![]() |
![]() |
เปิดฟ้า ก้องหล้า![]() |
...เทียนยังจำได้ว่า วันนั้นแม่เป็นลมล้มฟุบไปต่อหน้าต่อตา ทั้งไม่มีเรียวแรงและอาเจียนตลอดเวลา ขณะที่เทียนอุ้มแม่ไปขึ้นรถพาส่งโรงพยาบาล "...
เทียนยังจำได้ว่า วันนั้นแม่เป็นลมล้มฟุบไปต่อหน้าต่อตา ทั้งไม่มีเรียวแรงและอาเจียนตลอดเวลา ขณะที่เทียนอุ้มแม่ไปขึ้นรถพาส่งโรงพยาบาล"ไปโรงพยาบาลใกล้ ๆ นี่นะเทียน" น้าสาวที่อยู่ด้วยกันบอกให้เทียนพาแม่ไปโรงพยาบาลของรัฐฯ ที่อยู่ใกล้บ้านที่สุด
"แต่เทียนอยากพาแม่ไปโรงพยาบาลเอกชน" เทียนต้องการให้แม่ได้รับการรักษาอย่างดีที่สุดในสภาวะฉุกเฉินเช่นนี้
"เทียนจะเอาเงินจากที่ไหนกัน เข้าโรงพยาบาลเอกชนก็ต้องเสียเงินเป็นหมื่นเป็นแสนบาท แล้วเดี๋ยวนี้ต้องวางเงินก่อนการรักษาด้วยซ้ำ ไม่มีหลักประกันอะไรเขาก็ไม่รักษาให้" น้าสาวเอ่ยเตือนด้วยความหวังดี
ก็คงจริงอย่างที่น้าสาวพูดเทียนจะพาแม่ไปรักษาในโรงพยาบาลดี ๆ ได้อย่างไร เทียนไม่ได้มีเงินมีทองมากมายขนาดนั้น มนุษย์เงินเดือนอย่างเทียนที่หาเช้ากินค่ำ...ใช้เงินเดือนชนเดือน แค่เพียงจะเก็บเล็กผสมน้อยยังไม่มีปัญญา หากเป็นยามเจ็บป่วย เทียนก็ต้องรักษาด้วยสวัสดิการของบริษัทที่เทียนทำงานอยู่ และมีงบประมาณให้พนักงานแต่ละคนค่อนข้างจำกัด เมื่อยามเจ็บป่วยประเภทไข้หวัด ปวดท้องหรือท้องเสีย ถ้าไม่ไปคลินิกหมอทั่ว ๆ ไป อย่างน้อยค่ารักษาก็ไม่ต่ำกว่า 500 บาทต่อครั้ง เป็นบ่อย ๆ รักษานาน ๆ มีหวังเงินเดือนทั้งเดือนก็คงไม่พอจ่าย
เทียนอยู่เฝ้าแม่จนกระทั้งแม่ปลอดภัยแล้ว แต่อาการอัมพฤกษ์ของแม่เนื่องมาจากเส้นโลหิตในสมองตีบอยู่ 2 เส้น และได้ยาละลายลิ่มเลือดเพื่อไม่ให้เส้นโลหิตอุดตัน กับยาลดความดันที่ขึ้นสูงถึง 190 ม.ม. (ปรอท) เมื่อแม่ถึงโรงพยาบาลและร่างกายซีกขวาก็ไม่ตอบสนองต่อการสัมผัส ทั้งมือและเท้า ขา ของแม่ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ ปากข้างหนึ่งก็บิดเบี้ยวไป ทำให้พูดได้ไม่ชัดคำ ฟังแล้วไม่รู้เรื่อง ราวกับคนลิ้นคับปาก แม่ต้องอยู่โรงพยาบาลเกือบสามอาทิตย์ พอช่วยเหลือตัวเองได้บ้างก็ต้องกลับไปอยู่บ้าน เพราะยังมีคนไข้อีกหลายราย ที่ต้องการเตียงเพื่อเข้ามารับการรักษา เทียนต้องจ่ายค่ารักษา ค่ายา ค่าห้อง รวมค่าอาหารและค่าจิปาถะเกือบ 2 หมื่นบาท ถ้าเป็นโรงพยาบาลเอกชนเทียนจะต้องจ่ายเพิ่มอีกกี่เท่าก็ยากจะคาดเดา
"ทำไมไม่ใช้บัตรเกรดิตละ" น้าสาวถามเทียนอย่างเป็นห่วง
"ผมไม่มีเงินสดหรอกน้า ใช้บัตรเกรดิดสามามารถผ่อนชำระได้เป็นงวด ๆ " เทียนอธิบาย
"แต่ต้องเสียดอกเบี้ยมากมิใช้หรือ" หน้าสาวถาม เทียนพยักหน้าตอบ
"อย่างไรก็ตาม เพียงให้แม่ปลอดภัยผมก็พอใจแล้ว"
แม่กลับมาอยู่บ้านกับอาการที่ยังไม่แข็งแรงนัก เทียนต้องจ้างคนดูแลเพื่อช่วยเหลือเวลาแม่กินอาหาร เวลาเข้าห้องน้ำหรือต้องการซื้อของอะไรที่จำเป็น เพราะแม่อาศัยอยู่กับน้าสาวกันสองคน ส่วนเทียนออกไปเช่าห้องอยู่ใกล้ ๆ ที่ทำงาน เสาร์อาทิตย์เทียนจึงจะกลับบ้าน
ถ้าเทียนทำงานแล้วต้องเหนื่อยล้าจากการเดินทาง ขึ้นรถแล้วลงเรือไปกลับทุกเช้าเย็น ..เป็นระยะทางไกล ๆ เทียนคงหมดแรงเสียก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายในการเดินทางเมื่อรวม ๆ กันในหนึ่งเดือน เท่ากับค่าเช่าห้องพัก เทียนจึงตัดสินใจหาห้องเช่าใกล้ที่ทำงาน แค่เดินไม่ทันเหงื่อออกก็ถึงแล้ว จะอยู่ทำงานให้มืดค่ำหรือต้อง ตื่นขึ้นแต่เช้าเทียนไม่เคยหวั่น เทียนจึงได้รับคัดเลือกเป็นพนักงานดีเด่นมีคุณภาพของบริษัทคนหนึ่งนั้น ทำให้เทียนมีความก้าวหน้าอย่างค่อยเป็นค่อยไปและมีความมั่นคงในอาชีพ
"พี่เทียน ขอแสดงความยินดีด้วย" คนพูดเป็นเพื่อนร่วมทีมที่ทำงานมาด้วยกัน 5 ปีเต็ม
"พี่เทียนได้เลื่อนตำแหน่งใหม่ เป็นหัวหน้าคุมงานการจัดซื้อ เห็นว่าพรุ่งนี้ จะมีการประกาศเป็นทางการ"
เทียนกล่าวคำขอบคุณทุกคนก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน เทียนจะเป็นหัวหน้าระดับบริหาร จะคุมการทำงานของพนักงานอีกไม่ต่ำกว่า 10 คน จะดูแลเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆที่ต้องรอบคอบ เทียนรู้สึกภูมิใจที่มีความอดทนและขยันหมั่นเพียร จนได้รับการตอบสนองจากผู้บริหารระดับสูง
"ผมเชื่อมั่นในความสามารถของคุณ คณะกรรมการบริหารเห็นชอบที่จะให้คุณมาดูแลงานที่สำคัญของบริษัท คุณเป็นคนมือสะอาด ตรงไปตรงมา หวังว่าความดีของคุณจะทำให้ระบบงานเป็นไปอย่างถูกต้อง เพราะผลที่ได้รับ ไม่เฉพาะกับตัวคุณเท่านั้น แต่รวมไปถึงบริษัทด้วย" ผู้อำนวยการให้ข้อคิดและเชื่อมั่นในตัวเทียน จะอย่างไรก็ตามเทียนจะไม่ท้อถอยต่ออุปสรรคที่กำลังยืนขวางหน้าอยู่ แม้ว่าจะเหนื่อยเพียงใดก็ตาม เพราะนั่นเป็นความสุขส่วนหนึ่งในชีวิตของเทียนอย่างแท้จริง
เทียนก้าวเท้าเข้าบ้านขณะที่คนดูแลกำลังพยุงแม่ให้ลุกนั่ง จากการที่ต้องนอนยาวมาแต่เช้า ให้หลังพิงพนักที่มีหมอนใบใหญ่หนุนหลังไว้ ร่างของแม่ยังโงนเงนนั่งตรง ๆ ไม่ได้ ใบหน้าดูสดชื่นขึ้น แต่ที่มุมปากยังคงบิดเบี้ยวไปข้างหนึ่ง
"เป็นอย่างไรบ้างแม่" เทียนเข้าไปนั่งข้าง ๆ ได้ยินแม่พูดเสียงอ้อแอ้ฟังไม่เป็นคำเหมือนกำลังอยากจะบอกอะไรสักอย่าง
"ใจเย็น ๆ แม่ หมอบอกว่าแม่ต้องใช้เวลาในการรักษา จะให้หายปุ๊บปั๊บทันใจคงเป็นไปไม่ได้" เทียนยังจำคำที่แพทย์ผู้รักษาเล่าให้ฟังถึงโรคปัจจุบันทันด่วนนี้
"โรคอัมพฤกษ์.. เกิดขึ้นได้รวดเร็วและไม่มีอาการบอกก่อนได้ชัดเจนอยู่ในจำพวก โรคเงียบ แต่เมื่อป่วยแล้วจะรักษาให้หายจำเป็นต้องใช้เวลาอันยาวนาน บางคนป่วยแล้วไม่หายก็มี บางคนอาการดีขึ้นเพียงเล็กน้อย และบางคนก็สามารถกลับมาเดินได้อีกครั้ง แต่ คงไม่เหมือนเดิมร้อยเปอร์เซ็นต์ คุณต้องทำใจได้ว่าได้รักษาอย่างดีที่สุดแล้ว ร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับเวลาที่ผ่านมา ให้ดูแลสุขภาพของตนเองได้มากน้อยไม่เท่ากัน อย่าเร่งรีบที่จะเห็นความปกติเหมือนเดิมอย่างเร็ววัน เพราะจะทำให้จิตใจของคนป่วยท้อแท้ เมื่อทำไม่ได้ดังใจคิด และคุณจะพลอยเป็นทุกข์ไปด้วย"
คนดูแลนำผ้าชุบน้ำเย็นบิดหมาด ๆ มาเช็ดหน้า และเช็ดเนื้อเช็ดตัวทำความสะอาดให้แม่สดชื่น เทียนนั่งมองดูท่าทีของแม่แล้วรู้สึกสงสารอย่างจับใจ ปกติแม่เป็นคนเดินเก่งเดินเร็วและไม่เคยหยุดอยู่นิ่ง แต่วันนี้.. แม่ต้องมานอนอยู่เฉย ๆ พลิกซ้ายพลิกขวาจะหยิบจับอะไรก็ใช้ได้เพียงซีกด้านเดียวของร่างกาย ซีกขวาของร่างกายไม่สามารถบังคับให้เป็นไปตามปรารถนาได้ จะกินก็ต้องคอยป้อน จะขับถ่ายก็ต้องมีคนคอยดูแล จะลุกจะนั่งก็ต้องคอยพยุง แม่กลัวทุกอย่าง แม้การกินอาหารก็ต้องเลือกกินอาหารที่ไม่เป็นพิษภัยอันตรายทำให้โรคกำเริบ ต้องคอยดูแลอย่าให้คอเรสเตอรอลสูง ไม่ให้อ้วนมาก และระวังความดันโลหิตมิให้สูง จะทำให้อาการป่วยทรุดลงอีก
"เทียน" น้าสาวทักทาย
"ลำบากหน่อยนะครับ คุณน้า" เทียนรู้สึกเห็นใจที่น้าสาวต้องมาลำบากเดือดร้อนกับพี่สาวของตน
"ไม่เป็นไรหรอกเทียน น้ามีเด็กเปิ้ลช่วยดูแลให้อีกแรงหนึ่ง" น้าสาวคงหมายถึงเด็กดูแลที่จ้างมาจากศูนย์สุขภาพเพื่อช่วยเหลืองาน ได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว
" บางทีเทียนอาจจะย้ายจากต่างจังหวัดกลับมาทำงานที่บ้าน" เทียนรู้สึกเป็นห่วงแม่
"ก็ดีนะ จะได้มีผู้ชายสักคนในบ้านให้พออุ่นใจ เมื่อวานนี้มีเจ้าหน้าที่มาฝึกกายภาพบำบัดให้แม่แล้วนะเทียน" น้าสาวบอก
เทียนต้องจ้างเธอมาเพื่อทำกายภาพบำบัดให้แม่ วันละ 1 ชั่วโมงทุก ๆ วัน เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่จะพื้นฟูให้ร่างกายกลับมาใช้ได้เป็นปกติ หากจะได้ผลมากน้อยแค่ไหนตัวคนป่วยจะต้องให้ความร่วมมือด้วย
ภาพที่เทียนมองเห็นอยู่ข้างหน้าเขาสงสัยว่าจะเป็นภาพลวงตาหรือภาพความจริง มันจะเป็นไปได้อย่างไรกันที่แม่ของเทียนจะออกมาเดินเล่นอยู่หน้าบ้านอย่างมีความสุข ใบหน้านั้นยิ้มแย้มแจ่มใสและอากัปกิริยาที่เดินเห็นได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว ราวกับว่าความเจ็บป่วยนั้นได้ถูกหยิบจับเอาไปทิ้งหมดแล้ว เทียนมองภาพนั้นอย่างพินิจพิเคราะห์ ว่าเป็นเพียงแค่ความฝัน หรือมีอภินิหารจากที่ไหนไปเสกเป่าให้ความทุกข์หมดสิ้นไปแล้วโดยฉับพลัน ....จะเป็นไปได้อย่างไรกัน ในเมื่อแพทย์ผู้รักษายังย้ำเตือนให้เทียรรับสภาพอาการอัมพฤกษ์ของแม่ที่อยู่ ๆ ก็เกิดขึ้น และมีทีท่าว่าจะยึดเยื้ออย่างไม่มีกำหนด เวลาหาย
" แม่ แม่" เทียนร้องเรียกเมื่อมายืนอยู่ต่อหน้าแม่
" ทำไมแม่หายดีแล้ว แม่หายได้อย่างไรกัน" เทียนรู้สึกแปลกใจกับความอัศจรรย์ใจในเหตุการณ์ครั้งนี้
เมื่อวันที่ : 02 ก.ค. 2558, 10.00 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...