![]() |
![]() |
นายอิติฯ![]() |
เสียงบักทองคูณเด็กชายตัวเล็ก ไม้เบื่อไม้เมาเจ้าประจำ มันเอ่ยเสียงล้อเลียนอีแหล่ ที่เดินถือรองเท้าดาวเทียมคู่ใหม่เอี่ยมสีสด ขณะที่พวกเขากำลังเดินกลับจากโรงเรียนไปตามถนนลูกรังสีแดงที่ฉ่ำแฉะ ไปตลอดระยะทางเกือบๆ ๒ กิโลเมตร หลังจากมีฝนตกลงมาก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมง
"เออซีวะ..แล้วมึงจะทำไม...ไอ้เตี้ย นานๆกูจะได้ของใหม่สักทีเว้ย อิจฉาล่ะซีมึง ดูซิน่ะของมึง แหว่งเว้าปนเปกันปานนั้นยังใส่อยู่ได้ เป็นกูนะ โยนเข้าป่าไปแล้ว แหวะๆๆ"
เป็นการสวนกลับอย่างทันควันของเด็กหญิงสารภีหรืออีสาที่ใครๆก็มักจะเรียกเธอว่าอีแหล่ ตามลักษณะผิวพรรณที่ดำคล้ำกว่าเพื่อนคนอื่นๆ
"ทุกทีเล๊ย.ย..ย.ย... สองคนนี้ จะมีบ้างไหมเนี่ย ที่จะพูดจากันดีๆ กัดกันได้ตลอด"
เด็กหญิงวังเวียงหรืออีเวียงเพื่อนลูกพี่ลูกน้องกันของสารภี เธอเดินบ่นพร้อมกับส่ายหน้าประคองไหล่อีสา โดยมีทองคูณคอยเดินตามโผล่ซ้ายโผล่ขวาอยู่ไม่ห่าง
"อย่าลืมนอนกอดเลยเด้ออีแหล่ อีขี้เห่อ"
ทองคูณทิ้งท้ายพร้อมแลบลิ้นปลิ้นตาก่อนออกวิ่งแซงหน้าทั้งสองคน หายลับเข้าโค้งของหมู่บ้านไป ซึ่งมันจะเป็นคู่กัดกับอีสามาตลอด และชอบล้อเล่นพูดก่อกวนค่อนขอด ทุกครั้งทุกเวลาที่มีโอกาส ประมาณว่า หากวันใดมันไม่ได้กระทบกระทั่งอีแหล่ด้วยคำพูดเจ็บๆคันๆ ไอ้ทองคูณมันก็คงนอนไม่หลับไปทั้งคืน ประมาณนั้นทีเดียว
"เอ้อ...มึงรีบไปเลยไอ้เตี้ยหมาตื่น ก่อนที่กูจะเอารองเท้าเนี่ยขว้างหัวมึง ไป๊ๆ"
อีสาตะโกนไล่ตามหลังอย่างไม่ยอมขาดทุน ก่อนจะหันกลับมาทำหน้าหงิกงอกระฟัดกระเฟียดใส่กับอีเวียง
"กูก็เห็นพวกมึงสองคนกัดกันอยู่อย่างนี้ กัดกันได้ทุกวัน ไม่เบื่อบ้างหรือไงว๊า.."อีเวียงเดินส่ายหัวบ่นขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะกอดคออีสาเดินเข้าหมู่บ้านไป
บ้านโนนสะแกเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ดำรงชีวิตด้วยการประกอบอาชีพเกษตรกรรมทำนาเป็นหลัก ชะตาชีวิตจึงขึ้นอยู่กับธรรมชาติเป็นหลัก ที่ตั้งของหมู่บ้านอยู่ห่างจากตัวอำเภอบัวใหญ่ประมาณ ๑๕ กิโลเมตร เส้นทางที่ใช้สัญจรเข้าออกหมู่บ้านเป็นลูกรังขรุขระคละคลุ้งไปด้วยฝุ่นสีแดงยามหน้าแล้ง และสุดแสนจะเฉอะแฉะทุลักทุเลยามหน้าฝน แต่ชาวบ้านที่นี่ก็ใช้ชีวิตตามวิถีชนบท ผ่านรุ่นสู่รุ่นและต่อๆกันมาได้และมีความสุขตามอัตภาพ
ปีนี้ชาวบ้านเริ่มลงมือทำนาเร็วกว่าทุกปี เพราะต้นเดือนพฤษภาคม ฝนก็เริ่มเทกระหน่ำลงมาแล้ว ผืนนาในที่ลุ่มก็รอการปักดำเมื่อน้ำขังเยอะๆ ส่วนผืนนาในที่ดอนก็ใช้วิธีไถหว่านเพื่อให้ต้นกล้ายืนต้นโตทันฝนที่กำลังจะมา ยิ่งปีนี้ข่าวคราวของราคาข้าวที่ดีขึ้น หากฝนฟ้าเป็นใจ รอยยิ้มอันสดใสก็คงได้มาเยือนชาวโนนสะแกอีกครั้ง แต่ถ้าหากฝนฟ้าไม่เป็นใจ พระพิรุณเล่นตลกเกิดขี้เกียจทำงานเอาดื้อๆ คราวนี้คงเป็นอะไรที่ลำบาก ซึ่งจะว่าไปแล้ว การเป็นชาวนาที่ไม่สามารถสั่งฟ้าสั่งฝนได้ ก็ต้องทำใจและเผื่อใจให้เคยชินกับ "การรอคอย"
ชีวิตของเด็กๆบ้านโนนสะแกมักอยู่ติดกับครอบครัว ครอบครัวที่ทุกๆวันต้องใกล้ชิดพระพุทธศาสนา มีการใกล้ชิดกับผู้หลักผู้ใหญ่ ทั้งญาติฝ่ายพ่อและญาติฝ่ายแม่ อีสากับอีเวียงก็เช่นกันซึ่งจะใช้เวลาส่วนใหญ่ขลุกอยู่กับพ่อแม่และญาติๆ ส่วนบักทองคูณและเด็กๆผู้ชายคนอื่นๆ นอกจากการเที่ยวเล่นสนุกตามชายป่าละเมาะ ตามห้วยหนองคลองบึง สถานที่อีกแห่งที่เด็กๆพวกนี้ทั้งหญิงและชายจะแวะเวียนมาไม่ให้ขาด นั่นก็คือวัด ดังนั้นแม้ว่าเด็กๆจะดูเกกมะเหรกเกเร พวกเขาก็ยังรู้ว่าวัดเป็นสถานที่แห่งความดี การเล่นซนในวัดจึงไม่ใช่เป็นการเกเร หากแต่เป็นการซุกซนตามประสาเด็กเท่านั้นเอง
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
วันนี้ก็เหมือนๆกับทุกๆวันหยุดเสาร์อาทิตย์ พวกเด็กพากันเข้ามาเล่นซนในวัด แม้จะไม่ค่อยถูกคอกันนัก แถมออกจะเหม็นขี้หน้ากันเสียด้วยซ้ำ แต่อีแหล่กับบักทองคูณ ก็ต้องวนเวียนมาวิ่งเล่นด้วยกันอย่างหลีกเสียไม่ได้ เพราะเด็กๆทั้งหมู่บ้านโนนสะแกที่รุ่นราวคราวเดียวกันมันก็มีอยู่ไม่กี่คน
หลังจากวิ่งเล่นกันจนหนำใจ และอาศัยข้าววัดที่มีอย่างล้นเหลือ เด็กๆก็ไม่ลืมที่จะรับข้าวก้นบาตรจากหลวงตาที่หยิบยื่นให้เพื่อนำกลับไปให้พ่อแม่ ทำการดัดแปลงเป็นอาหารอย่างอื่นต่อไป อีเวียงและอีสาได้ข้าวเหนียวมาคนละถุงซึ่งพวกเขาคิดเอาไว้แล้วว่าจะเอาไปทำข้าวโป่งที่ทำกินประจำ ส่วนบักทองคูณวันนี้กลับบ้านมือเปล่าอีกตามเคย
"เวียงจ๊ะ..คราวนี้ขอกูสองแผ่นนะ"
บักทองคูณทำเสียงหวานออดอ้อนอีเวียง เหมือนทุกครั้งที่มีการถือข้าวเหนียวกลับเข้าหมู่บ้านของเด็กหญิงทั้งสองคน
"โหย.ย.ย...ไอ้บ้าเตี้ย แดกแผ่นเดียวก็พอแล้วมึงน่ะ ช่วยก็ไม่ช่วย ยังเรื่องมาก ขอเท่านั้นขอเท่านี้"
เสียงอีสาแว๊ดสวนขึ้น เมื่อเห็นท่าทีเลียแข้งเลียขาจนออกนอกหน้าของบักทองคูณจนน่าหมั่นไส้
"อ้าว...อีแหล่ กูขออีเวียงนะเว้ย ไม่ได้ขอมึงเสียหน่อย อีเวียงน่ะใจดีโว้ย ไม่เหมือนมึง ตัวดำยังไม่พอ ยังใจจืดใจดำอีก วู๊ย.ย.ย...อีดำปื้ด อื้อฮือ...รองเท้าใหม่มึงใส่แล้วสวยฉิบหาย ยังกับเจ้าเงาะเลยว่ะ"
บักทองคูณหัวเราะร่วน ย้อนกลับด้วยการยักคิ้วหลิ่วตา ทำใบหน้ายียวนกวนอารมณ์แถมเข้าไปอีก ในจังหวะเดียวกันที่อีสากำลังยืนเท้าสะเอว กระทืบเท้าหน้าบึ้ง ด้วยความโมโหกับคำชมที่ต้องกัดฟันรับจากบักทองคูณ
"มึง.. มึง.. มึง.. ไอ้เตี้ยหมาตื่น"
อีสากัดกรามกรอดมองซ้ายแลขวา หวังหาสิ่งของที่พอจะหยิบฉวย เพื่อจัดการกับตัวป่วนกวนอารมณ์ที่กำลังล้อเลียนอยู่ตรงหน้า
"โอ๊ย!!!"
เป็นเสียงร้อง ของบักทองคูณ มันล้มกลิ้งน้ำตาเล็ด เมื่อพบว่ามีรอยถลอกเลือดไหลซิบที่ข้อศอกทั้งสองข้าง สาเหตุก็เนื่องด้วยลีลาการหลอกล่อยั่วยวนกวนส้นของมันมีมากเกินไป จึงทำให้แข้งขามันพันกันจนมันล้มคว่ำไม่เป็นท่า
"ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า สมน้ำหน้าไอ้เตี้ยหมาตื่น คนดีผีช่วยว้อย.ย.ย.."
อาการหัวเราะร่วนเปลี่ยนข้างในทันที อีสายิ้มระรื่นนั่งยองๆ ลงข้างๆบักทองคูณที่นั่งน้ำตาซึมบ่อ โดยมีอีเวียงทำหน้าละห้อยอยู่ข้างๆ ก่อนอีเวียงสัญญาจะให้ข้าวโป่งสองแผ่นกับบักทองคูณ พร้อมกับของอีสาด้วยอีกหนึ่งแผ่น ที่ได้มาด้วยอาการกระฟัดกระเฟียดนิดหน่อย แต่อีสาก็รับปากจะให้แม้ไม่เต็มใจนักก็ตาม นั่นล่ะจึงเกิดรอยยิ้มแหยๆจากคนล้มกลิ้งขึ้นมาได้บ้าง
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
เช้าวันจันทร์บักทองคูณมาดักรออีสากับอีเวียงตรงหน้าปากทาง วันนี้มันเดินมาด้วยตีนเปล่า เด็กหญิงทั้งสองก็ไม่ลืมที่จะแบ่งข้าวโป่งแผ่นขนาดเท่าจานที่ปิ้งดูน่ากินให้ตามสัญญา
"ขอบใจนะ สารภี วังเวียง"
บักทองคูณพูดอย่างนอบน้อม พร้อมยิ้มกว้าง
"อื้อๆ คิดว่าทำบุญทำทานให้หมามันกิน อ้าว..ไอ้เตี้ย รองเท้ามึงไปไหนเสียล่ะ"
อีสาทักด้วยท่าทีและน้ำเสียงราบเรียบ
"โหย.ย.ย...อีสารภี อีแหล่ พูดดีเข้าหน่อย...เล่นกูแต่เช้าเลยนะมึง คำก็เตี้ย สองคำก็เตี้ย แหม๊...มึงน่ะสูงตายล่ะ แม่สำลี แม่ปุยนุ่น"
บักทองคูณรับการทักทายอย่างทันเกม
"ไอ้เตี้ยบ้า มึงตอบไม่ตรงคำถาม" อีสากระโดดคว้าคอบักทองคูณแต่ก็พลาดไป
"กูก็โยนเข้าป่า ตามที่มึงบอกแล้วไง"
บักทองคูณลดท่าทีกวนๆลงบ้าง เมื่อว่าวังเวียงเริ่มส่ายหัวส่ายหน้าขึ้นมาบ้างแล้ว พร้อมกับหยุดการยียวนสารภี ก่อนออกเดินเคี้ยวกรอบข้าวโป่งไปเรื่อย สลับการพูดคุยเสียงร่ามุ่งหน้าสู่โรงเรียนที่มีเด็กๆอีกสองหมู่บ้านต้องมาร่วมเรียนกัน
มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงและช่วยไม่ได้จริงๆ กับการทะเลาะเบาะแว้งของพวกเด็กๆนักเรียนไม่ว่าตัวเล็กตัวโต หลังพักเที่ยงวันนั้นสารภีและวังเวียงกำลังถูกเด็กชายสามคนเยื้องย่างรุมต้อน ยังบริเวณแท็งก์น้ำสังกะสีใบเขื่องของโรงเรียน ทั้งสองต้องการเพียงเพื่อมากรอกเติมน้ำใส่กระปุกเอาไว้ดื่ม แต่ดันมาเจอคู่อริต่างหมู่บ้านที่มักจะมีเรื่องกระทบกระทั่งกันอยู่บ่อยๆ แถมจะเป็นขาใหญ่ประจำโรงเรียนอีกต่างหาก
เด็กชายตัวโตหนึ่งคน ใบหน้ามู่ทู่อวบอ้วนเหมือนหมู มีชื่อว่ากำพล มันอาศัยร่างกายอันอวบอ้วนของมันเบียดแย่งกับสารภีเพื่อยึดครองก๊อกน้ำเอาไว้ก่อน และเป็นการกลั่นแกล้งตามนิสัยเกเรประจำตัวที่สั่งสมมานานตั้งแต่ประถมหนึ่งยันประถมปลาย
"กูจะไปฟ้องครู" อีเวียงชี้หน้าพร้อมกับใช้ตัวยืนบังอีสาเอาไว้
"ไอ้หมูตอน..ไอ้ควายอ้วน..ไอ้พ่อแม่ไม่สั่งสอน..ไอ้หน้าตัวเมียรังแกผู้หญิง..ไอ้บ้า..ไอ้ช้างน้ำ..ไอ้..." อีสาร้องไห้สะอึกสะอื้นร่ายด่ากราดหลังจากถูกเบียดกระเด็นก้นจ้ำเบ้า
อีสามันไม่ได้เอะใจสักนิดเลย ว่าคำด่าของเธอมันก็ไม่ต่างจากการสาดน้ำมันใส่กองไฟดีๆนี่เอง เพราะตอนนี้มันได้สร้างความเดือดดาลให้กับเจ้าเด็กอ้วนตัวโตคนนั้นในทันที มันเม้มใบหน้าอันอวบอูม จนดูเหมือนจะน่ากลัว เหงื่อกาฬแตกพลั่กไหลย้อยเต็มหน้าที่มันแผล็บ มันลูบหัวเกรียนหลิมไปมาสองสามที พร้อมเสียงขู่ฮึ่ม!!ดังในลำคอ
เด็กชายที่มาด้วยกันอีกสองคนรู้ดีว่า เมื่อเด็กชายกำพลมีการสำแดงท่าทางแบบนี้ออกมาเมื่อไหร่ ไม่ใครก็ใครล่ะ?...ต้องมีเจ็บถึงขั้นได้หามเป็นแน่ มันสองคนจึงไม่คิดที่จะห้าม เพราะการเข้าใกล้รัศมีการฟาดงวงฟาดงากับช่วงเวลานี้ มันคงไม่คุ้มเสี่ยงกับการโดนลูกหลง
"อีดำ...มึงตาย.ย.ย.ย...."
เด็กอ้วนเดินส่ายพุงง้างเท้าหมายกระทืบอีสาให้จมดินเป็นการสั่งสอน ที่บังอาจมาพล่ามใส่มันสารพัดคำด่าอย่างไม่มีซ้ำแบบนี้
"โอ๊ย!!!"
ไม่ใช่เสียงร้องของใครที่ไหน หากแต่เป็นเสียงร้อง ของบักทองคูณที่กระโดดเข้ามาขวาง มันเซล้มก้นจ้ำเบ้าไปอีกคน ตามแรงถีบของเท้าขนาดน้องๆช้างตัวน้อยวัยแรกเกิด
แต่มันก็ดูไร้พิษสงสำหรับบักทองคูณ เพราะมันสามารถยันกายลุกขึ้นได้อย่างรวดเร็ว สีหน้าของมันดูเมินเฉย ไม่มีวี่แววของความเจ็บปวดเล็ดลอดออกมาให้เห็นเลย
"ไอ้อ้วน..มึงนี่ตัวโตเสียเปล่า เก่งจริงๆเล๊ย...กับผู้หญิง มานี่เลย.. มานี่เลย.. ตัวๆกับกูนี่" บักทองคูณทำแมนเต้นกระหย็องกระแหยงเชิดหน้าท้าบักกำพล ซึ่งตัวมันเองก็ชักจะไม่แน่ใจเหมือนกันว่า นั่นเป็นการคิดดีแล้วหรือที่พูดออกไปอย่างนั้น เมื่อเห็นใบหน้าของคู่ชกที่ยังมู่ทู่อยู่ด้วยอารมณ์ที่ยังคุกรุ่นอยู่
"ได้ซี....ไอ้เตี้ย.ย.ย...ทำปากดีนะมึง ตัวเท่าลูกหมาทำอวดเก่ง"
บักกำพลใช้อุ้งมือผลักหัวบักทองคูณ จนถอยกรูดมาชนกับเด็กหญิงทั้งสอง มันก็จริงอย่างที่คู่ชกมันเหยียดหยาม นี่แค่มันใช้มือผลักยังต้านแทบไม่ได้ ตัวก็เล็กแค่หัวไหล่ ดูๆแล้วก็ไม่ต่างจากแมวกับหนูดีๆนี่เอง แล้วอะไรหนอ? ที่ทำให้บักทองคูณหาญกล้าจนลืมประมาณตัวเองแบบนี้
มันมองดูหน้าอีสาที่กัดฟันกรอดๆใส่บักกำพล แม้จะเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด แต่อีสาและอีเวียงก็คือเพื่อน...เพื่อนที่วิ่งเล่นและเติบโตมาด้วยกัน ใช่แล้ว!! บักทองคูณดูฮึกเหิมเมื่อคิดถึงมิตรภาพการเป็นเพื่อนของมัน
"เฮ้ย!! สูงเตี้ยไม่สำคัญเว้ย มันอยู่ที่ใจนี่ต่างหาก มึงจะมารังแกเพื่อนกูไม่ได้โว้ย เข้ามาเลยไอ้อ้วน ไม่มึงก็กูล่ะต้องมีเละ" บักทองคูณดูคึกจนลืมตัว
อีสากับอีเวียงมีรอยยิ้มขึ้นมาทันทีที่บักทองคูณพูดจบ อีสาเองก็ร้ายแสนร้ายคอยขัดคอยแย้งกับทองคูณเรื่อยมา การออกมาปกป้องของบักทองคูณคราวนี้ดูกินใจและได้ใจอีสายิ่งนัก รู้ทั้งรู้ว่าใครกันแน่ที่จะเป็นฝ่ายเละและหมอบแบนจมดิน แต่อีสาก็ซึ้งใจกับเพื่อนกวนๆคนนี้ แต่ก่อนที่บักทองคูณจะถูกบดบี้ คุณครูท่านหนึ่งก็เดินมาทางนั้นพอดี บรรยากาศที่ตรึงเครียดมาได้สักพักใหญ่ถูกสลัดหายวับในบัดดล เด็กๆยิงฟันยิ้มแย้มแจ่มใสต่อกันอย่างพร้อมเพรียง และถือโอกาสนั้นสลายตัวแยกย้ายกันไป
"เสียดายจริงๆว่ะ...อีสาอีเวียง เมื่อตอนเที่ยงกูกะจะล้มช้างให้พวกมึงชมเป็นขวัญตาเสียหน่อย คุณครูไม่น่ามาขัดจังหวะเลย ไม่งั้นนะ...มีเละๆ"
บักทองคูณฟาดเศษไม้เข้ากับต้นหญ้าข้างทางอย่างคล้ายคนผิดหวัง เมื่อตกเย็นวันนั้นบักทองคูณยังปลื้มกับวีรกรรมในตอนเที่ยงยังไม่หาย มันเดินเตะฝุ่นสีแดงคลุ้งและจ้อของมันไปเรื่อย อีเวียงและอีสาเองก็ต้องจำใจพยักหน้ารับฟังอย่างขัดเสียมิได้
โดยเฉพาะอีสาแม้จะเกิดอาการหมั่นไส้คันปากอยากขัดอยากแทรก วันนี้ก็ยิ่งต้องอดทนปล่อยให้ผ่านๆไปอย่างตะขิดตะขวงใจ แต่มันก็แอบกระซิบกับอีเวียงเบาๆ
"ดู๊ดูมันนะอีเวียง ใครมันจะเละกันแน่วะ.. มันช่างไม่เจียมตัวเองจริงๆเล๊ย...หากครูไม่ผ่านมา กูว่านะ...มึงกับกูสองคนนี่แหละต้องเป็นคนหิ้วปีกมันกลับบ้าน"
จะว่าไปแล้ว...การก่อกวนประสาทของบักทองคูณ มันก็ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรเลยกับอีสา มันเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่ากลับไปกลับมา ในทางตรงข้ามมันจะดูจืดชืดไร้ชีวิตชีวาเอาดื้อหากวันใด บักทองคูณมันเงียบไป
*****************************โปรดติดตาม ดอกดอน2 ดาเด้อ!!!

เมื่อวันที่ : 06 ส.ค. 2553, 09.42 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...