![]() |
![]() |
คนบ้านป๋าง![]() |
...ปลายเดือนตุลาคม 2550 .........ควันไฟคละคลุ้งไปทั่วบริเวณบ้านจากกองไฟขนาดเล็กที่เจ้าของบ้านก่อไว้ผิงเพื่อคลายความหนาวเย็นจากอากาศในฤดูหนาวทาง...
ปลายเดือนตุลาคม 2550 .........ควันไฟคละคลุ้งไปทั่วบริเวณบ้านจากกองไฟขนาดเล็กที่เจ้าของบ้านก่อไว้ผิงเพื่อคลายความหนาวเย็นจากอากาศในฤดูหนาวทางภาคเหนือ เสียงเด็กน้อยสองคนที่กำลังปีนต้นมะม่วงเล่นอยู่นั้นช่วยบรรเทาบรรยากาศเงียบสงัดภายในละแวกหมู่บ้านนั้นซึ่งคนอื่นๆ เขาไปเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรกันหมดลูกเด็กเล็กแดงเขาก็พาไปด้วยจึงเหลือแต่บรรยากาศสงบเงียบ ภายในบรรยากาศสงบเงียบนั้นจึงมีเสียงเจี๊ยวจ๊าวเพียงสองเสียง ผู้เป็นแม่กำลังทำงานบ้านเล็กๆน้อยๆเพื่อฆ่าเวลาให้หมดไปในวันนี้เพราะเขาพักจากงานในไร่ในสวนหนึ่งวันเพื่อดูแลลูกๆ ผู้เป็นพ่อของเด็กทั้งสองได้รับการไหว้วานจากลุงของเด็กทั้งสองไปช่วยขึ้นเสาลงเสาเอกเพื่อสร้างบ้านใหม่ ผู้เป็นพ่อออกจากบ้านไป ตั้งแต่เช้ายังไม่กลับ เวลาเลยไปเกือบเที่ยงผู้เป็นแม่ก็ทำกับข้าวเสร็จจึงเรียกลูกๆมากินด้วยกัน กับข้าวกลางวันวันนี้ก็มีแกงส้ม และ ต้มยำไก่ที่ทำไว้ตั้งแต่ตอนเช้าแล้วเพิ่มเติมมาหนึ่งอย่างก็คือส้มตำ ส้มตำทางภาคเหนือแปลกแตกต่างจากอีสาน คือ ของภาคเหนือมีการใส่ตะไคร้ มะขามอ่อน และน้ำปู น้ำปูคือ เครื่องปรุงชนิดหนึ่งซึ่งทำจากการนำปูมาตำแล้วใส่ใบฝรั่ง ใบตะไคร้ ต้นข่า คั้นเอาแต่น้ำ นำน้ำเปล่ามาผสมพอควรจากนั้นก็กรองเอาแต่น้ำนำขึ้นตั้งไฟเคี่ยวจนน้ำแห้งจะมีการตกตะกอนคล้ายการกวนขนมสอดใส้ส่วนที่เป็นตะกอนนี้หล่ะที่เขานำมาปรุงอาหาร ประเภท แกงหน่อไม้ ยำหน่อไม้ ส้มตำเมืองบ่ายคล้อยลมหนาวพัดมาสะท้านกาย แต่แสงแดดยังร้อนระอุ หลังจากที่กินข้านกลางวันเสร็จผู้เป็นแม่ก็บังคับลูกชายวัยซน "ชาภพ" ไปนอนหลับกับพี่ชายคนรอง "พิชิต" ที่นอนหลับอยู่หน้า ทีวี อยู่ก่อนแล้วจากนั้นผู้เป็นแม่ก็นำพัดลมมาเปิดเพื่อไล่ยุงร้ายที่จะเข้ามากัดลูกชายทั้งสอง แล้วก็ย่างกรายเข้ามานอนข้างๆลูกชายคนเล็ก โดยมีพัดลมไล่ยุง และผ้าห่มป้องกันความเหน็บหนาว
กองไฟที่ก่อไว้ยังไม่ดับลงเพราะมีฝืนขนาดใหญ่เป็นส่วนประกอบอยู่ กองไฟนี้เท่าที่ก่อมาก็ตั้งแต่เข้าช่วงฤดูหนาวตอนปลายเดือนตุลา ฤดุหนจาวปีนี้หนาวกว่าทุกปี หนาวเหน็บจนคนเฒ่าคนแก่พากันล้มหายตายจากกันไปหลายราย
กองไฟนี้มีประโยชน์สารพัดทั้งใช้ผิงเพื่อความอบอุ่นของร่างกายสมาชิกในครอบครัวนี้ ใช้ทั้งทำกับข้าว ปิ้งย่าง สารพัด เป็นกองไฟขนาดเล็กที่ผิงได้เพียง 4-5 คน แต่ส่วนมากจะเป็นผู้เป็นพ่อมากกว่าที่ชอบมานั่งจักตอกข้างๆกองไฟนี้ ส่วนมากกองไฟจะมีทุกบ้านทั่วไปในชุมชนเล็กแห่งนี้ ยิ่งช่วงนี้ด้วยแล้ว
พ่อบ้านเกือบทุกคนต่างพากันเข้าป่าหาไม้ไผ่ตงหรือไม้ไผ่ต่างๆนำมาจักตอก เพื่อตากไว้ใช้ในฤดูกาลถอนกล้าทำนาหรือเก็บไว้มัดจุกกระสอบใช้ทนเหมือนเชือกเลยหล่ะ
เบื้องบนของกองไฟนอกจากจะมีควันไฟลอยขึ้นไปแล้วยังมีของสิ่งหนึ่งที่ทางภาคเหนือเรียกกันว่า "หิ้ง" ไม่ใช่หิ้งพระอะไรหรอก แต่เป็นหิ้งที่เขาเอาพริกสุก มารมควันเพื่อนำเมล็ดไปปลูกหรือเอาไปประกอบอาหารก็สุดแล้วแต่
พลบค่ำตะวันลับขอบฟ้าเปลวแดดที่ส่องลงมาอ่อนก็พากันกลับบ้านเกิดพร้อมดวงอาทิตย์ ทิ้งไว้แต่ความหนาวเหน็บและเวลาและเวลาแห่งราตรีกาลเข้ามาเยี่ยมยิ่งฤดูนี้มาเร็วกว่าฤดูร้อนอีกด้วยผู้เป็นพ่อกลับเข้ามาในบ้านในมือถือถุงลาบ ใส่ต้มมาจากบ้านผู้เป็นพี่ชายของตน ลูกๆต่างพากันวิ่งเสนอหน้าไปรับพร้อมกลับช่วยถือของจากมือของผู้เป็นพ่อเข้ามาไว้ในครัวโดยมีแม่ยิ้มรับอยู่ในครัวจากนั้นผู้เป็นพ่อเอาฟืนไม้เล็กๆเพิ่มเข้าไปในกองไฟเพื่อให้กองไฟร้อนแรงกว่าเดิมจากนั้นก็เอาปี๊ปขนาดใหญ่ใส่น้ำมาตั้งไว้เพื่อจะต้มน้ำอามาอาบ ลูกชายคนโตยังคงง่วนอยู่กับการอ่านหนังสือเรียนและลูกชายคนรองก็กลับมาหลังจากไปเล่นซนทั้งวัน
พอต้มน้ำเดือดพอได้ที่แล้วผู้เป็นพ่อก็เอาขันมาตักน้ำร้อนใส่ถังน้ำเล็กๆเอาไปใส่ในกะละมังซักผ้าแล้วเอาน้ำเย็นฝาให้อุ่นได้ที่จากนั้นก็อาบ เป็นอันว่ากองไฟนี้เป็นเครื่องน้ำอุ่นที่ได้มาตรฐานเลยทีเดียว จากนั้นลูกๆก็ทยอยอาบน้ำกันหมดผู้เป็นแม่ก็เรียกมากินข้าวจากนั้นก็ดูทีวีกันจนจบก็พากันเข้านอนที่นอนใครที่นอนมัน
เมื่อวันที่ : 09 ก.ย. 2551, 15.03 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...