![]() |
![]() |
ลุงเปี๊ยก![]() |
มันจอดนิ่งอยู่ใต้เงาสลัวข้างรั้ว และเขาเพิ่งสังเกตว่า
ปีนี้ดอกโบตั๋นสีขาวสะอาดได้แย้มกลีบบานสล้างอีกแล้ว...
"คุณเล็กเป็นอะไรหรือเปล่า?" เสียงผู้ใหญ่ซายชะโงกถามมาจากช่องประตูหลังบ้าน ข้าพเจ้าตอบว่าไม่เป็นอะไร แต่ก็ตกใจไม่น้อยไม่นึกว่าฟ้าจะแล่บเข้าถึงในบ้าน และในเมื่อดูทีวีไม่ได้แล้ว ข้าพเจ้าจึงเดินตามผู้ใหญ่ซายไปหลังบ้าน
ท่ามกลางพายุฝนที่ตกกระหน่ำไม่ลืมหูลืมตา เราคุยกันบนแคร่ใต้ถุนบ้านไม้สองชั้นที่มีหลังคาเกยกับบ้านชั้นเดียวที่ข้าพเจ้าเช่าอยู่ บทสนทนาที่ปะปนกับละอองฝนที่ลมหอบเข้ามา จึงเกี่ยวข้องกับฟ้าฝนที่มองเห็นตรงหน้า แกว่าเห็นแสงวาบออกจากช่องประตูหลังบ้าน ก็นึกว่าคุณเล็กโดนเข้าแล้ว ข้าพเจ้าหัวเราะบอกว่าไม่เคยเห็นคนโดนฟ้าผ่ามาก่อน เคยมีคนบ้านเราโดนฟ้าผ่าบ้างไหม
"โอ้ย.. โดนกันหลายแถวนี้ฟ้าลงบ่อย มีอยู่ครั้งนึงพูดไปคุณเล็กจะไม่เชื่อ ฟ้ามันผ่าลงน้ำ ผมเห็นกับตา" ผู้ใหญ่ซายเริ่มเล่า "วันนั้นผมลงงมปลาอยู่ริมเขื่อน ฟ้าแรงแบบนี้แหละ จู่ ๆ ฟ้าก็ผ่าเปรี้ยงลงกลางน้ำ สว่างวาบไปหมด ผมหันไปเห็นน้ำแตกกระจายเหมือนใครทำก้อนหินหล่นลงจากฟ้า"
"แล้วมีใครเป็นอะไรหรือเปล่า?" ข้าพเจ้าถาม
"ไม่มี ..มันผ่าอยู่กลางน้ำโน่น" ผู้ใหญ่ซายชี้ไปทางสนาม "ไกลจากผมประมาณต้นหมากลิ้นฟ้านู่นแหละ" แกบอกระยะห่างราว ๒๐๐ เมตร "ผมงี้..เผ่นขึ้นจากน้ำเลย ปลาเปลอไม่เอาแล้ว หวาดเสียวมาก"
"..."
พอเห็นข้าพเจ้านิ่งอึ้ง แกก็พูดต่อ "ไม่เชื่อไปถามตาเถิก วันนั้นก็อยู่ด้วยกัน"
"ผู้ใหญ่พูดผมต้องเชื่อสิ แต่ว่ามันแปลกดี เคยได้ยินแต่ฟ้าผ่าที่สูง"
"หวาย.. เอาแน่ไม่ได้หรอก" ผู้ใหญ่ซายร้องทำท่าขนลุกแล้วเล่าต่อ "ยังมีอีกรายเห็นคาตาเลย กลางไร่มันห่างผมแค่ไม่กี่ร่องดิน ฟ้าผ่าลงจกในมือทิดส่งเปรี้ยงเดียวสลบเลย โชคดีที่ไม่ตาย"
"โห.. โชคดีจริง ๆ" ข้าพเจ้าเออออ "แล้วไอ้ที่ถึงตายเลยมีไหม"
"มีสิ ปีกลายนี่เอง อีสายหยุดเมียบักคูนกำลังซ้อนรถเครื่องผัวตัวเองอยู่แท้ ๆ ฟ้าลงเปรี้ยงตายคาที่ เห็นเขาว่าลงเข็มขัดนากถึงละลาย" คนเล่าทำท่าสยอง "..ยังมีอีกเรื่องอยากเล่าให้คุณเล็กฟัง มันเป็นเรื่องแปลก.." แหงนมองท้องฟ้าใต้ชายคาสังกะสีฉ่ำฝน แล้วผู้ใหญ่ซายก็ตั้งต้นเล่า
เป็นเรื่องที่ข้าพเจ้านำมาเล่าต่อให้คุณอ่านกันในวันนี้
= ๑ =
"คุณปลัดจะเอาอ้ายต้นยางไหม้ไฟต้นนี้ไว้หรือเปล่า" บักอ๊อดตะโกนถาม "ถ้าไม่เอาผมจะได้โค่นทิ้งให้เลย"
"ไม่ต้องอ๊อด..ปล่อยไว้อย่างนั้นแหละ" ปลัดชูเกียรติตะโกนตอบ เขาไม่เห็นเหตุผลว่าจะต้องตัดไปเพื่ออะไร มันสูงใหญ่ก็จริงแต่ถูกไฟเผาจนเป็นโพรงข้างใน เอาไปทำไม้กระดานสักแผ่นก็ไม่ได้ ปล่อยไว้อย่างนี้แหละ อย่างน้อยก็พอจะเป็นแลนด์มาร์คของที่แปลงนี้
ถ้ารู้ว่าลูกน้องอยากตัดไปเผาทำถ่านเขาคงจะอนุญาตไปแล้ว
บ้านโคกน้อยเมื่อสิบกว่าปีก่อน แนวป่ายังอยู่ไม่ไกลอย่างทุกวันนี้ ใครพอมีกำลังก็แอบถางป่าทำไร่มันสำปะหลังกัน ที่ทางจึงยังไม่มีราคากี่มากน้อย ปลัดชูเกียรติกับเมียย้ายมาอยู่ไม่นานก็ซื้อที่จ้างคนทำไร่มันกับเขาด้วย
เมียปลัดชื่อคุณสมทรง เป็นคนงามที่ชอบดูดวง ที่ไหนลือว่ามีหมอดูแม่นเป็นต้องแต่งตัวสวยไปตรวจดวงชะตาเสมอ และหมอดูทุกคนก็พูดชมเป็นเสียงเดียวว่า คุณสมทรงเป็นคู่สร้างคู่สมพงษ์กับคุณปลัด จะได้ดีร่ำรวยเพราะปาก เนื่องจากเธอที่มีรอยแต้มสีดำที่ลิ้น ราหูเล็งวันเกิดเมื่อไรจะพูดสิ่งใดก็ได้สมหวังตามปากพูดทุกคำ

เกษตรกรมือใหม่อย่างปลัดทำไร่มันสำปะหลังด้วยวิธีจ้างแรงงาน ซึ่งดูแล้วแทบไม่ต่างกับการลงทุนทำธุรกิจ ทุกขั้นตอนการเพาะปลูก ไม่ว่าจะพลิกฟื้นผืนดิน วางแนวยกร่องปักชำกล้ามัน ต้องใช้เงินหว่านโปรยลงไปทั้งสิ้น และการเกณท์แรงงานเป็นส่วนยากที่สุด ชาวบ้านมักจะเกี่ยงงอนค่าจ้าง แม้จะตกลงกันได้แล้วผู้ว่าจ้างยังต้องเลี้ยงดูเหล้ายาเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อแสดงน้ำใจทุกครั้งตามธรรมเนียมนิยมอีกด้วย
อย่างไรก็ดีผลผลิตปีแรกออกมาในช่วงที่มันสำปะหลังราคาสูงเป็นประวัติการณ์ หลังฝนโปรยปรายจนดินนุ่มพอจะถอนต้นมันได้ ชาวไร่ทั้งตำบลพร้อมใจกันเก็บกู้มันออกขายได้เงินมากเหมือนถูกหวย ผู้คนละแวกนี้ต่างร่ำรวยมั่งคั่งขึ้นมาอย่างฉับพลัน มีการปลูกบ้านหลังใหม่ มีการถอยรถกระบะป้ายแดง เด็กนักเรียนก็มีรถเครื่องคันใหม่ ตลาดนัดคึกคักเต็มไปด้วยผู้คนจับจ่ายใช้สอย พ่อค้าเร่ต่างถิ่นวนเวียนนำสินค้ามาเสนอขายไม่เว้นแต่ละวัน ตัวแทนขายประกันชีวิตก็ตามกลิ่นเงินมาถึงบ้านไร่ปลายคอกกับเขาด้วย
"เห็นเขาพูดจาดี ดิฉันก็อุดหนุนเขาไปนิดหน่อย" คุณสมทรงบอกสามีหลังจากตกปากรับคำซื้อกรรมธรรม์ประกันชีวิตไปหนึ่งฉบับ ปลัดไม่สู้จะเห็นด้วยกับการใช้จ่ายของเมีย แต่ก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไรมากนัก
"คุณปลัดก็น่าจะทำไว้สักฉบับ คิดเสียว่าเก็บเงินนะครับ" ตัวแทนประกันหันมาทางเขา
ปลัดปฏิเสธทันที "ผมไม่เชื่อเรื่องการประกัน อย่ามายุ่งกับผม"
ปลัดชูเกียรติมีแผนสำหรับเงินก้อนที่ได้จากการขายมันครั้งแรกแล้ว เขาอยากได้รถแทรคเตอร์ แม้จะต้องซื้อด้วยเงินผ่อน คำนวณแล้วคุ้มกับการลงทุน ละแวกนี้ยังไม่มีใครมีรถแทรคเตอร์ นอกจากประหยัดค่าจ้างแรงงานไถไร่ตัวเองในระยะยาวแล้ว ยังรับจ้างไถไร่ให้ชาวบ้านได้อีก ดูแล้วน่าจะหาเงินมาผ่อนค่างวดได้ไม่ยาก
แต่เมียปลัดไม่เห็นด้วยเลย สมทรงกลัวเป็นหนี้ตามประสาผู้หญิง แม้จะกางตัวเลขอธิบายให้ฟังยังไงก็ไม่เอา จนบ่ายวันหนึ่ง ปลัดเชิญนายปราโมทย์ผู้จัดการขายรถไถให้แวะมาเยี่ยมที่บ้าน คำว่าไม่เอาของคุณสมทรง ก็มลายหายไปด้วยมธุรสวาจาของนักขายชั้นครู
"คุณนายจัดบ้านได้น่าอยู่มากเลยขอรับ" ผู้จัดการผู้มีเรียวหนวดเจ้าเสน่ห์ยกมือไหว้พินอบพิเทา "น่าอิจฉาคุณปลัด นอกจากจะมีบุญที่ได้เมียสวยเหมือนนางงามแล้ว ยังดูแลบ้านช่องเป็นระเบียบสะอาดสะอ้าน" ยอดนักขายขว้างคำพูดชมออกไปต่อหน้าไม่มีอ้อมค้อม "ชานบ้านขึ้นเงาอย่างนี้ผมนอนเขลงลงกับพื้นได้สบายเลยครับคุณนาย" เขามีบุคลิกอ่อนน้อมและท่าทีสุภาพมาก "เห็นอย่างนี้แล้วผมต้องกลับไปเข้มงวดแม่อีหนูของผมมั่งแล้วละขอรับ" ว่าพลางยื่นนามบัตรส่งให้ "คุณนายเรียกผมว่าปิงก็ได้ครับ"
"วู้ย.. คุณก็ชมเกินไป" แม้ปากจะต่อว่าแต่ยิ้มระรื่นถูกใจ ก็มีใครบ้างล่ะที่ไม่ชอบคำยกย่องเยินยอ คำก็คุณนายสองคำก็คุณนาย เมียปลัดยื่นมือรับนามบัตรมาแล้วไม่รู้จะทำยังไง จึงเอามุมนามบัตรมาเขี่ยฝ่ามือเล่น
"จริง ๆ นะครับ เหลียวมองทางไหนก็มีแต่สิ่งเจริญตา แม้แต่ผ้าม่านลายฉลุง่าย ๆ คุณนายยังเลือกมาแขวนได้เหมาะเหม็ง ดูสิครับ..พอลมพัดโชยเข้าช่องหน้าต่าง บ้านทั้งหลังก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาเลย" ยอดเซลส์แมนดูออกว่าถ้อยคำเยินยอได้ผล ก็ขว้างยิ้มมุมปากเก๋ไก๋ตามหลังคำยอไปอีกตูมนึง "นี่ผมยังไม่ได้พูดถึงว่าคุณนายเองก็แต่งกายงดงามสมฐานะเลยนะครับ"
ปลัดชูเกียรตินั่งอมยิ้มฟังอยู่ด้านข้างคิดขึ้นในใจ ..ต่อให้เสื้อไม่สวยก็คงหาเรื่องชมกระดุม
"คุณปิงเนี่ยปากหวานสมกับเป็นนักขายจริง ๆ เย็นนี้อยู่ทานข้าวด้วยกันนะคะ"
"โอ.. ขอบพระคุณมากเลยครับ" รีบยกมือไหว้ ประสบการณ์ช่ำชองทำให้เขารู้ว่าการขายรายนี้ปิดลงได้แล้ว "คุณนายช่างมีน้ำใจงามสมคำร่ำลือจริง ๆ" เขาหันมาสบตาคุณปลัดที่นั่งอมยิ้มฟังอยู่
"เจอะคนขายเก่งอย่างนี้ ดูท่าผมคงต้องยอมเป็นหนี้ซะแล้ว" ปลัดพูดพลางหัวเราะร่า
เซลส์แมนหนุ่มใหญ่ได้จังหวะตอกย้ำให้มั่นใจทันที "เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดครับ ลงทุนคราวนี้มีแต่กำไรเชื่อผมได้เลย" ยอดนักขายรู้ว่าการซื้อคือความสุขชนิดหนึ่งของมนุษย์ เขาหยิบสัญญาเช่าซื้อออกกางบนโต๊ะ หยิบปากกาปลอกทองทำเครื่องหมายกากบาทตรงตำแหน่งผู้ซื้อ และยื่นปากกาส่งให้ปลัดเซ็นทันที
ปลัดชูเกียรติรับปากกามาถือไว้โดยไม่ทันรู้ตัว และกลายเป็นว่าต้องตัดสินใจเดี๋ยวนั้น ชายหนุ่มพลิกหนังสือสัญญาลวก ๆ แล้วเงยหน้าขอความเห็นกับภรรยา
สมทรงมองผัวแล้วพยักหน้า "ถ้าคุณเห็นว่าดี ดิฉันก็ว่าดีด้วยค่ะ" เธอลืมไปแล้วว่าเมื่อวานเพิ่งคัดค้านการก่อหนี้คราวนี้ ส่วนปลัดก็ประหลาดใจว่าคุณปิงอมพระเมตตามหานิยมอยู่ในปากหรือเปล่า?
---

หน้าร้านป้านางยามที่ดวงอาทิตย์ส่องแสงสีส้มมาจากหลังต้นไทรทางทิศตะวันตก บักอ๊อดปีนลงจากเจ้ายักษ์แมสซี่ฯตะโกนสั่งเหล้าขาวเสียงดัง พ่อใหญ่พันที่นั่งเล่นอยู่บนม้ายาวเห็นอ๊อดเดินมาใกล้ก็เอ่ยปากชวนคุย "อ้ายบักเอ้บสีแดงมื้อนี่ไถไฮ่หลายบ่" แล้วบักอ๊อดก็ยืดอกเล่าให้พ่อใหญ่ฟัง หลังจากยกแก้วใบเล็กที่มีของเหลวใส ๆ ร้อนแรงเทวาบลงลำคอ
เจ้ายักษ์สีแดงทำเงินเหมือนเครื่องพิมพ์ธนบัตรอยู่คันเดียวได้ไม่นาน กำนันทองก็ถอยรถไถสีน้ำเงินออกมาบ้าง แทรคเตอร์ทั้งสองคันทำเงินให้เจ้าของไม่หยุดหย่อน เสียงครางต่ำ ๆ ของมันเข้ามาเปลี่ยนวิธีการทำไร่ของคนละแวกนี้ จากเดิมที่ใช้วิธีจ้างเพื่อนบ้านผลัดกันมาเป็นคนงาน จ่ายค่าแรงและเลี้ยงเหล้ายาอาหารเป็นสินน้ำใจ กลายเป็นการจ้างรถไถลุยเดี่ยวทำงานเร็วและเรียบร้อยกว่าแทน
= ๒ =
สิ้นฤดูหว่านไถก็คล้ายหมดช่วงฮันนีมูน ผืนดินทุกแปลงถูกพลิกฟื้นและเพาะปลูกหมดแล้ว เงินทองที่เคยไหลมาเหมือนสายน้ำก็ค่อยแผ่วลงจนเหลือเพียงหยดมาทีละหยาดนาน ๆ ครั้ง แต่เงินงวดที่ต้องส่งทุกเดือนไม่เคยแผ่วตาม ปลัดและเมียเริ่มกังวลกับเสียงของดอกเบี้ยที่ตะโกนดังขึ้นเรื่อย ๆ ตามเลขวันที่ในปฏิทิน
เมื่อลมเย็นจากทางเหนือพัดโบกโบยเหนือผืนดิน เงินที่สะสมไว้ก็ร่อยหรอจนหมด ถึงคราวที่ต้องเจียดเงินเดือนของปลัดมาโปะเงินงวด ความเครียดก็เริ่มก่อตัวขึ้นใต้หลังคาบ้าน ปลัดชูเกียรติเองไม่กังวลนัก เพราะได้คำนวณไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่ผู้หญิงในบ้านไม่ได้สนใจภาพที่มองไม่เห็น เธอพบว่าอำนาจการใช้สอยแต่ละวันลดลง มองไปทีไรก็เห็นรถแทรคเตอร์จอดนิ่งอยู่ริมรั้วข้างกอต้นโบตั๋นทุกวี่วัน คำบ่นที่มีอยู่ในธาตุของผู้เป็นเมียก็เปล่งเสียงออกมากดดันเขา
"บอกแล้ว.." สมทรงลากเสียงสุง "คุณไม่น่าเอาภาระเข้าบ้านเลย"
"แหม..คุณก็ประหยัดเอาหน่อย" ปลัดสวนคำ "เดือนหน้ากับอีกเดือนก็เข้าฤดูทำนาปรังแล้ว ถึงตอนนั้นก็จะค่อยยังชั่ว"
"ไม่รู้ล่ะ อย่าทำให้ต้องเดือดร้อนก็แล้วกัน" ศรีภรรยาโยนความรับผิดทั้งหมดให้สามี
"เอาเถอะน่า" ผู้เป็นผัวรำคาญใจ "อดทนกับผมหน่อย เดี๋ยวก็ดีเอง"
แม้จะได้เงินจากงานไถที่นาสำหรับฤดูทำนาปรัง วันขึ้นปีใหม่ปีนั้นก็ผ่านไปอย่างเงียบเชียบ ไม่มีแผนเดินทางท่องเที่ยว ไม่มีการเลี้ยงเฮฮา งบประมาณเพื่อความบันเทิงใจถูกถ่ายโอนไปเป็นค่างวดผ่อนหนี้อย่างรอบคอบ
สำหรับคนไม่เคยชินกับการเป็นหนี้ จำนวนเงินหลายแสนบาทที่ต้องติดลบทำให้สมทรงกลัวไปสารพัด และทางที่จะทำให้สบายใจได้คือคำพูดสบายหูที่ได้รับจากบรรดาหมอดูทั้งหลาย ดังนั้นแม้จะต้องประหยัด แต่สมทรงยังยินดีเจียดเงินให้กับหมอดู
"ไม่ต้องเป็นห่วงดอกครับ.. คุณนายจะร่ำรวยด้วยโอษฐ์ลาภ"
"ปลัดคู่สมพงษ์ของคุณเองก็จะให้ลาภด้วย"
"สบายใจได้เลยครับ ราหูเล็งลัคน์เมื่อไรคุณนายพูดอะไรก็จะได้สมพรปากทุกอย่าง"
แต่การณ์หาเป็นเช่นนั้นไม่ ปลายฤดูร้อนปีนั้นมีเรื่องเลือดตกยางออก ปลัดไปตรวจงานโยธาสร้างทางแล้วเกิดอุบัติเหตุ หินหล่นทับเท้าถึงกระดูกแตก เขาหยุดงานนอนห้อยขารักษาตัวสิบกว่าวัน เหตุการณ์นี้ทำให้คุณนายสมทรงนึกเคืองหมอดูไม่น้อย
= ๓ =
วันเวลาทำให้พืชพันธุ์ที่เพาะปลูกไว้เติบโตขึ้น
แล้ววันที่รอยยิ้มของชาวไร่แย้มพรายก็มาถึง
เมื่อวานฝนตกจนดินเปียกชุ่มไปหมด หน้าร้านป้านางเช้าวันนี้คึกคัก บนแผงเต็มไปด้วยเห็ดต้นฤดูวางขาย และคลาคล่ำไปด้วยคนงานยืนรอรถมารับไปถอนหัวมัน ทุกการดึงขึ้นมาของลำมันฯมีเงินผูกติดอยู่กับราก เหรียญบาทที่ฝังไว้เมื่อปีกลายเปลี่ยนเป็นเหรียญห้าเปรอะดินในปีนี้
สายฝนยังโปรยปรายลงมาทุกวัน หัวมันสำปะหลังทุกต้นที่มีอายุหนึ่งปีขึ้นไปถูกขุดขึ้นเรียงบนกระบะรถอีแต๊ก แล้วผืนดินเหล่านั้นก็พร้อมสำหรับการบุกเข้าพลิกฟื้นปรับสภาพอีกครั้งหนึ่ง ชาวบ้านโคกน้อยรวมทั้งครอบครัวปลัดที่ดำรงตนเป็นกบจำศีลมานาน ต่างแหงนหน้ารับสายฝนโปรยปรายด้วยความยินดี
= ๔ =
ค่ำนี้เป็นคืนที่ดอกโบตั๋นดอกแรกของปีแย้มบาน และเป็นคืนที่บนท้องฟ้าจะเกิดจันทคราสเต็มดวง ปลัดชูเกียรตินั่งทำบัญชีรับจ่ายอยู่บนชานบ้าน คุณสมทรงกำลังดูทีวีอยุ่ข้างใน เขาถอดเฝือกออกเมื่อสัปดาห์ก่อน วันแรกยังเดินกะเผลกเพราะแหยงไม่กล้าเหยียบเต็มเท้า มาถึงวันนี้อาการบาดเจ็บนับว่าหายดีแล้ว หลังเท้าซ้ายมีเพียงรอยแผลเป็นเท่านั้น
"สวัสดีครับท่านปลัด" ชายหนุ่มผูกเนคไทโผล่มายกมือไหว้อยู่ตีนบันได เหลียวไปมองจึงเห็นตัวแทนประกันชีวิตกำลังถอดรองเท้าซุกไว้ข้างโอ่งน้ำ
ปลัดยกมือรับไหว้และคิดอย่างชังน้ำหน้า -พอได้กลิ่นเงินก็โผล่หน้ามาเชียวนะไอ้พวกนี้-
"มีธุระอะไรค่ำ ๆ มืด ๆ พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ดีกว่า" ปลัดพูดห้วน
"ต้องขอโทษคุณปลัดที่มาตอนนี้ ผมตั้งใจมามอบเช็คเงินชดเชยแล้วก็จะกลับครับ" นายตัวแทนฯพูดพร้อมกับเปิดแฟ้มยืนหาเอกสารง่วนอยู่
"เงินชดเชยอะไรกัน" ปลัดสนเท่ห์ "เอ้า.. เข้ามานั่งลงก่อน" แล้วร้องตะโกนเข้าไปในบ้าน "สมทรง.. คุณออกมาข้างนอกหน่อยซิ" เมื่อหันกลับมาตัวแทนประกันฯนั่งลงเรียบร้อยแล้วก็บอกว่า
"เป็นเงินชดเชยรายได้ระหว่างบาดเจ็บของคุณปลัดครับ" ยื่นเอกสารพร้อมเช็ค "นี่ครับเช็คสั่งจ่ายคุณปลัดเป็นเงิน ๑๘,๔๐๐ บาท"
คุณสมทรงเดินถือแก้วน้ำเย็นออกมาสมทบ ภายในบ้านสว่างไสวด้วยแสงไฟจากโคมบนเพดาน ทั้งสามคนจึงไม่เห็นว่าท้องฟ้าภายนอกกำลังมืดลง เงื้อมเงาของโลกกำลังคืบคลานเข้าบดบังดวงจันทร์ทีละน้อย
"นี่มันอะไรกัน?" ปลัดรับเช็คมาอย่างงง ๆ "เมียประกันชีวิตคุ้มครองไปถึงผัวด้วยหรือ.." ถือเช็คหันไปทางสมทรง เขาไม่เชื่อว่าจะมีอะไรดีขนาดนั้น ปลัดหันเช็คชี้ไปทางหน้าคนขายประกัน "บอกผมมาว่ามันอะไรกันแน่"
ยังไม่ทันที่คนขายประกันจะตอบ สมทรงก็เอ่ยขึ้น
"ใจเย็น ๆ สิคะ ดิฉันทำประกันฯให้คุณเองแหละ" คุณนายปลัดส่งยิ้มให้ผัว "เห็นไหม.. ทำไว้ไม่เสียหลาย เกิดอะไรขึ้นก็ได้เงินชดเชย"
"ผมไม่ได้เซ็นชื่อ คุณจะทำประกันให้ผมได้ยังไง?" ปลัดฉงน รู้สึกว่ามีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น ตัวแทนประกันฯเห็นปลัดไม่รู้เรื่องก็ฉงนตามไปด้วย
"ดิฉันปลอมลายเซ็นคุณเองค่ะ" สมทรงพูดเรื่อย ๆ เหมือนกับไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร
ปลัดหันมาหาตัวแทนประกันฯ "อ้าว แล้วอย่างนี้กรมธรรม์ไม่เป็นโมฆะไปหรอกรึ"
"เอ่อ.." คนขายประกันฯอึกอัก "ถ้าทางสำนักงานรู้ว่าเซ็นปลอม กรมธรรม์ก็ต้องเป็นโมฆะครับ" ในใจคิดว่ายุ่งละสิจะทำยังไงดี เขาก้มหน้าลงใช้ความคิด
"แล้วทีนี้จะทำยังไง?" ปลัดพูดเสียงเครียด "เอาเช็คเคลมของคุณคืนไป แล้วยกเลิกกรมธรรม์เอาเงินผมคืนมาได้ไหม?"
บรรยากาศตึงเครียดผิดความคาดหมาย คุณสมทรงทำปากยื่นหน้าง้ำ ด้วยคิดว่าเงินชดเชยจะทำให้ปลัดเซอร์ไพรซ์ แต่กลายเป็นว่าเธอทำเรื่องยุ่ง เมียปลัดได้แต่หุบปากนิ่ง
"เอ่อ.. คุณปลัดจะยกเลิกจริง ๆ เหรอครับ" ตัวแทนฯพยายามให้ข้อมูล "ทำไว้เถอะครับ กรณีคุณปลัดผมจะทำหนังสือแจ้งสำนักงานว่า ได้ยอมรับการเซ็นชื่อแทนโดยภรรยาด้วยความเต็มใจ เดี๋ยวจะร่างหนังสือให้คุณปลัดเซ็น อาจมีการทำกรมธรรม์เล่มใหม่ทดแทน หรืออาจจะมีเอกสารแนบท้ายกรมธรรม์เดิมระบุยอมรับลายเซ็นโดยคุณปลัด ทางใดทางหนึ่ง ผมจะดูแลจัดการให้เรียบร้อยจนได้ครับ"
"ทำไมต้องยุ่งแบบนี้" ปลัดผู้รอบคอบยังไม่หายกังวล
"ยุ่งยังไงก็น่าจะแก้ไขได้ครับ เราไม่มีเจตนาทุจริต ทุกอย่างต้องแก้ไขได้ครับ" คนขายประกันฯคิดทบทวนแล้ว ต้องยืนยันให้กรมธรรม์มีผลบังคับต่อไปให้ได้ ไม่เช่นนั้นเขาเองนะแหละ ที่จะต้องโดนเรียกคืนค่านายหน้าที่ได้รับไปแล้วทั้งหมด
ขณะที่ทั้งสามคนนิ่งเงียบใช้ความคิด เสียงตีเกราะเคาะไม้จากหมู่บ้านก็ดังแว่วมาให้ได้ยิน ท้องทุ่งภายนอกมืดมิดเหมือนคืนจันทร์แรม หากมองบนฟ้าจะเห็นเงาราหูอมจันทร์หมดทั้งดวงพอดี แล้วตอนนั้น..คุณสมทรงก็พูดขึ้น
"คุณก็ทำ ๆ ไปเถอะ คิดดู.. ถ้าคุณพี่เกิดเป็นอะไรไป ดิฉันจะทำยังไงกับหนี้ค่างวดรถไถอีกตั้งหลายแสนบาท" สมทรงพูดต่อ "คนเราไม่มีอะไรแน่ อย่างน้อยกรมธรรม์นี้จะกลายเป็นเงินสดปลดหนี้สินได้นะคะ"
พูดขาดคำ ลมกรรโชกหนึ่งก็พัดกรูเข้ามาใต้ชายคาบ้าน ปลัดขนลุกซู่โดยไม่ทราบสาเหตุ เขาชะโงกหน้าออกไปมองเจ้ายักษ์สีแดง มันจอดนิ่งอยู่ใต้เงาสลัวข้างรั้ว และเขาเพิ่งสังเกตว่าปีนี้ดอกโบตั๋นสีขาวสะอาดได้แย้มกลีบบานสล้างอีกแล้ว เขาเข้าใจความคิดของเมีย เธอเป็นกำพร้าพ่อตายกระทันหันด้วยอุบัติเหตุ เหลือเพียงแม่ที่เลี้ยงเธอกับน้องชาย สมทรงจึงตระหนักถึงความไม่แน่นอนมากกว่าเขา คิดได้ดังนี้เขาจึงไม่โต้แย้งอะไรอีก
คนขายประกันฯกลับไปแล้ว ทั้งหมู่บ้านเงียบสงัด ท่ามกลางแสงจันทร์อร่ามดวง บักอ๊อดเดินเมาโซเซอยู่คนเดียว ขณะกำลังเดินไต่ท่อนตาลพาดท้องร่องกลับเข้าบ้าน หมาดำตัวใหญ่โผล่มาจากไหนไม่ทันเห็นแยกเขี้ยวกระโจนใส่ บักอ๊อดตกใจแทบหายเมารีบเบี่ยงตัวหลบจนร่วงตกท้องร่อง
คืนนั้นทุกคนในหมู่บ้านที่ยังไม่หลับ ต่างได้ยินเสียงหมาหอนดังโหยหวนลอยมาตามลม
----
เม็ดฝนยังคงตกกระหน่ำหลังคาบ้าน ลมยังพัดละอองฝนเข้ามาโดนตัวข้าพเจ้า ฟ้ายังมืดครื้มทั้งที่เป็นตอนบ่าย ตอนนี้ตุ่มมังกรใต้รางน้ำฝนกินน้ำเข้าไปจนล้นกระฉอก ผู้ใหญ่ซายชันเข่าขึ้นข้างหนึ่ง ขยับผ้าขะม้าบนไหล่เข้าที่
"พูดไปคุณเล็กจะไม่เชื่อ ปลัดชูเกียรติโดนฟ้าผ่าตาย น่าเสียดายคนดีแท้ ๆ ทีคนเลวไม่ยักกะตายให้หมด"
ยังไม่ทันที่ผู้ใหญ่ซายจะเล่าต่อ สายฟ้าเหมือนไฟแฟลชก็สว่างวาบขึ้นทางทิศใต้ มองเห็นแสงสีขาวหงิกงอเส้นหนาแตกกิ่งก้านเหมือนรากไม้ถนัดตา แสงแปลบปลาบจับสายฝนและใบมะม่วงฉ่ำน้ำอยู่แว็บ ๆ ติดตามด้วยขบวนฟ้าร้องดังกึกก้อง ก้อนเสียงเป็นมวลหนาทะยอยไล่มาครืนโครม ลมพายุระลอกใหม่โหมพัดใส่ต้นหมากจนโยนไปมา ทั้งข้าพเจ้าและผู้ใหญ่ซายกระเถิบตัวหนีลึกเข้าใต้ถุนอีกหน่อยโดยไม่รู้ตัว
"หูย.. อย่างนี้เลยคุณเล็ก ฟ้าแรง ๆ อย่างนี้แหละ ผมจะเล่าให้ฟัง"
"ฟ้ามันผ่าลงต้นยางไหม้ไฟนะแหละ ปลัดคงเลี้ยวรถไถเฉียดไปใกล้พอดี
กิ่งของสายฟ้าจึงเลื้อยมาโดนเข้าเต็ม ๆ"
"ไม่มีใครเห็นเลยจนถึงตอนเช้า ผมไปเห็นแล้วยังขนลุกไม่หาย
ปลัดตายคาที่ตัวดำเป็นถ่าน แขนซ้ายเสียบอยู่กับพวงมาลัยตัวห้อยอยู่ด้านข้าง
รถไถสีแดงคันบักเอ้บวิ่งวนอยู่ทั้งคืนจนน้ำมันหมด
มองเห็นรอยล้อวนเป็นร่องล้อมต้นยางกลมดิ๊กเลย"
"คนมันถึงคราวตายจริง ๆ ปกติปลัดไม่เคยขับรถไถเองสักครั้ง
ลูกน้องแกคงเมาจนมาทำงานไม่ไหว เลยต้องมาขับเอง"
"ว่ากันว่าเมียปลัด ได้เงินประกันไปหลาย"
ข้าพเจ้ากลืนน้ำลายดังเอื้อก รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ไม่โดนเข้าตะกี้หน้าจอทีวี.
----
เมื่อวันที่ : 23 ก.ค. 2553, 16.42 น.
ดอกโบตั๋นในเรื่องเป็นโบตั๋นไทยนะครับ ที่จริงควรจะเรียกว่า สลัดได มันเป็นไม้อวบน้ำสกุลเดียวกับแก้วมังกร ดอกก็คล้ายกันมาก โบตั๋นไทยจะมีใบแบน ๆ ไม่ค่อยจะติดผล(หรือถ้าติดผลก็ลูกเล็ก ๆ) ไม่เหมือนแก้วมังกรที่ก้านใบเป็นสี่เหลี่ยม
ส่วนดอกโบตั๋นแท้ เป็นอีกสกุลเลยครับ ดอกสวยมากมีหลายสี เมืองไทยไม่น่าจะปลูกได้ เพราะเขาบอกว่า ต้องการอุณหภูมิ ๕ องศาในช่วงที่จะให้ดอก
--
มัวแต่ออกตัวเรื่องดอกโบตั๋น เลยลืมอ้อนให้ช่วยคอมเมนต์ด้วยครับ เรื่องนี้ใช้เวลาเขียนเร็วกว่าทุกเรื่องที่ผ่านมา อ่านแล้วชอบไม่ชอบอย่างไร เชิญวิพากษ์วิจารณ์ได้เต็มที่เช่นเคยครับ และขอบคุณมากที่แวะมาช่วยอ่าน