นิตยสารรายสะดวก  Fiction  ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘
..."ทำไม ! ชีวิต​​ต้องดิ้นด้นไม่รู้จักจบสิ้น มันเต้น​​ไปตามจังหวะของ​​ความคึกคะนองของอารมณ์ ​​ที่ปรุง​​แต่งให้​​เป็น​​ไปมิมีวันหยุดพักผ่อน" ชารำพึง​​กับตน...
"ทำไม ! ชีวิต​ต้องดิ้นด้นไม่รู้จักจบสิ้น มันเต้น​ไปตามจังหวะของ​ความคึกคะนองของอารมณ์ ​ที่ปรุง​แต่งให้​เป็น​ไปมิมีวันหยุดพักผ่อน" ชารำพึง​กับตน

"ตั้งแต่เกิดมาจนทุกวันนี้เกือบเจ็ดสิบปีแล้ว​ ยัง​ต้องดิ้นรนทุรนทุรายไม่รู้จักจบสิ้น ​เพราะอะไร​"

"​เพราะ​ความ​ต้องการ ​ความอยาก หรือทยานอยาก จึง​ต้องเต้นดิ้นรนไม่มี​ที่สิ้นสุด ​เมื่อไร​จะสงบ"

เช่นชีวิตของชา​ต้องทำงานบ้าน งานสังคม ​และเขียนต้นฉบับ​ส่งสำนักพิมพ์ จังหวะชีวิตมันเต้นถี่ทุกวัน ไม่มีวันจบ จนกว่าชีวิต​จะหาไม่

วันนี้ชามาเขียนต้นฉบับ​อยู่​​ที่วัดแห่งหนึ่ง​ ​ซึ่งวัดนี้แบ่ง​เป็น 2 ซีกด้วยถนน ซีกหนึ่ง​มีการพัฒนาประชาชนสร้างเสริมให้คน​ได้รู้เข้าใจธรรมะ​และอิสระ ฟากหนึ่ง​​เป็นบริเวณแคบประกอบด้วยเมรุ ศาลาคู่เมรุ ​และหอฉันหรือโรงครัว ​ทั้งสองฝ่ายเต้น​ไปตามจังหวะของตนเอง เหมือนหัวใจของ​แต่ละคน​ที่เต้น​ไปตามจังหวะของมัน ​พระองค์นี้​ได้รับหน้า​ที่พิเศษ ดูแลอาคารสถาน​ที่ อีกฝั่งหนึ่ง​ของวัด จังหวะอาจไม่เหมือนกัน ​แต่ผล​ที่​ได้รับอาจเหมือนกัน

การเต้นตามลีลาชีวิต​ที่​ต้องเขียนต้นฉบับ​ เรื่อง​สั้น พอมีคนทราบ หลายคนถามด้วย​ความสนใจ อยากรู้เรื่อง​สั้นแบบไหน เขียนทำไม ​ได้อะไร​ เขียนส่ง​ไป​ที่ไหน ​ซึ่งจังหวะชีวิตของ​เขามันเต้นเร็วกว่าของเดิมมาก บางครั้งถึงถูกตะคอกว่า เรื่อง​สั้น​เป็นอย่างไร ​ต้องอธิบายกันยืดยาว

ชีวิต​ที่เต้นในจังหวะนี้ ณ สนามเล็ก ๆ​ใกล้เมรุมาศ บนม้าหินขัด ​ซึ่ง​เป็นสถาน​ที่สงบมาก ​จะไม่มีผู้คนพลุกพล่านรบกวน เขียนจบแล้ว​มีเวลาอยู่​เยอะก่อน​จะค่ำ

ชีวิต​ที่เต้นผิดปกติ เห็นสภาพของใบไม้ในช่วงย่างเข้าสู่ฤดูร้อนตอนต้น หรือฤดูใบไม้ผลิฤดูในต่างประเทศ ​คือมกราคม ​เป็นต้น​ไป

ใบมันร่วงลอยละลิ่วลงสู่พื้น บางใบถูกกระแสลมพัดลอย​ไปไกลจึง​จะตกลง ใบไม้​แต่ละใบมีการเต้นของจังหวะ​ที่ต่างกัน ขึ้น​​กับสภาพแวดล้อมของมัน
ใบหนึ่ง​​เมื่อหลุดจากขั้ว ​จะพลิ้วลอยหลายรอบลงสู่พื้น บางใบหลุดจากขั้วติดต้นล่องลอยดุจนกถลาลมร่อน​ไปสู่เป้าหมาย​ที่ไม่​ได้เจตนาของมัน มันหล่นมิ​ได้จบสิ้น มันทับถม​กับบนพื้นหินเกร็ด​ที่​ใช้แทนทราย

​เมื่อมองยอดไม้ปรากฏว่ามียอดอ่อนเล็ก ยอดอ่อน​ที่ใบเพหลาด ยอดอ่อน​ที่เกือบแก่ ใบรุ่นกลาง ๆ​ ใบเริ่มแก่ ใบแก่ใบเหี่ยว​และใบ​ที่ร่วงลงสู่พื้น

นี่​คือกฎธรรมชาติ​ที่มีมา​แต่สมัยดึกดำบรรพ์​ที่​พระพุทธองค์ทรงค้นพบ ​คืออนิจจัง ​คือ​ความไม่แน่นอน การเปลี่ยนแปลง​และไม่ใช่ตัวตนของต้นไม้เอง มัน​เป็น​ส่วน​ที่เกิดปรุง​แต่งมาจากธรรมชาติ ​คือเมล็ด จากเมล็ดงอก​เป็นใบ ต้นกิ่งก้านดอกผล ​และร่วงลงสู่ดินเช่นเดิม ธรรมชาติมันหมุนเวียนอยู่​อย่างนี้ เช่น เดียว​กับ กลางวันกลางคืน ฤดูในรอบปี ระบบต่าง ๆ​ ​และในจิตใจของมนุษย์ ​คือ ​ความอยาก ​ความโลภ ​ความโกรธ ​ความหลง ​ความดี ​ความเมตตา การเสียสละ ฯ

ชีวิตของมนุษย์เช่นเดียว​กับ​กับต้นไม้ ​ถ้าต้นไม้ 1 ต้นเท่า​กับหมู่บ้าน หรือตำบล เช่นจังหวัด หรือประเทศ ระบบต่าง ๆ​ ก็เหมือนกัน ​คือมีการเกิด การเจริญ เติบโต มีการเสี่ยงภัย กระทบกระเทือน บาดเจ็บเสียหาย ทรุดโทรม ​และจาก​ไป เช่นเดียวกัน​ทั้งพืช​และสัตว์

ชีวิตเหมือนใบไม้ เริ่มเกิดก็เหมือนใบไม้เริ่มแตกผลิยอดอ่อน ยอดแก่ ก็ เหมือนเด็ก​ที่โตขึ้น​ ​ถ้าลมพัดแรงทำให้ยอดไม้ขาดสะบั้น เหมือนเด็ก​ที่ประสบอุบัติเหตุ หรือโรคร้าย เสียชีวิต ใบอยู่​จนแก่ ก็เช่นมนุษย์วัยแก่เฒ่า ใบ้ไม้ร่วงหล่นตามกาลเวลา ดุจมนุษย์ล่วงลับ​ไปตามกาล เช่นเดียวกัน

ชามองใบไม้จนรู้สึกซาบซึ้ง สัจธรรมของสมเด็จ​พระสัมมาสัมพุทธเจ้า​ที่มีอยู่​ทุกหนทุกแห่งในโลกนี้ ​แม้ในอากาศ ในน้ำ บนผิวโลก บนต้นไม้ มันมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ​เป็นอนิจจัง มันไม่​สามารถเติมเต็มให้อยู่​คง​ได้ ​เพราะอนัตตา ​คือไม่ใช่ของเรา ​และมัน​เป็นทุกข์​เมื่อผจญ​กับ​ความเปลี่ยนแปลงของสภาพอนาคตกาล ​ซึ่ง เกี่ยว​กับมนุษย์เรา

ชา​ได้​ใช้สถาน​ที่อันสงบ​ได้เขียนเรื่อง​สั้น อันโครงเรื่อง​​ได้มาจากมุมเฉียง มุมสะท้อน ของชีวิต ​เพื่อสื่อสารให้ผู้อื่นทราบถึงเจตนา ​ความรู้สึกของเรา​กับสิ่งนี้ ​คือธรรมชาติ ​ได้ซึมซับวิธีแห่งแนวคิดของ​พระพุทธองค์​และ​ความพอเพียง ​ที่สร้างสรรค์ชีวิตสังคมให้บริบูรณ์ พูนสุข ​และ​เป็นอมตะในแนวคิด​ที่สัมผัส​ความพอเพียง​ได้อย่างลึกซึ้ง

​พระผู้ดูแลสถาน​ที่นี้มิ​ได้อยู่​ ​เพราะท่านรับกิจนิมนต์​ไปงานศพของญาติในบ้านใกล้ ๆ​ นั้น​เอง

ชา​ซึ่งมองใบไม้ยิ่งทับถม ยิ่งมาก ลมพัดมาใบก็กระดอนกระเด็น​ไปตามแรงของกระแสลม กระแสลม​คืออุปสรรคชนิด​ที่ทำให้สรรพสิ่งเปลี่ยน​ไปตามแนวโน้มของมัน เช่นเดียว​กับพายุ แห่งกรรม​ที่พัดกระหน่ำใจให้หวั่นไหว​ไปตามกระแสกิเลศ​ที่มากระทบทำให้คนอยู่​รอดก็มี ​แต่​ที่ทำให้คนปั่นป่วนหลงใหล​ไปตามอำนาจแห่งกิเลศ​และผลกรรมนั้น​ก็มีมาก

ชามี​ความสุข​กับการ​ได้เห็นสัจธรรมอย่างซาบซึ้ง​และประทับใจ ​เพราะใจคิด มิใช่เห็นเพียง​แต่ผิวเผิน คิดว่ามัน​จะ​ต้องมีการเปลี่ยนแปลง​ไปสู่สุขคติแห่งใหม่ บนพิภพนี้ ภาระยังมิสิ้นสุด จึงเก็บดับกระดาษใส่กระเป๋า ยืนขึ้น​มอง​ไปรอบ ๆ​ ​แม้​แต่ใบไม้ทั่วบริเวณ ฤดูใบไม้ผลัดใบ เพียงไม่กี่นาทีก็มีใบไม้ร่วงลงดินเยอะ มนุษย์ก็ร่วงเยอะเช่นกัน จากภัยธรรมชาติ เช่น ซึนามิ แผ่นดินไหว น้ำหลาก พายุหมุน ลูกเห็บ อุบัติเหตุต่าง ๆ​ โรคระบาด ​ความหิว ​ความแห้งแล้ง ​ความหนาว ฯลฯ

ชามองแล้ว​คำนวณถึงทิศทางของกระแสลม กระแสบุญ​จะเกิดขึ้น​ในวันนี้ ​เพราะชาตั้งใจ​จะตอบแทนบุญคุณของสถาน​ที่​ที่​ซึ่งให้ชา​ได้​ใช้​ความสงบ​และกระโดดโลดเต้น​ไปตามจังหวะของชีวิตชั่วระยะ หนึ่ง​แล้ว​เปลี่ยน​ไป ไม่คง​ที่

จึง​ไปหยิบไม้กวาดมาแบ่งพื้น​ที่​เป็น 5 ​ส่วน บนถนน 3 ​ส่วน หน้าอาคาร 1 ​ส่วน ​และบนพื้นปูนห้าอาคารอีกหลัง 1 ​ส่วน

เริ่มกวาดลากจากในสุด ​เพื่อกวาดล้อม​เป็นกองไว้ ​จะ​ได้สะดวก​ในการขนถ่าย​ไปทิ้งให้มันกลับคืนสู่ธรรมชาติอีกครั้ง นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า ไม่มีสรรพสิ่ง หรือสสารหรือมวลสารใดหาย​ไปจากโลกนี้ ​แต่มัน​จะเปลี่ยนรูปสถานะของมวลสารเท่านั้น​ เช่น จากน้ำ​เป็นไอน้ำ ​เป็นเมฆ ​เป็นน้ำ ตกลง​เป็นน้ำ​ที่เรียกว่าฝน ​เป็นไอ เรียกว่า​เป็น วัฏจักร ​ไปเรื่อย ๆ​ มิมีวันสิ้นสุด

การกวาดของชา ​ใช้ไม้กวาดก้านทางมะพร้าว ​ซึ่งมี​ความอ่อน​เป็นสปริงน่ากวาดกว่า ชากวาดใบไม้บนหิน​ไปเหมือนกวาดบนพื้นดินมันช้า กวาด​ได้น้อยหินเล็กก็เคลื่อน​ไปตามแรงไม้กวาดด้วย ทำให้หินเปลี่ยนสถานะ​เป็นพื้นเรียบ กลบรอยเท้า รอยรถ​ที่ผ่าน​ไปมา​ได้สมบูรณ์

กวาดแบบ​ใช้ไม้กวาดกดใบไม้​ไปข้างหน้า ทำให้มีแรงต้านมากมีฝุ่นตามขึ้น​​ไปด้วย ​แต่ก็หาวิธีการไม่​ได้ ​จะแก้ไขอย่างไรดีจึง​จะ​สามารถกวาดใบไม้​ได้ดี ชาสรุปว่าตนเองยังกวาดใบไม้ไม่​เป็น

ขณะ​ที่​ที่กวาดอยู่​นั้น​ ชาคิดหาวิธีการ​ที่​จะกวาดให้สะอาดไม่มีฝุ่นกระจายขึ้น​มา คิดว่าใบไม้อยู่​ตรงใด​จะกวาดรวบเข้ามาอย่างไร ให้เร็ว​และ​ได้มาก ชาคิดว่าใบไม้​คือ​ส่วน​ที่​เป็นวัชของพื้น​ที่วัด ในบริเวณนี้มิ​ได้​เป็นวัชของพิภพ พิภพ​ต้องการมันไว้ประดับ​เป็นอนุสรณ์ไว้เตือนใจ ​และแปลสภาพสู่พิภพอีก

ใจของชาก็เช่นกัน มีเศษเสี้ยวของสิ่ง​ที่ไม่​ต้องการของพื้น​ที่ เช่นเดียว​กับใบไม้ ​คือ ​ความอยาก ​ความโลภ ​ความอิจฉาริษยา ​ความเห็นแก่ตัว ​ความวิตกกังวน ​และกามราคะ​​ที่หยั่งเร้น คอยหยอกล้อจับไล่อยู่​ในใจมิขาดเว้น ขับไล่หรือกวาดสักเท่าไร ไม่ยอมหมด มันตกหล่นลงมามาเรื่อย ๆ​ เช่นเดียว​กับใบไม้ ​เพราะเรามีช่องทางเข้าในกายให้สิ่งเหล่านั้น​เล็ดลอดเข้ามา​ได้ เช่น หู ตา จมูก กาย ใจ ​ที่ให้เศษเลี้ยวของวัชร่วงหล่นลงบนพื้นผิวของหัวใจ ​และปัดกวาดกันไม่หวาดไม่ไหว

กามกิเลศตัณหามันก็เดิน​ไปตามจังหวะของมัน บางครั้งหัวใจของเราก็พลอยเต้นตาม​ไปด้วย เต้นจนลืมตัว พอมีสติคิด​ได้ก็ยับยั้งหรือกวาดกันพัลวัน อยู่​เรื่อย ๆ​ มันไม่หมด เช่นใบไม้​ที่หล่นลงมาเรื่อย ๆ​

จนใบไม้ไม่มีวันเหนื่อยจากการตกหล่นลงสู่พื้น เช่นเดียว​กับอกุศล​ที่ล่นลงราดดวงใจของเรา วิธีเดียว​ที่​จะชนะมัน​ได้ ​คือกวาด กวาด กวาด กวาดไม่มี​ที่สิ้นสุด

​กำลังกวาดมา​ได้หนึ่ง​ในเขตพื้น​ที่กำหนดหมาย ​พระผู้​เป็นเจ้าของสถาน​ที่​ซึ่งให้การควบคุมดูแลธรรมชาติในวัด​ส่วนนี้ ท่านบริหารให้​เป็น​ไปตามธรรมชาติ

ท่าน​เป็น​พระธรรมชาติวิทยากลับมาถึง ท่าน​ได้ทักทายอย่าง​เป็นกันเอง ท่าน​ได้เปลี่ยนจีวรออกสวมเฉพาะซับเหงื่อ ​ใช้ผ้าสบงคาดเอวอย่างกระชับมั่นคงตามแนวทางของ​พระสายธุดงค์ หรือ​พระป่า ท่านตรง​ไปหยิบไม้กวาด แล้ว​เริ่มกวาด ​เพื่อช่วยเหลือชา

ชาสังเกตเห็นว่า ท่านกวาดเร็ว ปลายไม้กวาดถึงพื้นเพียงแป๊บเดียวแล้ว​ก็กระดกขึ้น​​ส่วนปลายขึ้น​สูงทำให้ใบไม้กระเด็นว่อนด้วยแรงจากข้อมืออันทรงพลัง แฝงด้วยอำนาจจิต​ที่เข้มแข็ง​และชำนาญในการกวาดใบไม้ในลานหินเล็ก เช่นนี้ ยาก​ที่​จะหา​ใครเปรียบ​ได้ยาก ใบไม้กระเด็นฝุ่นไม่ฟุ้ง ชาก็ทำตามท่านบ้าง

การเริ่มต้นเหมือนท่านก็ยากมากเช่นกัน​แต่ไม่เกิน​ความ​สามารถของชา​ได้เพียงไม่นานนักชาก็​สามารถกวาดตามแบบอย่างของ​พระท่าน​ได้

ชาถึงบางอ้อ ชารำพัน​กับตนเองว่า

"เราเพิ่ง​จะกวาดใบไม้​เป็นวันนี้เอง ​และหลังจาก​ที่​ได้ศึกษาจาก​พระคุณท่าน ด้วยการศึกษาทางตรงจากท่าน สาธุ สาธุ สาธุ"

ชากวาด​ไปเรื่อย ๆ​ ทรายก็เรียบมิ​ได้กระดอน​ไปไกล เช่น​เมื่อตอนเริ่มกวาด หรือกวาดตามลำพังคนเดียว ​เป็นการสะกิดใบไม้นั้น​เอง ​ถ้าไม่กวาด ไม่ปฏิบัติปัญญาก็ไม่เกิด ทุกสิ่งทุกอย่าง​ที่ทำ ​จะทำให้เกิด​ความรู้ ​ความ​สามารถ​และ​จะมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในทาง​ที่สร้างสรรค์ ​คือ ดีขึ้น​ เก่งขึ้น​ ละเอียดยิ่งขึ้น​ ชำนาญยิ่งขึ้น​ หรือคล่องตัวยิ่งขึ้น​

ชาสรุปว่า ​การปฏิบัติทำให้​ได้เห็นสิ่ง​ที่​เป็นจริงตามธรรมชาติ​และ​ได้รู้ ​ได้เข้าใจ ​ได้​ความชำนาญ ดังเช่น นักบอล​ที่​ที่เก่ง​จะชอบลูกบอลตั้งแต่เล็ก ๆ​ อยู่​​กับลูกบอล​และมีประสบการณ์มาก
คน​ที่ชอบร้องเพลง​แต่เล็ก ๆ​ ก็​จะประสบผลสำเร็จในชีวิต

เอดิสัน นักวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ ไฟฟ้าของอังกฤษ ท่านชอบคิดมาตั้งแต่เด็ก ๆ​ ท่านจึงประสบ​ความสำเร็จในการคิดประดิษฐ์หลอดไฟฟ้าให้แสงสว่าง เครื่องขยายเสียง เครื่องถ่ายภาพยนตร์ เครื่องรีดผ้า ​และเครื่อง​ใช้เกี่ยว​กับไฟฟ้าร้อยกว่าชิ้น ​เพราะท่านเริ่ม​แต่เล็ก ๆ​ จึงสร้างสมประสบการณ์​และมี​ความรู้ล้ำหน้าในทุกอย่าง ​ที่มีประสบการณ์ในการทำงานนั้น​ ๆ​

ในพุทธศาสนา มีผู้​ที่สำเร็จ​เป็น​พระอรหันต์​ได้​โดยการ มองดอกบัวอย่างเดียว ลูบผ้าขาวอย่างเดียว ฯลฯ ​แม้​แต่องค์สมเด็จ​พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอง ​พระองค์ทรง​ได้พบเทวทูต ​คือการเกิด อาการแก่ อาการเจ็บ ​และการตาย จึงนำ​ไปสู่การค้นพบหลักธรรมของเหตุ​และผลของธรรมชาติ ​และชีวิต ​เพราะสิ่งนั้น​มี จึงเกิดมีสิ่งนี้ขึ้น​

เพียง​พระท่าน​ได้กวาดไม่เกินห้านาที มีรถจักรยานยนต์เข้ามาธุระ​กับ​พระท่าน​พร้อมด้วยลูกสามคน เพียงไม่ถึง 5 นาที มีรถสองประตูเข้ามาธุระ​กับท่าน​พร้อมด้วยสมาชิก ​และอีก 10 นาทีก็มีรถเก๋งจากต่างจังหวัดมาอีก ​พร้อมเครื่องบริขาร
"งานเสร็จ ​คือกวาดใบไม้หมด ​แต่กวาดในใจนั้น​ยังไม่หมดจากกิเลศต่าง ๆ​ คง​จะเช่นเดียว​กับบริเวณศาลา​พระเมรุนั้น​​ที่มีใบไม้หล่นทับถมทุกเสี้ยววินาที ตลอดวัน ตลอดคืน ในระยะผลัดใบของมัน ​แม้ระยะธรรมดาก็มีการทยอยพลัดใบทิ้ง​ไปเรื่อย ๆ​ ตามสภาพอายุ เช่นเดียว​กับมนุษย์​ที่ล้มหายตายจาก​ไปทุกวันไม่มีวันสิ้นสุด เรา​จะ​ต้องกวาดใจทุกวันเช่นกัน"

"​ถ้าไม่มีต้นไม้ พื้น​ที่บริเวณวัดก็ไม่เปื้อนด้วยใบไม้"

"ไม่มีกิเลศ ก็ไม่มีหัวใจ​ที่เศร้าหมอง"

"เรา​จะปิดกั้นหัวใจ​ได้ด้วย​ความจริง สัจธรรม ​และคำอธิษฐาน​เพื่อ​การปฏิบัติกวาดสิ่ง​เป็นวัชเหล่านั้น​ออก​ไป เรา​ต้องช่วยกันปัดกวาดสถาน​ที่​และปัดกวาดหัวใจของเราให้สะอาด ​และ​จะนำ​ความสันติสุขมาให้"

 

F a c t   C a r d
Article ID A-3666 Article's Rate 4 votes
ชื่อเรื่อง ภาระในฝัน
ผู้แต่ง เปิดฟ้า ก้องหล้า
ตีพิมพ์เมื่อ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘
ตีพิมพ์ในคอลัมน์ เรื่องสั้น
จำนวนผู้เปิดอ่าน ๑๒๗ ครั้ง
จำนวนความเห็น ๓ ความเห็น
จำนวนดอกไม้รวม ๒๐
| | | |
เชิญโหวตให้เรตติ้งดอกไม้แก่ข้อเขียนนี้  
R e a d e r ' s   C o m m e n t
ความเห็นที่ ๑ : ศาลานกน้อย [C-19127 ], [000.000.000.000]
เมื่อวันที่ : 12 พ.ค. 2558, 06.49 น.

ผู้อ่าน​ที่รัก,

นิตยสารรายสะดวก​ ​และผู้เขียนยินดีรับฟัง​ความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดง​ความเห็น​ได้​โดยอิสระ ขอขอบคุณ​และรู้สึก​เป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมี​ส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...​

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๒ : ส.อิศราลักษณ์ [C-19128 ], [202.29.179.164]
เมื่อวันที่ : 12 พ.ค. 2558, 09.36 น.

อืม! ​ใช้สิ่งเปรียบเทียบ​ได้ดีมากค่ะ​ เห็นด้วย ​ที่ว่าชีวิติคนก็เหมือนใบไม้ ​ที่เริ่มแตกใบอ่อน จนใบโตเติมวัย พบเจอภัยธรรมชาติ ใบอาจขาดวิ่น หรือพลิ้ว​ไปตามแรงลม ​และ​ที่สุดก็ร่วงหล่นสู่พื้นดิน กระแสลมอาจพัดพาใบไม้ให้ปลิว​ไปไกลกว่า​จะลงพื้นดิน ชอบค่ะ​ ​ได้อะไร​หลายอย่างจากเรื่อง​สั้น ๆ​ เรื่อง​นี้ ​และ​เพราะ​ที่​จะกวาดใจ​ไป​กับผู้เขียนนะคะ​ ขอบคุณสำหรับเรื่อง​สั้นดีๆ​นะคะ​

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๓ : เปิดฟ้า ก้องหล้า [C-19295 ], [171.7.246.67]
เมื่อวันที่ : 01 ต.ค. 2558, 18.56 น.

ขอขอบ​พระคุณพี่ๆ​ ท่ีเมตตา ​ได้สละเวลาอันมีค่าแวะชม ​และอ่าน "ภาระในฝัน" ​และทำ​ความสนิทสนมกันมัน ถือว่า​เป็นบุญอย่างย่ิง หลายท่าน​ได้มอบดอกไม้ให้​เป็น​กำลังใจอีกด้วยกรุณาอยา่ลืมเปิดฟ้า ก้องหล้านะครับ​ ร่มชายคาเดียวกัน ผมขออ้าง​เอาคุณบารมีของหลวงพ่อทวดเหยียบทะเลน้ำจืด วัดพะโค๋ะ จังหวัดสงขลา ดลบันดาลให้ทุกท่านประสบ​แต่​ความสุข​ความเจริญก้าวหน้า ในการดำรงชีวีวิต ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ คลาดแคล้วจากภัยพาลต่างๆ​ ตลอด​ไป

แจ้งลบข้อความ


สั่งให้ระบบส่งเมลแจ้งการเพิ่มเติมความเห็น
 ศาลานกน้อย พร้อมบริการเสมอ และยินดีรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกท่าน  ติดต่อเว็บมาสเตอร์ได้ทางคอลัมน์ คุยกับลุงเปี๊ยก หรือทางอีเมลได้ที่ uncle-piak@noknoi.com  พัฒนาระบบ : ธีรพงษ์ สุทธิวราภิรักษ์  โลโกนกน้อย : สุชา สนิทวงศ์  ภาพดอกไม้ในนกแชท : ณัฐพร บุญประภา  ลิขสิทธิ์งานเขียนในนิตยสารรายสะดวก เป็นของผู้เขียนเรื่องนั้น  ข้อความที่โพสบนเว็บไซต์แห่งนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้โพสทั้งสิ้น