![]() |
![]() |
ลมหายใจ![]() |
...เคยรู้สึกเหนื่อยบ้างไหมคะ ? ในเวลาที่เราเหนื่อย อ่อนล้า ท้อแท้ หรือหมดกำลังใจ คนแรกที่เราคิดถึงคือใคร ? ในทุก ๆ วัน...
เคยรู้สึกเหนื่อยบ้างไหมคะ ? ในเวลาที่เราเหนื่อย อ่อนล้า ท้อแท้ หรือหมดกำลังใจ คนแรกที่เราคิดถึงคือใคร ?
ในทุก ๆ วันฉันมีชีวิตอยู่เพื่อทำสิ่งต่าง ๆ มากมาย มีงาน มีเพื่อน มีสังคม สุขบ้าง ทุกข์บ้าง ตามสภาพท้องฟ้าอากาศ และอารมณ์ แล้ววันนั้นก็มาถึง วันที่ฉันนอนป่วยเป็นไข้หวัด นอนซม ไม่มีเรี่ยวแรงอยู่บนเตียง ไร้คนดูแล ทำให้ฉันหวนคิดถึงเมื่อครั้งที่ยังเป็นเด็ก ในยามที่ฉันป่วย เมื่อถึงเวลาอาหาร จะมีผู้ชายรูปร่างผอมสูง ถือชามโจ๊กที่พึ่งทำสด ๆ ร้อน ๆ จากเตาเดินเข้ามา พร้อมกับยาที่แสนจะกลืนยากเสียเหลือเกิน ชายผู้นั้นคือคุณพ่อของฉันเอง
คุณผู้อ่านรู้ไหมคะ โจ๊กชามนั้นเค็มมาก (รสชาดยังติดปากฉันจนถึงทุกวันนี้) มันเป็นโจ๊กสำเร็จรูป วิธีทำแสนง่าย แต่เพราะความที่กลัวคุณค่าทางอาหารจะหายไป คุณพ่อจึงเติมน้ำลงไปในปริมาณที่น้อย ทุกอย่างยังคงคุณค่าของความเค็มไว้ได้อย่างครบถ้วน แต่ฉันก็ทานโจ๊กชามนั้นจนหมด คุณพ่อคงคิดว่า ฉันชอบโจ๊กชามนั้นมาก ๆ (ซึ่งจริง ๆ ก็ชอบ แต่มันเค็มไปหน่อยนะคะคุณพ่อขา)
พอฉันป่วยทีไร ฉันก็จะได้ทานโจ๊กเค็ม ๆ ของพ่อทุกครั้งไป ในเวลาที่ฉันรู้สึกเหนื่อยใจไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไร ก็แล้วแต่ ฉันจะนึกถึงเพื่อน หรือคนที่อยู่ในวัยใกล้เคียงกัน เพราะมีความรู้สึกว่า เราน่าจะคุยกันรู้เรื่องมากกว่า แต่คุณรู้ไหม ฉันคิดผิด ฉันพึ่งรู้ว่า คนที่เข้าใจฉัน และรับฟังฉันได้ในทุกเรื่อง คือ คุณพ่อ คุณแม่ ของฉันนั่นเอง เราต่างคิดกันไปว่า ท่านเป็นผู้สูงวัย สมัยเรา กับสมัยท่านต่างกัน เราพูดอะไรไปท่านคงไม่รู้เรื่อง ท่านไม่ทันสมัย แม้ท่านจะไม่รู้ในสิ่งที่เราพูด แต่ท่านก็เป็นนักฟังที่ดี เป็นนักปลอบใจที่เยี่ยมยอดกว่าศิราณีบางคนเป็นไหน ๆ
มีครั้งหนึ่ง..ฉันมีปัญหาเรื่องของความรัก คนที่ฉันคิดถึง คือ เพื่อน (อีกเช่นเคย) ฉันพูดกับเพื่อนว่า "ฉันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว เหลือเพียงฉันคนเดียว ต่อไปนี้ฉันจะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อตัวของฉันเอง " เพื่อนถามคำถามมาคำถามหนึ่ง คำถามที่โยนมานั้นเหมือนฉันโดนเหวี่ยงด้วยก้อนหินก้อนใหญ่ "เธอลืมอะไรไปหรือเปล่า เธอไม่ได้อยู่คนเดียวในโลกใบนี้นะ ลองนึกดูดี ๆ สิ มีใครอีกคนกำลังรอเธออยู่ที่ใดที่หนึ่ง และดีใจทุกครั้งที่เห็นเธอกลับไปหาเขา คุณพ่อคุณแม่ของเธอไง คน ๆ นี้ไม่เคยทำให้เธอเสียน้ำตาเลยใช่ไหม ป่านนี้ท่านคงกำลังรอให้เธอไปหา แล้วถามว่าสบายดีไหม "
คุณผู้อ่านรู้ไหม ฉันตื่นจากภวังค์นั้นทันที สติกลับคืนมา ใช่แล้ว !!! คุณพ่อคุณแม่ไม่เคยทำให้ฉันเสียใจ ไม่เคยทำให้ฉันเสียน้ำตา ในเวลาที่ฉันต้องการอะไร แม้ไม่มี ท่านก็จะพยายามหามาให้ แล้วผู้ชายคนนั้นเป็นใคร มีคุณค่าอะไรในชีวิตฉัน ทำให้ฉันเสียน้ำตา ทำให้ฉันเสียใจ น้ำตานี้ควรค่ากับคนที่มีคุณค่าอย่างคุณพ่อคุณแม่ของฉันเท่านั้น คนอื่นไม่มีสิทธิ์
ฉันปาดน้ำตา หมดเวลาแล้วที่จะท้อ หมดเวลาแล้วที่จะเหนื่อย นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เมื่อฉันมีปัญหา หรือรู้สึกไม่สบายใจ ฉันจะหยิบรูปของคุณพ่อ คุณแม่ ที่พกติดกระเป๋าขึ้นมาดู ใบหน้าที่เปื้อนด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น และจริงใจ ยังคงประทับในความทรงจำของฉันตลอดไป ไม่เคยจางหาย ความกตัญญูรู้คุณบิดามารดาไม่เคยทำให้ใครตกต่ำ มีแต่ความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ชีวิตด้วยกันทุกคน ในเวลาที่คุณผู้อ่านท้อ หรือเหนื่อย ลองกดโทรศัพท์ไปหาคุณพ่อ คุณแม่ที่กำลังรอคุณอยู่สิคะ
คุณรู้ไหมคะว่า คน ๆ นี้รอรับฟัง และตั้งใจฟังเสียงจากคุณทุกครั้งที่คุณโทรไป บางทีคุณอาจได้ยินเสียงบ่นเจี้ยดแจ่วจากเสียงปลายสาย เสียงนั้นเพราะ ยิ่งกว่าเพลงไหน ๆ ที่คุณชื่นชอบซะอีกนะคุณ บางทีอาจทำให้คุณหายเหงาไปได้เลยทีเดียวเชียวนะ จะบอกให้ อืม..ว่าแต่ว่า เบอร์โทรศัพท์ที่บ้านของคุณเบอร์อะไรนะคะ ฉันจะได้โทรไปบอกท่านว่า ลูกของท่านกำลัง " คิดถึง "
เมื่อวันที่ : 12 ก.ย. 2552, 21.52 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...