![]() |
![]() |
เปิดฟ้า ก้องหล้า![]() |
...พี่ชาย...ของเรา สุธรรมเป็นชายหนุ่มที่มีความขยันหมั่นเพียร มีคุณธรรม ผู้ที่เป็นที่รักของคนหลายคน ด้วยอัธยาศัยไมตรีอันดี สุภาพ เยือกเย็น...
พี่ชาย...ของเราสุธรรมเป็นชายหนุ่มที่มีความขยันหมั่นเพียร มีคุณธรรม ผู้ที่เป็นที่รักของคนหลายคน ด้วยอัธยาศัยไมตรีอันดี สุภาพ เยือกเย็น
สุธรรมเป็นผู้เสียสละอันยิ่งใหญ่อีกผู้หนึ่ง เขาได้ใช้ชีวิตบำเพ็ญประโยชน์แก่ผู้อื่นด้วยความเต็มใจ และมิหวังผลตอบแทน
เขาได้สละตนให้พี่และน้อง ๆ โดยการหยุดเรียนในระดับมัธยมศึกษา เพื่อทำงานหาเงินส่งเสียให้พี่และ น้อง ๆ ได้ศึกษาต่อจนจบการศึกษาระดับปริญญาตรีและมีงานทำ
เมื่อพี่และน้อง ๆ จบปริญญาตรี สุธรรมพลอยมีความปิติ อิ่มสุขในความสามารถของเขา ทั้งพี่น้องของเขาสามารถเรียนจบ และได้รับเกียรติบัตรจากพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
สุธรรมภูมิใจในหยาดเหงื่อและแรงงานของตนที่สามารถบันดาลความฝันให้เป็นจริงแก่พี่ และน้อง ๆ ก้าวสู่ความสำเร็จได้ดังปรารถนา
ทุกครั้งที่พี่และน้องๆ ไปรับปริญญาบัตร สุธรรมก็เป็นส่วนหนึ่งที่ได้ไปร่วมแสดงความยินดีและฉลองความสำเร็จกันอย่างครึกครื้นสนุกสนาน ระหว่างญาติพี่น้องและเพื่อน ๆ ของเขาตลอดครูอาจารย์ผู้มีส่วนร่วมในความสำเร็จเหล่านั้น
เวลาที่พี่และน้อง ๆ ได้รับการคัดเลือกบรรจุเข้าทำงาน ซึ่งต้องผ่านการทดสอบแข่งขัน สอบสัมภาษณ์ ผ่านการคัดเลือกมาตลอด สุธรรมเองก็มีส่วนสำคัญในการช่วยเหลือ เลี้ยงฉลอง รับส่ง และการขนย้ายสัมภาระ จนเป็นที่สำเร็จเรียบร้อยทุกคน
สุธรรมก็เปรียบประดุจพ่อแม่หรือผู้ปกครองของเขาคนหนึ่ง เช่นเดียวกับคุณพ่อคุณแม่ตัวจริง ด้วยความภาคภูมิใจ ในฐานะที่เป็นน้องชายและพี่ชาย ผู้ประสานให้ความรัก ความเคารพ ความนับถือ ความสามัคคี ความกลมเกลียวในครัวนี้มีอย่างล้นเหลือ
ขณะที่พี่น้องได้เรียนจบและได้ทำงานเป็นหลักฐานมั่นคงกันทุกคนแล้ว สุธรรมยังต้องดำเนินชีวิตเช่นเดียวกับในอดีตที่ผ่านมาอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีวันหยุดเป็นกิจจะลักษณะ เช่น ข้าราชการที่มีการหยุด วันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์ต่าง ๆ อีก เช่น วันปิยมหาราช วันเฉลิมพระชนมพรรษาฯ ทั้งสองพระองค์ วันมาฆบูชา วันวิสาขะบูชา ฯลฯ
สุธรรมต้องไปปลูกยางพาราในพื้นที่ 5 ไร่ ซึ่ง อยู่ในที่ตั้งคนละอำเภอกัน อดีตเป็นที่ดินของคุณแม่ ซึ่งได้รับเป็นมรดกตกทอดมา ที่ดินผืนนี้เป็นที่นามาก่อน ซึ่งก่อน ๆ นั้น ท่านได้มอบให้ญาติของท่านทำนาทุกปี
ปีปลายนี้ที่ดินแปลงใกล้ ๆ เขาปลูกยางพารากันเกือบทุกแปลงแล้ว ยังมีอยู่ด้วยกันสามแปลง ที่บริเวณใกล้ ๆโดยรอบ ที่มีอาณาเขตติดต่อกัน
เจ้าของในพื้นที่เป็นญาติกัน ได้ปรึกษาหารือกัน แล้วปรับพื้นที่ปลูกยางพารา
ได้มีการยกร่องปักแนวปลูกยางพาราแบ่งเป็นแปลง ความห่างจากหัวแปลง ถึงท้ายแปลง ห่างกัน 7 เมตร ใช้รถไถนายกร่องให้ดินกลบเข้าหากันเป็นร่องยาวจากหัวดินไปท้ายดินตรงปักหลักระยะ 7 เมตรเป็นแกนกลาง
เมื่อได้ยกร่องยาวตามความยาวของที่ดินเสร็จแล้ว ก็ใช้เชือกขึงจากหัวร่องถึงท้ายร่องตามแนวหลัก 7 เมตร ตรงกลางร่อง และได้วัดจากหลักแรกไป 3 เมตร สุธรรมได้ใช้ไม่ไผ่เหลาเล็ก ๆ ตลอด ยาว 60 ซ.ม. ตรงแนวเส้นขึงจากหัวไปท้ายร่อง ห่างกัน 3 เมตรตลอดทุกช่อง
จึงได้สวนยางพาราที่มีขนาดแถวปลูก 7 x 3 คือแถวยาวตามแนวร่องห่างกัน 7 เมตร ยางแต่ละต้นในแถวห่างกัน 3 เมตร
เมื่อปักแนวต้นยางพาราให้ห่างกันต้นละ 3 เมตรตลอดทุกแถวแล้ว สุธรรมก็ได้ชวนเพื่อน ๆ มาช่วยกันขุดหลุมยางพารา ตรงที่ปักไม้ไผ่ไว้เป็นแถวห่างกัน 3 เมตร หนึ่งหลักขุดหนึ่งหลุม ให้หลักไม่ไผ่เป็นจุดศูนย์กลางของหลุม ขุดขนาดหลุมกว้าง 1 ฟุตทั้ง 4 ด้านและลึก 1 ฟุต
จากนั้นใช้ปุ๋ยและยาป้องกันแมลงจำพวกปลวกผสมเคล้ากับดินให้เข้ากัน ประมาณครึ่งหลุม
เมื่อเตรียมหลุมแล้ว สุธรรมก็ได้นำต้นกล้ายางพารา ซึ่งได้ชำไว้แล้ว เป็นต้นกล้ายางสมบูรณ์ มีความสูงประมาณ 3 ชั้นที่ต่อยอด หรือ 50 เซนติเมตรโดยประมาณ
วิธีการปลูก สุธรรมกับเพื่อนนำต้นกล้ายางพาราไปวางไว้ที่ปากหลุมทุกหลุมแล้ว ก็เริ่มปลูกโดยการกรีดถุงยางใส่ดินที่โคนต้นกล้ายางไว้ตอนเริ่มปักชำ แล้วปล้อนถุงออก นำต้นยางพาราวางตรงกลางหลุมแล้วเกลี่ยดินปากหลุมลงปิด ให้ดินปิดหลุมเสมอปากหลุม และปิดเหนือดินที่โคนต้นกล้า ให้กิ่งตาอยู่เหนือพื้นดิน ประมาณ 1 -- 3 นิ้ว ตามสภาพลักษณะของตาที่งอก
เมื่อปลูกยางพาราเสร็จแล้ว 3 วัน อากาศร้อนและแดดจ้าตลอดวัน สุธรรมก็ไปรดน้ำต้นกล้ายางที่ปลูก ใช้เวลา 4 ชั่วโมง ด้วยการตักน้ำจากหลุมดิน ซึ่งเจ้าของแปลงที่ปลูกก่อนแล้ว 2 ปี หรือ 3 ปีแล้ว เขาขุดบ่อดินลึก 2 เมตร กว้าง 3 เมตร ยาว 40 เมตร น้ำลึก 1.5 เมตร
สุธรรมตักน้ำด้วยถังพลาสติกทำจากแคนลอนน้ำมันเครื่องเฉือนส่วนที่เป็นที่จับถือออก ใช้ไม้กลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.5 นิ้ว ตัดให้ยาวเท่ากับด้านแคบของกระป๋อง ใช้ตะปูตอกโดยยึดพื้นพลาสติกด้านแคบให้ติดกับปลายไม้ในบริเวณปากกระป๋องทั้งสองข้าง ให้อยู่กึ่งกลางของด้านยาวพอดี
วันแรกรดน้ำกล้ายางพาราเสร็จ สุธรรมนั่งพักผ่อนที่ศาลาริมถนนและนอนหลับไป ตื่นมาสดชื่นกระปรี้กระเปร่าอย่างมีความสุข และรีบกลับบ้าน ด้วยรถจักรยานยนต์ฮอนด้าดรีม 100
อีกสามวันต่อมา สุธรรมไปรดน้ำกล้ายางอีก เพราะฝนยังไม่ตก ถ้าปล่อยเฉยไว้ ต้นกล้ายางพาราจะเหี่ยวตายเพราะมีน้ำไม่พอ จึงต้องเฝ้าระวัง ดูแลอย่างดี เหมือนลูกอ่อนนั้นแหละ
วันนี้สุธรรมรู้สึกเพลีย เพราะกลางคืนไปช่วยงานแต่งงานหลานบ้านใกล้กัน นอนน้อยไปหน่อย ตักน้ำด้วยถังเล็กใส่ถังใหญ่ถังละ 2 ถังเล็ก หิ้วถังใหญ่ครั้งละ 2 ถังด้วยมือสองข้างไปรดต้นกล้ายางถังละต้น จากสว่างจนเกือบ 11 โมง จึงรดน้ำกล้ายางพาราเสร็จ
รดน้ำเสร็จ สุธรรมจะไปนั่งพักที่ศาลาสาธารณะข้างถนนอีก เพื่อจะได้หลับสักงีบหนึ่ง แต่มีชาวบ้านและญาติของพ่อ เดินมาเจอกัน 5 คน จึงต้องพูดคุยทักทายกัน ต่างถามสารทุกข์สุกดิบซึ่งกันและกัน เวลาพอสมควรสุธรรมก็ออกเดินทางต่อ ทั้งที่ยังรู้สึกเพลีย ๆ มึน อากาศร้อนมาก ความหิวมันก็แทรกเข้ามานิด ๆ สุธรรมอยากจะเข้าไปพักงีบที่บ้านของญาติของคุณพ่อ แต่ต้องเจอกับญาติ ๆ อีกหลายคน นาน ๆ จึงจะพบกัน จึงต้องพูดคุยกันบ้างเป็นธรรมดา
สุธรรมจึงออกเดินทางกลับบ้านโดยจักรยานยนต์คู่ชีพ วิ่งไปประมาณ 20 กิโลเมตร เหลือระยะทางอีก 5 กิโลเมตรจะถึงบ้านพัก สุธรรมรู้สึกง่วงนอน จึงแก้ง่วงด้วยการขยับขยำมือกับแฮนด์รถบ้าง เคี้ยวฟันบ้าง กลั้นลมหายใจบ้าง
จากจุดเริ่มง่วงมาประมาณ 2 กิโลเมตร ที่นั้นมีศาลาพักผู้โดยสารอยู่แห่งหนึ่ง สุธรรมอยากนอนเต็มที แต่คิดว่ามันอยู่ใกล้กับเล้าหมู คงจะมีกลิ่น จึงไม่ได้จอดนอนพักงีบ
จากจุดที่สุธรรมเริ่มง่วงนอน สุธรรมก็เพิ่มความเร็วขับขี่รถจาก 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และ 85 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อง่วงนอน เคยได้รับผลดี เพราะต้องรับผิดชอบต่อตนเองสูง เสี่ยงต่อชีวิต ประสาทเตรียมพร้อมทุกอย่าง ไม่ว่า รถจะพรวดพราดออกจากซอย สุนัขข้ามถนน เด็กข้ามถนน ฯลฯ
รถวิ่งผ่านมาอีกนิด อยากจะหยุดพักบ้านญาติข้างถนน มองแล้วประตูปิด ไม่มีคนอยู่ ถ้าจะหยุดก็ลำบาก จึงขับขี่รถต่อไปด้วยความเร็วปานลูกธนูจากแหล่ง
ขณะที่เจ้าหน้าที่ประจำเปล 2 ท่าน ได้ยกสุธรรมจากเตียงนอนธรรมดา ไปยังเตียงเคลื่อนย้ายคนป่วย สุธรรมมีความรู้สึกจำได้เป็นครั้งแรก เห็นภายในอาคารแล้วรู้สึกมึนงง เพราะไม่เคยพบเห็นมาก่อน คิดในใจว่าน่าจะเป็นโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ จึงถามว่า
" นี่โรงพยาบาล ม.อ. ใช่ใหม" สุธรรมถามด้วยความสงสัย
" ไมใช่ เป็นโรงพยาบาลในจังหวัดของเรา" พยาบาลตอบ
สุธรรมรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง มีอาคารใหญ่กว้างขวาง ซึ่งสุธรรมไม่เคยเห็นมาก่อนว่า โรงพยาบาลบ้านเราแห่งนี้ มีโรงพยาบาลหลังใหม่
รถคนป่วยเคลื่อนจากห้องป่วยรวมไปยังห้องพิเศษ อยู่หัวท้ายอาคาร ซึ่งมีเฉพาะสำหรับสำรองพิเศษอยู่ห้องหัวห้องท้ายของอาคาร มีเฉพาะสำรองแก่นายแพทย์ พยาบาลที่ป่วยกะทันหัน สุธรรมทราบจากคำบอกเล่าว่า "เพื่อนของน้องสาวผู้เป็นพยาบาลบอกนายแพทย์ว่าสุธรรมเป็นพี่ชาย จึงได้รับการจัดสรรพิเศษให้ โดยเพื่อนของน้องสาวเป็นผู้รับผิดชอบ
เมื่อเจ้าหน้าที่ประจำเปลได้ถ่ายคนป่วยลงบนเตียงแล้ว พยาบาลก็จัดการดูแลความเรียบร้อยของอุปกรณ์ที่ช่วยการรักษาในระดับอนุบาล เช่น น้ำเกลือ เลือด สำรวจดูสาย เข็มเจาะ ปลาตเตอรปิดแผลหรือสายต่าง ๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็เฝ้าคอยระวังอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา ด้วยความสนใจและเอาใจใส่ มิได้ละทิ้ง น้องยังนิยมศรัทธาเขาอยู่ทุกท่าน ที่มีเมตตากรุณาได้ให้การเอื้อเฟื้อดูแลให้เป็นอย่างดี และกำลังขอบคุณเขาอยู่ในใจตลอดมา"
เมื่อวายคนแล้วสุธรรมก็ถามน้องสาว ว่า
"ทำไมพี่มาอยู่ที่นี้ และมาได้อย่างไร"
" พี่ล้มรถจักรยานยนต์นอนสลบที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ห่างจากบ้านเราประมาณ 3 กิโลเมตร ชาวบ้านเห็นเหตุการณ์ได้ออกมาช่วยเหลือ ในกลุ่มของผู้หวังดีให้การช่วยเหลือนั้นมีน้อง..เชย ได้ถอยรถออกจากบ้าน เพื่อนำพี่ส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดในทันที"
"ก่อนที่เขาจะนำพี่ขึ้นรถกะบะตอนหลัง เขาได้ช่วยกันสำรวจแขน ขา และส่วนอื่น ๆ ว่ามีความเสียหายเพียงใด แต่ชีพจรยังเต้นอยู่ และเขาช่วยกันปั้มหัวใจ จนมีเสียงคราง ท้องและอกเริ่มกระเพื่อม เลือดยังไหลอยู่ บริเวณศีรษะ ใบหน้า มือ เท้า มีแผลเลือดไหลอยู่ เขาตกลงใจยกพี่ขึ้นรถกะบะที่ติดเครื่องรออยู่ใกล้ ๆ รถจะต้องรีบนำพี่ส่งโรงพยาบาลทันที แต่หลายคนที่นั้นยังไม่พร้อมที่จะเดินทางไปด้วย"
"ขณะนั้นมีหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งสวมหมวกไหมพรมปิดหน้า เธออยู่ในชุดกรีดยาง เสื้อผ้าดำมอมแมมด้วยขี้ยางติดเกรอะ เพิ่งจะมาถึง เธอได้ขึ้นไปบนรถกะบะ เธอถอดหมวกไหมพรมออก ทุกคนก็รู้จักเธอ
"ฉันไปเอง ไม่ต้องห่วง"
เธอเดินทางยังไม่ถึงบ้าน ยังไม่อาบน้ำ ไม่ได้ทานอาหาร ไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่เธอมีนิสัยใจบุญใจดีชอบช่วยเหลือผู้ป่วยอาหารสาหัสเช่นนี้ หลายครั้งมาแล้ว ทุกคนทราบดี
"ชาวบ้านช่วยกันปิดท้ายรถกะบะ เธอนั่งลงใกล้ศีรษะของพี่ แล้วเธอช้อนศีรษะของพี่ขึ้นจากพื้นพอประมาณ เธอก็สอดขาของเธอเข้าไปใต้ศีรษะของพี่ให้พี่หนุนแทนหมอน น่าอิจฉาจัง พี่เรา รถติดเครื่องอยู่แล้ว ก็ทะยานออกจากที่ไปปานลูกธนูออกจากแหล่ง ตามจังหวะจากเกียต่ำไปเกียสูง จนรถหายไปจากสายของชาวบ้าน เพราะถนนมีส่วนโค้งอยู่ไม่ไกลนักด้วย"
"เธอมีความกังวลและห่วงใยพี่มาก ๆ ก่อนจะถึงทางแยกขึ้นถนนสายเอกก่อนจะมุ่งตรงไปยังในเมือง เธอเรียกชื่อพี่ ช้ำแล้ว ซ้ำอีก เมื่อเธอได้ยินเสียงครางออกมา และขานรับ เธอดีใจมาก"
"เธอเรียกชื่อพี่และถามอาการไปตลอดทาง มีเสียงตอบคำถามสนองความรู้สึกทุกคำถาม จนถึงโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ตลอดจนพยาบาลและแพทย์ได้ช่วยเหลืออย่างเต็มที่ น้องซาบซึ้งในน้ำใจของเขา น้องมีความอบอุ่นและขอบคุณคณะพยาบาลและแพทย์เหล่านั้น มนุษย์ธรรมเจริญงอกงาม เกินกว่าคำเล่าลือจริง ๆ"
"ตลอดเวลาที่ผ่านมาแพทย์ พยาบาล ตลอดถึงญาติพี่น้อง ถามสิ่งใดพี่ พี่ตอบได้ตลอด เหมือนคนปกติทั่วไป ทุกคนคิดว่าพี่ฟื้นแล้ว มีความรู้สึกถูกต้องดีทุกประการ"
" ไม่ พี่มารู้สึกตัวเมื่อเจ้าหน้าที่เปลยกเปลี่ยนตัวพี่จากเตียงเคลื่อนไปห้องพิเศษ ตอนบ่ายห้าโมงเย็น พี่แปลกใจมาก จึงได้ถามว่า ที่ไหน ที่ มอ. หรือไม่ เพราะเป็นสถานที่ใหม่ อาคารใหม่ ก่อนนี้พี่จำไม่ได้จริง ไม่รู้อะไรเลย พี่สุดงง"
" แพทย์ผ่าตัดให้ยาสลบบ้างไหมน้อง"
"ใช่คะ ตอนทำแผลที่หน้า"
"อาจเป็นส่วนก็ได้ ที่พี่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย"
"แต่พี่มีอาการอย่างนี้มา ตั้งแต่อยู่ระหว่างทางที่มีการขนย้ายมาโรงพยาบาลแล้ว"
" ไม่ทราบ พี่ไม่รู้อะไรเลย มันเกิดอะไรขึ้น แล้วเธอคนนั้นอยู่ไหนละ"
"เมื่อแพทย์และพยาบาลได้ทำการปฐมพยาบาล ทำแผล เอกซเรย์ และอะไรอีกตามความจำเป็นจนเรียบร้อยแล้ว เธอก็กลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ชุดกรีดยางของเธอที่เลอะเทอะ ติดกรังด้วยยาง สีดำมอมแมม มีเลือดของพี่ติดกางเกงและเสื้อของเธอ เธอช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ ไม่เคอะเขิน ช่างน่ารักเหลือเกินนะพี่นะ"
"ขอบใจเธอมาก น้องช่วยบอกเธอด้วย"
"พรุ่งนี้ เธอบอกว่าจะมาเยี่ยมอีก"
ขณะนี้เวลา 18 นาฬิกากว่าแล้ว
"พี่หนุนตักเธอจนถึงโรงพยาบาลหรือ"
"ใช่คะ"
วันรุ่งขึ้น เธอมาเยี่ยมสุธรรม พร้อมของฝาก เธอเล่าเหตุการณ์ต่าง ๆให้สุธรรมฟังอย่างสนุกสนานและเป็นกันเอง เหมือนกับสนิมสนมกันมานานแสนนาน
เธอเอาใจใส่ดูแลสุธรรมเหมือนญาติใกล้ชิด จนกลายเป็นญาติสนิทและใกล้ชิดจริง ๆ
หนึ่งปีต่อมา วันดี เดือนเก้า
วันนี้กระบวนขันหมากของสุธรรมไปถึงบ้านของเธอ เธอดีใจมาก มีการต้อนรับอย่างดี ทั้งขอหมั้นและแต่งในวันเดียวกัน จบม้วนเดียว เสร็จพิธี ต่างไชโยโห่ร้อง กันอย่างสนุกสนานทั้งฝ่ายเจ้าบ่าวและฝ่ายเจ้าสาว
น้อง ๆ ของสุธรรมต่างแสดงความยินดี และร่วมกันลงขันสร้างเรือนหอให้พี่ชาย และพี่สะใภ้ สร้างบ้านเสร็จเรียบร้อยต่างฉลองกันอย่างสนุกสนาน พร้อมมอบรถกะบะสี่ประตู และเงินจำนวนหนึ่งให้พี่ชายและพี่สะใภ้พร้อมอวยพรให้อยู่ครองเรือนกันตราบนิรันดร
เมื่อวันที่ : 23 มิ.ย. 2558, 16.05 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...