![]() |
![]() |
พลอยพนม![]() |
ตอนที่เขาเดินไปเก็บผักป่าจิ้มน้ำพริก ชายหนุ่มพบว่ากระดังงาสองข้างทางออกดอกเหลืองพลิ้วราวริบบิ้นรัดห่อของหวัญ แลส่งกลิ่นหอมระรวยชวยชื่น แต่จะมีหมู่ภมรมาเคล้าคลึงก้านเกสรอยู่บ้างหรือไม่เขาไม่ทันสังเกต...?
เพราะเขารีบ...
งานรับเหมาดายหญ้าสวนยางลุงผู้ใหญ่เพื่อเก็บเงินซื้อทองไปหมั้นเมียเพิ่งจะเริ่มลงมือแค่วันสองวัน
ก็ดูเอาเถอะ สักแต่จะกินข้าวตุนพลังไว้สู้งานก็ยังอุตส่าห์กินแค่น้ำพริกผักจิ้มอย่างเดียว ไม่ยอมแม้จะเจียดเศษเงินชายพกซื้อเนื้อ-ซื้อหมู หรือแม้กระทั่งปลาทูผอม ๆ สักตัวมาต้มแกงให้พอชื่นลิ้นกะเขาสักคำก็หาไม่
มันเป็นแบบนี้มานานโข...
นับแต่ได้พบเจอแม่ยอดชีวันขวัญชีวา แม่ยอดเสน่หาของยาจก ในค่ำคืนลอยกระทงเมื่อปีก่อนนั่นแหละ
คืนนั้นแม่แก้วของเจ้าหนุ่มมันช่างงามบาดจิตบาดใจเหลือเกิน เขายกกระทงน้อยชูขึ้นเสมอคิ้ว ออกปากอธิษฐานพึมพำออกมาเบา ๆ พอให้แม่สาวที่นั่งย่อเขาประคองกระทงใบน้อยอยู่ติดกันได้ยิน...
"เกิดชาติหนึ่งภพใดก็ขอให้ข้าน้อยได้ตกเป็นทาสรับใช้ของแม่แก้วคนนี้ตลอดไปเถิดเจ้าประคุ้ณ-"
พลันที่เจ้าหนุ่มเอื้อยเอ่ยวาจา สาวเจ้าก็ได้ยินถนัดชัดเจน จึงไม่ทันที่เจ้าหนุ่มจะเอ่ยสืบไปถ้วนทั่วทุกถ้อยคำที่ปรารถนา เขาก็ต้องสะดุ้งสูดปากร้องออกมาด้วยความตกใจ
"โอ๊ย "
พร้อมกันนั้นเจ้าหนุ่มก็รู้สึกปวดแปลบที่สีข้างอันสืบเนื่องมาแต่คมเล็มของแม่นางที่เขาแกล้งเปล่งวาจาอธิษฐานออกมาให้ได้ยินนั่นเอง
เพียงแค่นี้เจ้าหนุ่มก็พอจะหยั่งรู้ถึงน้ำใจไมตรีที่เจ้าหล่อนทอดสะพานยื่นให้...
เพราะัหาไม่แล้วไฉนเลยหล่อนจะเผยกิริยาเยี่ยงนั้นออกมา
เมื่อคืน ฝนหลงฤดูโปรยปรายพรมพรำลงมาทั้งคืน ฝอยฝนเล็ดลอดเข้ามาทางร่องฝาขัดแตะด้านหัวนอน ชวนให้เจ้าหนุ่มนั้นหนาวนัก หนาวกายเหน็บลึกเข้าไปถึงหัวใจ
แก้วเอ๋ย...เสร็จจากงานสวนยางของลุงผู้ใหญ่คราวนี้ ก็เหลืออีกไม่กี่มากน้อยแล้วล่ะวะที่ข้าจะได้ซื้อทองหยองไหว้วานผู้เฒ่าผู้แก่ให้ยกขันหมากไปสู่ขอแลหมั้นหมายกับเอ็ง
ก็ลุงผู้ใหญ่นี่แหละวะ...เหมาะดี อย่างน้อยใคร ๆ แถวนี้ก็ล้วนแต่เคารพนบนอบและนับถือแกทั้งนั้น ซึ่งข้าก็ได้เลียบเคียงกะแกไว้บ้างแล้ว
ดูเหมือนแกก็จะเต็มใจที่จะช่วยให้เราสองได้ครองรักสุขสมหวังอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
เจ้าหนุ่มนอนคลุมโปงและกอดเข่าฟังเสียงเม็ดฝนโปรยปรายลงมากระทบหลังคา ฝันหวานกระทั่งเคลิ้มหลับ หัวรุ่งไก่ขันก็ตื่นขึ้นมาจุดตะเกียงแล้วถือตรงไปก่อไฟหุงข้าวในครัว กะปิกลิ่นฉุนจัดเหลือติดก้นกระปุกอยู่นิดหนึ่ง อีกทั้งหอมแดงหัวเท่านิ้วก้อยก็เหลืออยู่แค่ครึ่งซีก หากแต่มะนาวที่จะเพิ่งเก็บมาจากท้ายสวนยางลุงผู้ใหญ่เมื่อวานสามสี่ลูก ยังวางเรี่ยมอยู่ใกล้เขียง แค่นี้ก็ถมถืด... อ้ายน้ำโตงน้ำตาลที่จะเอามาปรุงรสให้มันปะแล่ม ๆ กะเขาบ้าง ก็หมดไปตั้งสองสามวันมาแล้ว เจ้าหนุ่มก็มิได้ใส่ใจที่จะขวนขวายหาซื้อมาเพิ่มเติม เพราะเขาต้องรีบเร่งทำงาน...ยังไม่มีเวลาออกไปตลาด หรือแม้กระทั่งสาวเท้าไปยังร้านค้าท้ายหมู่บ้านก็ให้หลงลืมเสียสนิท
เถอะน่า... เอาไว้ให้เอ็งมาอยู่กินเป็นคู่ผัวตัวเมียกะข้าเสียก่อนเถอะวะ ข้าก็จะควักกระเป๋าทูลให้ทั้งหมดเลยแหละ ให้เอ็งได้เลือกซื้อหามาไว้เสียให้ครบทุกสิ่ง แต่อ้ายผงชูรสอะไรนั่นน่ะ เห็นทีข้าจะขอเจ้าล่ะ...เพราะได้ยินเขาพูดกันว่ากินเข้าไปมาก ๆ ทำให้หัวล้าน
ไอ้ปรงลูกตาเปรมนั่นปะไร!
ข้าไม่อยากหัวล้านเหมือนอย่างไอ้ปรงมัน
ดูซิ- - แต่งเมียยังไม่ทันไรหัวล้านชิบ!
ก็นั่นล่ะ- -เขาว่าเป็นเพราะเมียของมันนั่นแหละ หมั่นปรุงอาหารรสแปลกให้ผัวกินเข้าไปทุกบ่อย เส้นผมจึงร่วงผล็อยจนหมดเกลี้ยง
คราวใดที่เขาได้มีโอกาสครวญถวิลถึงยอดรัก เจ้าหนุ่มก็รู้สึกเป็นสุขยิ่งนัก เขานั่งฝันหวานอยู่หน้าเตาไฟอย่างคนใจลอย
แค่อ้ายลูกกำพร้ากระยาจกอย่างข้าเอ็งก็ไม่รังเกียจรังเดียดฉันท์ ข้าน่ะสุดบูชาน้ำใจเอ็งนักล่ะแก้วเอ๋ย
ครั้นหม้อข้าวบนเตาไฟเดือดปุด ๆ จนฟองน้ำข้าวสีขาวขุ่นเหมือนนมวัวดันฝาหม้อขึ้นมาพะเยิบพะยาบ เจ้าหนุ่มก็คว้าไม้ขัดหม้อสอดฉับเข้าในช่องหูจับ แล้วยกตะแคง รินน้ำข้าวที่กำลังเดือดทะลักอยู่นั้นใส่ลงในถ้วยใบเล็กที่เตรียมไว้ ไอร้อนโชยพุ่งขึ้นมาจนเขาต้องเบือนหน้าหลบ แม้มันจะส่งกลิ่นหอมจนน้ำลายสอ หากแต่มันก็ร้อนเหลือหลาย
จัดการยกถ้วยน้ำข้าวไปวางบนถาดสำรับ เสร็จแล้วก็ยกหม้อข้าวกลับขึ้นไปไว้ตั้งบนเตาก้อนเส้าอีกครั้ง พร้อมกับถอนดุ้นฟืนออกจากเตา เหลือแต่ถ่านแดง ๆ สำหรับดงหม้อข้าวให้สุกหอม จากนั้นเจ้าหนุ่มหันไปคว้าครกตำน้ำพริก ใส่พริกขี้หนู หอมแดง และควักกะปิกลิ่นฉุน ๆ ในก้นกะปุกใส่ตามลงไปตามมีตามเกิด กระทั่งครบถ้วนดีแล้วก็คว้าไม้ตีพริกโขลกขลุก ๆ ระแวดระวังมิให้มันกระฉอกเข้าตา ก่อนจะผ่ามะนาวบีบใส่ไปซีกหนึ่งก็เป็นอันเสร็จพิธี
พอรุ่งสางมองเห็นเส้นลายไก่เขี่ยบนฝ่ามือทุกสิ่งทุกอย่างก็สำเร็จเสร็จสรรพ
ข้าวสุกแล้ว ประเดี๋ยวก็จะตักใส่ใบตองแห้งคดห่อไปกินมื้อเที่ยงในที่ทำงาน
ก็ที่สวนยางอันรกรื้อของลุงผู้ใหญ่นั่นแหละ
น้ำพริกกระจุกหนึ่งกะข้าวสวยก้อนเท่ากำหมัดและผักแนมอีกเล็กน้อย... ถึงอย่างไรมันก็อิ่มท้องอยู่นั่นแหละนา
ทว่าตอนนี้เขาจำเป็นจะต้องจัดการเรื่องอาหารเช้าเสียก่อน
ความจริงน้ำข้าวหรือน้ำหม้อร้อน ๆ ในถ้วยที่เขารองรับไว้เมื่อสักครู่ ถ้าชงกับน้ำตาลก็จะออกรสขุ่นหวานคล้ายกาแฟ ซึ่งคนแถวนี้เรียก "โกปี๊หมา" ซดร้อน ๆ เข้าไปสักถ้วยก็ไม่ต่างอะไรกับกาแฟรสโปรดของใครบางคน
มันจะเป็นอาหารเช้าอย่างดี ทั้งอุ่นท้อง และกว่าจะหิวข้าวก็คงอีกนาน
หากแต่วันนี้ในครัวเขาน้ำตาลหมด!
จึงเพื่อไม่ให้รสชาติจืดชืดจนเกินไป เจ้าหนุ่มผู้อยากมีเมียจนใจจะขาดรอนก็หันไปคว้าเกลือผงในกระปุกมาโรยแทน
ซดเข้าไปโฮกหนึ่ง ก็รำพึงรำพันออกมาเบา ๆ ว่า
"ความรักก็ทำให้เกลือหวานได้เหมือนกันแหละ--โว้ย"
-จบ-
เมื่อวันที่ : 10 ธ.ค. 2553, 19.25 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...