![]() |
![]() |
เปิดฟ้า ก้องหล้า![]() |
ณ ห้องเคเบิลใต้ท้องเรือสำราญท่องเที่ยวลำหนึ่งกลางทะเลโพ้น
"เธอต้องเป็นเมียของฉันเดี่ยวนี้" ชายชุดดำรำพึงในใจพร้อมขยับกายแฝงเงามืดที่แทรกซ้อนอยู่ใกล้ฝาด้านหนึ่งของห้อง เขาพยายามขยับใกล้เข้าไป
สาวพนักงานในครัวของเรือซึ่งเสร็จจากภารกิจกำลังพักผ่อนอยู่บนโต๊ะกลางห้องใต้แสงไฟสลัว ขณะเธอกำลังคิดเพลินถึงอนาคตของตนเองอยู่
มีเงาวูบหนึ่งแปลบเข้าในความรู้สึก เพียงชั่วแวบเดียวนั้น มีร่างหนึ่งประชิดตัวเธอข้างหลัง ใช้มือหนึ่งโอบกอดรัดปิดปากเธอไว้
เธอตะโกนอย่างแรงแต่ไม่สามารถให้เสียงหลุดลอดออกมาจากปากเธอได้เพียงนิดเดียว
เธอพรวดพราดยืนขึ้น พร้อมใช้มือทั้งสองดึงมือที่ปิดปากเธออยู่ มันแข็งแกร่งเกินกว่าที่เธอจะคิด เธอจึงพลิกตัวเข้าไปหามัน หน้าต่อหน้าเกือบจะชนกัน มือของมันหลุดจากปากและกอดรัดคอเธอไว้ เธอขยับเท้าออกจากม้านั่ง ม้านั่งก็ตกล้มลงบนพื้น โอกาสนี้ เธอใช้เท้าข้างถนัดที่สุด ยกขึ้นอย่างแรงและเร็วปานสายฟ้าแลบ ทำให้ร่างนั้นคลายมือและปล่อยวางจากร่างของเธอไปจับส่วนหนึ่งอันเป็นอวัยวะสำคัญของเขา ร่างสั่นลำตัวคู้โค้งเกือบเป็นวงกลม พร้อมกับกระแทกก้นลงบนพื้น ใบหน้ามีอาการเหยเก จุกแน่นคล้ายหายใจไม่ออก ร้องไม่ออกแต่ปากอ้ากว้างตาค้าง
ครู่หนึ่งร่างนั้นนอนเรียบลงกับพื้นอย่างคุดคู้ด้วยสงบ เธอเฝ้าดูอยู่
"เอ๊ะมันจะตายหรือไม่ เราอาจมีความผิดฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนาก็ได้ จะทำอย่างไรดี" เธอรำพึง "จะทำอย่างไร หรือโยนลงทะเลก็ไม่ได้ จะมีคนเห็น หรือลากไปวางไว้ในกองสิ่งของแล้วเอาอะไรปิดไว้ไม่ให้คนเห็น ถ้าพบวันหลัง มันก็ไกล้ตัวเรา เราไม่รับรู้ ไม่เห็นก็ไม่เป็นไรนี่" เธอปรารภกับตนเองอย่างเงียบในบรรยากาศที่ยังเต้นระทึกด้วยความตื่นเต้นผสมความหวาดหวั่นพลั่นใจอย่างแปลกประหลาด
ขณะที่เธอกำลังคิดเพลินอยู่นั้น มีเงาของการเคลื่อนไหวสัมผัสเข้าในความรู้สึกของเธอ ไวปานกระแสไฟฟ้า เธอก็หันไปเห็น เจ้าคนนั้นกำลังโถมถลากระโจนเข้าหาเธอพร้อมประกายแสงจากวัตถุในมือของมันแปลบปลาบเขาตาของเธอ เธอตัดสินใจเอี้ยวตัวเตะส่งไปยังส่วนที่มีเงาสะท้อน ซึ่งนำร่างของมันมาก่อน
" พับ " "กริ่ง" เสียงสิ่งหนึ่งกระทบฝาและตกพื้น วินาทีเดียวกันเธอกระโดดก้าวจากที่ไปทางขวามือ ร่างนั้นก็หล่นลงพื้นดังฮวบ เธอเขยิบเท้าก้าวไปพร้อมเตะที่ร่างของมัน 2 ครั้งติด ๆ กัน
"โอ้ย ! โอ้ย !" มันร้องลั่นขึ้นมาทันที
เธอเหลือบเห็นมันหยิบวัตถุสีดำ กลม ๆ อันหนึ่งออกมายกมาที่ปากของมัน เธอจึงตัดสินใจด่วนที่สุดในชีวิตของเธอ แล้วรีบวิ่งออกจากห้องนั้นไป
"บึม"
เธอผ่านประตูไปแล้ว เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างสนั่นหวั่นไหว มันระเบิดกระแทกส่วนของฝาห้องที่เป็นท้องเรือ ทำให้สะกรูยึดขาดออก แผ่นเหล็กก็หลุดออกด้วยแรงระเบิด ทำให้น้ำทะลักเข้ามาภายในท้องเรือ เธอจึงรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบน
2
ตอนกลางวันก่อนคืนนี้ ขณะองค์อมรินทร์กำลังบำเพ็ญบารมีกำหนดจิตให้หลุดพ้นจากกิเลศทั้งปวง เพื่อจะได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ จะได้นิพพาน หมายถึงจะไม่ต้องให้วิญญาณนั้นไปเวียนว่ายตายเกิดได้อีก
บรรยากาศผสมผสานพลังความร้อนกำลังรวมตัวลอยม้วนลอยละล่องอย่างคึกคะนองมุ่งตรงมายังสถานทิพย์วิมานที่พระองค์ทรงประทับอยู่อย่างสงบ
ในบัดดลนั้นองค์อมรินทร์ต้องสะดุ้งเมื่อถูกบรรยากาศแห่งความร้อนกระโจนเข้าใส่อย่างถาโถม ทำให้องค์อมรินทร์กระวนกระวายดิ้นพล่านในอารมณ์จนไม่สามารถนั่งอยู่ในวิมานได้ จึงได้เสด็จเหาะลอยมาภายนอกวิมาน บรรยากาศสงบเย็นก็กลับมาเช่นเดิม
"เราออกมาแล้วก็จะท่องเที่ยวไปเรื่อย ๆ " ภายในบัดดลนั้น ความร้อนรุ่มสะท้านอารมณ์ก็วูบวาบตามมารังควานอีกครั้งหนึ่ง องค์อมรินทร์จึงทรงดำรงสติไว้ ตั้งสติมั่นด้วยอยากทราบสาเหตุของการเกิดอาเพศประหลาดในวันนี้เป็นเพราะเหตุอะไร
ทรงเห็นว่า มีเรือสำราญลำหนึ่งมีคนมากมายกลังจะล่มจมในคืนของวันนี้ ต่อจากนนั้นอีกไม่นานมากนัก มนุษย์ส่วนหนึ่งได้รับความเดือดร้อน จำเป็นยิ่งที่เราจะต้องให้การช่วยเหลือมนุษย์เหล่านั้น เป็นการสร้างบารมีให้ตนเองได้บรรลุอรหันต์ได้รวดเร็วขึ้น
องค์อมรินทร์ตัดสินใจแล้ว อธิษฐานปรารถนาเหาะตรงไปในห้วงอากาศเหนือพื้นน้ำในมหาสมุทร เพียงไม่นาน ได้ไปเจอกับฝูงปลาฉลามฝูงใหญ่ใกล้ ๆ เกาะกลางมหาสมุทรซึ่งไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ มีพืชพันธ์ธัญญาหารอุดมสมบรูณ์
องค์อมรินทร์ก็เหาะไปประทับบนหินผาใต้ต้นไม้ใหญ่ติดกับฝั่งทะเลด้านหนึ่งของเกาะนั้น ไม่มีหาดทรายมีแต่หินผาสูงชัน คลื่นม้วนตัวทยอยเรียงแถวหน้ากระดานเข้าประชิดฝั่งตลอดทั้งวันทั้งคืน
องค์อมรินทร์กำหนดตั้งสมาธิพร้อมพนมมือหลับตาอย่างสงบ อธิษฐานปรารถนา เพียงครู่บรรดาฉลามทั้งฝูงมีทั้งดุร้ายและไม่ดุร้ายในบริเวณนั้นได้มาร่วมกันชุมนุมอย่างพร้อมเพียง ตามแรงปรารถนาอธิษฐานปรารถนาขององค์อมรินทร์
คลื่นซัดสาดเข้าหาฝั่งมิขาดระยะเมือมีปลาฉลามจำนวนมากมายขวางการกรรโชคฝั่งของกลุ่มเกลียวคลื่น ทำให้เสียงเหล่านั้นสงบเงียบไป แต่มีน้ำเป็นลอกคลื่นกระทบฝั่งสะท้อนแสงเป็นประกายแวววาวระยิบระยับ
ฉลามบางตัวพุ่งฉวัดเฉวียนไปมา น้ำก็กระทบกันเสียงดังเช่นเดียวกับคลื่นกระทบฝั่ง
"จงสงบก่อน เหล่าบรรดาฉลามผู้ประเสริฐทั้งหลาย" องค์อมรินทร์กล่าวทักทาย เพียงชั่วระยะหนึ่งบรรยากาศก็สงบลง ฝูงปลาพยายามลอยตัวและคอยรับฟังคำพูดขององค์อมรินทร์ด้วยความอยากรู้และสงสัยว่าองค์อมรินทร์จะแนะนำอะไรบ้าง
"เหล่าฉลามที่รักทั้งหลาย โปรดฟังทางนี้ วันนี้เรานำข่าวดีมาบอก และอยากขอร้องให้ท่านทั้งหลายได้ช่วยเหลือในภารกิจบางอย่าง" อมรินทร์กล่าว
"มีอันใดหรือท่านองค์อมรินทร์" หัวหน้าปลาฉลามกล่าวด้วยความเคารพ
"ท่านปลาฉลามที่รักทั้งหลาย การที่ท่านได้เกิดมาเป็นปลาฉลามในชาตินี้ นับว่าเป็นโชคร้ายที่สุดก็ว่าได้ เพราะท่านต้องทำบาป ต้องล่าสัตว์ตัดชีวิตในการดำรงชีพ บางครั้งถูกพวกมนุษย์ชาติตามล่ารังควาน อันเนื่องมาจากผลการกระทำของท่านในชาติก่อน" องค์อมรินทร์เกริ่นก่อนเข้าเรื่อง
"วันนี้อยากให้ท่านได้ทำบุญช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้พ้นจากความทุกข์ในไม่ช้านี้ พวกของท่านทั้งหลายจะได้อานิสงส์ในการช่วยเหลือมนุษย์ในครั้งนี้ คือให้ท่านภาวนาถึงคุณของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และตัวเรา ให้ท่านตั้งใจปรารถนาขออาหาร ท่านจะได้รับพรให้อิ่มตลอดไป ผลจากการช่วยเหลือมนุษย์จะไม่ต้องมาเกิดเป็นปลาฉลามอีกในภพหน้าหรือชาติหน้าจะได้ไปเกิดเป็นมนุษย์กับเขาบ้าง จะได้ทำความดี จะได้พบกับพระพุทธศาสนา จะได้ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าในศาสนาพุทธ จะได้เป็นผู้มีชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท พวกท่านเห็นดีด้วยไหม ถ้าเห็นด้วยกรุณาชูส่วนหัวขึ้น"
ทันใดนั้นฉลามต่างชูส่วนหัวขึ้นเหนือผิวน้ำเป็นจำนวนมากมาย เป็นพันเป็นหมื่น
"ท่านหัวหน้าฉลามท่านจงพาสมุนของท่านไปสักครึ่งหนึ่ง ให้พวกท่านเดินทางไปทิศตะวันตกโน้น ท่านจะพบกับเรือสำราญลำหนึ่ง เมื่อมีเหตุการณ์คับขันแล้วให้พวกท่านได้ช่วยเหลือมนุษย์แล้วให้นำไปส่งที่เกาะแห่งหนึ่ง ซึ่งมีท่าเทียบเรือ คนเหล่านั้นก็สามารถกลับคืนสู่แผ่นดินใหญ่ เขาได้กลับบ้านเกิดเมืองนอนของเขาได้" ท่านองค์อมรินทร์
"ท่านองค์อมรินทร์เจ้าข้าฯ จะให้พวกเราออกเดินทางเดี๋ยวนี้เลย หรือรอให้ตะวันตกดินก่อน" หัวหน้าฉลามถาม
"ท่านจงเดินทางไปเดี๋ยวนี้เลย ท่านจะไม่ต้องรีบเร่งในการเดินทาง ไปอย่างสบาย พวกท่านคงจะถึงที่เกิดเหตุก่อนเวลาเล็กน้อย พวกท่านจะไม่มีการอ่อนล้า เพลียแรง ขอให้พวกท่านทั้งหลายเดินทางโดยสวัสดิภาพ และกลับมาอย่างปลอดภัย ไม่มีอันตรายใด ๆ เกิดขึ้นกับพวกท่าน เมื่อท่านเสร็จภารกิจแล้วให้รีบกลับมา จะไม่เป็นอันตราย อยู่นานไม่ได้อาจจะมีอันตราย มนุษย์มักจะมีใจร้ายชอบทำลายผู้อื่น จะแห่กันมาจับพวกท่านพาไปรับประทานและจำหน่าย เป็นสิ่งที่น่ากลัวนัก" องค์อมรินทร์ "พวกที่เราไปส่งและ ช่วยเหลือเขาให้รอดชีวิตคงจะไม่คิดจะทำร้ายพวกเรา หรอกหรือ" หัวหน้าปลาฉลาม
"คงไม่หรอก เพราะพวกเราช่วยพวกเขา ถ้าจะมีบ้างบางคน ฉะนั้นพวกเราจึงต้องรีบกลับมา ก่อนที่พวกมนุษย์จะมาเจอพวกเรา เราก็จะปลอดภัย" องค์อมรินทร์
"เมื่อท่านกลับมาถึงถิ่นของเราแล้ว เราขอรับรองว่าจะช่วยปกป้องรักษาพวกท่านให้ปลอดภัยและพวกท่านจะได้รับพรไม่ต้องหาอาหารกินเอง กินทิพย์ อิ่มทิพย์ ไม่ต้องหาอาหารไม่เป็นโทษเป็นภัยกับใคร และจะไม่เป็นภัยแก่ตัวเอง ทุกท่านที่ไปและไม่ได้ไปก็จะได้รับพรเหมือนกันหมด" องค์อมรินทร์
"ขอขอบคุณท่านองค์อมรินทร์ ที่มีเมตตาสงสารพวกเรา พวกเราจะระลึกถึงคุณความดีขององค์อมรินทร์ จะไม่ทำบาปฆ่าสัตว์ตัดชีวิต อีกต่อไป และอาจจะช่วยเหลือบรรดาสัตว์ให้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข แ ละอาจช่วยเหลือมนุษย์ได้บ้างบางโอกาส"หัวหน้าปลาฉลาม ปลาฉลามหนุ่มและอาวุโสบางส่วนประมาณ สามพันตัวได้ลาองค์อมรินทร์และแยกตัวจากกลุ่มว่ายน้ำตามหัวหน้าปลาฉลามไปตามทางที่องค์อมรินทร์แนะนำ
3
ก่อนเหตุการณ์การระเบิดใต้ท้องเรือสำราญนั้น เรือสำราญลำนี้พร้อมนักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งประมาณ สองพันห้าร้อยคนและลูกเรือพร้อมคนงาน ห้าร้อยคนรวมเป็นสามพันคน ได้ล่องเรือออกจากท่าอย่างสนุกสนาน แวะเที่ยวเกาะโน้น เกาะนี้ที่ผ่านมาเป็นเวลา 1 สัปดาห์แล้ว
ภายในเรือลำนี้ได้มีหนุ่มชาวสลัมผู้มีนิสัย หยาบช้าสามานย์ ดำรงชีพด้วยการขโมย แย่งชิง ทรัพย์สินของผู้อื่น เรื่อยมา ไม่ได้ประกอบอาชีพเป็นหลักแหล่ง
หนุ่มคนนี้ได้หลบซ่อนอยู่ท้องเรือ เผลอก็ลอบขโมยข้าวของกิน หนุ่มนี้เกิดชอบพอสาวคนงานในครัวเต็มหัวใจด้วยรักจริง เขาหลงรักอย่างหัวปักหัวปำจนถอนตัวไม่ขึ้น เฝ้าคิดถึงเธอตลอดเวลา อยากอยู่ใกล้เธอ อยากอยู่กับเธออย่างสามีภรรยาคู่อื่น ๆ แต่หนุ่มไม่มั่นใจว่าเธอจะชอบเขาหรือไม่
ด้วยนิสัยที่ขโมยของผู้อื่นในการดำรงชีวิตอยู่ เขามีวิธีการและเครื่องมือต่าง ๆ ในการขโมย ขู่เข็น ทำร้ายผู้อื่น ด้วยมีดและระเบิดมือที่ซุกไว้กับเอวตลอดเวลา หนุ่มตัดสินใจจะเด็ดสวาทสาวคนรักด้วยการเข้าไปปล้ำข่มขืนแต่ไม่ประสบความสำเร็จดังที่คิดไว้
4
ขณะนี้น้ำกำลังทะลักเข้าในท้องเรือ สาวรีบหนีขั้นบนเรือและคนงานในครัวเมื่อได้ยินเสียงระเบิดจึงลงไปดู และพบว่ามีน้ำทะลักเข้าสู่ท้องเรือ ไม่พบชายหนุ่มและสาวคนงาน ต่างคนต่างส่งเสียงตะโกนบอกว่า
"น้ำรั่วเข้าเรือ" เมื่อไม่มีทางจะช่วยหยุดน้ำได้ เพราะมันเข้ามาเร็วและแรงมาก ทุกคนตกใจกลัว ต่างคนต่างหนีวุ่น
คณะผู้ท่องเที่ยวบนเรือสำราญต่างสนุกสนานอยู่บนดาดฟ้าเรือ เมื่อได้ยินเสียงระเบิดใต้ท้องเรือ ก็คิดว่าคงจะไม่มีอะไรมากนัก เพราะเสียงระเบิดมันต้องผ่านผนังกำแพงหลายต่อหลายชั้น ผ่านวัสดุกักเก็บเสียง จึงไม่คิดว่าจะเป็นระเบิดที่เป็นอันตราย
เจ้าหน้าที่สอบถามลงไปไม่ได้ความว่าอะไร ฟังเสียงไม่ได้ศัพท์ ดังสั่นเอะอะโวยวายใกล้เข้ามาจากท้องเรือ ทำให้ทุกคนพลอยตกใจกลัวตามไปด้วย
เพียงไม่นานเจ้าหน้าที่ประจำเรือก็สอบถามได้ความว่า เกิดระเบิดในห้องใต้ท้องเรือ ท้องเรือแหกแตกกระจายน้ำกำลังทะลักเข้ามาในท้องเรือ
ทันใดนั้นไฟฟ้าในเรือก็ดับลง ความโกลาหลต่าง ๆ ก็เกิดขึ้น เสียงเรียกหาคนที่รู้จักคนใกล้ชิดที่อยู่ห่างกันดังลั่นเจี๊ยวจ๊าว บางวิ่งตรงไปยังที่ได้ยินเสียงขานรับ บางคนเรียกไปเดินเข้าใกล้เข้าไป ความสับสนวุ่นวายท่ามกลางความมืดภายใต้เพดานผ้าหลังคาที่ปกคลุม ให้มืดครึ้ม ส่วนด้านข้างสามารถมองเห็นแสงดาวระยิบระยับไปจนจดขอบฟ้ารอบทิศทาง
ทุกคนต่างรู้สึกร่วมกันว่าเรือลำนี้วูบต่ำลง เมื่อวันวานเห็นว่าขอบฟ้ากับกราบเรือห่างกันมาก คือพื้นผิวน้ำอยู่ไกลกราบเรือมาก วันนี้รู้สักว่าผิวน้ำกับกราบเรือมันใกล้กัน และมองเห็นดาวมากกว่าทุกคืน เครื่องยนต์เรือดับ เรือช้าลง ๆ ในที่สุดมีน้ำโผล่ขึ้นมาจากท้องเรือไหลเข้าท่วมบริเวณ และไม่ช้าน้ำก็ถึงตาตุ่ม และปริ่มกราบเรือ มีคลื่นลูกโต ๆ ผัดผ่านมาทุกคนเปียกหมด มีแต่ท้องทะเลเต็มไปหมด
บรรดาเจ้าหน้าที่เรือได้แจกชูชีพสำหรับช่วยป้องกันชีไว้ให้ทุกคน บางคนก็ได้รับใหม่ บางคนก็อยู่ในห้อง มีหลายคนที่เตรียมไว้ใกล้จึงสามารถใช้ได้ สำหรับที่มีจำนวนเหลืออยู่ในลำเรื่อก็ลอยขึ้นมาจนสามารถหยิบคว้ามาใช้ได้
"โอ้พระผู้เป็นเจ้าโปรดได้ช่วยคุ้มครองด้วย" คนหนึ่งอุทานออกมาอย่างดัง ทำให้คนอื่น ๆ อุทานตามมาด้วยพร้อม ๆ กัน
" พุทธัง ธรรมัง สังฆัง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ช่วยด้วย" หลายคนที่นับถือพุทธศาสนาก็อุทานขอความช่วยเหลือในขณะเดียวกัน
"ข้าแต่พระอับเหลาะเจ้า พระนาบีเจ้า โปรดคุ้มครองพวกเราด้วย" ที่นับถืออิสลามก็มีเสียงดังขึ้นมาพร้อมกับผู้อื่นจนฟังไม่ค่อยจะได้ศัพท์
"ช่วยด้วย ช่วยด้วย ช่วยด้วย" หลายคนอุทานขอความคุ้มครองเช่นกันในขณะที่ตนอยู่ในภาวะที่เป็นอันตราย
"คุณพ่อ คุณแม่ ช่วยด้วย" หลายท่านตะโกนดัง ๆ
"ตาหลวงช่วยด้วย"
"พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงช่วยด้วย"
"พระราชานีทรงช่วยด้วย"
"ที่รัก....อยู่ไหนมาช่วยพี่ด้วย พี่กำลังจะตายอยู่แล้ว" ชายคนหนึ่งตะโกนวุ่น
เสียงสวดมนต์ของแต่ละศาสนาดังกังวานขึ้นเกือบพร้อม ๆ กัน บางคนก็ขาดสติโวยวายไปตามประสาด้วยความขลาดกลัวสุดชีวิต เมื่อคิดว่าชีวิตของตนคงจะต้องจบสิ้นในครั้งนี้ ความเสียดาย ความอาลัยอาวรณ์ ต่อสิ่งที่ตนรัก ห่วงแหน และยึดถือว่าสิ่งนั้นเป็นของตนอยู่จึงมีความเสียใจเป็นล้นพ้น ต่างคนต่างคิดว่าโอกาสที่จะรอดชีวิตนั้นคงจะหายาก ไม่จมน้ำตายก็คงจะไม่รอดไปจากปากฉลามเจ้าแห่งมหาสมุทรได้ เว้นแต่โชคดี หรือพระเจ้าบันดาลให้เรือมาพบ หรือเรือที่ได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือ มาเจอและช่วยไว้ได้
ระดับน้ำขึ้นแค่เขา แค่สะเอว บางครอบครัวมีพ่อแม่ลูก เขย สะใภ้ต่างกอดกันกลมแน่นเหมือนจะไม่ยอมจากกันมิว่าจะเป็นชาตินี้หรือภพหน้า บางกลุ่มที่ไม่มีครอบครัวมาก็ร่วมกับเพื่อน ๆ หรือครอบครัวที่รู้จักกัน สนิทสนมกันก็ร่วมกอดคอกัน ทุกคนพร้อมที่จะจมน้ำในเวลาพร้อม ๆ กัน โดยลืมที่จะหาวิธีการแก้ไขเอาตัวรอด จะตายก็ยอมตายแล้วเมื่อมีพ่อแม่ลูกเมียและเพื่อนอยู่ใกล้ ๆ ก็ยินดีแล้ว
บางคนมีเครื่องชูชีพ บางคนไม่มี แต่ทุกคนคิดว่าวาระสุดท้ายของตนได้มาถึงแล้ว แม้จะมีชูชีพเพื่อช่วยเหลือชีวิต ก็คงจะทนต่อความเหน็บหนาว ความหิวโหยได้ ถ้าไม่มีใครมาพบก็คงจะตายด้วยกันแม้จะมีชูชีพแต่คลื่นลมในมหาสมุทรนี้รุนแรงนัก ถ้าเจอเจ้าฉลามเพชฆาตแห่งท้องมหาสมุทร คงจะกราบขอชีวิตจากมันไม่ได้เช่นกัน คงจะกลายเป็นอาหารอันโอชะของฉลามเท่านั้นเอง
ทุกคนรู้สึกว่าเรื่อช้าลงเหมือนกับว่ามันหยุดนิ่งและลอยไปตามกระแสคลื่น มีน้ำบนดาดฟ้าเรือแค่สะเอว บางคนพยามยามปืนขึ้นตามเสา บ้างแย่งกันปีน ในที่สุดเรือจมลงสู่ท้องมหาสมุทร ทิ้งให้ผู้คนลอยคออยู่กับน้ำแห่งพระกาฬซึ่งมีคลื่นเป็นของแถมมอบเป็นรางวัลให้แก่ชีวิต ต่างคนต่างตะเกียกตะกาย ทุกคนต้องการมีชีวิตรอด บ้างก็จับมือกันเป็นกลุ่ม รู้สึกว่าความกลัวเริ่มจะจางหายไปจากบุคคลบางประเภท ต่างคนต่างตะเกียกตะกายไปเรื่อย ๆ จนกว่าชีวิตจะหาไม่ บางคนทอดอาลัยตายอยากไม่ยอมตะเกียกตะกาย เพียงแต่ลอยอยู่กับเครื่องชูชีพเท่านั้นเอง ทอดอาลัยตายอยากเพราะลืมคำสอนของพระพุทธเจ้า เมื่อเป็นพระมหาชนก เรื่องความเพียร ตอนที่ว่ายอยู่ในทะเลเป็นเวลา 7 วัน 7 คืนจนนางฟ้าเมฆขลามาช่วยไว้
ฉลามจึงลอยตัวเข้าใกล้คนที่ไม่มีเครื่องชูชีพให้สามารถเกาะจับกระโดงหรือครีบบนหลังได้ มันก็ว่ายหลีกผู้ที่มีเครื่องชูชีพช่วยพยุงตัวไป ฉลามน้ำบุคคลเหล่านั้นมุ่งตรงไปยังเป้าหมายทางทิศเดียวกัน จึงเห็นเป็นกระบวน จากหนึ่งคน สองคน สามคน และต่อไปเรื่อย ๆ เป็นร้อยเป็นพัน บางคนก็สามารถปีนนั่งบนหลังปลาฉลามได้ ปลาฉลามก็พาว่ายต่อไปไม่หยุด หลายคนคิดว่าเป็นขอนไม้หรืออะไรสักอย่าง จึงจับไว้ หรือนั่งไปบนได้และลอยไปตามกระแสคลื่น
ความมืดผสมกับความกลัวทำให้ไม่สามารถบอกได้ว่าอะไรเป็นอะไร กระบวนการที่ที่ตนจับหูฉลาม ลอยไปตามกระแสน้ำนั้นสามารถพูดคุยกันสนุกสนาน วักนำสาดกันเปียกได้ในยามภัยกำลังจะมาถึงทุกคนคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้รอดกลับไปแล้ว
สำหรับผู้มีชูชีพช่วยพยุงเมื่อปลาวาฬเห็นว่ากำลังจะอ่อนแรงจึงเลียบเข้าใกล้ไปให้เขารีบคว้าส่วนที่โผล่เหนือน้ำไว้ กอดไว้แน่นปลาฉลามก็ว่ายไปทิศทางเดียวกันทั้งหมด บางคนมีความคิดดีขึ้นนั่งคร่อมหลังฉลามได้อย่างมีความสุข
บางคนพอรู้ว่าเป็นฉลาม มีความกลัวจนขนหัวลุก เมื่อฉลามไม่ทำร้ายก็สบายใจหน่อย เขาจึงคลายความวิตกกังวลและคลายความหวาดกลัวไปได้ และ บางคนเห็นว่าปลานำไปทิศทางเดียวกันคิดว่าปลามันจะไปกันที่ ๆ มันอยู่กระมัง เป็นแถวยายเหยียด มีกันอยู่ครบถ้วนหน้า ซึ่งจำเสียงที่ส่งสัญญาณสนุกสนานกัน บ้างโบกมือกัน บ้างหยอกล้อกัน บ้างหยอกล้อปลาวาฬ บ้างร้องเพลง ทุกคนลืมกลัวความตายจนหมดสิ้น
มีหลายคนกลัวปลาฉลามจนสลบ ปลาฉลามจึงเข้าไปช้อนร่างที่สลบให้อยู่บนหลังของตน มีปลาอีกสองตัวตามเรียงระนาบข้าง ๆ ละตัวเพื่อช่วยดูแลความปลอดภัย เหมือนกันทุกตัวที่บรรทุกคนสลบ
มีบางคนฟื้นขึ้นมาพบตนนอนอยู่บนหัวปลาฉลามและมีปลาฉลามอีกข้างละตัวขนาบมา และใกล้มีผู้คนนั่งอยู่บนหลังปลาฉลามลอยไหลไปตามกระแสน้ำในทิศทางเดียวกันก็รู้สึกสบายใจ ไม่คิดกลัวปลาฉลามอีกต่อไปถ้าปลาฉลามมันทำร้ายเรา เราคงจะตายไปนานแล้ว และมันไม่ได้ว่ายอยู่ใกล้ ๆ อย่างนี้หรอก บางคนเมื่อฟื้นคืนสติขึ้นมายังมีความกลัวอยู่ก็แสร้งทำเป็นหลับต่อไป โดยคิดว่า ช่างมันเถอะมันตายอย่างไรก็ช่างมัน
หลังค่อนคืน ฉลามได้นำผู้คนมาถึงเกาะแห่งหนึ่งไม่ไกลจากพื้นแผ่นดินใหญ่นัก ปลาฉลามนำบุคคลเข้าเทียบท่าให้เขาสามารถวางเท้าบนบันใดของท่าเรือสำหรับคนโดยสารขึ้นลงได้ บุคคลเหล่านั้นก็สามารถลุกจากหลังฉลามขึ้นบันไดเดินขึ้นท่าเทียบเรือได้ คนแล้วคนเล่า เขาดีใจมากบ้างโห่ร้องสนุกสนาน บางคนกล่าวขอบคุณปลาฉลาม บางคนเมื่อลงจากหลังก็ใช้มือลูบด้วยความรักความเอ็นดู และเป็นการขอบใจ
ปลาฉลามเหล่านั้นต่างส่งคนขึ้นฝังด้วยความภูมิใจ มีหลายคนบนหลังปลาได้ยินเสียงไชโยโห่ร้องของคนที่ถึงฝั่งแล้วก็พลอยส่งเสียงตามไปด้วยประสานกันอย่างสนุกสนานที่รอดตายมาได้ ปลาฉลามทุกตัวเมื่อส่งคนถึงเป้าหมายแล้วก็จะรีบกลับถิ่นเดิมของตนทันทีตามคำบอกเล่าขององค์อมรินทร์
จนกระทั้งปลาและคนสุดท้ายซึ่งเป็นหนุ่มชุดดำที่ทำระเบิดเรือสำราญเพื่อฆ่าสาวใต้ท้องเรือ จึงเป็นเหตุให้น้ำเข้าเรือ ๆ จม ผู้คนลอยคอจนปลาวาฉลามช่วยชีวิตไว้ เมื่อหนุ่มขึ้นฝั่งได้ พอเท้าเหยียบบันไดลงจากหลังปลาฉลาม หนุ่มก็นำมีดออกมาหมายจ้วงแทงปลาฉลามผู้มีพระคุณต่อชีวิต โดยที่หนุ่มคิดว่าตนจะได้นำปลาฉลามไปอวดผู้อื่นและนำไปจำหน่ายจะได้ราคาดี
ทันทีที่หนุ่มเอื้อมือขึ้นหมายจะจ้วงแทงปลา ประกายแสงจากมีดก็กระทบกับแสงดาวสะท้อนเขาตาของปลาฉลาม เร็วดังแสงสะท้อนนั้น ปลาฉลามก็ฟาดหางลงตรงชายหนุ่ม ๆ ล้มลงไปบนขั้นบันไดท่าเรือ มีดเสียบติดอยู่ที่ลำคอเลือดไหลแดงฉาน ปลาฉลามก็จากไป
บุคคลทั้งหมดได้หันมาดูหนุ่มคนนั้น
"เขากำลังจะจ้วงแทงปลาฉลามที่เขานั่งหลังมาแทนคำกล่าวขอบใจเขา" คนหนึ่งตะโกนดัง ๆ "เขาถูกปลาฉลามหวดด้วยหางจนล้มลง มีดของเขาปักคอของเขาเอง" คนที่เห็นเหตุการณ์เล่าให้คลายความกังวน
" คนนี้แหละ ที่ปาระเบิดในท้องเรือ" หญิงสาวคนงานกลัวในเรือบอกให้ทุกคนทราบทั่วกัน
"ปกติ คนสร้างค่าให้แต่ตนเอง สร้างความเจริญให้แต่ตนเอง ผู้อื่นและประเทศชาติ สำหรับหนุ่มคนนี้ทำลายตนเองและทำลายผู้อื่น "สาวน้อยพึมพัมเบา ๆ
..................................
เมื่อวันที่ : 14 เม.ย. 2558, 11.26 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...