![]() |
![]() |
เล็ก โยธา![]() |
...ปริญญาใดจะสู้ปริญญาจากชีวิต...
ปริญญาชีวิตผมดีใจมาก ที่ได้มาเจอะเจอเพื่อนเก่า ที่ไม่ได้เจอกันมานานกว่า 25 ปี เราสนิทกันและรักกันมากตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม แทบจะกรีดเลือดสาบานกันตามธรรมเนียมนักเลงลูกผู้ชายสมัยก่อน เราจากกันเพราะผมจำต้องจากบ้านมาเรียนต่อที่เชียงใหม่ ในขณะที่เพื่อนไม่มีโอกาสได้เรียนต่อ ต้องกลับบ้านไปช่วยงานญาติที่ภาคใต้ ก่อนที่พ่อเพื่อนจะตาย ได้สั่งเสียไว้อย่างนั้น คืนนั้นเรานั่งคุยกันจนสว่าง และหวนคิดถึงทุกครั้งที่ใครพูดถึงสัจธรรมของคำว่า "เพื่อน"
เพื่อนยังคงเหมือนเดิม เวลาไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ของเรานั้นจืดจาง เราพูดคุยกัน เข้าขากัน ยังกลับว่าเรากำลังแอบนั่งเล่นหลังห้องเวลาที่ครูสอนหนังสือ จนถูกครูจับได้และไปยืนคาบไม้บรรทัดหน้าห้องให้ได้อายสาว ๆกัน
เพื่อนไม่ได้มีโอกาสที่เรียนต่อ ไม่มีใบปริญญา แต่เพื่อนก็เปลี่ยนฐานะของตนเองจากเด็กวัดกำพร้า มาเป็นเจ้าของธุรกิจรีสอร์ทในหัวหินได้อย่างไร นี่แหละหนาที่เขาเรียก ปริญญาชีวิต
หลังจากที่เพื่อนได้เล่าถึงวิสัยทัศน์ของการขยายกิจการของรีสอร์ท เพื่อนไม่ได้พูดถึง การวิเคราะห์จุดอ่อนหรือจุดแข็ง ( Swot analysis) ตามหลักเบื้องต้นของการตลาด แต่การวิเคราะห์ของเพื่อน แทบทำให้เราอยากกลับไปเรียนใหม่หรือเอาปริญญาไปคืนมหาวิทยาลัย นี่เราจบมาพร้อมกับใบปริญญา แค่นั้น หรือ?
ได้มีส่วนในการออกแบบและก่อ ร่างสร้างฝันไปกับเพื่อน ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย เหมือนกับเราได้เล่นสนุกคล้ายกับการเล่นขายของเหมือนตอนเป็นเด็ก ดีใจที่ได้มีส่วนในความสำเร็จของเพื่อน เพื่อนคงดีใจที่ได้ใกล้ฝั่งของความฝัน ด้วยการถีบหัวเรือของเพื่อนตัวเอง เพื่อให้เกิดแรงส่งที่จะก้าวขึ้นสู่ ฝันบนฝั่ง อันเป็นจริง
ตลอดระยะเวลา 1 ปี ตั้งแต่ความสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายนั้น แทบไม่ได้เจอเพื่อน ได้พูดได้คุยก็เพียงทนาย หรือไม่ก็เลขาหน้าห้อง พร้อมกับ ประเด็นกฎหมายของการฟ้องร้อง ที่นอกหลักสูตรการเรียนแบบชั้นเซียน ที่เราอาจจะเสียเปรียบ ไม่ใช่ว่าเราจะไม่รู้ เราเรียนมาแล้วทั้งนั้น แต่เราไม่ได้เตรียมตัวที่จะใช้มันเพราะมัวหลงไว้ใจมาตลอดต่างหาก ทำให้รู้สึกเสียใจ เสียรู้ และเสียเงิน นับล้านบาท จนเกิดความทุกข์ที่จะอดคิดไม่ได้ สุดท้ายมานั่งตรองดู เราเสียเงินแล้วทำไมต้องเสียใจด้วย มันไม่ยุติธรรมเอาเลย คนที่โกงเขาแทบไม่แคร์ อะไรทั้งสิ้น เจ้ายังเด็กนัก จึงไม่ประสีประสากับคนที่เขาเกิดมาเพื่อโกงและเอาเปรียบโดยเฉพาะ เพราะมีช่องโหว่ในสัญญาที่เราร่าง ทุกสิ่งทุกอย่างจึงถูกจัดเตรียมมาก่อนที่จะมีการเซนสัญญากันซะอีก เมื่อคิดได้ดังนี้อะไรจะเกิดก็ต้องปล่อยให้มันเกิด เงินที่มีอยู่ตอนนี้ ตายไปก็เอาไปไม่ได้ มันก็คือกันแหละวะ
ที่เขาบอกว่า ทำธุรกิจถ้ายังไม่เคยขึ้นโรงขึ้นศาลก็อย่าคิดว่าตัวเองแน่ เพิ่งจะประจักษ์ในข้อนี้ เพราะตั้งแต่แต่เปิดบริษัทฯมา ปลูกบ้านให้ใครต่อใครมาเยอะสัญญาก่อสร้างก็ไม่เคยเขียน อาจจะด้วยความโชคดีที่เจอลูกค้าที่ดี หรืออาจจะเป็นเพราะชะตาไม่ถึงฆาต เพิ่งมาเขียนเอาสัญญาก่อสร้างฉบับนี้ ก็มีอันมีเรื่องมีราวทันที
การทำธุรกิจกับคนที่ไม่รู้จักทุกคนส่วนมากกลัวจะถูกโกง แต่หารู้ไม่ว่า คนที่ทะเลาะกัน หรือคนที่โกง คนที่ถูกโกง ส่วนมากเป็นคนที่สนิทกันทั้งนั้น คนแปลกหน้าโกงกันยากเพราะต่างคนต่างไม่ไว้เนื้อเชื่อใจและระแวงต่อกัน
ก็ไม่ขอพูดว่าเรื่องผิดหรือถูก ใครผิดหรือใครถูก และไม่ขอถกประเด็นข้อกฎหมายใด ๆทั้งสิ้น ขอให้ความจริงและความดี ได้ แสดงปาฏิหารย์ เพียงขอแค่ได้เขียนถึงประสบการณ์อันสุดแสนประทับใจ ไว้เป็นอุทาหรณ์และเป็นเรื่องสอนใจ หรือที่ฝรั่งมันเรียกว่า Case Study นั้นแหละ
วันนี้ผมไปศาลมาครับ !
ไปรับปริญญาดุษณีบัณฑิต การจัดการธุรกิจ (สาขากฎหมาย) จบ MBA มาก็เกือบ 10 ปี มาเปิดบริษัทฯตัวเองปีนี้ก็ย่างเข้าปีที่ 8 แล้ว ต้องยอมรับว่ายังคงโง่ที่จะต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะ และยังไม่ประสีประสา ทั้งห่างไกลกับใบปริญญา.........ปริญญาของชีวิต !
เมื่อวันที่ : 21 ม.ค. 2553, 14.06 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...