![]() |
![]() |
เปิดฟ้า ก้องหล้า![]() |
...*อรทัยและจักรยานยนต์คู่ชีพของเธอต่างมีความร้อนอกร้อนใจไม่ต่างกัน ในขณะกลุ่มเมฆขนาดใหญ่กำลังปั่นป่วนวุ่นวายปานมีมือมารมหึมามาบิดขยำล...
*อรทัยและจักรยานยนต์คู่ชีพของเธอต่างมีความร้อนอกร้อนใจไม่ต่างกัน ในขณะกลุ่มเมฆขนาดใหญ่กำลังปั่นป่วนวุ่นวายปานมีมือมารมหึมามาบิดขยำลำไส้ของเธออยู่ เพราะความหิวมันไม่เมตตาสงสารผู้ใดเลย มีแต่จะรังควานรังแกให้สรรพสัตว์ทั้งหลายได้รับความเดือดร้อน ความปั่นป่วนในท้องของอรทัยและความปั่นป่วนในท้องฟ้ากำลังแข่งขันกันถล่มอย่างเมามัน *ร้านแล้วร้านเล่าที่อรทัยและรถคู่ชีพของเธอจะหยุดเพื่อจะขับไล่พวกมารที่บีบทำร้ายท้องของเธออยู่ แต่ภายในร้านแน่นขนัดด้วยผู้คน เธอจึงปรึกษารถคู่ชีพแล้วว่า จะต้องไปหาเอาดาบหน้า คงจะมีสักร้านหนึ่งที่พอจะมีที่นั่ง
*อรทัยและรถคู่ชีพเวียนกลับไปกลับมาหลายรอบ ทันใดเหลือบไปเห็นร้านหนึ่งพอจะมีที่ว่างได้สำหรับนั่งพักผ่อนบ้าง จากการขี่จักรยานยนต์มาเป็นระยะทางไกล ๆ
*"หยุดจ้า ร้านนี้แหละกำลังมีที่เหมาะจะนั่งพักและรับประทานอาหารมื้อนี้ ท้องป่วนปานจะขาดอยู่แล้ว" อรทัยคิด
*อรทัยจอดรถหน้าร้านเรียบร้อยแล้วจึงถอดหมวกนิรภัยใส่ตะกร้ารถ ขณะที่ลมพัด เมฆวนต่ำลงมาเหนือบริเวณที่อรทัยกำลังยืนอยู่ เธอถอดเสื้อกันแดดพาดแขนเดินเข้าไปในร้าน ฝนก็กระหน่ำลงมาพร้อมด้วยลมพัดอย่างแรง ทำให้เศษใบไม้กระดาษ ฝุ่นตลบท่ามกลางสายฝนที่โปรยลงมา
*"เชิญน้อง ฝนและลมกระหน่ำแรงมากเข้าไปข้างใน หาโต๊ะว่างเร็วเถิด" เจ้าของร้านหญิงทักทายพร้อมเชิญชวน
* " จ้ะ" พร้อมส่งยิ้ม เจ้าของร้านยิ้มตอบ
*เจ้าของร้านปิดตู้กระจกใส่อาหารอย่างมิดชิดทันที ลมแรงไฟดับ แถมฝุ่น ใบไม้ วิ่งไล่กันไปตามสายลมอย่างแรง แข่งขันกับฝนที่กำลังตกลงมาอย่างหนัก
*เจ้าของร้านรีบปิดประตูร้านกันมิให้เศษสิ่งที่ปลิวตามลมมาในร้าน และเข้าไปในอาหารได้ ทุกคนทุกโต๊ะต่างตะลึงมองตรึงนิ่งอยู่กับดูสภาพอากาศที่ปรวนแปร บางโต๊ะทานไปคุยไป บางครั้งก็ต้องหยุดชะเง้อดูสภาพอากาศภายนอก หน้าต่างแก้วทุกบานปิดสนิท
*หลังจากตลึงพรึงเพริดกับความรุนแรงของพายุและฝนไปแล้ว หลายโต๊ะก็หันกลับมารับประทานอาหาร บางโต๊ะนั่งจ้องภายนอกด้วยความสนอกสนใจ
*อรทัยนั่งโต๊ะที่ว่างอยู่สาวเสริฟก็เข้ามาถามความต้องการอย่างละล่ำละลัก
* "จะรับอะไรดีคะ"
*"ขอข้าวผัดกระเพรานะ" ขณะท้องของเธอปั่นป่วนอยู่กลับสงบลงด้วยการดื่มน้ำที่เด็กเสริฟอีกคนนำมาให้ ผสมตื่นเต้นกับสถานที่เล็กน้อย
*"คอยเดี่ยวนะคะ โชคดีที่ร้านของเรามีประตูหน้าต่างเป็นแก้วจึงสามารถเปิดปิดได้ จึงสะดวกแก่ผู้ที่เข้ามารับประทานในมื้อนี้ หากเป็นที่โล่ง ๆ ก็จะมีปัญหา"
ขณะที่เธอนั่งคอยจานข้าวและกำลังจิบน้ำอยู่นั้น
*"น้องสาวมาทานก๋วยเตี๋ยวด้วยกันซิ" วันรุ่นโต๊ะข้าง ๆ คนหนึ่งชวนและทักทาย
* "ขอบใจ สั่งแล้ว" อรทัยตอบอาการยวน มิได้มองไปที่วัยรุ่นคนนั้น
*"น้องสาวสวยจัง มาคนเดียวหรือจ๊ะ" วัยรุ่นอีกผู้หนึ่งแซงขึ้นมา
* " ....." อรทัยไม่ตอบว่ากระไร พร้อมชำเลืองมองหน้านิดหนึ่ง ใบหน้ายังราบเรียบอยู่
"น้องสาวยังไม่มีแฟนใช่ไหม"
*"......" อรทัยยังเฉยอยู่
* "น้องสาวสวยจัง" วัยรุ่นอีกคนแซง
*อรทัยทำเฉย ๆ แบบหูทวนลม
* "มานั่งโต๊ะพี่เถอะน้องจะได้คุยกัน" วัยรุ่นคนที่สองกล่าวต่อ
*"พวกเธอเงียบหน่อย หัดเกรงใจชาวบ้านเขาบ้าง" อรทัยกล่าวเตือนไปด้วยความหวังดี
*"พวกพี่ก็เกรงใจเธออยู่ จึงไม่ได้ไปนั่งโต๊ะเดียวกับเธอ" วัยรุ่นคนแรกกล่าว
* "ทำไมหนอ หนุ่มสมัยนี้ไม่มีมารยาท ไม่ให้เกียรติสตรี ผู้เป็นเพศแม่" อรทัยนึกเรื่อยเปื่อยโดยมิได้วิตกกังวลอะไร
* "เมื่อเด็กมีนิสัยอย่างนี้ โตขึ้นประเทศชาติจะพึ่งใครได้" อรทัยนึกไปเรื่อย ๆ
*"น้องสาวจ๋า แฟนไปไหนถึงได้มาคนเดียว" วัยรุ่นคนแรกถาม
* "....." อรทัยเงียบ
*"อย่าทำเสงี่ยมเจียมตัวเลยสาว มานั่งโต๊ะนี้เถอะ จะได้สนุกกันบ้าง" วันรุ่นคนที่สองผอมสูง แซวอย่างไม่ลืมหูลืมตา
* "......"อรทัยยังนิ่งเฉยอยู่เช่นเดิม
*" นะ น่า มาเถอะสาว มาโต๊ะนี้ดีกว่า" วัยรุ่นคนที่สามผิวขาวบางกล่าวต่อ
* "เด็กเหล่านี้ แสดงว่าพ่อแม่ไม่ได้สั่งสอน แม้แต่ครูก็เช่นกัน คงแต่จะสอนทางวิชาการ จนลืมสอนศีลธรรมมารยาทจรรยาต่าง ๆ และสอนพิเศษเพื่อความร่ำรวยเท่านั้น เป็นเรื่องน่าแปลกสำหรับประเทศไทยปัจจุบันนี้ สังคมกำลังล้มเหลว วัยรุ่นเอาแต่ใจตนเองทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เด็กหลายคนลืมพ่อแม่ ไม่ทราบหรือสำนึกในบุญคุณของพ่อแม่ ว่าท่านมีพระคุณใหญ่หลวงอย่างไร" อรทัยนึกในใจกับสภาพสังคมปัจจุบันนี้
*วัยรุ่นคนหนึ่งถูกผลักออจากโต๊ะของตนมายังโต๊ะที่อรทัยนั่งอยู่ มันล้มลงไปข้างโต๊ะของอรทัย เธอเพียงแค่มอง มันลุกขึ้นยืนเกาะโต๊ะแล้วกล่าวว่า
* "น้องสาวพี่นั่งด้วย"
*"น้องกลับไปนั่งโต๊ะเถอะ" เจ้าของร้านผู้ชายตักเตือนพร้อมกับจับร่างวัยรุ่นคนนั้นไว้
* อย่างง่ายดายวัยรุ่นคนนั้นกลับไปนั่งแต่โดยดี เพราะเจ้าของร้านเป็นหนุ่มใหญ่ร่างกายแข็งแรงใหญ่โต มีกล้ามเป็นมัด กล้ามหนา น่าเกรงขามอดีตแชมป์มวยไทยเวทีดัง ซึ่งพวกวัยรุ่นรู้ดี
*"ขอโทษ ทำที่อื่นได้ แต่ร้านนี้ขอห้าม และไม่อนุญาตด้วยจะทำให้เสียลูกค้า โปรดรักษามารยาทด้วย หนุ่ม ๆ ผู้เจริญทั้งหลาย" เจ้าของร้านขอร้องแกมบังคับ
*"อาหารเสร็จแล้วจ้า เชิญรับประทานได้เลย" สาวเสริฟนำอาหารมาวางบนโต๊ะ
*อรทัยก็ลงมือจัดการอาหารในทันทีด้วยความเอร็ดอร่อย ความปั่นป่วนของธาตุต่าง ๆ ในช่องท้องของอรทัยค่อย ๆ จางหายไป ใบหน้าเริ่มแจ่มใส อารมณ์ดีขึ้น เช่นเดียวกับกับความปั่นป่วนของอากาศในขณะนี้ ตาเริ่มสว่างแจ่มใสขึ้น แม้จะหิวเพียงใดก่อนนี้ ก็ยังมีสติคุ้มครองตนเองได้ตามสภาพเหตุผลของสันดานของมนุษย์ที่ได้การศึกษามาน้อย เด็กเหล่านี้เป็นที่น่าสงสาร น่าทุเรศในสายตาของอรทัย อรทัยมิได้หวาดกลัวแต่ประการใด เพราะเธอก็เคยเป็นนักสู้ฉกาจฉกรรจ์ตัวยงมาเช่นกัน
* กลุ่มวัยรุ่น 3 คนก็เรียกเจ้าหน้าที่มาจ่ายเงินค่าอาหารแล้วก็ลุกขึ้นพร้อม ๆ กัน เดินออกมาจากโต๊ะ คนหนึ่งแกล้งล้มไปที่โต๊ะของอรทัยพร้อมสะบัดมือถูกจานข้าวกระเด็นไปจากโต๊ะข้าวตกกระจาย ทันใดนั้นอรทัยก็คว้าจับข้อมือวัยรุ่นคนนั้นได้ พร้อมกระตุกอย่างแรง ทำให้เขาล้มหงายหลังไปก้นกระแทกพื้น
*"อี้ห่านี่...เดียวเถอะ.." วัยรุ่นคนนั้นคำรามด้วยความโกรธ
* "น้องอย่ามีเรื่องกันเลย ขอร้องเถอะ อย่าหาว่าพี่ไม่เตือน" เจ้าของร้านอาหารผู้ชายทำท่าขึงขัง
วัยรุ่นก็ลุกขึ้นปัดก้น 2 -- 3 ครั้ง ก็เดินออกนอกร้านตามเพื่อน ๆ ไป
"อะไร โว้ย สวยจังเลย ขาว อยากจะท่องวิมานฉิมพลีให้สนุกสักครั้ง" วัยรุ่นคนหนึ่งในกลุ่มตะโกนขึ้น
*"น้องไม่เป็นไรหรอก พวกวัยรุ่นนี้มันชอบอยู่อย่างนี้เสมอ" เจ้าของร้านบอกเพื่อให้อรทัยคลายกังวล
* "แต่สันดานเขาเสีย ตำรวจเจ้าของพื้นที่ไม่ว่าอะไรพวกเขาบ้างหรือ" อรทัยถาม
*"ไม่หรอกตำรวจไม่กล้า เพราะพ่อแม่พวกนี้มีอิทธิพลเขาเป็นลูกตำรวจบ้าง ลูกอ.บ.ต.บ้าง ลูกนักเลงอันธพาลบ้าง พวกมันอาศัยบารมีพ่อแม่อวดเบ่ง กลั่นแกล้ง และละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้อื่นอยู่เรื่อย ๆ
*"หนูจ๊ะ ไม่ต้องห่วงเรื่องข้าวที่เสียหาย เราจะทำจานใหม่ให้หนูเป็นพิเศษ" เจ้าของร้านผู้หญิง
*"ไม่ต้องละจ้า น้า หนูอิ่มแล้ว ขอบคุณมากค่ะ" อรทัย
* "นี่เราทำเสร็จแล้ว เชิญเถอะหนู ไม่ต้องเกรงใจ ไม่คิดสตางค์หรอก" เจ้าของร้านผู้หญิงวางจานให้อรทัย
* "เราต้องขออภัยที่เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น รู้สึกว่าเธอเป็นแขกหน้าใหม่" เจ้าของร้านผู้ชาย
*"ใช่จ๊ะ...ฉันเพิ่งมาที่นี้เมื่อวานเอง"อรทัย
*"มาถึงก็เจอของดีเข้าให้แล้ว" เจ้าของร้านผู้หญิง
* "ไม่เป็นไรหรอกน้า" อรทัย
เมื่ออรทัยรับประทานเสร็จก็ออกจากร้านไปโดยไม่ต้องเสียอาหาร ให้ท่านดื่มฟรี ถือว่าเป็นแขกพิเศษของพวกเขา ทั้งที่มิรู้จักกันมาก่อน แต่เหตุการณ์ทำให้คนเป็นมิตรกันได้ และเกิดศรัทธาแก่กันและกัน
*"ไปละพี่สาว" อรทัยยกมือไหว้ทั้งสองแล้วไปท่ีรถ สตาร์ทเครื่องออกรถไป
อรทัยขี่รถมาได้ประมาณ 6 -- 7 เสาไฟฟ้า มีรถเครื่องจำนวน 3 คนไม่มีคนซ้อนท้ายได้ขับขี่มาเทียบและปาดหน้า สลับกันไปมา บางครั้งเข้าโฉบเฉี่ยวบ้าง ก็รู้สึกหวาดเสียวในสายตาของคนที่เห็น เพราะเขาเห็นมาบ่อยครั้งที่กลุ่มอันธพาลกลุ่มนี้เที่ยวรังแกระรานผู้อื่นเป็นประจำ ใครไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะพ่อของเขามีอิทธิพลมาก
บางคันปาดหน้าแล้วเร่งเครื่องเลยไปได้ระยะหนึ่งก็เลี้ยวกลับมาโดยวิ่งเลยไปด้านหลังแล้วจึงเลี้ยววนกลับมา คนที่อยู่ใกล้ ๆ ก็ปาดหน้าแซงขึ้นไป เสียงดังสนั่นหวั่นไหว หนวกหูสุด ๆ
*อรทัยจำได้ว่าเป็นวัยรุ่นที่พบร้านอาหาร
*"คงสนุกแน่" อรทัยอุทานในใจ
* มันเย้ายั่วยียวนมาเป็นระยะทางเกือบ 1 กิโลเมตร ก็มาถึงโรงเรียนแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ใกล้ถนนมีอาณาเขตคิดต่อถนน ประตูโรงเรียนเปิดอ้าอยู่เนื่องวันปิดไม่มีนักเรียน อรทัยจึงเลี้ยวเข้าไปในโรงเรียน พวกวัยรุ่นสามคนก็เลี้ยวตามเข้าไป คนที่ขี่เลยไปก็เลี้ยวกลับมาสมทบเช่นเดิม
*เมื่อรถเข้ามาถึงบริเวณลานหน้าอาคาร อรทัยก็จอดรถตั้งรถอย่างมั่นคง คนแรกมาจอดใกล้ทางซ้าย คนที่สองขี่เฉี่ยวโฉบเลยไปไกลจึงเลี้ยวกลับมาจอดทางด้านขวา อีกคนแสดงอาการ ฉวัดเฉวียนไปมา 2 -- 3 รอบ แล้วมาจอดตรงหน้าอรทัย
*"พวกเอ็งเป็นเด็กประเภทไหนที่เกเรอย่างนี้" อรทัยถาม
*"พวกเราเป็นเด็กอย่างนี้แหละน้องสาว พวกเราชอบเธอมากอยากได้เธอเป็นเมียเต็มแก่แล้ว" คนทางขวามือพูด
* "พวกเธอไม่สุภาพเลย จะหัดเป็นคนดีเหมือนกับคนอื่น ๆ ได้เมื่อไร" อรทัยว่าเข้าไป
* "น้องสาวเข้ามาเป็นเมียของพวกเรา" คนอยู่ตรงหน้า
* "พวกเธอลดความบ้าลงบ้างได้ไหม" อรทัย
* "ลดไม่ได้แล้ว หากไม่ได้น้องสาวเป็นเมีย" คนทางซ้าย
*"จริง ๆ จ๊ะน้องสาว ถ้าเธอยอมเป็นเมียพวกเรา เราจะเลิกบ้าทันที" คนที่อยู่ทางขวา
*พวกวัยรุ่นต่างมุ่งเดินตรงมายังอรทัยเป็นวงล้อมกลม
* "มา มะ มา น้องสาว มาเป็นเมียพี่เถอะนะ อย่าให้ออกแรงเลย" วัยรุ่นทางขวาและ ซ้ายมือขยับเข้ามาพร้อม ๆ กัน คนด้านหน้าก็ขยับเดินเข้ามาเช่นกัน ทั้งสามมุ่งเป้าหมายที่ร่างของอรทัย ทุกคนเดินด้วยท่าทางน่าขยะแขยง มือล้วงกระเป๋ากางเกง ยกไหล แสยะยิ้ม ส่ายหัวไปมา ส่งเสียงอย่างยียวนกวนใจ ใกล้เข้ามา ๆ
วัยรุ่นทางขวามือพุ่งเข้ามาหมายจะกอดคออรทัย เธอก้มเอียงหลบได้ วัยรุ่นคะมำไปเกือบชนกับเพื่อนทางซ้าย แต่ก็เหยียบเท้าฝ่ายที่ยืนจ้องอยู่
* "โอย ! มึงเหยียบเท้ากู"
* "ขอโทษ คงไม่เป็นไรนะ"
เมื่อทั้งสองตั้งหลักได้ ต่างกระซิบกันว่า
* "เข้าไปจับมือคนละข้างแล้วกัน เราจะได้พาไปขึงกันให้สนุก" วัยรุ่นฝ่ายซ้ายพูดกับวัยรุ่นทางขวาที่พุ่งผ่านมา
* "มันจะดีหรือ" วัยรุ่นคนที่ถลำไปชิงห้ามปรามหลังจากที่ตนพลาดไปแล้ว
* "พร้อม ๆ กันจับ เลย จะได้เร็วขึ้น ได้แล้วอุ้มไปหลังโรงเรียน มึงช่วยปิดปากด้วย" วัยรุ่นคนทางซ้ายบอกแผนวัยรุ่นที่ไปจากทางขวาให้ทราบและให้กระทำพร้อมกันแบบโจมตี
*"ตกลง"
* ทั้งสองวิ่งเข้าหาอรทัยหมายจับมือของอรทัยไว้คนละข้าง อรทัยเห็นเหตุการณ์จึงก้าวถอยไป ทำให้ทั้งสองพลาดท่าเสียหลักล้มคว่ำไปลงพื้นหน้ากระแทกพื้น ทั้งสองร้องด้วยความเจ็บปวด ทั้งสองบิดตัวไปมา หายปวดแล้ว คนทางขวาก็กลับไปที่เดิม ทั้งสามก็ส่งสัญญาณแล้วเข้ามายืนล้อมอรทัยในระยะใกล้
*คนทางซ้ายมือของอรทัยกระโดดหมายตะคลุบ อรทัยใช้เท้าถีบยันไว้และกระดอนไปตกก้นจุกพื้นดังอึก พร้อมกับคนขวาเข้ามาในระยะใกล้ หมายพุ่งกำปั้นเข้ากกหูอรทัยอรทัยหลบใช้เท้าถีบกระเด็นออกไป
ทันใดนั้นหมัดของวัยรุ่นที่อยู่ด้านหน้าก็ทะลวงเข้ามาหมายท้องของอรทัย เธอจับหมัดและข้อมือขวาของมันได้ด้วยสองมืออันทรงพลังของเธอแล้วเหวี่ยงฟัดให้วัยรุ่นนั้นล้มครืนลงไปบนพื้นถนน
*ขณะนั้นวัยรุ่นอีกจำหนวนหนึ่งได้ขี่จักรยานยนต์เป็นแถวไล่ตามกันมาเสียงดังสนั่นต่างเลี้ยวโค้งเข้าโรงเรียนมาประมาณ 20 คน
*อรทัยจึงกระโดดเตะวัยรุ่นคนทางซ้าย 1 ครั้งจนผงะหงายไป และไล่ไปเตะวัยรุ่นคนทางขวาเข้าล่องพับล้มทรุดลง เธอตามไปที่วัยรุ่นคนด้านหน้า มันยังงัวเงียอยู่ อรทัยก็เตะเข้าไปกลางหลังเต็มแรง 1 ครั้ง มันล้มลงจมูกยันพื้น เธอจึงใช้กุญแจมือใส่มือคนด้านหน้าไพล่หลังไว้ทั้งสองข้าง
*อรทัยกลับมาลากวัยรุ่นคนด้านขวาและซ้ายซึ่งกำลังดิ้นด้วยความเจ็บปวดเข้ามาใกล้กันและนำมือคนละข้างมาใส่กุญแจมือไว้
*กลุ่มรถซิ่งวัยรุ่นกำลังใกล้โรงเรียนเข้ามา ทันใดนั้นไซเรนต์ของรถตำรวจดังขึ้นบริเวณประตูโรงเรียนและเลี้ยวเข้ามาในโรงเรียน วัยรุ่นที่กำลังขับขี่จักรยานยนต์เข้ามาต่างตกตะลึงด้วยความกลัวเพราะคาดไม่ถึงว่าจะเจอตำรวจ ด้วยความตกใจจึงวิ่งผ่านอรทัยและวัยรุ่นไปเพื่อเอาตัวรอดไว้ก่อน มุ่งไปออกประตูทางอีกด้านหนึ่ง ตำรวจก็ปิดปากทางไว้แล้ว
* "วัยรุ่นทั้งหลาย กรุณามอบตัวเสียดี ๆ ตำรวจล้อมไว้หมดแล้ว" ตำรวจประกาศทางโทรโข่ง วัยรุ่นจอมซิ่งไม่ยอมพยายามที่จะวิ่งไปเวียนมั่วทั้งสนาม เสียงดังสนั่นจนปวดหู ประมาณ 10 นาที เมื่อเห็นว่าวัยรุ่นยังไม่หมดฤทธิ์
*"ปัง ปัง ปัง"
*เสียงปืนก้องกังวานขึ้นสามตรั้งเป้าหมายคือท้องฟ้า ทำให้พวกรถซิ่งบางส่วนสงบลง บางคนยังคะนองอยู่ ตำรวจจึงเล็งปืนไปที่ตัวบุคคล พวกนั้นก็ยอมจอดรถ ยกมือขึ้นยืน และตำรวจได้รวบรวมให้อยู่ในที่แห่งเดียวกัน ทันใดนั้นรถบรรทุกนักโทษคันใหญ่ก็มาถึง และกวาดวัยรุ่นกลุ่มหลังนี้ขึ้นรถ
*อรทัยขี่รถจักรยานยนต์ออกไปทิ้งสามวัยรุ่นไว้พร้อมกับกุญแจมือให้ตำรวจนำไปสถานีตำรวจเพื่อจัดการตามประเพณี
*สำหรับสามคนที่ก่อเหตุตำรวจได้นำขึ้นรถไปต่างหาก ไม่รวมกับกลุ่มหลัง
*รุ่งขึ้นพ่อแม่ของเด็กวัยรุ่นจอมซิ่งต้องมารับเด็กที่ศาลพร้อมเสียเงินค่าปรับในฐานะเลี้ยงดูเด็กไม่ดีให้เที่ยวเพ่นพ่านอาละวาด สร้างความวุ่นวายให้สังคม
หน่วยราชการที่เป็นผู้บังคับบัญชาของผู้ปกครองเหล่านั้น เรียกผู้ปกครองเด็กไปตักเตือน และปรับลดเงินเดือนเป็นการทำโทษ ในฐานะไม่สนใจและปล่อยให้เด็กสร้างความวุ่นวายให้สังคม
* สำหรับผู้ปกครองที่ไม่ได้รับราชการ ศาลสั่งให้ไปเสียค่าปรับในฐานะที่ไม่สามารถบังคับดูแลบุตรในรับผิดชอบให้ประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่ดีงามได้ เป็นการปล่อยประละเลย ทำให้พวกนี้ละเมิดสิทธิของผู้อื่น ตามจำนวนที่กฎหมายกำหนด
เมื่อวันที่ : 21 เม.ย. 2558, 11.36 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...