![]() |
![]() |
เปิดฟ้า ก้องหล้า![]() |
...ตุ้ม ! ตุ้ม ! เสียงจุดอ้ายตูมดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว แผ่นดินสะเทือน ต้นไม้สะท้าน คนอยู่ใกล้เคียงปวดหู จนหูอื้อไปนาน ๆ อ้ายตูม เป็นชื่อเคร่ืองจุดระเบิดเ็นสัญญาณบอกการเรื่มงาน...
ตุ้ม ! ตุ้ม !เสียงจุดอ้ายตูมดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว แผ่นดินสะเทือน ต้นไม้สะท้าน คนอยู่ใกล้เคียงปวดหู จนหูอื้อไปนาน ๆ
อ้ายตูม เป็นชื่อเครื่องจุดระเบิดเป็นปัญญาท้องถิ่นของไทยผลิตด้วยเขาควายในระยะแรก ได้พัฒนามาเป็นกระบอกเหล็กสูงประมาณ 30 เซนติเมตร ความยาวเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3 -- 5 เซนติเมตร ฐานกว้าง 5 เซนติเมตร ปลายยาว 3 เซนติเมตร ใช้ดินประสิวซึ่งทำใช้เองในหมู่บ้าน หย่อนดินประสิวลงก้นบอกอ้ายตูม แล้วอัดให้แน่นด้วยไม้เล็ก ๆ ที่เตรียมไว้ ส่วนปลายของไม้สวมด้วยทองเหลือง หรือทองแดง อัดให้ดินแน่นชั้นแรก แล้วใส่ดินปืนอีก อัดอีกให้แน่นแล้วใส่ดินปืนอีก อัดจนดินประสิงมีความหนาประมาณ 1 นิ้ว จึงใส่ตะพดหรือเปลือกมะพร้าวซึ่งเอาขุยของมันออก แล้วม้วนเป็นกระจุกเล็กๆ อัดลงไป แล้วใช้ดินเหนียวอัดลงไปส่วนหนึ่ง แล้วดึงไม้สำหรับเสียบรูใส่ชนวนออก ดินปืนผงก็ออกมาจากประบอกทางรูชนวนเล็ก ๆ ซึ่งห่อเอาดินปืนไว้ เสียบเข้าไปในรูจนแน่นแล้วปล่อยปลายชนวนไว้ให้ยาว สำหรับจุดชนวนให้มันระเบิด
เมื่อปิดส่วนบนด้วยดินเหนียวให้แน่นแล้วก็นำอ้ายตูมที่เสียบชนวนแล้วไปวางใต้ต้นไม้ใหญ่ ๆ เพื่อจุดตามเวลาที่เจ้าของงานต้องการหรือพร้อมในการจุดแล้ว
เมื่อจะเข้างานศพตามเวลาตามฤกษ์ยามแล้ว เช่นเริ่มงานมีการก่อไฟ สมมุติว่ามีฤกษ์ยาม 05.00 นาฬิกา ก็จะมีการจุดอ้ายตูม ครั้งละกระบอก บางครั้งจุดพร้อม ๆ กัน 2 กระบอกได้
เมื่อได้ฤกษ์ยาม เจ้าหน้าที่จุดอ้ายตูมก็จะนำเอาอ้ายตูมตามจำนวนที่จะจุดไปว่าง แล้วให้สายชนวนยาวห่างออกมา แล้วจุดเทียนที่ผูกไว้กับปลายไม้ แหย่เข้าไปจุด แล้วรีบวิ่งออกมาห่าง ๆ ประมาณ 20 -- 30 วินาที ก็จะมีเสียงระเบิด หนึ่งครั้งต่อ 1 ลูก แล้วจึงค่อยจุดลูกที่สอง ลูกที่สามอีกต่อไป ครั้งละ 1 ลูก เสียงของมันก็จะดังมาก ทุกวันนิยมใช้พลุจุดแทนไอ้ตูมแล้ว
เมื่อจุดอ้ายตูมลูกแรก หมอทำพิธีประจำงานก็จะได้จุดไฟฤกษ์ยามให้พ่อบ้านจุไฟที่ก่อสำหรับใช้ในงาน ซึ่งนิยมเรียกว่าเปิดงาน หมอทำหน้าที่จุดไฟทุกเตาที่ใช้ในการหุงแกงในงาน เจ้าหน้าที่ทำงานที่ได้นัดหมอบหมายให้ดำเนินการ ก็จะมีการหุงข้าวกระทะใบบัวใบใหญ่ ทีการแกง ต้ม ตามที่เตรียมไว้แล้ว
งานศพนี้เป็นงานศพของหนุ่มใหญ่อายุกลางคน ซึ่งทำหน้าที่ตัดไม้เลื่อยไม้ เพื่อสร้างบ้านและอาคารต่าง ๆ ตามที่เขาจ้างให้ทำ ส่วนมากจะเป็นไม้ที่โค่นภายในบ้าน หรือไม้ในแปลงที่มีสิทธิตามกฎหมาย บางโอกาส มีคนว่าจ้างไปเลื่อยไม้ในป่าสูงเชิงเขา ซึ่งมีไม่น้อยนัก
ลุงแต้มเป็นผู้มีลักษณะแข็งแรง ร่างใหญ่ อารมณ์สนุก ไม่ชอบทะเลาะมีเรื่องกับใคร เป็นคนสุภาพ แต่ ท่านทำงานได้ดีมาก เป็นที่รักใครและชอบพ่อของทุกคนภายในหมู่บ้านนี้
ลุงแต้มมีเครื่องมือใช้ในการแปรรูปท่อนซุงเป็นไม้สำหรับนำไปประกอบโครงสร้างอาคาร ตู้ โต๊ะ ต่าง ๆ คือเลื่อยกระทุ้ง พร้อมอุปกรณ์ลับเลื่อย คือ ตะใบ เป็นรูปสามเหลี่ยมยาวประมาณ 1 ฟุต ใช้สำหรับถูให้เลื่อยมีลักษณะไม่ลื่น เพราะการตรากตรำทำงานมาก ๆ จนใบมีดลื่นและเลื่อยไม้ไม่ออก ธรรมชาติของเลื่อยมันจะมีใบเลื่อยที่ลับแต่งไว้แล้ว
วันนั้นกำนันของตำบลต้องการไม้ไปใช้ในการซ่อมแซมโรงเรียนให้ถาวรมั่นคง เนื่องจากหลังคารั่ว ลุงแต้มต้องรับภาระหน้าที่เป็นคนเลื่อยไม้ย่อยออก เพื่อนำไปใช้กระกอบเป็นอาคารสร้างใหม่ไว้ให้ลูกหลานได้ศึกษาเล่าเรียน
ตอนเช้าลุงแต้มได้จูงลูกวัวและแม่วัวไปล่ามไว้ในล้อม ซึ่งเป็นทุ่งหญ้าประมาณ 6 ไร่ ลุงทำรั้วล้อมรอบขอบชิดด้วยต้นไม้ (ต้นปอ ต้นหงเทศ และต้นมะขามแซมด้วยเต่าร้าง มะม่วงหิมพาน ในล้อมมีจอมปลวกขนาดย่อมมีต้นไม้ให้ร่มเงา แก่วัวได้เป็นอย่างดีตลอดวัน เช่น ต้นหว้า ต้นมะขาม ต้นขี้เหล็ก มีบ่อกลมลึกพอประมาณล้อมด้วยรั้วต้นไม้ยืนต้นและไม้ไผ่ เมื่อถึงเวลาบ่ายโมง ลุงแต้มจะตักน้ำให้วัวได้ดื่มทุกวัน วันใดที่ลุงแต้มไปทำงานที่อื่นก็จะมอบหมายให้ลูกหลานเป็นผู้จัดการให้
ลุงแต้มคดข้าวห่อใส่ต้อหมากซึ่งลอกส่วนที่หนาด้านหลังของมันออก ตักข้าว ถุงใสแกง ปลา น้ำพริก แล้วใช้ต้อหมากนั้นห่อข้าวและกับจนมิดพับด้านหัวท้ายให้กลับมาซ้อนกันตรงกลาง แล้วผูกด้วยเชือกกล้วย แล้วนำห่อด้วยผ้าขาวม้าให้ห่อข้าวอยู่ตรงกลางของผ้าขาวม้าทั้งสองข้างปลาย นำผ้าขาวม้าคาดพุงให้ห่ออยู่ตรงสะเอวด้านหลังพอดี
พร้อมด้วยน้ำใส่ออม ลูกออมคือผลไม้ประเภทฝักทองมีรูปร่างส่วนล่างโต ส่วนบนเล็กเรียวขอด ปลายมนกลม ผ่าที่ใกล้ส่วนบนเป็นช่องสี่เหลี่ยมเอาไส้และเมล็ดออกหมด ตากแดดให้แห้งนำมาใส่น้ำ เปลือกของมันแข็งและหนา
มีคณะกรรมการวัด หลายท่าน กำนัน ผู้ใหญ่บ้านตลอดถึงเจ้าอาวาสและพุทธบริษัทจำนวนมากมีช้างสองเชือกไปร่วมในครั้งนี้ด้วย ได้ไปเดินหากันหลายคน ก็พบต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งอยู่บนเนินลาดไม่มากนัก มติของคณะกรรมการมีความเห็นตรงกันว่าให้โค่นต้นนี้ได้
ลุงแต้มจึงจัดแจงเย็บใบเตยเป็นกระทง ขนาดเล็กมีรูปสี่เหลี่ยมบ้าง หกเหลี่ยมบ้าง สำหรับใส่ข้าว น้ำ ขนมหวาน ปลา เครื่องเส้นสังเวยประเภทสุรา เมื่อจัดการได้ครบแล้วจึงได้วางสำรับลงที่โคนต้นไม้ จุดธูปเทียน พร้อมด้วยหมากพลู สุรา ปลาปิ้งแล้ว ลุงแต้มก็อาราธนาอัญเชิญชุมนุมเทวดา ประกาศให้เทวดาที่รักษาต้นไม้ได้โปรดกรุณาอภัยให้ด้วย เพราะทางวัดมีความจำเป็นที่จะนำต้นไม้ไปใช้ประโยชน์สร้างเป็นสาธารณะกุศล โดยการสร้างอาคารเรียน จึงขออนุญาตและขอความกรุณาให้เทพารักษ์ทั้งหลายจงอนุโมทนาสาธุการในบุญครั้งนี้ด้วย และสาธุขึ้นพร้อมกัน และอนุญาตให้คนของเราตัดต้นไม้ได้ ไม่ทำอันตรายผู้ปฏิบัติโค่นล้มและแปรสภาพไม้เป็นท่อน ดุ้น ซึ่งทางช่างจะได้อุทิศส่วนบุญกุศลให้แก่เทพารักษ์ผู้รักษามวลมนุษย์ชาติ หวังว่าสิ่งศักดิสิทธิ์ทั้งหลายจะช่วยคุ้มครองดูแลรักษาและให้ความปลอดภัยแก่ทุกคนที่มาร่วมกันเลื่อยไม้ในครั้งนี้และขอให้พวกเราจงมีแต่ความสุขสวัสดี
เมื่อเชิญเทวดา ประกาศขออนุญาต ขออภัยและให้ช่วยคุ้มครองและให้รับส่วนบุญกุศลในกิจกรรมนี้แล้ว ทุกคนต่างมีความเชื่อมั่นสูง ก็เริ่มลงมือตัดโค่น
ต้นไม้ใหญ่มาก ใช้ขวานด้ามยาวตัดโค่นข้างละคนของด้านเดียวกัน เรียกว่าบากหน้า อีกด้านตรงข้ามไว้โค่นให้ล้มลงเรียกว่า บากหลัง จนส่วนหนึ่งของต้นไม้ได้ขาดลง และได้ช่วยกันจนตะวันคล้อยต่ำลง จะเป็นสามโมงเย็น ต้นไม้ก็เริ่มขาด ปกติแล้วจะล้มไปทางที่บากหน้าไว้ เมื่อขาดล้มแล้ว ต้นไม้ก็ไม่ล้มลง มันหมุนเวียนอยู่อย่างนั้น ไม่ล้ม ทุกคนที่ไปได้เห็นเหมือนกันหมดต่างก็หยุดดูและคอยระวัง เพราะไม่สามารถคาดเดาได้ว่าต้นไม้จะล้มไปทางใด หลายคนหวั่นวิตก เพราะไม่ทราบทิศทางการล้มของต้นไม้ได้ มันยังยืนตรงและหมุนอยู่กับที่
เมื่อจัดแจงจุดธูปเทียนวางดอกไม้บูชา แล้วเริ่มสวดมนต์ไหว้พระ อ้างอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบันและพระสยามเทวาธิราช ตลอดจนบรรพกษัตริย์ราชวงค์ต่าง ๆ ที่เคยปกครองประเทศไทย ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิทั้งหลาย ซึ่งมีเจ้าป่าเจ้าเขา จงได้ช่วยเหลือ ขอให้เทวดาผู้ปกป้องคุ้มครองจงอนุญาตให้ล้มและให้จะนำไม้ไปใช้เป็นสาธารณะประโยชน์ในการกุศล ขอให้เทวดาผู้รักษาดูแลทุกพระองค์ได้ร่วมกันรับบุญกุศล เสร็จพิธีก็ให้บางคนไปตัดเถาวัลย์และติดกิ่งเล็กออก เมื่อแต่งเสร็จนายช่าง ลุงแต้มให้ชาวบ้านได้ช่วยกันดึง ต้นไม้ก็ยังไม่ล้ม เมื่อลมพัดก็ยังหมุนได้เหมือนเดิม
ลุงแต้มนึกได้ว่าในสมัยก่อนนั้นบริเวณนี้เมื่อมีมโนราห์ผ่าน หรือหนังตะลุงผ่าน คณะหนังหรือมโนราห์ต้องหยุดและแสดงหรือรำถวาย ถ้าไม่รำถวายหรือแสดงถวาย จะมีอาการอาเพศต่าง ๆ จนไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ จึงต้องแสดงหรือรำถวายดังกล่าว
"ข้าแด่ท่านเทวดาเจ้าป่า เจ้าเขา เจ้าที่เจ้าทางโปรดกรุณามอบต้นไม้ให้แก่พวกของเราด้วยเถอะ เราจะนำไปสร้างเพื่อการกุศล ประโยชน์แก่ปวงชน ทำโรงเรียนเป็นสถานที่ศึกษาของเยาวชน เมื่อนำไปสร้างสำเร็จตามวัตถุประสงค์แล้ว พวกเราจะรำมโนราห์ถวาย 1 โรง กรุณาอนุญาตและให้ไม้ล้มได้ดังปรารถนา และสามารถแปรรูป ตลอดจนการชักลากดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีอุปสรรคใด อันตรายใด ๆ และถ้าผิดพลาดอย่างไร คณะของพวกเราต้องกราบขออภัยไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย
เสียงลมพัดเรื่อย ๆ มาจากทิศตะวันออก จนพัดแรงขึ้นเป็นลำดับ บางครั้งลมพัดหวน คณะของลุงแต้มตัดไม้ทุกคนก็หลีกไปหลบอยู่ทีใต้ต้นไม้ใหญ่ขนาด 5 คนโอบต้นสูงมากอีกซีกควนด้านหนึ่ง ทันใดนั้นไม้ก็ล้มลงอย่างง่ายดาย ไม่ค้างบนพอนไม้ หรือต้นไม้ให้ต้องลำบากเหมือนกับทุกครั้งที่เคยทำมาก่อน หายเหนื่อยไปเยอ
ประมาณชั่วโมงกว่า ขณะที่ต้นไม้หมุนร่อนอยู่ก่อนล้มลง
เมื่อไม่ต้องโค่นแล้ว ชาวบ้านต่างช่วยกันรอนกิ่งเล็ก ๆ ที่ไม่ต้องการออก หมดแล้วจัดกะระยะของความยาวที่ต้องการไม้นำไปใช้แล้วทำเครื่องหมายไว้ เว้นระยะไว้สำหรับตัดด้วยขวานและเลื่อย เมื่อตัดออกแล้วก็เจอะจมูกไม้สำหรับใส่โซ่ผูกลากจูงนำกลับไปแปรรูปที่วัด โดยใช้ช้างลากเปลี่ยนทิศทางและลากออกจากป่าด้วยช้าง และคนจำนวนมาก จนกว่าจะทำเป็นเหลี่ยมด้วยการถากด้วยขวานถากและขวาน แล้วจึงลากไปเลื่อยแปรรูปที่วัด เตรียมให้คนมาช่วยกันงัดไม้ช่วยเหลือช้าง ให้สามารถเข้าทางได้รวดเร็วเมื่อนำถึงวัดยังต้องช่วยกันเลื่อยทุ้งไม้ให้แตกออกเป็นสองซีกแล้วนำสองซีกวางบนคาน หาไม้รองให้ส่วนที่หนักกว่าสูงขึ้นประมาณเข่า เพื่อให้พื้นที่ลาดชันน้อยขึ้นและจะได้ตีเส้นด้วยถ่านไฟสีดำ ทำโดยนำถ่านไฟฉายมาตำให้แตกและเอาถ่านสีดำใส่กะลาผสมน้ำใช้เชือกด้านหนึ่งจุ่มในกะลาโดยใช้นิ้วใดนิ้วหนึ่งกดหรือใช้ไม้กดไม่ให้โผล่ขึ้นจากน้ำถ่านในส่วนนั้นที่จะให้ติดสีดำ แล้วดึงให้ผ่านจุดนั้นไปมากน้อยตามความต้องการที่เหมาะสมกับความยาวของท่อนไม้ที่จะตีเส้นให้เป็นแนวตรงสำหรับเลื่อยออกเป็นดุ้นตามขนาดที่จะนำไปใช้ในการสร้างอาคาร ซึ่งนายช่างได้กำหนด ความยาว ความหนา สองด้านให้และจำนวนดุ้นที่ต้องเลื่อยให้เพียงพอกับความต้องการ
"โอ้ย โอ้ย ช่วยด้วย ช่วยด้วย เราถูกรังแก ช่วยด้วยท่านเจ้าขา"
ลุงแต้มได้ตื่นขึ้นอย่างงัวเงียหลังจากพล่อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลียที่ต้องผจญความเหนื่อยยากตลอดทั้งวัน
"ปานนี้แล้ว ใครหนอมาร้องไห้โอดครวญอยู่อีก เขาจะหลับจะนอน หนวกหูจริง ๆ " ลุงแต้มบนพึมพำในใจ
ลุงแต้มสลัดผ้าห่มออกลุกขึ้นเปิดหน้าต่างออกไปดู เห็นผู้หญิงชุดขาวผมยาวกำลังนอนร้องไห้ครำครวญและบิดร่างไปมา เหมือนกับมีอาการเจ็บปวดทรมานยิ่งนัก ความอยากรู้อยากเห็นทำให้ลุงแต้มตัดสินใจไปเปิดประตู แล้วไปหยิบมีดหมอ ไม้หวายลงอาคมของอาจารย์ พร้อมภาวนากันตนเองใช้ผ้าขาวม้าอีกผืนพาดบ่าเปิดประตูกว้างออกรีบลงบันไดไปที่หญิงสาวที่ร้องไห้อยู่ทันที
ลงถึงพื้นลุงแต้มหันไปที่ตุ่มน้ำเชิงบันไดตักน้ำมาขันหนึ่งจึงเอาบ้วนปากล้างหน้า 2 -- 3 ครั้ง วางขันลงบนที่ตั้งพร้อมเอาผ้าขาวม้าที่พาดบ่ามาเช็ดหน้าให้สะอาด
"ทำไมหนูมาร้องไห้อยู่ที่นี่"
".........................."
เจ้าเป็นลูกเต้าของใครอยู่ที่ไหน ทำไมมาร้องไห้อยู่ที่นี้ จะให้ลุงช่วยเหลืออะไรบ้าง"
หญิงสาวหันมามองพร้อมยกมือขึ้นไหว้มีเลือดไหลโชกกาย มีแผลเหวะหวะทั้งร่าง ช่างน่าสังเวชยิ่งนัก ใบหน้าเธอบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดทรมาน พร้อมเธอส่งเสียงร้องระริก ฟูมฟายเช็ดน้ำตาพรางพูดพรางสะอึกสะอื้น
"หนูถูกทำร้ายคะ"
"เมื่อไร"
"เมื่อวานคะ"
"ที่ไหนละ"
"ในป่าโน้น" พร้อมกับชี้มือไปทางในป่าใหญ่
"พ่อแม่ญาติพี่น้องอยู่ไหนละ"
"อยู่บริเวรแถวนี้แหละจ๊ะ"
"เธอมากจากตะเคียนทองในป่าใช่ไหม"
"ใช่คะ"
"มาทำไมหรือ"
"ฉันอยู่ในป่าอย่างสงบ มีทีพักอาศัยอยู่กับต้นตะเคียนทอง ประดุจบ้านของหนูคะ" เธอแหนหน้าขึ้นดูลุงแต้มพร้อมสะอื้น " อยู่มีเทวดามาชุมนุมเต็มไปหมด ถูกมนุษย์ขอร้องเทวดาเหล่านั้นให้ขอที่อยู่อาศัยของฉัน ซึ่งได้อยู่มาเป็นกัปล์เป็นกัลป์ เขาบังคับให้หนูสละที่อยู่ให้แก่มนุษย์หนูไม่ยอม เทวดาก็ไม่ยินยอม เพราะท่านบอกว่า เขาจะขอไปทำประโยชน์ให้แก่มวลมนุษย์ชาติ โดยทำเป็นสถานที่เรียน ฉันก็ต้องยอม เพราะเทวดาเป็นผู้มีบุญ มีคุณธรรม แต่เทวดาไม่เห็นความเดือดร้อนของผู้หญิงเล็ก ๆ คนหนึ่งเลย "
"เธอจะให้ลุงทำอย่างไร"
"ไม่ทราบคะ หนูได้รับความเจ็บปวดเพราะที่อยู่คือร่างของฉันมันถูกทำลาย ด้วยการโค่น ตัดกิ่ง ผ่าซีก เจ็บปวดทรมานที่สุด พวกมนุษย์ไม่มีเมตตาจิตบ้างเลย หนูกำลังจะใกล้ตายอยู่แล้ว"
"ลุงขออภัยด้วย ลุงไม่คิดว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างนี้ ลุงก็เขาขอร้องให้ไปร่วมโค่นเพราะลุงเป็นช่างก่อสร้าง ช่างไม้ ลุงขออภัยด้วย แล้วหนูโกรธพวกลุงไหม"
"ไม่คะ หนูไม่อยากสร้างบาปให้ติดตนเอง เพราะความโกรธเป็นมนต์ดำ ที่ทำให้จิตใจตกอับและอาจจะตกลงในบันไดนรกและไปนรกได้รวดเร็วนัก หนูไม่กล้าคะ"
"ก็หนูเจ็บปวดและมาประท้วงอยู่ต่อหน้าลุงมิใช่หรือ"
"ใช่คะ หนูจำใจยอมเพราะเกรงกลัวเทวดา พวกท่านจึงไม่ผิด เทวดาก็ไม่ผิดเพราะท่านมองถึงผลบุญที่จะบังเกิดขึ้นแก่มวลมนุษย์และเทวดาจะได้รับส่วนแบ่งของบุญกุศลในครั้งนี้ด้วยแม้แต่ตัวฉันก็จะได้รับเช่นกัน"
"หนูมีความปรารถนาอื่นใดมากกว่านี้บ้าง"
"หนูอยากให้มนุษย์ทราบว่า นางไม้ก็ต้องการที่อยู่อาศัย ต้องการให้คนเห็นใจ ไม่รังแกกันโดยการนำคณะ ผู้มีอำนาจมาบีบบังคับให้ทำตามความปรารถนาของมนุษย์ มนุษย์นี่ถ้าถูกทำลายล้างบ้างก็จะเที่ยวฟ้องโน้นฟ้องนี้ ถึงเวลาขอ ก็ขอทุกอย่างดะไป ซึ่งเป็นเรื่องของความโลภ ความอยากได้ และ การเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น ผู้ที่ด้อยกว่า มือใครยาวสาวได้สาวเอา น่าสังเวชที่สุดเท่าที่ปรากฏมีมา"
"นี่เธอ....ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ ขอให้เธอจงรับ และคอยรับตลอดไป ฉันทำบุญทุกครั้งจะอุทิศให้เธอเสมอและตลอดไป"
"ขอบคุณมากคะ หนูจะขอวิงวอนให้ลุงได้ไปบอกเหล่ามนุษย์ว่า เหล่าบรรดาต้นไม้ก็มีชีวิตเช่นกัน เราต้องการอาหาร ต้องการที่อยู่อาศัย ต้องการสิ่งบรรเทาโรคภัย ต้องการเครื่องทำความอบอุ่น ต้องการสร้างความดี
ขอให้มนุษย์อย่าได้รังแกพวกเรา มนุษย์ได้รังแกพวกเรามานานแล้ว พวกเราได้รับความเจ็บปวดทรมาน และผลอันนั้นได้สะท้อนกลับมายังมวลมนุษย์ได้รับความเจ็บปวดทรมานกลับคืนไปตามผลกระทบจึงสะท้อนกลับไป
คือความทุกข์เดือดร้อนนานัปการจากธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม ฝนลูกเห็บ ลมฤดูร้อน แห้งแล้ง โลกร้อน ขาดโอโซน รังสีดวงอาทิตย์ทำลายโลก อากาศหนาวเย็น พายุหิมะ หิมะขั้วโลกละลาย
นี่เป็นกฎแห่งกรรม มิใช่นางไม้หรือเทวดากลั่นแกล้ง ขอให้มนุษย์ช่วยกันอนุรักษ์ธรรมชาติ ให้มนุษย์มีความเห็นใจ เอ็นดูเหล่าป่าไพรและช่วยกันถะนุถนอม บำรุงดูแลให้ป่ามีความเจริญก้าวหน้า เป็นที่พึ่งของมนุษย์ได้ตลอดไป ผู้ที่ทำลายธรรมชาติก็คือทำลายตนเอง คนที่เผาบ้านต้นเองก็คือคนที่เผาตนเอง และลูกหลานของตนเองทั้งในปัจจุบันและในอนาคต เช่นเดียวกับผู้ที่ทำร้ายธรรมชาติ"
...................
เมื่อวันที่ : 21 มิ.ย. 2558, 14.40 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...