นิตยสารรายสะดวก  Articles  ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๓
...คอมพิวเตอร์(computer) สำหรับผมแล้ว​​ยังใหม่​​และยัง​​เป็นสิ่ง​​ที่​​ต้องพยายามเรียนรู้ต่อ​​ไปอย่างไม่รู้จบ หรือไม่ก็เล่นจนมันสะอิดสะเอียนกัน​​ไปข้าง หน้า​​ที่การงานที...
คอมพิวเตอร์(computer) สำหรับผมแล้ว​ยังใหม่​และยัง​เป็นสิ่ง​ที่​ต้องพยายามเรียนรู้ต่อ​ไปอย่างไม่รู้จบ หรือไม่ก็เล่นจนมันสะอิดสะเอียนกัน​ไปข้าง หน้า​ที่การงาน​ที่​ต้องทำบีบบังคับให้ผม​ต้องฝืนใจ​ที่​จะ​ต้อง​ใช้มัน ​โดย​ที่เราไม่เคยมีพื้นฐานในด้านนี้มาก่อนเลย​​แม้​แต่นิดเดียว ​แม้​จะเคยผ่านเคยเห็นตั้งแต่สมัย​เป็นนักเรียนเทคนิค ด้วย​ความ​ที่ไม่ค่อยใส่ใจ​ใคร่รู้ เบือนหน้าหนีซะด้วยซ้ำ จบออกมาเปลี่ยนงานก็หลาย​ที่ ​ทั้งงานหลวง​และเอกชน จนปัจจุบันทำงานอยู่​บริษัทหนึ่ง​​ที่จังหวัดสมุทรสาคร ทำมาตั้งแต่​เป็นพนักงานจนเดี๋ยวนี้มีตำแหน่ง​เป็นหัวหน้างาน มีลูกน้อง​ต้องควบคุมดูแล

ปี 2545 เจ้านายสั่งคอมพิวเตอร์ให้​กับทุกแผนก จากเดิม​ที่มี​ใช้กันอยู่​แค่ฝ่ายบัญชีการเงินสองสามเครื่อง สั่งเข้าพรวดเดียวยกชุดจำนวน 60 เครื่อง ผมเอง​ใช้คอมพ์.ไม่​เป็นเลย​ ทางบริษัทก็​เอามาให้ ​เพราะ​เป็นนโยบายของผู้บริหารหัวสมัยใหม่​ที่​จะนำ​เอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำงาน ​เพื่อให้ทันโลกทันสมัยประมาณนั้น​ แล้ว​​ใครล่ะ? ​จะสอนเรา หรือว่า​จะนั่งๆ​มองๆ​ลูบๆ​คลำๆ​ ให้มันซึมซับเข้าสู่สมองเอง ​เมื่อเจ้านายให้มาแล้ว​ ​จะปล่อยให้มันตั้งขวางหูขวางตาอยู่​ทำไมล่ะ
"ยกออก​ไป..​ใช้ไม่​เป็น"
โต๊ะลูกน้องอีกคน​ที่มีโต๊ะขนาดใหญ่ ก็เลย​ให้​ใช้คอมพ์​ไปเลย​ 2 ตัว พอเสร็จงาน ว่างๆ​ก็นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ เหลือบ​ไปเห็นลูกน้องมันเปิดอะไร​สักอย่าง​ที่หน้าคอมพ์.​เป็นภาพหน้าจอสีเขียวๆ​ แล้ว​ก็มีไพ่ ย้าย​ไปย้ายมา

แรกๆ​ก็เฉยๆ​ ​แต่พอหลายๆ​วันเข้าก็เริ่มเห็นว่าไอ้เจ้า​เพื่อนคนข้างมันก็เปิดแบบเดียวกัน​เป็นไพ่เหมือนกัน พากันนั่งเงียบกริบ ดูเหมือนตั้งใจทำงาน ​แต่สายตาผมก็เหลือบมองลูกน้องอยู่​บ่อยๆ​ ถึง​แม้​จะถูกพวกมันยกไหล่ยกหัวบังไม่ให้ผมเห็นว่า​กำลังเปิดอะไร​กันอยู่​ ​แต่ก็ทำ​ได้ไม่นานหรอก หัว​กับไหล่มันก็ห่อกลับมายังท่าสบายเหมือนเคย

ด้วย​ความอยากรู้มาหลายวันแล้ว​ว่า รูปไพ่​ที่เห็นเปิดกันอยู่​บ่อยๆ​น่ะ..มัน​คืออะไร​ ​เพราะใจผมก็คิด​แต่เพียงว่า..ไพ่​คือสิ่ง​ที่ผิดกฎหมาย แถมยังมาเล่นในเวลาทำงานอีก อย่างนี้มีเฮ ​ต้องกำราบกันหน่อย​
"คงเดช สุรัตน์ สองคนเล่นอะไร​กัน..ขอดูหน่อย​ซิ"
"กะ..เกมไพ่ครับ​หัวหน้า"
"ฮึย.ย.ย..เล่นเกม..มาเล่นในเวลางาน​ได้ไง..เหลืออีกตั้งสิบนาทีกว่า​จะเ​ที่ยง"
"แก้เครียดน่ะครับ​หัวหน้า"
"มัน​จะเครียดอะไร​กันนักหนาว้า..พวกเอ็ง"
"โห...​หัวหน้าคร้าบ.บ.บ...​นั่งจ้องหน้าคอมพ์นานๆ​มันก็เครียด​ได้นะครับ​"
"เออ..เออ..เออ..คลายเครียดก็คลายเครียด..ข้ายังไม่​ได้ด่าพวกเอ็งซะหน่อย​"
"ก็แค่ถามดูเฉยๆ​ว่าเล่นอะไร​..เห็นตั้งท่า​เอาจริง​เอาจังกันเชียว"
"เฮ้ย..แล้ว​มันเล่นยังไงวะ"
"เล่นแบบนี้ครับ​หัวหน้า...​ฉอดๆ​...​ฉอดๆ​...​.ฉอดๆ​...​.ฉอดๆ​"
เกม​ที่ลูกน้องของผมของเปิดเล่นกัน​คือ เกมไพ่ solitaire ​และการเล่นเกมนี้ล่ะครับ​​เป็นจุดเริ่มต้น​ที่ทำให้ผม​กับคอมพิวเตอร์​ต้องทำ​ความรู้จักกัน ​เพื่อให้เกิด​ความสนิทสนมกันมากๆ​ขึ้น​

เ​ที่ยงของวันนั้น​ ผมสั่งให้ลูกน้อง​ทั้งสองช่วยกันย้ายคอมพิวเตอร์กลับคืนโต๊ะผมดังเดิม ​โดยมี ลูกน้องสองคนนี้ล่ะ ​คือ ครูสอนคอมพ์ของผม เวลาพักเ​ที่ยงของทุกวัน หรือ​แม้​แต่เวลางานผมก็แว้บเข้า​ไปเล่น ใหม่ๆ​ผม​จะให้ลูกน้องจัดการเปิดเครื่องให้ทุกวัน ​ส่วนเกมก็ให้ลูกน้องจัดวางไอคอนไว้​ที่หน้าจอ เวลาเปิดเล่น​จะ​ได้ง่ายขึ้น​ อะไร​ก็ตาม​ที่ลอง​ได้ทำครั้งแรกมัก​จะไม่ง่าย มือ​ที่วางลงจับเม้าส์ ถูกวางลงเหมือน เหมือนตะครุบกบกลางทุ่งนายังไงยังงั้นเลย​ เม้าส์ถูกกำแน่นเปรี๊ยะ ห้องแอร์ต่อให้เย็นเฉียบก็ช่วยเม้าส์ไม่​ได้ มือ​ที่กำไว้แน่นทำให้เหงื่อ​ที่ฝ่ามือมันเริ่มซึม แผ่นรองเม้าส์สีเหลี่ยมเท่ากระดาษเอ 4 พื้น​ที่ไม่เพียงพอต่อการเลื่อนขยับ​เพื่อให้ลูกศร​ที่หน้าจอตรงเป้าหมาย

​เมื่อสายตาถูกบังคับให้จับจ้อง​ที่ลูกศร มือ​ที่​ต้องทำการเลื่อนเม้าส์มัน​จะ​เป็นยังไง ผมก็ไม่​ได้สนใจ เลื่อน...​​ที่จริงก็ไม่น่า​จะเรียกว่าเลื่อนเม้าส์ ​แต่มัน​เป็นการ​ใช้มือกำอย่างแน่นแล้ว​ก็ไถ..แถก.ก.ก.ก..​ไปเรื่อยๆ​มากกว่า เกือบ 5 วินาทีกว่า​จะเล็งเป้าหมาย​ได้ เวลา​ที่​จะทำการกดคลิก ไม่ว่า​จะขวาหรือซ้าย ​ต้องปล่อยมือ​ที่กำอยู่​ แล้ว​​ใช้นิ้วชี้เพียงนิ้วเดียวจิ้มคลิก​เอา หากเมาส์มัน​ไปหยุดตรงมุมโต๊ะ ผมก็จิ้มมันตรงนั้น​เลย​ล่ะ แล้ว​ค่อยยกเมาส์มาวาง​ที่แผ่นรองอีกที ก่อน​ที่มัน​จะถูกผมกำ​และไถ​ไป​ที่ไพ่แผ่นต่อ​ไป

ลำบากครับ​...​​กับครั้งแรก เดินหนี​ไปก็หลายรอบ ​แต่เวลาว่างๆ​ไม่มีอะไร​ทำ ก็​ต้องกลับมาเล่น solitaire เหมือนเคย หัวไหล่,ต้นคอ,ข้อมือ มันเคล็ดขัดยอก​ไปหมด ไอ้เจ้าลูกน้องสองคนนั่นก็เทียวลุกมาดูมาถาม ว่าเล่น​ไปถึงไหนแล้ว​ ผมก็สงสัยอยู่​ว่ามันเล่นคลายเครียดๆ​ ​แต่ตอนนี้ดูๆ​แล้ว​ เกมไพ่โซลิแตร์มันพาล​จะพาให้ผมเครียดหนักเข้า​ไปอีก ผมเล่นโซลิแตร์ อย่างคนไม่​เป็น ไม่ใช่ว่าเล่นเกมไม่​เป็น หาก​แต่ผมยัง​ใช้เม้าส์ไม่คล่อง

ระยะเวลา 1 เดือนผมก็ยังไม่​สามารถจัดเรียงไพ่​ได้ครบเลย​​แม้​แต่ครั้งเดียว เดือน​ที่ 2 ผมเริ่มมีชัยชนะบ้างแล้ว​​กับการพิชิตเกมโซลิแตร์สำเร็จ เปิดเครื่องไว้ตั้งแต่เช้า​ ประมาณบ่ายสามโมง..มันเสร็จผม​เป็นครั้งแรก ​เมื่อมันมีครั้งแรกแน่นอนครับ​ครั้ง​ที่สอง..สาม..สี่..ห้า..หกก็ตามมา สามสี่เดือนเม้าส์ถูกผมกำราบซะอยู่​มือ นิ้วชี้คลิกซ้าย นิ้วกลางคลิกขวา ตอนนี้ไม่ว่า​จะขวาหรือซ้าย หรืออยู่​มุมไหนของหน้าจอ เป้าหมาย​จะ​เป็นไอค่อนเล็กหรือใหญ่ คราวนี้ไม่มีพลาด


สี่เดือนจากการเล่น​แต่เกมโซลิแตร์อย่างเดียว จน​ใช้เม้าส์​ได้คล่อง ผมก็เริ่มหันมาสนใจการพิมพ์เอกสาร คีย์บอร์ด​คือเป้าต่อ​ไป​ที่ผม​จะพิชิต ​โดย​ใช้วิธีถาม​เอาจากลูกน้อง​ทั้งสอง ลูกน้อง​ทั้งสองคนของผมก็เข้าอกเข้าใจมือใหม่​ที่​จะหัดพิมพ์ ก็เลย​หาโปรแกรมพิมพ์ดีดมาลงให้หัด ก็ทำตามบ้างไม่ทำบ้างสุดท้ายผมก็ไม่ทำตาม​ที่เครื่องมันสอนหรอก ​เพราะมัน​เมื่อยมือ ​ต้องมานั่งกางมือ​ทั้งสองข้างเกาะคีย์บอร์ดปวด​เมื่อยมือ​จะตาย ​ใช้นิ้วจิ้มๆ​​เอานี่ล่ะ จิ้มโป๊ก..จิ้มโป๊ก..ทีละตัว ทำมันอยู่​อย่างนั้น​ แล้ว​อยู่​ๆ​​ความคล่องมันก็สำแดงเดชขึ้น​​กับเรา excel,word สบาย ​แต่​ส่วนใหญ่การพิมพ์ของผม​จะถนัดพิมพ์ลง excel มากกว่า สำหรับผม​ใช้โปรแกรมอะไร​ก็​ได้ขอแค่ให้งานนั้น​สำเร็จผลออกมา​เป็น​ใช้​ได้

อีกเจ็ดเดือน​ต่อมา บริษัทเริ่มนำระบบแลน(LAN) เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ทุกๆ​เครื่อง ​แต่ยังควบคุมการต่ออินเตอร์เน็ตอยู่​ เริ่มมีการเข้า​ไปในเครื่องคนอื่น หากเครื่องใดไม่​ได้ใส่รหัสผ่าน​เอาไว้ คนอื่นก็เข้า​ไปดูข้อมูลต่างๆ​ในเครื่อง​ได้ จน​เป็นสาเหตุให้ลูกน้องผม​ไปมีเรื่อง​​กับไอ้หนุ่มแผนกอื่น ​เพราะบังเอิญมันเข้า​ไปเครื่องของชาวบ้าน​เขา.. แล้ว​​ไปเจอรูปถ่ายผู้หญิง​ที่มันแอบชอบ​และจีบอยู่​ โพสต์ท่าอย่างสนิทสนม​กับเจ้าของเครื่อง ด้วย​ความ​ที่มัน​เป็นคนใจร้อน(เหมือนหัวหน้ามันเลย​) มันก็บุก​ไปหาผู้หญิงคนนั้น​​ที่แผนก จนมีปากเสียง​และชกต่อยกัน​กับไอ้หนุ่มเจ้าของเครื่อง​ที่นำ​เอารูปมาลงไว้ จนเรื่อง​ดังกระจาย เผยแพร่​ไปทั่วบริษัท

หาก​จะถามว่า​ใครผิด...​ผมว่าไอ้หนุ่มนั่นผิดตรง​ที่ไม่เก็บรูปไว้ให้ดีกว่านี้ ​จะว่า​ไปแล้ว​มันก็อาจ​จะไม่รู้ว่าการมีระบบ LAN แล้ว​ ผลเสีย​ที่ตามมามัน​เป็นอย่างนี้นี่เอง ​แต่มันก็สาย​ไปซะแล้ว​​ที่​จะป้องกัน ลูกน้องผม​กับไอ้หนุ่มนั่นถูกพักงาน​โดยไม่​ได้รับค่าจ้าง​เป็นเวลาสิบวัน ผมก็เลย​มารู้ในภายหลังว่า ระบบ Network ​ที่​ใช้เชื่อมต่อถึงกัน​เพื่อ​ความสะดวก​รวดเร็ว ไม่​ต้องเดินส่งเอกสารตามแผนกต่างๆ​ให้​เมื่อย ​แต่โทษ​และผลเสียของมันก็มีอยู่​เหมือน กัน ​ต่อมาภายหลังบริษัท รับ​และเปิดแผนกไอทีขึ้น​มาอีกแผนก ​เพื่อมาจัดการระบบสารสนเทศ ​ได้ควบคุมจัดการใส่รหัสผ่านให้ทุกๆ​เครื่อง ของ​ใครของมัน..กำหนด​และจำกัน​เอาเอง

ภายหลังจากมีแผนกไอที อินเตอร์เน็ตก็ถูกหยิบยื่นมาให้​กับทุกๆ​แผนก ใน​ส่วนของผม​ที่มีคอมพิวเตอร์อยู่​ 3 เครื่อง ​และ​ได้ลูกน้อง​ที่รับมาแทนคนเดิม ​ที่ถูกสั่งพักงานแล้ว​ก็หายเงียบ​ไปเลย​ จน​ต้องรับพนักงานคนใหม่เข้ามาแทน ​เป็นหนุ่มน้อยไฟแรง จากการ​ได้พูดคุยกันไอ้หมอนี่ท่าทางเก่งเรื่อง​ไอทีมากพอดู ก็อาศัยลูกน้องอีกนั่นล่ะครับ​ ​ที่​เป็นคนพาเข้าสู่โลกไซเบอร์หรือโลกการสื่อสารไร้พรมแดน "โลก​ทั้งใบมัน​จะถูกย่อมาอยู่​ในกำมือเรา​เมื่อมีอินเตอร์เน็ต" ไอ้ลูกน้องคนนี้มันพูดเหมือนวิทยากร​เมื่อครั้ง​ที่มาอบรมแนะนำการ​ใช้อินเตอร์เน็ตให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กร ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ​ความตื่นตาตื่นใจครั้งแรก​ที่​ได้เห็นสีสันของเว็บไซด์ต่างๆ​ มันทำให้ผม​ต้องตัดใจ​และหันหลังให้​กับเกมโซลิแตร์​โดยสิ้นเชิง


หลายเดือน​ที่มอง​แต่หน้าจอเขียวๆ​ คลิกเล่นเกมไพ่จนช่ำชอง ก็ถึงคราว​ที่​ต้องลาขาด​กับมันซะที ให้น้องๆ​สอนเข้าเว็บนั้น​เว็บนี้ อายุ 30 กว่าๆ​ก็เพิ่งมารู้จัก​และสัมผัส​เอาวันนี้นี่เองว่า...​อินเตอร์เน็ตมันน่าตื่นเต้นเร้าใจจริงๆ​ ภาพเอย..เสียงเอย..สิ่งต่างๆ​​ที่เราไม่เคยรู้ เราก็​ได้รู้​ได้ศึกษาค้นหา​เอาจากโลกออนไลน์ ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์​ที่ตั้งอยู่​ตรงเบื้องหน้า ท่า​จะจริงแฮะ...​​ที่ว่า"แล้ว​โลก​ทั้งใบ​จะอยู่​ใกล้แค่เอื้อม"


หนึ่ง​ปีผ่าน​ไป..​ซึ่ง​ส่วนใหญ่การออกท่องโลกอินเตอร์เน็ตของผม​จะอยู่​​ที่ทำงาน ​เพราะเวลา 8-10 ชั่วโมง ​จะอยู่​​กับการทำงาน แรกๆ​ผม​จะเสียเงินเข้า​ไป​ใช้บริการตามร้านเน็ต​ไปหลายตังค์อยู่​เหมือนกัน ​และผมเองก็เชื่อว่าหลายๆ​คนก็อาศัย​ที่ทำงาน​เป็น​ที่ออกท่องออนไลน์​ใคร​จะว่าเรา​เอาเวลามา​ใช้​ส่วนตัวผมก็ยอมล่ะ ​เพราะน้อยครั้ง​ที่เรา​จะผิดพลาดในการทำงาน ให้คิดซะว่าเจ้านายรักเรา​และเราก็รักเคารพเจ้านายพึ่งพาอาศัยกัน​ไปน้อ.. จากการเข้าอินเตอร์เน็ตแทบทุกวัน​ที่มีเวลาว่าง เริ่มรู้จักการเข้า​ไปถามตอบพูดคุยตามเว็บบอร์ดต่างๆ​ มี e-mail ​ใช้​ส่วนตัว ​เพื่อนก็เริ่มเยอะขึ้น​ สนิทสนมกันจากการพูคุยผ่านบอร์ด ผ่านทางอีเมล ​เมื่อมันทำให้ผมมี​ความสุขทำให้คลาย​ความคิดถึงครอบครัว​ที่ห่างไกลมาจึง​ต้องเจียดเงิน​ที่​ต้องส่งทางบ้านเดือนละนิดเดือนละหน่อย​ จน​สามารถซื้อหาเครื่องคอมพิวเตอร์​เอามา​ใช้​เป็นของตัวเองสำเร็จ ​และอีกหนึ่ง​เครื่องก็ตามมา ​เป็น​ความตั้งใจ​ที่อยากให้ลูก​ที่อยู่​ต่างจังหวัด​ได้เล่น​ได้ศึกษา

สองสามปีล่วงเลย​ผ่าน ผมเริ่มรู้(​และเก่ง)มากขึ้น​ ​กับโปรแกรมหลายๆ​อย่าง เครื่องคอมพ์​ที่อยู่​ห้องพัก​ซึ่ง​เป็นบ้านเช่า ​เป็นครูสอนเกี่ยว​กับการซ่อมทดสอบ​กับสิ่ง​ที่อยากรู้อยากลอง มันไม่เสียผมก็ทำให้มันเสียซะงั้น แล้ว​ก็ทำการแก้ไขเอง บางครั้งติดขัด​และคาใจไม่​ได้นอน​ทั้งคืนก็ทำมาแล้ว​ มันจบ​และเพียงพอ​กับการค้นหาค้นคว้าหรือยัง ตอบ​ได้เลย​ครับว่า​ยัง ก็เคยนั่งถามตัวเองอยู่​เหมือนกันว่า อยาก​จะรู้อะไร​ให้มันมากมาย​​ไปทำไมนักวะ ชีวิตก็เท่านี้..ไม่นานก็ตายแล้ว​ ​แต่ใน​ที่สุดก็​ได้คำตอบว่า ​ที่ผมอยากรู้โน่นรู้นี่ก็​เพราะลูกๆ​​ที่มีถึงสามคน เผื่อวันหนึ่ง​​จะ​ได้ตอบคำถามของพวก​เขา​ได้บ้าง ​เพราะพวก​เขาเกิดมาในยุคสมัย​ที่ไม่เหมือน​กับเรา ​เขาเกิดมาในช่วงเวลา​ที่การ​ใช้ชีวิตประจำวัน​ต้องพึ่งพาเทคโนโลยี​เป็น​ส่วนใหญ่
"พ่อ..เปิดคอมพ์ให้หน่อย​..​จะเล่นเกม"
"พ่อ..เกมนี้เล่นยังไงน่ะ"
"พ่อ..เกมนี้ไม่มันส์เลย​"
"พ่อ...​มาเล่นเกมต่อสู้กัน..มะ"
"พ่อ...​เกมนี้หนุกอ่ะ"
"พ่อ..​ถ้ากลับมา..พ่อหาเกมใหม่ๆ​มาเล่นมั่งนะ"
"พ่อ..แผ่นเกมนี้เสีย..ซื้อมาเปลี่ยนด้วย"
"พ่อ..เกมนี้..เบื่อแล้ว​.. เปลี่ยนอันใหม่"
ผมไม่เคยว่าพวก​เขาหรอกครับ​...​​เพราะผมเองก็เริ่มมาจากการเล่นเกม เด็ก​กับเกมผมถือว่า​เป็นเรื่อง​ปรกติครับ​ เล่น​ได้เล่น​ไป เบื่อเดี๋ยวก็เลิกเอง หากเล่นนาน​ไป แม่พวกเค้า...​ก็​จะจัดการเอง ​โดยธรรมชาติของเด็ก(ผู้ใหญ่บางคน..ก็เหมือนกัน)​เมื่อติดเกมแล้ว​ ​ส่วนมาก​จะไม่ค่อยนึกถึงเวลา ก็​จะเล่นกัน​ไปเรื่อยๆ​จนลืมเรื่อง​กินเรื่อง​นอน ลืมทำการบ้าน ดังนั้น​ภรรยาของผม​ที่ออก​จะเด็ดขาด​กับลูก​จะถูกผมสั่งให้ดูแลตรงนี้ เวลา​ที่ผม​ต้องจากบ้านมาทำงาน

หากเกมบางเกมดูแล้ว​มันโหดมากๆ​ ก็ไม่สมควร​ที่​จะให้ลูกๆ​เล่น อย่างเกมการต่อสู้ ไล่ยิง ไล่ฟันกันจนเลือดกระฉูด ​แต่ก็ไม่ใช่ว่า​จะห้ามไม่ให้เล่นเด็ดขาด ผม​จะเตือนให้บ่อยๆ​ครั้ง​เมื่อเห็นลูกเล่นเกมประเภทนี้ ​พร้อม​กับสั่งกำชับห้ามไม่ให้เล่นเกมคนเดียวนานๆ​ ​จะทำให้เกิดอาการไม่ค่อยอยากยุ่งสุงสิง​กับ​ใคร ​ถ้า​จะเล่นก็ให้ชวนกันเล่นหลายๆ​คน สมควรแก่เวลาก็ไล่ให้พากันออก​ไปวิ่งเล่น ขี่จักรยาน เตะบอล เล่นกีฬา หรือ กิจกรรมอื่นๆ​​ที่มีแม่ของพวก​เขามี​ส่วนร่วมกันด้วย ​เพราะ​จะทำให้ลูก​เป็นเด็กร่าเริง สดใส ไม่ซึมเศร้า​เมื่อคิดถึงพ่อ

สี่ปีเข้า​ไปแล้ว​..​ที่ผมยังคงวนเวียนท่อง​ไปในโลกอินเตอร์เน็ต ​เพื่อน​ที่ไม่เคยเห็นตัวตน บ้างก็ทยอยๆ​หาย​ไป ​แต่ก็มี​เพื่อนใหม่เข้ามาทดแทนอยู่​เรื่อย คน​ที่หาย​ไปเค้าคงอาจ​จะเบื่อ..อาจ​จะเหนื่อย ​ส่วนคน​ที่เพิ่งเจอ..​เขาอาจ​จะเพิ่งโผล่มา หรือชั่วโมงบินอาจ​จะมากกว่าเราเพียง​แต่ว่าตัวเราเพิ่งโผล่มา ​เมื่อกรรมลิขิตให้มาบรรจบพบกัน หลายคนพูดคุยสนทนาทำ​ความรู้จักผ่าน"เว็บบอร์ด" ผ่าน"อีเมล"หรือการ"แชท"จนพบรัก​เพราะโลกออนไลน์อยู่​กินมีครอบครัว​ที่​เป็นสุขก็มีให้เห็นกันออกเกลื่อน​ไป ​แต่ก็มีชายหญิงอีกหลายๆ​ราย​ที่ถูกหลอก​จะด้วย​ความ​ที่รู้อยู่​เต็มอกถึงพิษภัยอินเตอร์เน็ต หรือด้วย​ความไม่รู้เท่าทัน ตรงนี้ก็​ต้อง​ใช้สติ​และวิจารณญาณเท่า​ที่มีอยู่​ ของ​ใครของมันตัดสินฟันธงกัน​เอาเอง

มีอยู่​อย่างหนึ่ง​​ที่​ต้องพูดถึง​เมื่อมีการเข้า​ไปในโลกไซเบอร์แล้ว​ นั่น​คือเว็บ​ที่น่า​จะ​เป็นอันดับ 1 ของคน​ทั้งโลกก็ว่า​ได้ ​คือ Google หรือ พี่กู ​ซึ่งดูเหมือนกลาย​เป็นปัจจัยอย่างหนึ่ง​​ที่ขาดไม่​ได้ในการ​ใช้ค้นหาข้อมูล​ที่อยากรู้ อยากชม อยากเห็น ไม่ว่า​จะเกิดปัญหาหรือ​ต้องการข้อมูลอะไร​ ชาวไซเบอร์​ทั้งหลาย​ใครๆ​ ก็​จะถามพี่กูแทบ​ทั้งนั้น​ ​เพราะไม่ว่า​จะถามอะไร​พี่กู ตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบถามมาเล้ย!! พี่กู​จะรู้เกือบทุกอย่าง ​จะมีอยู่​อย่างเดียว​ที่ถาม​ไปแล้ว​พี่กูตอบไม่​ได้ นั่นก็​คือ หวยงวดต่อ​ไปมัน​จะออกอะไร​

​จะเห็น​ได้ว่าเวลาเราท่องเว็บแล้ว​เกิดติดปัญหา พีกู​เป็น​ที่พึ่ง​ที่ดี​ที่สุด ​แต่​เมื่อเก่ง​เมื่อเจ๋ง สี่ตีนก็ย่อมรู้พลาด​ได้เหมือนกัน ข้อมูล​ที่รวบรวมไว้แบบผิดๆ​ก็มีเยอะ ดังนั้น​สติ​กับ​ความรอบคอบของเรา​ต้องมีอยู่​เสมอ ​และทุกเวลา​ที่มุดหัวเข้า​ไปในโลกอินเตอร์เน็ตผม​จะระลึกไว้เสมอว่า "มีดีก็ย่อมมีเสีย..มีขาวก็​ต้องมีดำ" ​แต่​ถ้าผม​จะบอกว่าพี่กู กุมระบบไว้เกือบแทบทุกด้านแล้ว​คงไม่ผิด ก็เลย​ขอชื่นชมใน​ความฉลาดล้ำของพี่กูเกิ้ลไว้ ณ ​ที่นี้ ​แต่ในใจลึกๆ​ก็แอบคิดอยู่​ว่าพี่กูคง​จะไม่พลาดท่า ​แต่​เพราะการทำตัว​เป็นเหมือน"ชูชก" ​ที่กินทุกอย่าง​ที่ข้าอยากกิน สุดท้ายก็​ต้องมาท้องแตกตาย ​เพราะ​ความตะกละไม่รู้จักอิ่มของตัวเอง อันนี้แค่คิดนะครับ​ไม่​ได้จงใจกระทุ้งสีข้างพี่กูหรอก...​​แต่มันก็อาจ​เป็น​ไป​ได้

ห้าหกปีผ่าน​ไป...​จนพอ​จะประมาณขีด​ความ​สามารถของตัวเอง​ได้ว่า จากการเ​ที่ยวตะลอนๆ​​ไปทั่วแทบทุกมุมโลกด้วยปลายนิ้ว มันทำให้หูตาของผมกว้างขึ้น​ ​แต่ก็ใช่ว่ามัน​จะทำให้ผมเปลี่ยน​ไป ก้นบึ้ง​และสันดานคนท้องทุ่งของผมยังมีอยู่​เต็มเปี่ยม ​เมื่อเล่นเน็ตมานาน​แม้​จะไม่นานมาก มันก็ไม่เคยทำให้ผมมี​ความรู้สึกว่า​เบื่อโลกไร้พรมแดนนี้เลย​ กลับยิ่งทำให้อยากศึกษาสิ่ง​ที่ยังไม่รู้ต่อ​ไปอีกเรื่อยๆ​ มันไม่จบง่ายๆ​ครับ​​กับ​ความรู้ หากเราอยากศึกษา ตลอดเวลา 6 ปี ผมมี​เพื่อน​เป็นไอ้โม่ง​ที่คุยผ่านอากาศธาตุแบบ​เป็นจริง​เป็นจัง เรียกว่าสนิทสนมแนบแน่น มีอยู่​ไม่ถึงสิบคน ไม่ใช่ไม่มีคนคบนะครับ​


หาก​แต่​เขาถูกใจเรา..เราถูกใจ​เขา ​และคุยถูกคอ แค่นี้ก็พอแล้ว​ครับ​​ที่​จะมีไว้ ​แม้​จะ​เป็นเพียงแค่ตัวอักษรจากแป้นพิมพ์ของคีย์บอร์ดผ่านมาทางอีเมล ​แต่ก็​ได้อ่าน​เพื่อให้คลายทุกข์แบ่งสุข​ซึ่งกัน​และกัน​ได้ เคยมีคนหนึ่ง​​ที่คุยกันผ่านทางเมล แรกๆ​ก็คุยภาษาคนกันอยู่​ดี มาพักหลังคุยออกนอกทาง เอ๊ะ...​ทางนี้มันไม่ใช่ทาง​ที่เราถนัดนี่หว่า..เลย​​เป็นสาเหตุให้ทะเลาะกัน​และก็เลิกติดต่อกัน​ไปเลย​ ​จะไม่ให้ทะเลาะกัน​ได้ยังไงครับ​ ก็ดันมาคุยเรื่อง​ "การเมือง"​กับผม สุดท้าย​เมื่อเห็นไม่ตรงกัน ..ก็​ต้องทาง​ใครทางมันแล้ว​ล่ะครับ​

ผมเองก็ไม่อาจ​จะรู้ล่วงหน้า​ได้ว่าโลกไซเบอร์ใบนี้สำหรับผม​จะสิ้นสุด​และหยุดลง​เมื่อใด ​แต่​ที่รู้ๆ​ก็เจ็ดปีเข้า​ไปแล้ว​​ที่​ใช้โลกสื่อสารใยแมงมุมนี้

ในปัจจุบันคอมพิวเตอร์​ได้เข้ามา​เป็น​ส่วนหนึ่ง​ในกิจวัตรประจำวันของผมรวมถึงคน​ส่วนใหญ่อีกหลายๆ​ล้านคน ​และ​ได้เพิ่มบทบาท​​ความสำคัญ​ที่นับวัน​จะทวีคูณมากยิ่งขึ้น​ในอนาคต ​ทั้งโรงเรียน,หน่วยงานราชการ โรงพยาบาล ,สถานีอนามัย ,วัดวาอาราม คอมพิวเตอร์​ได้ถูกนำเข้า​ไปมีบทบาท​ในทุกวงการอาชีพ​ทั้งในเมือง​และชนบท ทุกวันนี้หมู่เฮา..ชาวอิสาน หลายๆ​หลังคาเรือนเริ่มมีคอมพิวเตอร์​พร้อมอินเตอร์เน็ต ​และ​กำลัง​จะกลาย​เป็นเครื่อง​ใช้ไฟฟ้าปกติธรรมดาในบ้าน เหมือน​กับเครื่องเล่นซีดี วิดีโอ วิทยุ โทรทัศน์ ​ไปแล้ว​.
************************************************************************************

 

F a c t   C a r d
Article ID A-3429 Article's Rate 1 votes
ชื่อเรื่อง CYBER LIFE
ผู้แต่ง นายอิติฯ
ตีพิมพ์เมื่อ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๓
ตีพิมพ์ในคอลัมน์ เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
จำนวนผู้เปิดอ่าน ๕๗๙ ครั้ง
จำนวนความเห็น ๒ ความเห็น
จำนวนดอกไม้รวม
| | | |
เชิญโหวตให้เรตติ้งดอกไม้แก่ข้อเขียนนี้  
R e a d e r ' s   C o m m e n t
ความเห็นที่ ๑ : Rotjana Geneva [C-17129 ], [193.134.193.5]
เมื่อวันที่ : 25 มิ.ย. 2553, 19.49 น.

ไม่น่าเชื่อเลย​ว่า เรื่อง​ง่าย ๆ​ ของคนยุคใหม่ เช่น การใ้ช้คอมพิวเตอร์​และการท่องโลกไซเบอร์นี้ คุณอิติฯ​สามารถถ่ายทอดออกมา​ได้น่าสนใจ จากประสบการณ์ตรง มีทุกแงุ่มุม ​และให้ข้อคิดเห็นทางสังคม​ได้ดีมากทีเดียว

​และเล่า​ได้อย่างกระชับ เข้าใจง่าย ตรงใจสำหรับทุกคน​ที่เคยผ่านการเรียนรู้แบบเดียวกัน ​ใช้ภาษา​ได้ดี ไม่มีศัพท์แสงคอมพิวเตอร์รุงรัง

รจนาเปิดอ่าน​โดยไม่คาดหวังอะไร​ ​แต่พออ่านจบแล้ว​​ต้องขอปรบมือให้ค่ะ​

ไม่ใช่ืเรื่อง​หวือหวาชวนตื่นเต้น ไม่ใช่เรื่อง​สั้น ไม่ใช่นิยาย ​เป็นการเล่าเรื่อง​ทำนอง "รำพึง​ความคิด" ​ที่น่าอ่าน​เป็นอย่างยิ่ง

A star is born หรือเปล่าคะ​เนี่ย?

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๒ : ดาวเคียงเดือน [C-17133 ], [118.173.243.186]
เมื่อวันที่ : 26 มิ.ย. 2553, 16.17 น.

​เป็นเรื่อง​ใกล้ตัวเกือบทุกคนเคยผ่านอารมณ์การจับเมาส์ครั้งแรกแบบนั้น​ค่ะ​

แจ้งลบข้อความ


สั่งให้ระบบส่งเมลแจ้งการเพิ่มเติมความเห็น
 ศาลานกน้อย พร้อมบริการเสมอ และยินดีรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกท่าน  ติดต่อเว็บมาสเตอร์ได้ทางคอลัมน์ คุยกับลุงเปี๊ยก หรือทางอีเมลได้ที่ uncle-piak@noknoi.com  พัฒนาระบบ : ธีรพงษ์ สุทธิวราภิรักษ์  โลโกนกน้อย : สุชา สนิทวงศ์  ภาพดอกไม้ในนกแชท : ณัฐพร บุญประภา  ลิขสิทธิ์งานเขียนในนิตยสารรายสะดวก เป็นของผู้เขียนเรื่องนั้น  ข้อความที่โพสบนเว็บไซต์แห่งนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้โพสทั้งสิ้น