นิตยสารรายสะดวก  Fiction  ๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๕
...มัน​​จะ​​เป็นอย่างไร หากโลก​​ที่เราอยู่​​เกิดมหาวิบัติ คนกลุ่มไหน​​ที่​​จะรอด คุณคิดบ้างไหมว่าโลกใบนี้อาจถึงเวลาดับสูญ​​เพื่อรอการเกิดใหม่...​​...​​...
มัน​จะ​เป็นอย่างไร หากโลก​ที่เราอยู่​เกิดมหาวิบัติ คนกลุ่มไหน​ที่​จะรอด คุณคิดบ้างไหมว่าโลกใบนี้อาจถึงเวลาดับสูญ​เพื่อรอการเกิดใหม่
ชายชราผู้หนึ่ง​ยืนมองภาพเบื้องหน้าเหมือน​กับวางเฉย ​แต่แววตาอันคมเข้ม หนวดเครารุงรัง ​และคิ้วหนาดกสีขาวแกมแดงนั้น​ช่างฉายแววหวั่นวิตกยิ่งนัก ภาพ​ที่ปรากฏในสายตาของ​เขา​คือภาพของเด็กน้อยผู้ไร้เดียงสา หยอกล้อ​กับผีเสื้อหลากสีบนเนินดอกหญ้า​ที่​กำลังเบ่งบาน ภาพเบื้องหน้าของ​เขาไม่น่า​จะทำให้​เขารู้สึกหวั่นวิตก​ได้เลย​ แล้ว​อะไร​ล่ะ​ที่ทำให้​เขาคิดเช่นนั้น​
มนุษย์​ใช้ชีวิตอยู่​ในโลกใบนี้​เพื่ออะไร​กันนะ อยู่​​เพื่อสร้าง​ความสวยงามมีค่า ให้ผู้อยู่​ต่อชื่นชม หรืออยู่​เพียง​เพื่อตักตวงสิ่งมีค่าเหล่านั้น​แล้ว​ทิ้งสิ่ง​ที่​เป็นโทษไว้แทน
​เขาเฝ้ามองเด็กน้อยวัยแปดขวบเริงรื่นอยู่​​กับเหล่าผีเสื้อ​พร้อม​กับคิดถึงเหตุผลการ​ใช้ชีวิตของคนในโลกใบนี้ ชีวิต​ที่เหลืออยู่​​เขาคง​ต้อง​ใช้ให้มีค่ามากขึ้น​ ​เพื่อทดแทนสิ่ง​ที่​เขาทำลาย​ไป ทันใดนั้น​เสียงหนึ่ง​ก็ดังขึ้น​
"ลุงครับ​ ผมว่าวันนี้ลุงคง​จะ​ได้ทานของดีแน่ ๆ​" เด็กน้อยตะโกนบอกชายชรา​ที่ยืนมอง​เขาอยู่​
ลุงผู้รู้ใจหลานชายตัวน้อยรู้แน่ว่าเด็กน้อยหมายถึงอะไร​ ​เพราะบนท้องฟ้ามีเมฆจับกลุ่มดำเต็ม​ไปหมด มันเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้กิ่งไม้ลู่ลม​ไปมาเหมือน​กำลังหยอกล้อกัน ใช่...​.ฝน​กำลัง​จะตกหนัก
"แน่ใจเหรอว่า​จะมีปลาให้เก็บ" ลุงถามหลานชายอย่างใจเย็น
"แน่ใจสิครับ​ก็เคยเก็บทุกปี" เด็กน้อยตอบอย่างมั่นใจ
​ถ้าลุงชอนพูดว่าเก็บปลา​กับคนอื่น หลายคนคงงง​และหัวเราะเยาะ ​แต่ไม่ใช่​กับเด็กน้อยคนนี้แน่ ​เพราะ​เมื่อปีก่อนเคยเก็บปลา​กับลุงชอนจน​ได้แผล​เพราะครีบปลาทิ่มมือมาแล้ว​
เด็กน้อยวิ่งถือถังน้ำทรงกระบอกสูงประมาณฟุตครึ่ง ยืนรอให้ฝนลงเม็ดน้อยลง ​เมื่อฝนซาไม่นานเจ้าปลาหมอก็​ใช้ครีบของมันตะกุยตะกายขึ้น​จากขอบสระน้ำ​เพื่อหาน้ำใหม่ ภาพของเด็กน้อย​กำลังวิ่งก้มเก็บปลาใส่ถังน้ำตัวแล้ว​ตัวเล่า ทำให้ลุงชอนพอใจยิ่งนัก อย่างน้อย​เขาก็เรียนรู้​ที่​จะอยู่​รอดด้วยการหาอาหารตามธรรมชาติ ​เมื่อเก็บปลาจนหมดแล้ว​เด็กน้อยยังไม่วาย สอดส่ายสายตาหาปลา​ที่คิดว่าแข็งแรง​ที่สุดสองสามตัวนำมัน​ไปปล่อยลงในแหล่งน้ำใกล้เคียง ​เพราะจำคำสอนของลุงชอน​ได้ว่า
"กล้า ปล่อยปลาสักสองสามตัวลงในแหล่งอื่นน้ำบ้าง"
"ทำไมล่ะลุงชอน" เด็กน้อยถามอย่างฉงน
"​เพื่อให้มันรอดไงล่ะ"
"ทำไม​ต้องให้มันรอดละครับ​"
"​เพื่อเรา​จะ​ได้รอดเหมือนมัน ​เพราะมัน​จะขยายพันธุ์ให้เรา​ได้กินต่อ​ไป"
"อ๋อ! อย่างนี้นี่เอง เข้าใจแล้ว​ครับ​ลุงชอน"
เด็กน้อยมี​ความสุข​และตื่นเต้นทุกครั้ง​ที่​ได้เก็บปลา ​เขาเก็บมันอย่างรวดเร็ว​เพราะกลัวว่าปลา​จะหนีลงน้ำใหม่เสียก่อน

**************************

ท่ามกลางแสงแดดอ่อนตอนเช้า​ ต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจี ​กำลังสนุก​กับการสร้าง​ความเจริญเติบโตให้ตัวเอง แสงอาทิตย์กระทบละอองน้ำ​ที่ติดตามใบไม้ มันสะท้อน​กับสายตาของลุงชอน อากาศตอนเช้า​ช่างสดชื่นแตกต่างจากในเมืองเสียจริง ​แม้ในชนบท​ที่​ความเจริญเข้าถึงแล้ว​คงไม่มีอากาศบริสุทธิ์แบบนี้​เป็นแน่
ลุงชอน​ใช้เวลาค้นหาสถาน​ที่นี้มากว่าค่อนปี จน​ได้พบหุบ​เขา​ที่เต็ม​ไปด้วย​ความสงบเงียบ ​เขาปลีกตัวมา​พร้อม​กับเด็กชาย​ซึ่ง​เขาไม่รู้จักด้วยซ้ำ ​เพราะตั้งใจ​จะหนี​ความวุ่นวายมาเพียงลำพัง ​แต่ด้วยโชคชะตาหรือพรหมลิขิตกำหนดไว้ให้เด็กชายผู้นี้รอดจากกองขยะ​ที่เต็ม​ไปด้วย มด หนู ​และ แมลงสาบ แว่วเสียงของทารกน้อยผ่านทางเดินในเมืองใหญ่​ที่ห่างจากสายตาผู้คน ลุงชอน​ได้ยินเสียงนั้น​ ดังมาตามซอกตึก ทำให้​เขาหันทิศทางเดินตามเสียงนั้น​​ไป ​และแล้ว​ก็​ได้พบ​กับเด็กน้อย​ที่สายรกติดสะดือยังไม่ทันแห้ง ​ใครกันนะ​ที่ทิ้งลูก​เขา​ได้ลงคอ ​ความสิ้นหวัง​ที่ประดัง​เป็นเงาตามตัวของ​เขา​เมื่อสักครู่ก็หาย​ไปหมด เหลือ​แต่​ความสงสาร​และห่วงชีวิตน้อยๆ​ นี้แทน ​เขานำทารกน้อย​ไปด้วย​และตอนนี้​เขาอายุ​ได้แปดขวบแล้ว​ กล้าไม่เคยมี​เพื่อน​เขาอยู่​​กับลุงชอนเพียงสองคน
ลุงชอน​ใช้เงิน​ที่​เขามีอยู่​ซื้อเรือลำหนึ่ง​ ​ซึ่งมันราคาแพงเหยียบล้าน ​แต่ขนาดของมันนั้น​ไม่ใหญ่โตเลย​ ลุงชอนบอกว่านี่​เป็นเรือ​ที่มีทุกอย่าง หากเรา​ต้อง​ใช้มัน เผชิญ​กับสิ่งเร็วร้าย​ที่​เขาทำนาย​เอาไว้ ​แต่มันกลับจอดอยู่​บนบก ​ซึ่งลุงชอนทำฐานรองเรือลำนี้ด้วยไม้เนื้อแข็งยืนต้นตายสามต้น กล้าเห็นมันจนชินตา ​เพราะมัน​เป็นสิ่งแรก​ที่​เขา​ต้องเจอทุกครั้ง​เมื่อตื่นนอน
เย็นนี้กล้าตัดไม้ไผ่แห้งเหลือท่อนยาวประมาณสองคืบ ผ่า​เป็นซีดเล็กๆ​ แล้ว​เหลาปลายแหลมเหมือนไม้เสียบลูกชิ้น​แต่มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย ​เขาเสียบปลาย​ที่แหลมของไม้เข้า​ไปในปากของปลาหมอจรดหาง ​และบรรจง​เอาเกลือทาตัวปลา​ที่เก็บมา​ได้ นำปลาเหล่านั้น​ย่างไฟอ่อน​เป็นอาหารสำหรับมื้อเย็นวันนี้ ไม่นานกลิ่นหอมก็ลอยตามลม​ไป​ต้องจมูกของผู้​เป็นลุง
สองลุงหลานทานอาหารมื้อเย็นอิ่มแล้ว​ กล้าก็​ไปตักน้ำ​ซึ่งผ่านการกรองน้ำจากธรรมชาติ ​โดยมันไหลมาจาก​ที่สูงบนยอด​เขา รางน้ำทำจากกระบอกไม้ไผ่​ที่ผ่าครึ่ง​ซึ่งต่อยาวมาถึงบ้านของลุงชอน กล้ายื่นขันน้ำส่งให้ลุงชอน ​พร้อม​กับเก็บจานไม้เนื้อแข็ง​ที่ลุงชอนทำเอง ทุกอย่างแทบไม่​ได้ซื้อ ไม่ว่า​จะ​เป็น น้ำ ถ้วยจาน ของ​ใช้อื่น ๆ​ รวม​ไปถึงเครื่องปรุงอาหารอย่างเกลือ ลุงชอนพบว่าสถาน​ที่แห่งนี้มีแหล่งดินเค็ม​ที่​สามารถผลิตเกลือ​ได้เองตามธรรมชาติ แค่เตรียมดินบริเวณนั้น​ ให้สะอาดไม่มีเศษไม้ใบหญ้า ​และขุดคันดินล้อมรอบดินบริเวณนั้น​ แล้ว​ปล่อยน้ำเข้า​ไป จากนั้น​ก็รอให้น้ำแห้ง จนเกิดการตกผลึกสีขาวอยู่​เหนือพื้นดิน แล้ว​กวาดมันมารวมกัน​เป็นกอง นำมาร่อนให้เหลือ​แต่เกลือสีขาว
กิจวัตรประจำวันของลุงชอนวนเวียนอยู่​​กับการหาสิ่งดำรงชีวิตจากธรรมชาติ ​โดยลุงชอนคิดว่า​เป็นการพึ่งพาจากธรรมชาติ​โดยไม่เบียดเบียนมัน มัน​เป็นกฎของการรักษาสมดุล ​เมื่อฝนตกป่าแถบนี้​จะมีหน่อไม้แตกหน่อเต็ม​ไปหมด ลุงชอนเรียนรู้ธรรมชาติ​และมี​ความสุข​ที่​ได้อยู่​​กับมัน
"ลุงชอนวันนี้ทานอะไร​กันดีครับ​" เด็กน้อยตื่น​แต่เช้า​​พร้อม​ที่​จะเรียนรู้สิ่ง​ที่ผู้​เป็นลุง​จะถ่ายทอดให้
"ฝนตกบ่อยๆ​ แบบนี้ควรกินอะไร​ดีล่ะ" ลุงชอนถามนำ​เพื่อให้กล้าคิดคำตอบเอง
"รู้แล้ว​ หน่อไม้ไง อิอิ เรา​ไปหาหน่อไม้กันดีกว่า" ว่าแล้ว​กล้าก็รีบเข้าบ้าน​ไปเตรียมย่าม​และมีด ​เพื่อหาหน่อไม้"
"กล้า​เอาเสียม​ไปดีกว่า" ลุงชอนแนะให้กล้าเปลี่ยนเครื่องมือหากิน
"ทำไมล่ะครับ​ลุงชอน"
"เสียมน่า​จะดีกว่ามีด ​ถ้าหน่อไม้ไม่โผล่พ้นดิน"
"อ๋อ! ครับ​ลุงชอน เด็กน้อยปฏิบัติตามลุงชอนไม่เคยขัด อาจ​เป็น​เพราะทุกครั้ง​ที่ลุงชอนบอกมัน​เป็น​ไปตามนั้น​เสมอ หรืออาจ​เป็น​เพราะ​เขา​ใช้ชีวิตอยู่​​กับลุงชอนเพียงสองคนไม่ข้องเกี่ยว​กับโลกภายนอก ไม่มีสิ่งล่อตาล่อใจให้หักเห​ไปทางอื่น​ได้
ลุงชอนสังเกต​และเข้าใจธรรมชาติ ​เพราะเรียนรู้​ที่​จะอยู่​​กับมัน​โดยธรรมชาติ ​เมื่อฝนเพิ่งเริ่มตก ลุงชอนคิดว่า หน่อไม้​ที่แตกหน่ออาจไม่โผล่พ้นดิน จึงให้กล้านำเสียม​ไปแทนมีด ​เพราะมีดคงขุดหาหน่อไม้ในดินไม่​ได้ ​และหากการคาดการณ์ของลุงชอนไม่​เป็นตามนั้น​ เสียมก็​สามารถ​ใช้แทนมีด​ได้หากมีหน่อไม้พ้นดิน สรุปว่า​แม้หน่อไม้​จะอยู่​ในดินหรือโผล่พ้นดินเสียมก็ยัง​ใช้​ได้ทุกสถานการณ์
​เมื่อ​ทั้งสองเดินเร่งฝีเท้าขึ้น​บนทางลาดชันอย่างภูเขา ด้วยหนทางเดิน​ที่ลื่น​และชัน ​ทั้งคู่จึง​ต้องระมัดระวัง​เป็นพิเศษ​พร้อม​กับการแข่ง​กับเวลา​ที่​ต้องนำหน่อไม้​ไป​เป็นอาหารเช้า​ ​เมื่อถึง​ที่หมาย​ซึ่ง​เป็นพื้น​ที่​ที่มีกอไผ่ อยู่​หนาตา ปรากฏว่าไม่เห็นหน่อไม้​แม้​แต่อย่างใด กล้ามีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย ​แต่ก็มีคำพูดติดตลกให้ลุงชอน​ได้อมยิ้ม
"สงสัยหน่อไม้คง​จะกลัวเสียมเรา เราคง​ต้องหาอย่างอื่นทานแล้ว​ล่ะลุงชอน"
สำหรับลุงชอนแล้ว​​ความผิดหวังคงไม่มีให้เห็น ​เพราะเตรียมใจไว้ล่วงหน้าแล้ว​ว่าอาจเจอ​กับสถานการณ์นี้ ​พร้อม​กับพูดว่า
"ส่งเสียมมาให้ลุง" ลุงชอนพูด​กับกล้า ​โดย​ที่ผู้ฟังเริ่มเกิด​ความสงสัย ​พร้อม​กับยื่นเสียมในมือให้​กับลุงชอน
ลุงชอนพูดเหมือน​กับมั่นใจว่า​จะ​ได้กินหน่อไม้​ทั้งๆ​ ​ที่มองไม่เห็นหน่อไม้เลย​ ลุงชอนเริ่มขยับเท้าแหงนหน้าขึ้น​มองยอดของกอไผ่ ต้นแล้ว​ต้นเล่า เหมือนมองหาอะไร​สักอย่าง ทำให้กล้ายิ่งฉงนใจเข้า​ไปอีก ​เพราะหน่อไม้คงไม่แตกหน่ออยู่​บนยอดกอไผ่อย่างแน่นอน ไม่นานลุงชอนก็พูดขึ้น​ว่า
"เจอแล้ว​" ​พร้อม​กับตรงรี่เข้า​ไปยังกอไผ่​ที่มองเห็นตรงหน้า แล้ว​นั่งลง​ใช้เสียมเขี่ยใบไผ่​และกิ่งไผ่เล็ก ๆ​ ​ที่ตายกองกันรอบต้น จากนั้น​นั่งลงขุดดินบริเวณนั้น​ ลุงชอนขุดดิน​ได้ถึงครั้ง​ที่สี่ก็พบสิ่ง​ที่​ต้องการ นั่นก็​คือ หน่อไม้ใต้ดิน กล้าสังเกตการณ์อยู่​ด้านข้าง โผล่หน้ามองหาหน่อไม้ ​เมื่อสายตามองเห็นสิ่ง​ที่​กำลังหาอยู่​กล้าก็เริ่มยิ้มออก ​เพราะภาพ​ที่เห็นมันแปลกกว่า​ที่กล้าเคยพบ นั่นก็​คือ หน่ออ่อนของหน่อไม้​ที่โคนหน่อ​เป็นสีขาวนวลปลาย​เป็นสีเหลืองอ่อน ​ซึ่ง​โดยปกติแล้ว​หน่อไม้​ที่พ้นดิน​จะ​เป็นสีเขียวมากกว่า ทำให้กล้ายิ่งนับถือ​ความ​สามารถในการหาอาหารของลุงชอนยิ่งขึ้น​ ​และนี่ก็คง​เป็นเหตุผล​ที่กล้าไม่เคย​จะขัดคำสั่งของลุงชอนเลย​
ลุงชอนเริ่มเขี่ยดินรอบหน่อไม้ออก แล้ว​​ใช้เสียมเซาะหน่อไม้ออกจากหลุมดิน แล้ว​ส่งให้กล้าใส่ย่าม​ที่เตรียมมา กล้าสุดทึ่งในตัวลุงชอน ​และไม่วาย​ที่​จะซักไซ้ ลุงชอนถึงวิธีหาหน่อไม้ในดิน
"ลุงชอนรู้​ได้ยังไงว่าหน่อไม้เกิด​ที่กอไผ่ต้นไหน" กล้าถาม​เพื่อหาคำตอบ​ที่ค้างคาใจ
"กล้าเห็นลุงทำยังไงล่ะ" ลุงชอนถามย้อน
"ผมเห็นลุงมองบนปลายยอดไผ่ จนผมปวดคอด้วย" เด็กน้อยตอบอย่างไร้เดียงสา
"กล้าฟังนะ กฎของธรรมชาติ ต้นไผ่ต้นใด​ที่ออกดอก หมาย​ความว่ามันโตเต็ม​ที่จนโตต่อ​ไปอีกไม่​ได้แล้ว​ ​เมื่อมัน​เป็นพืช​ที่แตกหน่อ มัน​ต้องแตกหน่อใหม่แทนไงหละ"
"อ๋อ ! ผมรู้แล้ว​ขอผมลองดูบ้างนะครับ​"
"​ได้สิ ลุงชอนส่งเสียมให้กล้า" กล้าหยิบเสียมมาถือไว้ขนาบข้างลำตัว แล้ว​สอดส่ายสายตามองหาดอกไผ่​ที่อยู่​บนต้นของมัน ไม่นานก็พบสิ่ง​ที่มองหา จากนั้น​ก็ทำตามวิธีการของลุงชอน
"เจอแล้ว​ ลุงชอน ดูสิ ผมเห็นหน่อไม้แล้ว​ สงสัย​จะหน่อใหญ่กว่า​เมื่อกี้ ยอดมันใหญ่มากเลย​"
ลุงชอนไม่ตอบ​แต่นั่งยิ้มอย่างมี​ความสุข ท่ามกลางเสียงลมพัดต้นไผ่ เสียงของมันดัง ออดแอดๆ​​เป็นจังหวะ ​และแล้ว​อาหารสำหรับเช้า​นี้ก็​คือ หน่อไม้อ่อนต้ม​กับน้ำพริกรสเด็ด ​แม้อาหารมื้อนี้​จะเลย​เวลาอาหารเช้า​​ไปหน่อย​​แต่มันก็ยิ่งทำให้รสชาติของมันเอร็ดอร่อยมากขึ้น​ ​เพราะเพิ่มรสหิวอีกรสหนึ่ง​ด้วย ในวงสนทนาประสาลุงหลาน บนโต๊ะอาหารไม่วาย​เป็นเรื่อง​รสชาติของหน่อไม้
กล้าบอกลุงชอนว่า รสชาติของมัน​ทั้งนิ่ม​ทั้งหวานกว่าหน่อไม้บนดินหลายเท่าทีเดียว คง​เป็น​เพราะมันอยู่​ใต้ดิน เปลือกของมันจึงไม่มีสีเขียวเลย​ ​แต่​เป็นสีขาวแกมเหลืองแทน มัน​เป็นอาหาร​ที่อร่อยอีกมื้อหนึ่ง​ของกล้า

ตกค่ำวันนี้ท้องฟ้าเปิดมองเห็นหมู่ดาวทอแสงแวววับเต็มท้องฟ้า วันนี้เหมือนดวงดาวขยับเข้าใกล้สายตาของ​ทั้งคู่ ราว​กับว่ามันอยู่​เหนือปลายไม้แค่เพียงเดียว บนท้องฟ้ายามนี้ช่างงดงามเสียนี่กะไร หน้าบ้านไม้หลังเล็ก ๆ​ ​ที่สร้างด้วยเนื้อไม้​ที่​ทั้งหนา​ทั้งแข็ง มัน​เป็นบ้าน​ที่มีสองห้องนอนหันหน้าชนกัน มีห้องน้ำแยกจากตัวบ้าน ตรงกลางมีห้องโถงโล่งกั้นไว้ ​ส่วนด้านหลัง​เป็นห้องครัว ห้องน้ำมี​ที่รองน้ำ​ซึ่งต่อจากรางไม้ไผ่มาจากยอด​เขาอีกสายหนึ่ง​ ​ทั้งสองนั่งมองแสงดาวช่างเหมือนแสงตะเกียง​ที่อยู่​ในครอบแก้วตรงหน้านี้เสียจริง ​ทั้งคู่ไม่พูดอะไร​กัน นอกจากดื่มด่ำ​กับธรรมชาติในค่ำคืนนี้อย่างมี​ความสุขก่อน​ที่ต่างฝ่าย​จะแยกย้ายกันเข้านอน
​แต่ใน​ความหลับใหลของลุงชอน ภาพ​ความฝัน​ที่มันชอบรบกวน​ความสุขของลุงชอนก็ปรากฏขึ้น​อีกครั้ง ​เมื่อใด​ที่ลุงชอนรู้สึก​เป็นสุขสุดขีด มันมัก​จะถูกทำลายด้วยฝันร้ายยามค่ำคืนเสมอ
"ไม่! ผมไม่ทำ ผมไม่ทำมันอีกแล้ว​" ลุงชอนละเมอ
" ไม่ ไม่ ไม่"
ภาพในฝัน​ที่ปรากฏนั้น​​คือภาพของธิบดินทร์ เจ้าของบริษัทขุดเจาะน้ำมันในทะเล​ที่ลุงชอนเคยรับผิดชอบการอนุมัติโครงการ ธิบดินทร์​กำลังบังคับให้​เขาเซ็นอนุมัติโครงการขุดเจาะน้ำมันแห่ง​ที่สอง ​ซึ่ง​เขาเคยทำมัน​ไปแล้ว​ในฐานะนักวิเคราะห์​ความเสี่ยงเกี่ยว​กับทรัพยากรธรรมชาติ
​เขารู้ดีว่าโครงสร้างการขุดเจาะน้ำมันของธิบดินทร์ไม่​ได้มาตรฐาน ​ความเปราะบางของมัน ​จะทำให้น้ำมันรั่วไหล​และทำลายสิ่งแวดล้อม ​โดยเฉพาะสิ่งมีชีวิตในทะเล ​และมัน​จะส่งผลกระทบระยะยาว​กับมนุษย์อีกด้วย จากการ​ใช้ทฤษฎี​และหลักการในการหาคำตอบดังกล่าว ทำให้​เขารู้ว่า​จะเกิดผลกระทบ​ที่คาดไม่ถึงขึ้น​ โลกใบนี้​จะเกิดมหาวิบัติ ฝนตกผิดฤดู พื้น​ที่​ที่มีอากาศร้อน​จะมีหิมะตก พื้นดิน​จะทรุดตัวบริเวณ​ที่สูง​จะยุบลงกลาย​เป็นแอ่ง บางพื้น​ที่แห้งแล้งฝนไม่ตกกลาย​เป็นทะเลทราย ​และ​ที่สำคัญน้ำแข็งขั้วโลกละลาย น้ำ​จะท่วมโลก ​และราตรี​ที่ยาวนาน​จะเกิดขึ้น​สี่สิบเก้าวันจากนั้น​โลก​จะสร้างตนเองใหม่ ​แต่แผน​ที่โลกคง​ต้องเปลี่ยน​ไปด้วย
ลุงชอนนำเรื่อง​นี้​ไปบอก​กับธิบดินทร์ ​แต่​เขากลับไม่ยอมฟัง ​และขู่ว่า​จะเปิดโปงเรื่อง​​ที่ลุงชอน​ใช้ตำแหน่งของตนในทางมิชอบ ​ซึ่งทางมิชอบของ​เขา​คือการยอมเซ็นรับรองโครงการขุดเจาะน้ำมันของธิบดินทร์นั่นเอง สิ่ง​ที่เกิดขึ้น​ทำให้ลุงชอนรู้ว่า มนุษย์จำนวนมากในโลกใบนี้​จะไม่ยอมเปลี่ยนแปลงอะไร​จนกว่าคนเหล่านั้น​​ไปถึงทางตัน​ซึ่งตรงหน้าของ​เขามีเพียงหุบเหว​ที่ลึก​และสูงเท่านั้น​​เขาจึง​จะหันหลังกลับมาดูสิ่งเลวร้าย​ที่​เขากระทำต่อโลกใบนี้ ​เมื่อมนุษย์ถูกธรรมชาติลงโทษ ​เขา​จะรู้เองว่าควรปฏิบัติอย่างไรจึง​จะรักษา​ที่อยู่​เพียงแห่งเดียวของ​เขา​เอาไว้​ได้
ลุงชอนตื่นจากฝันร้ายซ้ำซากนั่น ​เขาก้าวเท้าลงจากเตียงอย่างช้า ๆ​ เดินออกมานั่ง​ไปจิบน้ำอุ่น​ที่ห้องโถง แล้ว​บอก​กับตัวเองว่า "ถึงเวลาแล้ว​ซินะ"

เช้า​นี้ลุงชอนมีสีหน้าซีดเซียว ​ซึ่ง​เป็นผลมาจากการนอนไม่หลับหลังฝันร้าย​เมื่อคืนนี้ ​เพราะ​ความฝันนั้น​มันทำให้​เขารื้ออดีต​ที่ฝังใจออกมาจนหมด เรื่อง​ราวอดีตอันขมขื่นของ​เขามันช่างยืดยาวจน​เขา​ต้องนั่งคิดถึงมัน​ทั้งคืน กล้าสังเกตเห็น​ความผิดปกติ​ที่เกิดขึ้น​​กับลุงชอน​ทั้งภายนอก​และภายในจิตใจของ​เขา วันนี้ลุงชอนเปลี่ยน​ไป ​เขาสัมผัสมัน​ได้ ลุงชอนมีทีท่าเหมือนรอจังหวะเวลาอะไร​บางอย่าง แล้ว​ครู่หนึ่ง​ลุงชอนก็เริ่มบทสนทนา
"กล้า...​หลานคิดว่า หลานมี​ความสุขไหม ​ที่อยู่​​ที่นี่" ลุงชอนถามกล้า​เพื่อหยั่ง​ความรู้สึก เด็กน้อยงง​กับคำถาม​และไม่รู้​จะตอบอย่างไร
"เออ! ครับ​ลุงชอน"
"​จะ​เป็นยังไง​ถ้า​ความสุข​ที่เรามี อาจหมด​ไป กล้า​จะรับมัน​ได้ไหม ลุงอยากให้กล้าเข้มแข็ง ​และเตรียมรับมือ​กับสิ่ง​ที่​จะเกิดขึ้น​"
กล้ารู้สึกเหมือนตัวเองไม่ปลอดภัย ลุงชอนไม่เคยพูดแบบนี้​กับตน ​และทุกครั้ง​ที่ลุงชอนพูดอะไร​ มัน​ต้อง​เป็น​ไปตามนั้น​เสมอ กล้าจึงรู้สึกหวั่นวิตก ​แต่ก็พยายามเตรียมใจยอมรับไม่ว่าอะไร​​จะเกิดขึ้น​ ​เขาคิดว่าลุงชอน​ต้องไม่ทิ้ง​เขาไว้อย่างแน่นอน
"กล้าฟังนะ อีก 1ปี บริเวณแถบนี้​จะแห้งแล้งหนัก ฝนทิ้งเม็ดสุดท้ายปีนี้ มัน​จะไม่ตกอีกเลย​ ในปีหน้า ดิน​จะแตกระแหง ต้นไม้ในป่านี้​จะเริ่มเหลืองตาย ในปีต่อ​ไปฝน​จะตกหนักข้ามวันข้ามคืนน้ำป่า​จะไหลหลาก ​ที่สำคัญน้ำ​จะท่วมบริเวณนี้ แผ่นดิน​จะแยกภูเขา​จะยุบตัวลง ​และบริเวณ​ที่ต่ำ​จะยกตัวสูงขึ้น​ โลก​จะมืดมี​แต่กลางคืน​เป็นเวลาสี่สิบเก้าวัน จากนั้น​​จะเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ" ลุงชอนลำดับเหตุการณ์​ที่​จะเกิดขึ้น​ในอีกสองปีข้างหน้าให้กล้าฟัง ​พร้อม​กับกำชับให้กล้าถนอมอาหารมากักตุนไว้ ​เพื่อเก็บไว้ทานในยามคับขัน
กล้าอ้าปากค้าง ตายังไม่ทัน​ได้กะพริบตั้งแต่ประโยคแรก​ที่ลุงชอนบอกแก่​เขา ​เพราะสิ่ง​ที่​ได้ฟังมันเกินกว่าคำว่าไม่ปลอดภัย ​แต่มันถึงขั้นเรา​จะรอดจากสิ่ง​ที่​จะเกิดขึ้น​​ได้อย่างไร ​แต่กล้าก็ยังพยายามรวบรวมสติ พูด​กับลุงชอน
" ตอนนี้ผมรู้แล้ว​ว่าลุงชอนซื้อเรือทำไม" เด็กน้อยคิดถึงเรือลำนั้น​ทันที ตอนนี้มันมีค่ามากกว่าสถาน​ที่เล่นของ​เขาเสียแล้ว​
"ลุงมีอีกเรื่อง​​ที่​ต้องบอกหลาน ไม่ว่าชีวิต​จะ​เป็นอย่างไร ลุงอยากบอกหลานให้รู้ไว้ ฟังนะ กล้าไม่ใช่หลานแท้ ๆ​ ของลุง ลุงเก็บกล้ามะจากกองขยะ แม่หลานทิ้งหลานไว้​ที่นั่น กล้าเสียใจไหม"
กล้าตกใจเล็กน้อย​กับเสียง​ที่​ได้ยิน ​แต่มันไม่สำคัญอะไร​​ไปกว่าการ​จะรอดจากสิ่ง​ที่​จะเกิดขึ้น​ ลุงชอนเลือกเวลาบอกเรื่อง​นี้​ได้เหมาะทีเดียว
"มันคงไม่สำคัญ ​ไปกว่าการ​ได้มีชีวิตรอดอีกครั้ง หลังจาก​ที่ผมรอดมาจากกองขยะมาแล้ว​ ลุงสัญญา​ได้ไหมว่าลุง​จะช่วยผมให้รอดอีกครั้ง"
ลุงชอน​ใช้​ความคิดอยู่​ครู่หนึ่ง​ ​เพื่อเรียบเรียงถ้อยคำ​ที่​จะกระทบกระเทือนจิตใจหลานชายน้อย​ที่สุด
"กล้า ลุงก็ยังไม่รู้ว่า มัน​จะเกิดขึ้น​อย่างไร เหตุการณ์นี้มัน​เป็นครั้งแรกของเรา​ทั้งคู่ ลุงยังไม่รู้ว่าเรา​จะเจอ​กับอะไร​บ้าง ​แต่​ที่สำคัญเรา​จะเจอมัน​พร้อมกัน ​และลุง​จะปกป้องกล้าด้วยชีวิต ​เพราะลุงหวังให้กล้ารอด ​เพื่อสร้างโลกใบนี้ใหม่"


​และอย่าง​ที่เคย​ได้ยิน เวลาของ​ความสุขมันสั้นเสมอ ฤดูแห่ง​ความแห้งแล้งก็มาถึง หากย้อนเวลานี้​ไปปี​ที่แล้ว​คง​เป็นวัน​ที่กล้าตั้งตารอฝนลงเม็ดน้อยลง แล้ว​วิ่ง​ไปเก็บปลาหมอ​ที่ตะกุยตะกายออกจากสระ​เพื่อหาน้ำใหม่ ​แต่สิ่ง​ที่กล้า​กำลังยืนมองอยู่​​คือสระ​ที่ไม่เหลือน้ำไว้​แม้​แต่หยดเดียว ​ความแห้งแล้งเปลี่ยนมันเหลือเพียงดิน​ที่แตกระแหงของสระ​ที่ไร้น้ำ
"ลุงครับ​ เรา​ต้องนำอาหาร​ที่เก็บไว้มาทานแล้ว​ล่ะ"
"ไม่​ต้องหรอกกล้า มันยังมีหนทาง​ที่​จะหาปลา​ได้อีก เพียง​แต่เรา​ต้องหามันด้วยวิธีอื่น"
"หาอย่างไรครับ​ ใน​เมื่อในสระมี​แต่ดิน ไม่มีปลาแน่นอน"
"สัตว์ทุกชนิด​ต้องเรียนรู้​ที่​จะ​เอาตัวรอด กล้าเคยสังเกตไหมว่า​เมื่อฝนตกใหม่ในบริเวณ​ที่ไม่มีน้ำ ปลามันมาจากไหน ​ทั้ง ๆ​​ที่น้ำแห้งขอดมองไม่เห็นตัวปลา ​แต่​เมื่อน้ำมาสักพัก น้ำตรงนั้น​ก็เริ่มเคลื่อนไหว มองเห็นตัวปลาแวกว่าย​ไปมา"
"ครับ​ลุงชอน แล้ว​มันอยู่​ไหน มันไม่ตายเหรอครับ​"
"มันมี​ที่อยู่​ ​แต่รสชาติของมันอาจไม่อร่อยอย่างปลาติดมันหรอกนะ ​เพราะมัน​ต้องเผาผลาญไขมันในตัวของมัน​เพื่อ​ความอยู่​รอด"
ลุงชอนเดินลง​ไปใจกลางของสระ ​ที่ไม่มีน้ำ อุปกรณ์ในการหาปลาของลุงชอน ไม่ใช่ แห หรือเบ็ด ​เพราะในมือไม่ใช่อุปกรณ์หาปลา ​แต่กลับ​เป็นเสียม ลุงชอนนั่งลงขุดดินบริเวณสุดท้าย​ที่น้ำแห้งขอด ​เมื่อขุดดินลึกลง​ไปครึ่งเมตร ​เขาเริ่มเบามือ ขุดสลับ​กับลูบดินเบา ๆ​ เหมือนเกรงว่าปลายเสียม​จะ​ไปสัมผัส​กับอะไร​บางอย่าง ไม่นานก็​ได้ยินเสียงลุงชอนแทนเสียงขุดดิน
"เจอแล้ว​" ลุงชอนพูด​พร้อม​กับบอกให้กล้ายื่นมือลง​ไปสัมผัส​กับอะไร​บางอย่างในนั้น​
"มันนุ่มนิ่มไม่เหมือนดิน...​. ปลา! มัน​คือปลาใช่ไหมลุง ปลาอยู่​ในดิน ​เป็น​ไป​ได้ไงเนี่ย" กล้า​ที่ประหลาดใจ ​ทั้งตื่นเต้น ​ที่รู้ว่าในดินมีปลา
จากนั้น​ลุงชอนก็​ใช้เสียมเซาะดินข้างตัวปลาเบา ๆ​ แล้ว​นำปลา​ที่เต็ม​ไปด้วยดินพอก ยื่นให้​กับกล้า กล้ารีบรับก้อนดินพิศวง​ไปปล่อยลงในถังน้ำ แล้ว​เฝ้ามอง​ความเคลื่อนไหวของมัน ไม่นาน ปลาก็เริ่มขยับตัว​เพราะเจอน้ำใหม่ มันเริ่มสลัดดิน​ที่โอบตัวมันออกทีละน้อย ๆ​ จนมองเห็นตัวมันชัดขึ้น​ มัน​คือปลาช่อน​ที่มีขนาดพอมือ น้ำหนักประมาณสามขีด หากมันอยู่​ในน้ำ​ที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ตัวของมันคงมีน้ำหนักมากว่านี้​เป็นแน่
ลุงชอนเดินมานั่งข้าง ๆ​ กล้า แล้ว​บอกว่า
"กล้าทุกสิ่งมันมีวิธีแก้ไข ขึ้น​อยู่​​กับว่า เราหาทางออกพบหรือไม่ หากเรารอดจากมหาภัยพิบัติครั้งนี้ กล้า​ต้อง​เป็นต้นกล้า​ที่​จะสร้างโลกใหม่ ​ใช้ชีวิตอยู่​​กับธรรมชาติ ดูแลมัน เหมือน​กับ​ที่มันดูแลเรา จงพึ่งพากัน​และกันนะกล้า"
"จงเรียนรู้​ที่​จะอยู่​​กับธรรมชาติ มากกว่าการตักตวง​เอาจากธรรมชาติ ​โดยไม่คำนึงถึงสิ่ง​ที่ทำลง​ไป ให้คิดอยู่​เสมอว่า กล้า​ต้องพึ่งพาธรรมชาติ ​โดยการขอ อย่าฉกฉวย​เอา​ไปจนเกิดการเสียสมดุล ​เมื่อใด​ที่สมดุลธรรมชาติไม่มีอีกต่อ​ไป สิ่งเหล่านั้น​​จะนำหายนะมาสู่มนุษย์บนโลกใบนี้ เหมือนอย่าง​ที่เรา​จะเผชิญ​กับมัน ลุงหวังให้กล้ารอด จำคำลุง​เอาไว้ให้ดี"
​ทั้งสองเข้าใจกัน ทุกคำ​ที่ลุงชอนพูด มันเหมือน​กับว่าลุงชอน​กำลังพูด​กับทุกคนในโลกใบนี้ ทุกคนควรเตรียมรับสถานการณ์​ที่ยังไม่มี​ใครเจอ ​แม้​แต่ลุงชอนผู้เจนธรรมชาติ ​ทั้งคู่​จะ​เป็นอย่างไร คนในโลกใบนี้​จะมี​ใครรอดบ้าง หรือมันอาจไม่เกิดขึ้น​ แล้ว​​ถ้ามันเกิดขึ้น​ล่ะ โลกใบนี้​จะ​เป็นอย่างไร หากทุกคนในโลก​ต้องตายกันหมด ​ใคร​จะ​เป็นผู้บอกเล่าเรื่อง​ราว​ที่เกิดขึ้น​ต่อ​ไป...​.

 

F a c t   C a r d
Article ID A-3603 Article's Rate 6 votes
ชื่อเรื่อง รอด
ผู้แต่ง ส. อิศราลักษณ์
ตีพิมพ์เมื่อ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๕
ตีพิมพ์ในคอลัมน์ เรื่องสั้น
จำนวนผู้เปิดอ่าน ๔๘๔ ครั้ง
จำนวนความเห็น ๔ ความเห็น
จำนวนดอกไม้รวม ๒๕
| | | |
เชิญโหวตให้เรตติ้งดอกไม้แก่ข้อเขียนนี้  
R e a d e r ' s   C o m m e n t
ความเห็นที่ ๑ : รจนา เจนีวา [C-18814 ], [193.134.193.5]
เมื่อวันที่ : 16 ส.ค. 2555, 18.21 น.

ว้าว ยินดีต้อนรับเรื่อง​สั้นแนวอนุรักษ์ธรรมชาติค่ะ​
เรียบเรียง​ได้ดี มี​ความ​เป็นไทยครบถ้วน
​แต่คง​ต้องตรวจพิสูจน์อักษรเพิ่มหน่อย​นะคะ​
มอบดอกไม้ให้ห้าดอกเลย​ค่ะ​

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๒ : มะขวิด [C-18816 ], [203.170.252.2]
เมื่อวันที่ : 17 ส.ค. 2555, 13.52 น.

สุดยอดเลย​ครับ​

"กล้า​ต้องพึ่งพาธรรมชาติ ​โดยการขอ อย่าฉกฉวย​เอา​ไปจนเกิดการเสียสมดุล"

​ต้องมีเรื่อง​อื่น ๆ​ ​ที่ยังอยู่​ในคลัง​ความคิดของผู้​แต่ง​ที่รอการเปิดเผยสู่สาธารณะอีกแน่ ๆ​ ​จะรอติดตามอย่างระทึก

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๓ : ส. อิสราลักษณ์ [C-18821 ], [202.143.137.29]
เมื่อวันที่ : 18 ส.ค. 2555, 11.04 น.

พี่รจนาค่ะ​ น้องพิสูจน์อักษร​พร้อมแก้ไขเรียบร้อย​แล้ว​ ​แต่อาจ​จะแก้ไขไม่หมด รบกวนผู้อ่านช่วยดูให้ด้วยนะคะ​ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ​

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๔ : Rotjana Geneva [C-18828 ], [92.62.170.229]
เมื่อวันที่ : 26 ส.ค. 2555, 21.33 น.

ยินดีค่ะ​ น้อง ส. แหม นึกว่า​เป็นผู้ชายเขียนเสียอีก
เข้ามาชมเชยอีกทีนะคะ​ ตอนนี้พี่รจนาให้เรตติ้ง​เป็นงาน​ที่ recommended แล้ว​ค่ะ​

แจ้งลบข้อความ


สั่งให้ระบบส่งเมลแจ้งการเพิ่มเติมความเห็น
 ศาลานกน้อย พร้อมบริการเสมอ และยินดีรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกท่าน  ติดต่อเว็บมาสเตอร์ได้ทางคอลัมน์ คุยกับลุงเปี๊ยก หรือทางอีเมลได้ที่ uncle-piak@noknoi.com  พัฒนาระบบ : ธีรพงษ์ สุทธิวราภิรักษ์  โลโกนกน้อย : สุชา สนิทวงศ์  ภาพดอกไม้ในนกแชท : ณัฐพร บุญประภา  ลิขสิทธิ์งานเขียนในนิตยสารรายสะดวก เป็นของผู้เขียนเรื่องนั้น  ข้อความที่โพสบนเว็บไซต์แห่งนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้โพสทั้งสิ้น