกล้าจากซ้ายสุดถึงขวาสุดตามลำดับ จำนวน 4 ต้นเท่ากัน แล้ว​ถอยหลัง​ไปอีก 1 ก้าว ​คือแถวห่างออก​ไป 1 ก้าว ๆ​ ละ 1 ฟุต ปักจากซ้าย​ไปขวา​เป็นแถวเสมอกัน ​และให้แถว​ที่ถอย​ไปตรง​กับด้วย ​ที่ผมทำ​ได้​เพราะสังเกตคุณแม่ปักดำต้นกล้าให้เห็นเสมอ จนตะวันโพล้เพล้ กระผมปักดำ​ได้เกือบสามกำกล้า"

"ตอนเช้า​แม่มอบหมายให้กระผมตักน้ำใส่ตุ่มทุกวัน วันละ 1 ตุ่ม แล้ว​จึง​ไปอาบน้ำกินข้าว​ไปโรงเรียน"

"​เมื่อถึงโรงเรียนกระผมก็​ได้ช่วยกวาดขยะให้​กับ​เพื่อน ๆ​ ในห้องเรียนในวัน​ที่​เป็นเวรประจำวันในชั้นเรียน ผมทำ​ความสะอาด ​เมื่อกะดิ่ง สัญญาณเตือนเข้าแถว กระผม​กับ​เพื่อน ๆ​ ​ไปเก็บใบไม้บนถนน ​และขอบสนาม ​ซึ่งมีต้นไม้อยู่​มาก สำหรับสมบัตินั้น​​เขา​จะเดินดู​เพื่อน ๆ​ หยอกล้อ​เพื่อน ๆ​ ​และ​ใช้​เพื่อนให้ทำงาน ​โดยตนไม่​ได้ทำงาน"

"ช่วยเก็บ ​เพื่อนบ้างซิ สมบัติ อย่า​เอาเปรียบ​เพื่อนจนเกิน​ไป"สุดาทิพย์

"อย่ายุ่งนะ เธอ​ไปเถอะ ดีแล้ว​ละ"

"ผมเก็บขยะหมดแล้ว​พา​ไปทิ้งหลุมขยะ แล้ว​ทำ​ความสะอาดมือ ชั่วครูหนึ่ง​ สัญญาณกระดิ่งครั้ง​ที่สอง เตือนให้นักเรียนหยุดกิจกรรม ต่าง ๆ​ ไว้แล้ว​​ไปเข้าแถวเตรียมเคารพธงชาติ ผมก็​ไปเข้าแถวทันที กระผมทำหน้า​ที่หัวหน้าชั้น ​ต้องดูแลรับผิดชอบเกี่ยว​กับระเบียบแถว ผล​เป็น​ที่พอใจของครู​ที่ปรึกษาด้วยดีเสมอมา"

"ตอนเย็นคุณแม่เข้า​ไปในสวนตัดเครือกล้วยน้ำว้า แล้ว​​ใช้มีดตัดหวีกล้วยแยกออก กระผมจึง​ใช้ตะกร้าใส่กล้วยจนเต็มบนรถเข็น แล้ว​จึงเข็นรถกลับบ้าน ผมกลับถึงบ้านจึงยกกล้วยครั้งละ 2 หวี นำกล้วย​ไปวางบนพื้นใกล้ ๆ​ ลอมข้าว ผม​ได้นำ​เอาฟางข้าวมาปูรองพื้นไว้แล้ว​ ผมจึง​ไป​เอาหวีกล้วย​ที่เหลือ ผมขนกล้วยมาอีก 2 เ​ที่ยว ถึงเวลาค่ำผมก็​เอาฟางกลบปิดกล้วยไว้ ให้หนากว่า​ที่รองพื้นไว้"

"วันเสาร์ แม่​ไปดายหญ้า ในร่องยาง ​ซึ่งปลูกใหม่ ผมก็แบกจอบตามหลังแม่​ไปดายหญ้าด้วย ดายจนเหนื่อย ฝ่ามือปวด ๆ​ ฟองน้ำขึ้น​​เป็นเม็ดโต ผมก็​ต้องทนเจ็บ ​และ ถางหรือถากต่อ​ไปจนหมด ​และปล่อยทิ้งไว้ให้หญ้างอกอีกต่อ​ไป"

"ผมเบื่อ​จะตายอยู่​แล้ว​บ้านนี้ คิด​แต่​ใช้งานเท่านั้น​ ผมไม่อยากทำ ทำแล้ว​มันก็เหนื่อย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง ​และไม่มี​ความสนุกสนานเลย​" สมบัติบ่นพึมพำอย่างอารมณ์เสีย

"ลูกจ๋า ​ไปช่วยพี่รดน้ำตนไม้หน่อย​เถอะ" แม่​ใช้สมบัติ

"แม่ครับ​ ผม​จะอ่านหนังสือ ให้พี่​เขารดน้ำ​ไปเถอะ" สมบัติปฏิเสธทันที
"ช่วยพี่บ้างนะสมบัติ" แม่บอก

"ให้ผมโตสักนิด ผม​จะช่วยทำทุกอย่าง"สมบัติบ่ายเบี่ยง​ไปเรื่อยอย่างไร้รับผิดชอบ

"อย่าผลัดวันประกันพรุ่งเลย​ลูก จงทำเดียวนี้อย่าคอยพรุ่งนี้" แม่แนะนำ
"ขอให้แม่เชื่อใจผม ผม​จะช่วยพี่​เขาจริง ๆ​ ไม่โกหกหรอกแม่" สมบัติพยายาม​ใช้อุบายหลีกเลี่ยง

"แม่ไม่เชื่อ" แม่ตอบอย่างรู้ทัน

"ก็ไม่​เป็นไร ผมไม่ว่าแม่​แม้นิดเดียว"

"สมบัติ ​ไปช่วยพี่​โดยตักน้ำให้วัวดื่มหน่อย​เถอะนะ" แม่มอบหมายให้สมบัติ​ไปช่วยพี่
"ยังทำการบ้านไม่เสร็จจ้าแม่" สมบัติยังปฏิเสธเรื่อย ๆ​

"วันอาทิตย์ผ่านมา คุณพ่อ​ไปวิดปลา​ที่หนองน้ำหลังบ้าน ​ซึ่งมีน้ำลึกแค่เข่า น้ำไม่ค่อยแห้ง พ่อบอกว่ามีตาน้ำ ​คือช่อง​ที่น้ำไหลมาลงในหนองน้ำนั้น​ เรา​ต้องวิดกันอย่างหนัก ​เพราะน้ำมันออกมามาก ไม่​สามารถอุดด้วยดิน​ได้ วิดเท่าไรไม่แห้ง ผมจึง​ไป​เอากะละมังมาช่วยวิดน้ำด้วย ผมอยาก​จะให้น้ำแห้งเร็ว ๆ​ ​จะ​ได้จับปลา จนกระ​ทั้งค่ำ ผมหิวจึงหยุดกินข้าว​ซึ่งคุณแม่​กับคุณป้า​และน้าสาว​ได้นำมาวางไว้​ที่ใต้ตนไม้ใกล้ ๆ​ หนองน้ำ กินเสร็จผมก็​ไปวิดน้ำต่ออีก"

"สมปราชญ์หยุดก่อนลูก กินข้าวใหม่ ๆ​ ไม่ควรทำงานหนัก โบราณว่า ​ต้องให้ข้าวเรียงเม็ดเสียก่อน ​คือให้กระเพาะมันย่อยอาหารก่อน จึงค่อยทำงาน ​เพราะ​ถ้าทำงานตอนนี้ ​จะทำให้ร่างกายทำงานหนัก ​คือเลือด​ส่วนหนึ่ง​​ใช้ในการย่อยอาหาร อีก​ส่วนหนึ่ง​​ใช้ในการออกแรงวิดน้ำ มันจึงไม่เหมาะสม"

"วันหนึ่ง​ผมขี่จักรยานยนต์มาคนเดียว เครื่องรถดับก่อนกลับถึงบ้านระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร ​ระหว่างทางไม่มีร้านซ่อมรถ หรือสถาน​ที่รับประยางเลย​ เวลาใกล้ค่ำ ผมก็​ต้องจูงรถจักรยานยนต์กลับบ้าน จนกระทั่งค่ำ คุณพ่อคุณแม่คอย ๆ​ จนไม่​สามารถทนรอต่อ​ไปอีก​ได้แล้ว​ จึงออกตามหา ​แต่​ไปคนละเส้นทาง​ที่ผมจูงรถมา ท่านเลย​​ไปไกล ​และ​เมื่อตามหาไม่เจอ ท่านก็เหนื่อยแสนเหนื่อยจากากรทำงานบ้าน จากการหากระผมไม่เจอบ้าง ท่านจึงตัดสินใจกลับบ้าน"

"อ้าว ลูกอยู่​นี้เอง ทำไมละ เหตุใดจึง​ต้องจูงรถ" พ่อถามด้วย​ความ​เป็นห่วง

"เครื่องดับครับ​"

"ใกล้​จะถึงแล้ว​ พ่อไม่​ต้อง​เป็นห่วง ​จะเลี้ยวเข้าบ้านอยู่​แล้ว​ พ่อขี่รถ​ไปก่อนเถอะ" สมปราชญ์อธิบาย​และแนะนำพ่อ
"จ้า"

"ผมกลับถึงบ้าน สุดแสนเหนื่อย ดื่มน้ำนิดหนึ่ง​นั่งลง ​และเอนหลังนอน​กับเสื่อ เพียงไม่นานผมก็หลับกรนเสียงดังลั่น"

"ลูก ๆ​ ตื่น เถอะ ​ไปอาบน้ำกินข้าว" แม่ปลุกลูก

"ผมตื่นขึ้น​มาเกือบ 21 นาฬิกาแล้ว​ ​ถ้ามีวิทยุสื่อสาร หรือ โทรศัพท์ ก็​จะ​ได้โทรฯบอกให้​ไปรับ ​แต่ อนิจจา กลางป่า อย่างนี้​จะ​ใช้อะไร​แทน ผมจึง​ต้องจูงรถตั้งนาน"

"ผมอาบน้ำ กินข้าว ​และหลับต่อจนเกือบสว่าง"

"ผมตื่นขึ้น​มา​เป็นเวลาเกือบตีห้า ยังรู้สึกอ่อนล้า ​เมื่อยขา ​เมื่อยแข้ง เจ็บปวดปาน​จะขาดใจ ​แต่ก็​ต้องอดทน ไม่ทนไม่​ได้"

"ลูก แม่หุงอาหารเรียบร้อย​แล้ว​ แม่​ต้อง​ไปส่งพ่อ​ไปกรีดยางอีก"

"แม่ครับ​ แม่ไม่​ต้อง​ไปหรอก ผม​ไปส่งพ่อเองครับ​แม่"

"ลูกเหนื่อยมามากแล้ว​ นอนต่อเถอะลูก"

"แม่​ไปเอง ลูกไม่​ต้อง​ไปหรอก แม่ขอร้อง ลูกอย่าดื้อนะ"

"ครับ​"

"ผมนึกถึงคุณพ่อ คุณแม่​ที่ท่านทำงานด้วย​ความเหน็ดเหนื่อยมาก ๆ​ ​เพื่อให้พวกเรา​ได้กิน​ได้อยู่​​ได้ซื้อของ​ใช้ ​ได้​ไปโรงเรียน ​ไปเ​ที่ยว ​และอีกจิปาถะ"

"นี่​เพราะแม่ไม่​ได้บังคับให้ผมทำงานตั้งแต่เล็ก ๆ​ ผมก็ขี้เกียจเช่นกัน ​แต่ทุกวันนี้ผมทำงานจนเคยชินแล้ว​ ผมเหนื่อย ผมหิว ผม​ต้องอดทน ​ความพยายามทำให้งานสำเร็จ ผมคิดว่า ผมเหนื่อยอย่างนี้ แล้ว​คุณพ่อ คุณแม่ละ​ที่ท่านทำงาน​ทั้งวัน ไม่​ได้เว้นมา​เป็นเวลาหลายปี​ที่ผมจำ​ได้ คุณพ่อคุณแม่ก็เหนื่อยเช่นเดียว​กับเรา ท่านทำมากกว่า นานกว่า ท่านย่อมเหนื่อยมาก ๆ​ ท่านทำงานมาก ​เป็น 20 -- 30 เท่า ของกระผม ทำงานวันแล้ว​วันเล่า ​เป็นสัปดาห์ ​เป็นเดือน ​เป็นปี ​และหลาย ๆ​ ปีติดต่อกัน จนลูกโตปานนี้ ผมสงสารท่าน ทำให้ผมเห็น​ได้อย่างชัดเจนว่า คุณพ่อคุณแม่ยอมเหนื่อย​เพื่อลูก ท่านรักลูก ท่านทำ​เพื่อลูก"

" ทำให้กระผมเห็นถึงเจตนาของ​ความรัก​ที่คุณพ่อคุณแม่มีต่อ ลูก ๆ​ ท่านเสียสละทุกอย่าง​เพื่อลูก ๆ​ มิเคยคิดถึงว่าท่านเหนื่อย ท่านตรากตรำ ไม่เคยคิดค่าแรง ​แม้ลูก​จะ​เอาเงิน​ไปจ่ายสักเท่าไร ท่านมิเคยเสียดาย ท่านยินดีสละให้ลูก ​เพื่อลูก จึงทำให้กระผมรักคุณพ่อ คุณแม่ สงสารท่าน​ทั้งสอง ผมจึงพยายามตอบแทนบุญคุณของท่าน ด้วยการเชื่อฟังท่าน เรียนหนังสือ​เพื่อท่าน ผมคิดว่าสิ่ง​ที่ผมทำอยู่​ทุกวันนี้ มันน้อยกว่า​ที่คุณพ่อคุณแม่มีให้แก่ลูก ๆ​​เป็นร้อยเท่าพันเท่า"

"กระผมรักคุณพ่อ คุณแม่ผมจึงตั้งใจ​และพยายามเรียน​เพื่อท่าน​ทั้งสอง มิเคยคิดเหนื่อยหน่าย ​และสมหวังในวันนี้ ​เมื่อผม​ได้ทราบว่า ผม​สามารถสอบผ่านเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยดัง​ที่คุณพ่อคุณแม่ปรารถนา​ได้"

"สมบัติ...​ก็​เป็น​ไปตามกรรมของ​เขา ​เป็นการยุติธรรมดีแล้ว​ ​พระเจ้ามิ​ได้หูหนวกตาบอด"

 

F a c t   C a r d
Article ID A-3765 Article's Rate 0 votes
ชื่อเรื่อง ทางใคร ทางมัน
ผู้แต่ง เปิดฟ้า ก้องหล้า
ตีพิมพ์เมื่อ ๐๖ สิงหาคม ๒๕๕๘
ตีพิมพ์ในคอลัมน์ เรื่องสั้น
จำนวนผู้เปิดอ่าน ๗๖ ครั้ง
จำนวนความเห็น ๑ ความเห็น
จำนวนดอกไม้รวม
| | | |
เชิญโหวตให้เรตติ้งดอกไม้แก่ข้อเขียนนี้  
R e a d e r ' s   C o m m e n t
ความเห็นที่ ๑ : ศาลานกน้อย [C-19252 ], [000.000.000.000]
เมื่อวันที่ : 06 ส.ค. 2558, 10.58 น.

ผู้อ่าน​ที่รัก,

นิตยสารรายสะดวก​ ​และผู้เขียนยินดีรับฟัง​ความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดง​ความเห็น​ได้​โดยอิสระ ขอขอบคุณ​และรู้สึก​เป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมี​ส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...​

แจ้งลบข้อความ


สั่งให้ระบบส่งเมลแจ้งการเพิ่มเติมความเห็น
 ศาลานกน้อย พร้อมบริการเสมอ และยินดีรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกท่าน  ติดต่อเว็บมาสเตอร์ได้ทางคอลัมน์ คุยกับลุงเปี๊ยก หรือทางอีเมลได้ที่ uncle-piak@noknoi.com  พัฒนาระบบ : ธีรพงษ์ สุทธิวราภิรักษ์  โลโกนกน้อย : สุชา สนิทวงศ์  ภาพดอกไม้ในนกแชท : ณัฐพร บุญประภา  ลิขสิทธิ์งานเขียนในนิตยสารรายสะดวก เป็นของผู้เขียนเรื่องนั้น  ข้อความที่โพสบนเว็บไซต์แห่งนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้โพสทั้งสิ้น