![]() |
![]() |
นายอิติฯ![]() |
"อื้อ รักก็รัก" เป่าจ้องตอบก่อนหลบพริ้มด้วยความเขินอาย
"ให้ผมคนเดียวเท่านั้นนะ" เขื่องเบียดร่างแนบกระชับ ฉายยิ้มดูอบอุ่น
"อื้อ ให้คนเดียว คนสุดท้าย" เธอพูดเสียงแผ่ว...
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
จุดหมายปลายทางและการดำเนินของชีวิตคนเรา มักแตกต่างกันไปสารพัดที่จะเป็น บางคนอยู่ดีมีสุข บางคนก็ทุกข์ยากแสนเข็ญสุดจะพรรณนา ทุกคนต่างใฝ่ฝันถึงความสำเร็จของชีวิต นั่น คือการมีเงิน ทอง อยู่อย่างสุขสบาย หลายคนฝันถึงความสำเร็จในอาชีพการงาน สามารถหาเงินได้มากและได้รับการยกย่องว่าเป็นคนเก่ง คนดัง มีคนอีกจำนวนมากมาย ที่ปล่อยชีวิตให้เป็นไปตามยถากรรม เคยเป็นมายังไงก็เป็นอย่างนั้น และอีกหลายๆคนมักจะพูดกันติดปากว่าทำวันพรุ่งนี้ให้ดีกว่าวันนี้ แต่บางคนกลับบอกว่า เอาแค่วันนี้ให้ดีที่สุดก็แล้วกัน
"เขื่อง" หนุ่มอีสานหน้าตี๋ วัย ๒๖ จากขอนแก่นเมืองหมอแคนแดนดอกคูณ ลูกคนเดียวของพ่อ แม่ ซึ่งมีธุรกิจโรงสีข้าวขนาดกลาง ทำให้เขาอยู่ได้อย่างสบายๆ ตำแหน่งว่าที่เถ้าแก่โรงสีในอนาคตเป็นของเขาเห็นๆ
ด้วยความที่เขื่องเติบโตมาแบบไม่รู้จักความยากลำบาก เขาใช้เงินใช้ชีวิตแบบคนเสเพลอย่างกระหยิ่ม ช่วงวัยรุ่นสู่วัยหนุ่มน้อย ความเลวระยำตำบอน เขื่องสั่งสมเอามาเกือบหมด ไม่ว่าจะเป็นไล่เตะหมาด่าแม่เจ๊ก ดักเขกหัวเด็กประถม ก็ไม่เว้น จนบรรดาชาวบ้านร้านช่องเอือมระอากันทั้งบาง บ่อยครั้งรอดคุกหลุดตารางมาได้ก็เพราะเงินของพ่อแม่ ที่ต้องตามวิ่งแก้ต่างให้อย่างไม่รู้เหนื่อยหน่ายกับลูกชายคนนี้
อยากได้อันใด ผู้เป็นบิดาสรรหาจัดแจงให้แทบทุกอย่าง ตามที่ใจเขื่องปรารถนา การศึกษามหาวิทยาลัยดีๆก็แนะนำให้ แต่สุดท้าย นายเขื่องก็เลือกที่จะเข้าช่างกลในเมืองดอกคูณตามเพื่อนๆ และจบออกมาได้อย่างด้อยคุณภาพ ซึ่งไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าเป็นเพราะสาเหตุอันใด แต่ที่แน่ๆ สถาบันที่ก่อตั้งมาหลายสิบปี ก็แทบจะย่อยยับเพราะฝีมือของเขื่อง
บ่อยครั้ง กับการมีเรื่องกับเด็กช่างกลอีกสำนัก เขาไม่ได้บ้าบอเทิดทูนสถาบันอย่างหลายๆที่เป็นกันหรอก ส่วนใหญ่เขื่องชกตีกับรั้วอื่นก็เพราะสาเหตุเดียวนั่นคือเรื่องผู้หญิง ชื่อนี้จึงเป็นที่กล่าวขานด้านความเลว ส่งต่อให้กับน้องๆรุ่นหลังของสถาบันได้จดจำ และนำไปพินิจพิเคราะห์กันเอาเอง ว่าควรเชิดชูหรือถ่มถุยกับนามนี้ดี
เหล้า บุหรี่ ยาเสพติด เป็นเสมือนเครื่องประดับธรรมดาๆไปเสียแล้วสำหรับเขื่อง ผู้หญิงอิงแอบเขาเปลี่ยนหน้าได้ไม่เคยขาด ลูกสาวชาวบ้านที่เขื่องได้แล้วทิ้งดูเป็นเรื่องเคยชิน ถูกฟ้องร้องค่าทำขวัญมีผ่านมาแล้วก็สามสี่ราย เถ้าแก่ใหญ่ผู้เป็นพ่อก็ยิ้มจ่ายอีกตามเคย เกินครึ่งค่อนชีวิตที่ค่าใช้จ่ายมากมายถูกโยนให้เขื่องละลายโดยเถ้าแก่ใหญ่ ซึ่งก็ไม่เคยมีเสียงปริปากบ่นหลุดรอดออกเลยแม้แต่หนเดียว
เขื่องปฏิเสธคนเก่งกับหลายๆคน แต่เขาจะไม่ค่อยปฏิเสธกับผู้หญิงสาวๆ ไล่ตั้งแต่สวยนิดหน่อย จนถึงสวยหยาดฟ้ามาดิน ลองได้เป็นหญิง เขาจะเอาใจและเต็มใจคอยรับใช้แทบทุกคน ไม่ว่าพวกเธอเหล่านั้นจะเป็นใครมาจากไหน ลูกเต้าเหล่าใคร ยากดีมีจน เขื่องไม่สน อยากไปไหน อยากกินอะไร เขื่องจัดให้ไม่มีขาดตกบกพร่อง เขาจะกลายเป็นผู้ชายที่ดูสุภาพไม่มีพิษไม่มีภัย พูดจาไพเราะปากหวาน พร้อมเป็นมิตรกับทุกคน จะดูเป็นคนซื่อใจตรง คล้ายกับดูเหมือนกับว่าเขื่องโกหกไม่เป็น คงหลอกใครไม่ได้
เขื่องจะคอยสังเกตผู้หญิงอยู่ตลอดเวลา คอยจับจุดว่าผู้หญิงแต่ละคนเป็นยังไง เพราะเขาจะต้องเป็นที่ประทับใจของสาวๆทุกคน เพื่อนฝูงเพื่อนกินจะเยอะมาก ซึ่งเขาจะต้องมีเพื่อนไว้ให้เยอะ เพื่อที่จะเอาไว้แก้ตัวเวลาคับขัน และช่วยตะลุมบอนเมื่อมีเรื่องเขม่นกัน
รถเก๋งคันงามสีแดง ถูกดัดแปลงตกแต่งท่อดังเสียงปานเครื่องไอพ่น เครื่องเสียงก็ กระหึ่มรอบทิศทาง เขื่องไม่เคยสนใจหรอกว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้ มันจะมีผลต่อคนรอบข้างในทางดีหรือเลวร้ายเพียงไร เขารู้แต่เพียงว่าเป็นความฉุยฉาย ที่ลูกเทวดาอย่างเขาชอบ และต้องมี ให้มันเหมือนหรือดีกว่าลูกเทวดาคนอื่นๆที่เคยข่มเข่นกันมา
เมื่อปัจจัยมันมีอยู่อย่างพร้อมเพรียงครบครัน เขื่องสามารถเที่ยวดื่มกินได้ทุกวัน ตกค่ำฟ้ามืดเมื่อไหร่ เป็นต้องพาตัวเองออกไปให้โดนแสงสีสาดส่องกระทบตัวอยู่ร่ำไป ด้วยปัจจัยที่เอื้ออำนวยให้ บวกกับใจรัก แม้ใบหน้าจะดูไม่ได้โดดเด่นหล่อเหลาอะไรมากมาย แต่การจับจ่ายอย่างคล่องมือ ที่ทุกคนเห็นจนชินตา ทำให้การจีบหญิงหรือหิ้วสาวแต่ละครั้ง มันง่ายพอๆกับการกระดกเหล้าเข้าปากประมาณนั้นเลย
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
คืนนี้ก็เช่นกัน เหมือนทุกคืนที่ขอนแก่นบ้านเกิด หลังจากอาสามาติดต่องานให้กับพ่อที่กรุงเทพ เช่นเดียวกับทุกครั้งที่เคยทำ เขื่องจะใช้เวลาอยู่ในเมืองหลวงอย่างน้อยๆก็ ๓-๔ วัน บ้านพักหลังเล็กในเขตหนองแขมของน้าชายที่ปลูกไว้หลังที่ทำงาน จึงเป็นที่พำนักชั่วคราวยามเข้ามาเมืองกรุง ถึงจะดูหลังเล็ก หากดูจากเฟอร์นิเจอร์และของใช้ตกแต่งแล้ว ก็สมกับฐานะของน้าชายที่ทำธุรกิจขนส่ง ที่รับส่งสินค้าสายอีสานทั้งแถบ แม้กระทั่งข้าวสารของผู้เป็นบิดา ก็ใช้บริการของน้าชายเป็นหลัก
หลังจากห่างกรุงไปนานหลายเดือน เขื่องได้รับการชักชวนจากน้าชาย เฉกเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา ผับเปิดใหม่แถวสามพรานคือเป้าหมายของสองหนุ่มต่างวัย น้าชายของเขื่องแม้จะมีครอบครัวแล้ว ซึ่งก็คล้ายๆกับหัวหน้าครอบครัวอีกหลายๆคนที่มีอันจะใช้และมีอันจะจ่าย พวกเขาสามารถจัดการตัวเอง พาชีวิตที่ต้องปลีกวิเวกจากครอบครัว ให้โลดแล่นไปตามสังคมเมืองยามราตรีได้อย่างสบาย
บนโลกอันกว้างใหญ่ใบนี้ คงหาได้ยากยิ่งที่ผู้ชายจะไม่เจ้าชู้ หากแต่ความเจ้าชู้ของแต่ละคน จะไปทำให้ใครเดือดร้อนหรือเปล่าเท่านั้นเอง สิ่งแรกที่ผู้ชายเข้าผับนั่นก็คือสุรา เฮฮาปาร์ตี้ สุดท้ายของเป้าหมาย ซึ่งน้อยคนนักที่จะปฏิเสธสิ่งนี้ได้ "ผีเสื้อราตรี" สิ่งนี้ล่ะที่ชายนักเที่ยวหลายๆคนไม่อาจมองผ่านไปได้
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
"เป่า" สาวโสดวัยเบญจเพส หลังจากจบมัธยม ๖ ได้สองปี ก็จากสระบุรีบ้านเกิด ด้วยความหวังที่จะมุ่งหาอนาคตที่ดีกว่า เธอตัดสินใจแบกกระเป๋าเข้าเมืองใหญ่ตามกระแสสังคม และได้งานทำเป็นฝ่ายบุคคลของโรงงานแถวสมุทรปราการ จนพบรักกับแฟนหนุ่มฝ่ายการตลาดบริษัทเดียวกัน คบหาดูใจกันแค่อึดใจ เป่าตัดสินใจมอบสิ่งที่ผู้หญิงพึงหวงแหนมากที่สุดให้เขาไป ด้วยเวลาที่คบกันได้ไม่ถึงเดือนเสียด้วยซ้ำ
แฟนของเป่า ต้องออกพื้นที่ขายสินค้าของบริษัทตามจังหวัดในเขตภาคใต้ เธอต้องนอนทนรอผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีจะกลับรังรัก ซึ่งเป็นเพียงห้องเช่าสี่เหลี่ยมแคบๆ มีโอกาสได้แสดงความรักความคิดถึงให้แก่กันและกันก็แค่ช่วงเวลาสั้นๆเพียงวันสองวัน รุ่งเช้าอีกวันก็โบกมือลาห่างหน้ากันไป และก็อีกเกือบเดือนผู้เป็นแฟนจึงจะหวนกลับมาอีกครั้ง ซึ่งก็เป็นแบบนี้ซ้ำๆวนๆมาเกือบจะสองปี
ด้วยวัยที่ยังใสและยังสาว บวกกับผิวพรรณขาวหน้าสวยรูปร่างอวบอิ่ม เป่าก็ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้กับหนุ่มๆที่อยู่ใกล้ๆละแวกห้องเช่า ที่พยายามส่งสายตาชำเลืองขอผูกมิตรไมตรีอยู่ไม่ขาด ประกอบกับพักหลังๆผู้เป็นแฟนติดต่อเริ่มขาดๆหายๆ มือถือที่โทรหาแต่ละครั้งก็เริ่มรับช้าลงเรื่อยๆ จนบางครั้งสายก็หลุดไปเฉยๆ ทั้งที่เมื่อก่อน ประมาณว่าเธอเพียงแค่เป็นฝ่ายต้องคอยรับตลอด เช้าโทรเย็นโทร หากเธอเป็นฝ่ายโทรไปก็ปุ๊บปั๊บรับเลย แต่เดี๋ยวนี้ปิดเครื่องเงียบหายไป ๔-๕ วันก็ยังมี
ความเหงามันไม่เข้าใครออกใครไม่ว่าชายหรือหญิง เป่าเองก็เช่นกัน การเร่งเร้าแต่งงานเพื่อให้แฟนทำให้ถูกต้องตามขนบธรรมเนียม ตรงกันข้ามมันกลับยิ่งทำให้หลายๆอย่างเริ่มเปลี่ยนไป ทะเลาะมีปากเสียงกันบ่อยขึ้น ความรักที่เคยมีให้กันก็เริ่มจืดจาง จะให้เธอทำอย่างไรได้เมื่อไม่ได้ใช้ชีวิตร่วมกัน ดอกไม้สวยไม่มีการพรวนดิน รดน้ำทีก็แค่ตอนสิ้นเดือน ความมีชีวิตชีวาที่น่าจะเป็น จึงดูขาดๆหายๆไป ไม่มีวี่แววที่จะเพิ่มพูนงอกงามขึ้นมาเลย จนเธอจับได้ว่าแฟนไปมีผู้หญิงใหม่ ซ้ำร้ายยังไปทำเขาท้อง ปัญหามันเลยหนักเข้าไปอีก บทสรุปสุดท้ายของเป่าก็คือ แยกทางกันด้วยความเต็มใจทั้งสองฝ่าย
เป่าเปิดรับชายรักคนใหม่ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว ตาสบตาที่ส่งมองให้กันและกันมาก่อนหน้านั้น จึงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้ไม่ต้องคิดทบทวนให้มากความ เพียงวันแรกที่ตัดขาด เป่าเปิดห้องรับชายใหม่คล้ายกับคนที่อดทนรอเวลานี้มาแสนนาน โลกใหม่สดใสขึ้นมาอีกครั้ง เธอและแฟนใหม่ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันได้เพียงสองเดือน สวรรค์ที่เป่ากำลังกุมกอดไว้ก็ต้องมีอันสลายหายไป เมื่อมีผู้หญิงอีกคนอุ้มลูกน้อยเข้ามาตบตีเธอถึงห้องเช่า
ด้วยวัยเพิ่งจะ ๒๐ เศษๆ ในขณะนั้น เป่าต้องเสียตัวแถมต้องเสียใจให้กับผู้ชายถึงสองคน ภายในระยะเวลาเพียงแค่สามปี เธอก็ปล่อยตัวปล่อยใจเกินกว่าที่จะหยุด ความรักและการโหยหาความอบอุ่นของเธอยังมีอยู่เปี่ยมล้น ด้วยอัธยาศัยดีรูปร่างเย้ายวนมีเสน่ห์ เธอคบๆเลิกๆกับเพื่อนชายอีกสองคน ก่อนจะออกงานจากสมุทรปราการมาทำงานกับญาติที่ทำธุรกิจร้านอาหารย่านสามพราน
จากเด็กเสิร์ฟอาหารยกน้ำยกเบียร์ธรรมดาๆ แต่บวกกับรูปร่างหน้าตาของเธอที่สามารถดึงดูดเพศตรงข้ามได้เป็นอย่างดี ทำให้เธอได้เงินทิปจากแขกคราวละเป็นร้อยเมื่อเธอให้ความสนิทสนมเป็นกันเอง การไม่ถือเนื้อถือตัวของเธอ ทำให้แขกหลายคนมองเธออย่างมีหวัง
เป่าตัดสินใจผันตัวเองมาเป็นผีเสื้อราตรีด้วยความสมัครใจ หลังจากที่ได้นั่งกอดเข่าชั่งใจตัวเองอยู่หลายวัน ก่อนที่เธอจะเลือกเดินหน้าบนทางสายนี้ต่อไป ครั้งแรกและทุกๆครั้งที่รับงานแบบนี้ เธอจะป้องกันตัวเองอย่างดีที่สุด และก็ไม่เคยละเลยที่จะไปตรวจสุขภาพอยู่เป็นประจำ การขายบริการก็เลือกแต่เสี่ยที่มีเงินเท่านั้น เธอคิดอยู่เสมอว่า วันหนึ่งเมื่อมีโอกาสก็จะเลิกอาชีพนี้ แม้จะเป็นอาชีพที่หาเงินได้ง่ายเมื่อมายาพิศวาสถูกเรียกหาโดยผู้ชาย ที่เลือกใช้เรือนร่างของเธอเป็นที่ร่วมผ่อนคลาย
ความเป็นอยู่ทางบ้านที่กระท่อนกระแท่น น้องอีกสองคนกำลังกินกำลังเรียน เธอจึงเร่งหาเงินเป็นหลัก สองสามปีต่อมา เงินที่ได้จากการทำงานกลางคืนของเป่า ทำให้มีเงินใช้ไม่ขาดมือ ทางบ้านมีพอใช้ไม่ขัดสน เธอปล่อยวิถีชีวิตให้ล่องลอยไปตามวิถีของสังคมคนกลางคืน ผู้ชายมากหน้าหลายตาหลากวัย ต่างผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาในชีวิตของเธอ โดยไม่มีพันธะใดๆมาผูกมัด
ด้วยวัยสาวที่เต็มตัว เป่ายิ่งเพิ่มความร้อนแรงเร่าร้อนให้ชายนักเที่ยวทั้งหลาย เธอรวมตัวกับเพื่อนๆสี่คนเปิดร้านอาหารขึ้นมาใหม่ โดยมีเสี่ยน้อยเสี่ยใหญ่แวะมาคอยการสนับสนุนไม่เคยขาด แต่เธอก็ยังไม่คิดจะตกล่องปล่องชิ้นกับชายใด แม้หลายคนจะหลงใหลเธอจนอยากได้ครอบครอง บ้างก็มาเสนอตำแหน่งบ้านน้อยให้เธอ ซึ่งเธอก็ปฏิเสธไป ความสวยและความสาวของเป่ากำลังผลิบานเต็มที่ ซึ่งหากเลือกได้ เธอเองก็ต้องการเชยชิดกับหนุ่มๆ มากกว่าชายที่มีอายุเป็นไหนๆ
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
ทุกๆเย็นร้านอาหารเพลินตาจะถูกเปิดบริการ เป่าที่เป็นหุ้นส่วนรายเล็กสุดจะมาถึงร้านก่อนหุ้นส่วนใหญ่อีกสามคนเสมอโดยไม่แสดงอาการเกี่ยงงอนใดๆ ไม่ใช่เพราะหุ้นน้อยกว่า หากแต่เป็นอัธยาศัยที่เปิดกว้างของเธอและความมุ่งมั่น บวกกับความทะเยอทะยาน จึงทำให้เธอไม่เป็นคนคิดเล็กคิดน้อยให้เปลืองสมอง
อีกอย่าง เป่าเป็นสาวโสดจะมาจะไป ก็สะดวกกว่าหุ้นส่วนอีกสามคนที่มีภาระครอบครัวต้องสะสาง เธอเช่าอพาร์ทเม้นท์ที่ดูดีกว่า กว้างกว่าห้องเช่านิดหน่อย ใกล้ๆกับพื้นที่เช่าร้านอาหารของพวกเธอ การเปิดร้านจึงเป็นหน้าที่ของเธอ
เป่ามีรูปร่างหน้าตาเป็นทรัพย์ และมีความสวยอิ่มเอิบเป็นทุน แม้จะมีการศึกษาเพียงมัธยมปลาย แต่เธอก็ฉลาด....เพราะประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านๆมาสอนเธอ หลังจากมาเปิดร้านกับหุ้นส่วนได้ไม่นาน เป่าหยุดการออกรับพิเศษจากเสี่ยน้อยเสี่ยใหญ่ เธอทุ่มเทจัดการร้านที่เพิ่งเปิดให้เข้าที่เข้าทาง แม้ร้านจะเปิดได้ไม่ถึงเดือน แต่ก็มีผู้คนเริ่มรู้จักร้านอาหารเพลินตาแวะเวียนมาใช้บริการกันมากขึ้นเรื่อยๆ
แสงไฟสีสวยถูกเปิดพอสลัว เสียงเพลงช่วยสร้างจังหวะให้ชีวิตยามค่ำดูครึกครื้น รถเก๋งสองคันเลี้ยวเข้ามาจอด แขกเริ่มทยอยมาเป็นระยะ เขื่องกับน้าชายได้รับการต้อนรับจากเป่า ที่ค่ำคืนนี้เธอมาในชุดเสื้อกล้ามสีดำเปิดผิวนวลเมื่อต้องแสงไฟ กางเกงยีนส์ดูกระชับ ส่งให้รูปร่างชวนมอง ตาสบกัน เขื่องยกนิ้วขึ้นมาดีด ก่อนจะหันไปยิ้มกับน้าชาย เสียงอึกทึกของบทเพลง ทำให้ต้องเอียงหน้าโล้ตัวพูดคุยกัน กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆของเป่ายังคงโชยคลุ้งอยู่ แม้ตัวเธอจะปลีกตัวไปต้อนรับแขกคนอื่นๆแล้วก็ตาม
เขื่องและน้าชายเปิดเหล้าราคาแพงมานั่งดื่ม สายตากรุ้มกริ่มของเขื่องมองตามเป่าไปทุกจุดที่แวะไปช่วยน้องๆสาวเสิร์ฟสองสามคน เธอดูไม่ค่อยอยู่นิ่ง เธอทักทายพูดคุยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและบริการเครื่องดื่มพร้อมอาหารให้กับแขก หลายครั้งที่เป่าหันมาทักทายกับเขื่องด้วยสายตาและรอยยิ้มอยู่บ่อยครั้ง หุ้นส่วนของเธอเริ่มมากันครบแล้ว ที่เหลือต่อจากนี้เป่าก็ไม่ต้องลุกๆนั่งๆจนบ่อยครั้งนัก
กับแกล้มมื้อค่ำไม่สำคัญสำหรับเขื่อง เพราะเป้าหมายของเขาไม่ใช่มาลิ้มรสอาหาร จะถูกหรือแพงมักไม่ได้รับการใส่ใจ เขื่องชอบที่จะซึมซับเอาบรรยากาศมากกว่า พร้อมกับการนั่งมองและกวาดสายตาหาสาวๆ ซึ่งแค่เพียงก้าวแรกที่เดินเข้ามา เขาก็ได้เจอแล้วสำหรับค่ำคืนนี้ เป่าเต็มใจร่วมโต๊ะพูดคุยกับเขื่องและน้าชาย ฤทธิ์เหล้าเบียร์ที่หยิบยื่นให้แก่กันและกัน มันทำให้เลือดสูบฉีด กระตุ้นให้เกิดความรื่นเริง
ห้าทุ่มกว่าของคืนนั้น ภายหลังจากการพูดคุยเพียงสองสามชั่วโมงที่พบเจอกัน มิตรภาพของเขื่องกับเป่าเกิดขึ้นรวดเร็ว โดยที่ไม่จำเป็นต้องรอเวลา เพราะแค่มองตากันไปมา ทุกอย่างก็พร้อมที่จะสานต่อไปได้ด้วยความราบรื่น เป่าได้รับคำชมคำเยินยอจากเขื่อง เธอก็ยิ้มและฟังอย่างคนเคยชิน เพราะแขกหลายๆคนก็ชมเธอแบบนั้นให้ได้ยินผ่านหูทุกๆวัน
ตัวเธอเองก็ทราบดี แม้แต่สาวบริสุทธิ์หลายๆคนยังเทียบเสน่ห์อันเย้ายวนของเป่าแทบไม่ได้ แต่หาใช่คำพูดเยินยอที่ทำให้เป่าพอใจ ความรู้สึกถูกชะตาและเหมือนคนคุ้นเคยที่มีต่อเขื่องต่างหาก ทำให้เป่าตัดสินใจสานความสัมพันธ์ให้แนบแน่นต่อไป หลังจากที่เธอหยุดใช้เรือนร่างมาระยะหนึ่ง
เขื่องแยกตัวกับน้าชาย ก่อนขับรถเก๋งคันเก่งคู่บารมีที่มีเป่านั่งเคียงคู่มา ถนนเพชรเกษมช่วงสามพรานที่มียวดยานวิ่งสวนไปมายามค่ำคืน ไฟหน้ารถสาดส่องวูบวาบไม่ขาดระยะ ร้านรวงและสถานบันเทิง เปิดไฟสว่างหลากสี ดูสวยระยิบระยับเพลินตาและเจริญใจยิ่งนัก มันช่างช่วยกระตุ้นพลังและอารมณ์บางอย่างภายในใจของคนทั้งสองที่กำลังคุกรุ่น ให้โหมกระพือได้เป็นอย่างดี
ลำแขนเนียนสวยของเป่า วางทาบแหมะลงบนต้นขาของเขื่อง ที่กำลังขับรถพร้อมกับสายตาที่มองเพ่งออกไปข้างหน้าอย่างตั้งใจ มือเรียวงามของเป่าไล้ลูบบีบอย่างเบาที่หน้าขา ก่อนค่อยๆเลื่อนสูงขึ้นมาอย่างจงใจ เสียงเพลงช้าซึ้งๆดังก้องกังวานอย่างได้บรรยากาศ กลิ่นหอมจากเรือนผมสลวยและกลิ่นกายแห่งวัยสาวกระจายฟุ้ง เมื่อร่างอวบสวยในชุดสายเดี่ยวเอนแนบซบเข้ามา มันช่างเร่งเร้าเย้ายวนให้ไฟกิเลสราคะของเขื่องพวยพุ่งกระเจิดกระเจิงยากที่จะผลัดฝืนและรั้งรอได้อีกแล้ว
เขื่องชะลอรถเมื่อเห็นป้ายไฟบอกสถานที่ อักษรตัวสีแดงใหญ่เด่นชัดอยู่ข้างหน้า ก่อนหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าไป เป่าเหลือบสายตาหวานเยิ้มขึ้นมองชื่อสถานที่ เธอเหยียดยิ้มและซบนิ่งอย่างสมใจ
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
กามเทพคงเล่นตลกกับคนทั้งคู่ อีกสองคืนต่อมา เหมือนมีเรื่องที่ดูคล้ายจะว้าวุ่นเกิดขึ้นในความรู้สึกของคนทั้งสอง เขื่องไม่อยากกลับขอนแก่น อารมณ์สนใจแกมพอใจบังเกิดขึ้นในใจของเขื่องอยู่ลึกๆ เขาไม่อยากจากสาวเจ้าที่อยู่ในอ้อมกอดขณะนี้เลย ซึ่งเป่าเองก็เช่นกัน เธอรู้สึกกระดากตัวเองและเขินอายเขื่องทุกครั้งที่ถูกสายตาจริงจังของเขาจ้องมอง
เธอผ่านความรู้สึกเขินขวยมานาน นานจนเธอลืมไปแล้วว่า เธอเคยมีความรัก และขณะนี้เธอก็กำลังคิดอยากจะมีความรัก กับหนุ่มเสเพลอย่างเขื่องซึ่งเมื่อคิดๆแล้วโอกาสที่เป่าจะสมหวังแทบเป็นไปไม่ได้เอาเสียเลย เพราะเสือผู้หญิงอย่างเขื่องคงจะถอดเขี้ยวเล็บได้ยาก เธอกลัวไปสารพัด เพราะเธอเองก็เป็นผู้หญิงที่มีรอยตำหนิ อีกอย่างเธอก็เคยเจ็บปวดเมื่อคิดจะจริงจังกับเรื่องความรัก
ตกสายของวันนั้น เขื่องชวนเป่าออกขับรถกินลมไปยังชายหาดชะอำ โดยเป่าเองเธอก็ตอบรับอย่างเต็มใจ ด้วยใบหน้าที่สดใสร่าเริงกว่าทุกๆวัน รถเก๋งคันงามสีแดงแล่นฉิวไปตามถนนเพชรเกษมมุ่งหน้าสู่เพชรบุรี เขามองสาวที่นั่งเอนหลับ อวดแก้มขาวนวลเนียนดูเปล่งปลั่ง จะว่าไปความรักความชอบของคนเรานี่มันก็แปลกพิลึก นึกจะเกิดมันก็เกิดขึ้นปุบปับ เหมือนลมหัวหมุนในหน้าร้อน ที่เขาเคยเห็นบ่อยๆที่อีสานบ้านเกิด
ความปรารถนาและอยากพิชิตความงามในตัวเธอ มันได้หายไป กลับกลายเป็นการอยากดูแลและทะนุถนอม สองสามคืนที่ผ่านมา เขากับเธอได้พูดคุยกัน ซึ่งทั้งหมดนั้นมันเกิดขึ้นอย่างบริสุทธิ์ใจ และตอนนี้เองแรงปรารถนา ที่เขาเคยมีต่อผู้หญิงหลายๆคน ก็ได้ค่อยๆกระจายละลายหาย ทันทีที่ได้เห็นร่างสวยที่หลับพริ้มอยู่ข้างๆ
เมื่อถึงชะอำ เขื่องเลือกที่จอดรถ ที่มีมุมสงบห่างจากผู้คน เวิ้งทะเลกว้างแผ่ผืนสีฟ้าเข้ม ขอบฟ้าขอบน้ำชนกันอยู่ไกลลิบ ดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำ ส่งให้เห็นลายคลื่นกระเพื่อมเบาระยิบยับ เป่าชะแง้ ยิ้มกว้างเมื่อได้เห็นทะเล นานหลายปีแล้วที่เธอไม่ได้เห็นทะเลสวย ด้วยหัวใจที่กำลังผลิบานและความรู้สึกเปิดโล่งแบบนี้
เธอก้าวลงจากรถอย่างตื่นเต้น ยกเรียวแขนสวยปัดรวบผมสลวยที่พัดปลิวด้วยแรงลมทะเล พร้อมกับหันมาส่งยิ้มละไมให้เขื่องที่ยืนอัดบุหรี่ควันฉุยมองดูเป่าด้วยความอิ่มอุ่นใจ ก่อนที่เขาจะเดินไปยืนเคียงคู่เอื้อมกุมมือนุ่มมากำกระชับแนบลำตัว ปล่อยให้ผมยาวสลวยของเป่าได้ปลิวพลิ้วสะบัดอีกครั้ง
ทั้งสองเลือกหาห้องพักที่อยู่ใกล้กับชายหาดมากที่สุด เมื่อเก็บสัมภาระเสร็จสรรพ เป่ารบเร้าชวนเขื่องที่นอนเขลงอยู่บนเตียงนุ่ม เธออยากลงไปเดินเล่นชายหาด ในยามตะวันใกล้ลับทิวฟ้า เขื่องผลุดลุกอย่างว่าง่าย เป่าคุยจ้อกับเขื่องขณะเดินลงจากห้องพัก บอกว่าเธอชอบทะเลมาก เธอขอบคุณเขาที่พามาเที่ยวทะเล และทันทีที่ถึงชายหาดเธอปล่อยมือจากเขา วิ่งย่ำบนชายหาดพรวดเดียวถึงทะเล ดูเธอตื่นเต้นและตื่นตัว จนบางครั้งก็ดูไม่ต่างเด็กที่เพิ่งเห็นทะเลในครั้งแรก เธอดูเป็นธรรมชาติจริงใจไร้มารยา
เขื่องมองภาพนั้นอยู่นาน ไม่นึกว่าเป่าจะมีเสน่ห์ได้เพียงนี้ เขามีใจให้กับเป่าอย่างไม่มีทิฐิ เพราะตอนนี้เธอไม่ใช่เป่าในคราบผีเสื้อราตรี เธอดูสดใส ใบหน้าไร้เครื่องสำอางมาเสริมแต่ง ผมสวยที่ถูกน้ำกระเซ็นใส่ เปียกลู่ ผิวขาวชวนมอง พลันทำให้ต้องหวนกลับมานึกถึงตัวเอง ที่ปล่อยเวลาให้ลุ่มหลงในกิเลสตัณหาราคะอย่างไม่รู้จักพอจนลืมนึกถึงผิดชอบชั่วดี ขาดสำนึกที่พึงมีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน "ถึงเวลาแล้วสิที่เราจะต้องรู้จักพอ" จากเพื่อนนอนชั่วข้ามคืนและอีกสองคืน บัดนี้เขื่องได้มองเห็นความรักที่แทรกอยู่กลางดวงตะวันแดงกลมโต ที่ค่อยๆเลือนหายจมลงทะเลไป
ค่ำคืนนั้นเขื่องทะนุถนอมเป่าอย่างไม่เคยปฏิบัติกับผู้หญิงที่เขาผ่านมาหลายๆคน เป่าเองก็รับรู้ได้ เธอได้เห็นความเป็นสุภาพบุรุษของเขา มันไม่ใช่เพียงความใคร่อีกต่อไปแล้ว เพราะเขื่องได้บอกรักกับเธอชวนเธอไปอยู่กินที่ขอนแก่น เลิกงานที่ทำอยู่ เขาเองก็จะช่วยพ่อบริหารงานโรงสีอย่างเต็มตัวเสียที เป่าเองแทบไม่เชื่อหูตัวเองเท่าใดนัก กับลมปากของผู้ชาย จนถูกถามย้ำจากเขื่องอย่างจริงจัง จึงพยักหน้าเออออตกลง ก่อนที่เธอจะดึงร่างแกร่งเปลือยเปล่าเข้ามากอดกระชับด้วยอาการขวยเขินแต่พองาม
เป่าเชื่อว่าการที่เธอจะใช้ชีวิตคู่กับใครสักคนนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนสำคัญ ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ไม่ว่าจะงานบ้านงานเรือน ความเข้าอกเข้าใจกับนิสัยส่วนตัวซึ่งและกัน หรือแม้แต่กิจกรรมที่กำลังดำเนินอยู่ขณะนี้ เธอก็จะบกพร่องไม่ได้ เพราะชีวิตคู่ต้องมีส่วนประกอบที่ครบเครื่อง หากขาดตกบกพร่องไปแค่เพียงนิดอาจทำให้ครอบครัวเกิดอาการสะดุด เป่าชอบช่วงเวลาแบบนี้และเธอเองก็เต็มใจร่วมสร้างสรรค์ไปกับเขื่องอย่างเพลิดเพลิน
ที่ผ่านๆมาไม่เคยมีใครมาทำให้เป่าต้องหลงใหลได้ถึงเพียงนี้ เธอพร้อมจะหยุดอาชีพผีเสื้อราตรีด้วยวัยที่ยังใสสด ใช้ชีวิตอย่างที่ควรจะเป็นกับชายคนรัก เธอขอบคุณตัวเอง ขอบคุณเขื่องที่ไม่ได้รังเกียจเธอ กลับเปิดโอกาสให้เธอเลือกเสียด้วยซ้ำ เธอซึ้งใจจนเกินจะบรรยาย ดวงตาคู่สวยจ้องมองเขาแบบค้นหา หยดน้ำใสเอ่อล้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะถูกเช็ดด้วยมือของเขื่องอย่างทะนุถนอมและอ่อนโยน
"รักแต่ผมนะ" เขื่องถามปนยิ้มจ้องหน้าสาวคนรัก ที่ใบหน้ายังคงมีคราบน้ำตาแห่งความปีติอยู่
"อื้อ รักก็รัก" เป่าจ้องตอบก่อนหลบพริ้มด้วยความเขินอาย
"ให้ผมคนเดียวเท่านั้นนะ" เขื่องเบียดร่างแนบกระชับ ฉายยิ้มดูอบอุ่น
"อื้อ ให้คนเดียว คนสุดท้าย" เธอพูดเสียงเบาแผ่ว ยิ้มอายแนบหน้ากับต้นแขนของตัวเอง ปล่อยสองมือเรียวพาดไหล่กำยำ เธอกล้าที่จะเย้ายวนและตอบสนองเขาอย่างอิ่มเอม
บัดนี้หัวใจของคนสองคนตรงกันอย่างไม่น่าเชื่อ เสือกลางคืนกับผีเสื้อราตรี ถูกศรรักปักอกเข้าอย่างจัง จุดหมายที่คนสองคนยังหาไม่เจอ มันได้มารอให้เดินเข้าไปหาอยู่ข้างหน้าโน่นแล้ว
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
ในเวลาต่อมา.........
ลูกเทวดาอย่างเขื่องกลับตัวกลับใจเลิกเที่ยว หันมาช่วยงานของบิดาอย่างจริงจัง จนหลายๆคนเริ่มให้ความไว้เนื้อเชื่อใจ เขาเทียวขึ้นเทียวลงแวะเวียนหาสาวคนรัก ที่เธอได้ถอนหุ้นจากเพื่อนๆมาอยู่บ้านที่สระบุรี เป่ามีโอกาสได้ทำในสิ่งที่เธออยากทำมานานอย่างไม่คาดฝัน นั่นคือการเข้าเรียนต่อปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง เธอเลือกเรียนบัญชี เพื่อที่จะได้ออกมาช่วยงานของเขื่อง โดยการสนับสนุนของเขื่องและกำลังใจจากหลายๆคน
ในวันที่เป่าเรียนจบ หยดน้ำตาแห่งความปลาบปลื้ม หลั่งมาอีกครั้ง มันเป็นน้ำตาแห่งความสำเร็จของเธอ เขื่องอุ้มลูกชายวัยสองขวบมายินดีกับบัณฑิตคุณแม่ลูกหนึ่ง ที่ยังดูสวยพริ้งในชุดครุยปริญญา แม้วัยจะได้หลักสามแล้วก็ตาม เธอยังคงความสวยที่ชวนมองอยู่เสมอ
พยานรักตัวน้อยถูกสวมกอดถ่ายรูปอย่างมีความสุข อดีตที่ไม่น่าจดจำของคนทั้งสอง ค่อยๆเลือนหายไป สองสามีภรรยาที่ได้เสียกันตั้งแต่วันแรก ที่พบเจอกัน แต่ความรักแท้ก็ได้นำพาให้เขาทั้งคู่เดินทางมาจนพบกับความสุขที่แท้จริง
ภาพสามคนพ่อแม่ลูกที่มีเจ้าตัวน้อยอยู่กลาง พวกเขาเดินเหวี่ยงแขนขึ้นลง สลับกับเสียงหัวเราะเอิ้กอ๊ากของพยานรักดังร่าไปตลอดทาง จนถึงรถเก๋งคันงามสีบรอนซ์ที่จอดอยู่ ก่อนค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากรั้วมหาวิทยาลัยไปอย่างช้าๆ
เมื่อวันที่ : 25 ต.ค. 2553, 16.04 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...