นิตยสารรายสะดวก  Articles  ๓๑ กรกฏาคม ๒๕๕๑
ธรรมชาติบำบัด
วันใหม่
...ธรรมชาติบำบัด
​​ความเชื่อมั่นในศักยภาพของร่างกายตนเอง...
เชื่อไหมว่า ร่างกายนี้​คือสิ่งมหัศจรรย์ มี​ความ​สามารถ​ที่​จะเยียวยารักษา​ความเจ็บป่วย​ได้ด้วยตนเอง

​ถ้าเชื่อเช่นนี้​ได้ ก็ให้ลองหันมามองแนวธรรมชาติบำบัดของหมอเจค็อบ วาทักกันเชรี นักธรรมชาติบำบัดชาวอินเดียใต้ ​ที่​ใช้หนทางนี้บำบัดผู้ป่วยมาแล้ว​เกือบ ๓๐ ปี

ธรรมชาติบำบัด (Nature Cure) หรือ การรักษาตามธรรมชาติ (Naturopathy) ​คือการรักษา​ความเจ็บป่วย ด้วยวิธีให้ร่างกายรักษาตนเอง ผ่านกระบวนการพื้นฐานธรรมดา ๆ​ ของการดำรงชีวิต ​ทั้ง การกินอาหาร การหายใจ การ​ใช้น้ำ ​และการเคลื่อนไหว​ที่ถูก​ต้อง

โรคภัยไข้เจ็บ​ส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรม​ที่ผิดปกติของเจ้าของร่างกายนั้น​ เช่น กินอาหาร​ที่​เป็นโทษต่อร่างกายตนเอง ​ใช้ร่างกายให้ทำงานมากเกิน​ไป ​ทั้ง​เนื่องจากทัศนะ​ที่ผิดในการดำรงชีวิต ​และชีวิต​ที่เลือกไม่​ได้

อาการเจ็บป่วย​คือคำเตือนจากร่างกาย บอกให้เจ้าของร่างกายนั้น​​ได้รู้ว่า เธอ​กำลังทำสิ่งผิด ๆ​ ให้​กับฉัน เธอทำให้ฉันเสียสมดุล ​ถ้ามากกว่านี้ หรือยังไม่ฟังฉัน ฉันก็​จะไม่อยู่​​กับเธอแล้ว​นะ

หมอเจค็อบมองว่า "ร่างกายมีกลไก​ที่แสนฉลาด มีการทำงาน​ที่​เป็นระบบระเบียบ รู้ว่า​จะร้องขออาหาร น้ำ การพักผ่อน อย่างไร รู้​ที่​จะขับของเสีย รู้​ที่​จะเจริญเติบโต ​และรู้ดีว่า​จะจัดการ​กับปัญหา​ที่เกิด​กับร่างกายตนเองอย่างไร จงฟังเสียงของร่างกาย ​เพราะร่างกายนั้น​รู้ดีว่า​จะซ่อมแซมเยียวยาตนเองอย่างไร อย่าขัดขวางกระบวนการทำงานของร่างกายด้วยการ​ใช้ยาระงับอาการ"

ท่านเจ้าคุณนร (​พระภิกษุ​พระยานรรัตน์ราชมานิต) เคยกล่าวไว้ว่า "จงอย่าฝากชีวิตไว้​กับหมอ​และยา ​เพราะหมอก็ไม่ใช่เทวดา หรือผู้สัพพัญญู ​และยาก็ย่อม​จะมี​ทั้งคุณ​และโทษ ควรพึ่งตนเองด้วยโยนิโสมนสิการ ก่อน​ที่​จะคิดพึ่งหมอ​และยาเถิด"

(​พระภิกษุ​พระยานรรัตน์ราชมานิต (ธมมวิตกโกภิกขุ) นามเดิม ตรึก จินตยานนท์ จบการศึกษาจากประเทศอังกฤษ รับราชการในราชสำนักสมัยรัชกาล​ที่ ๖ จนดำรงยศ​พระยานรรัตน์ราชมานิต ​เมื่อสิ้นรัชกาล ท่าน​ได้อุทิศตนอุปสมบทใน​พระราชพิธีถวาย​พระเพลิง​พระบรมศพฯ)

หมอเจเค็อบต่อต้านการ​ใช้ยาทุกชนิด ​เขาบอกว่า "ทุกวันนี้เราถูกกำหนดพฤติกรรมทุกอย่าง​โดยบรรษัทข้ามชาติ ​ที่มุ่งผลิตสินค้า ​เพื่อเหตุผลทางธุรกิจ ยา​เป็นเพียงสินค้าอีกชนิดหนึ่ง​เท่านั้น​ ไม่ต่างอะไร​​กับน้ำอัดลม หรือรถยนต์ มียาจำนวนมาก​ที่ประกาศเลิก​ใช้​ไปแล้ว​ในสหรัฐอเมริกา​เพราะก่อให้เกิดโรคอื่นตามมา ​แต่ยังคง​ใช้รักษาคนไข้กันอยู่​ในประเทศไทย ​และประเทศอินเดีย...​ไม่มียาชนิดไหน​ที่ไม่ก่อให้เกิดโรคต่อ​เนื่อง...​​ที่ศูนย์ธรรมชาติบำบัดของผม ทุก ๆ​ เดือน​จะมีผู้ป่วยโรคไตระยะสุดท้ายเข้ามารับการรักษา ๘-๑๐ คน พอ​ไปดูประวัติคนไข้ ก็พบว่าคนไข้เหล่านั้น​ผ่านการ​ใช้ยาพาราเซตตามอลกันมา​ทั้งสิ้น ​ซึ่งในคู่มือ​ใช้ยามีคำเตือนว่า ยาพาราเซตตามอลมีผลร้ายแรงต่อผู้​ที่​เป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง มีผลข้างเคียง​คือ​จะมีอาการคลื่นไส้ วิงเวียน ​และมีปัญหาเกี่ยว​กับตับ"

หมอเจค็อบเล่าให้ฟังว่า ปัจจุบันในอินเดีย รัฐบาลออกกฎหมายให้ยากลุ่มพาราเซตตามอล​ต้องติดคำเตือน​ที่ฉลากว่า การ​ใช้ยาพาราเซตตามอลเกินขนาด​จะมีผลต่อตับ ​ส่วนในประเทศอังกฤษนั้น​ สมาคมการแพทย์​ได้ตีพิมพ์เอกสารระบุว่า ​ถ้า​ใช้ยาพาราเซตตามอล ๑๐-๑๕ กรัมภายใน ๒๔ ชั่วโมงอาจทำให้เกิดอาการตับ​และไตหดตัวอย่างรุนแรง ภายในเวลา ๓-๔ วัน ​สามารถเสียชีวิต​ได้

​เขาบอกว่า​เขาเคยบดยาพาราเซตตามอล ๒ เม็ดแล้ว​คลุก​กับข้าว​เพื่อดักหนู ปรากฏว่ามีผลเท่า​กับยาเบื่อหนู ​คือหนูกินเข้า​ไปแล้ว​ตายให้เห็น

หาก​ต้องการรักษาปัญหาสุขภาพ ก็จงเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยว​กับยา​และร่างกายตนเองเสีย

"ไม่มียาตัวไหนให้สุขภาพ​ที่ดีแก่เรา​ได้ ไม่มีหมอคนไหนรักษาอาการเจ็บป่วย​ได้จริง ไม่มีหนทางลัดสู่การมีสุขภาพดี มี​แต่​การปฏิบัติ​และดูแลตนเองอย่างถูก​ต้องเท่านั้น​ ร่างกายจึง​จะปลอดภัยจากโรคร้าย"

โรคเรื้อรัง​ทั้งหลาย อาทิเช่น ​ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ โรคไต โรคตับ รวมถึงมะเร็ง ​และอาการเจ็บป่วยร้ายแรงอื่น ๆ​ อีกจำนวนมาก แพทย์แผนปัจจุบันยอมรับว่ารักษาไม่หาย ​ได้​แต่ประคับประคอง ระงับอาการ​เป็นคราว ๆ​ ​และเพิ่มยาขึ้น​เรื่อย ๆ​ หรือกระทั่ง​ต้องตัดอวัยวะ​ส่วนนั้น​ทิ้ง

ตรงกันข้าม ธรรมชาติบำบัด​ซึ่งมองว่าโรคเหล่านี้เกิดจากการสะสมพิษในร่างกาย​เป็นเวลายาวนาน​ทั้งจากยา ​และอาหาร​ที่​เป็นโทษ กลับ​สามารถรักษา​ได้​ถ้าหันกลับมาดำเนินชีวิต​ที่ถูก​ต้อง สร้างเงื่อนไข​ที่ดี ให้ร่างกาย​ได้ดูแลรักษาตนเองอย่างเต็ม​ที่ นำสิ่งต่าง ๆ​ ​ที่มีอยู่​แล้ว​ในธรรมชาติรอบตัวมา​เป็นเครื่องมือในการเยียวยา

มีบางตัวอย่าง​ที่​จะเล่าให้ฟังใน​ที่นี้​ได้ ​เพราะ​ได้เห็นมาเอง​กับตา

น้องแก้ม หญิงสาวคนหนึ่ง​​ที่​เป็นโรคสะเก็ดเงิน เธอทุกข์ด้วยโรคนี้มานาน วันหนึ่ง​เธอมารับการบำบัดด้วยวิธีธรรมชาติแนวหมอเจค็อบ เธอ​ได้​ใช้การอดอาหาร การพอกโคลน การล้างพิษ ภายใน ๑๕ วันอาการของเธอก็ดีขึ้น​อย่างทันตาเห็น เธอกลับ​ไปทำต่อ​ที่บ้าน ​และพาตัวเองมาให้เราดู วันนี้หน้าตาเธอเกลี้ยงเกลา ผิวพรรณสดใส ดูไม่ออกว่าเธอผ่านอะไร​มาบ้าง

คุณทอม ป่วยด้วยอาการเลือดออกในกระเพาะถึงขั้นหมดสติ ผ่านการบำบัดด้วยวิธีธรรมชาติ ทุกวันนี้อ้วนท้วนสมบูรณ์หน้าตาผ่องใส ​และไม่เคยปวดท้องอีกเลย​

มีตัวอย่างอีกหลายตัวอย่าง ​ที่หลังจากเลิกยาแล้ว​​ใช้ธรรมชาติบำบัด ชีวิตก็เปลี่ยน​ไป ​ทั้งผู้ป่วยมะเร็ง เบาหวาน ​ความดัน หัวใจ ไทรอยด์ ภูมิแพ้ หืดหอบ ฯลฯ

ดังนั้น​จึงมีข้อห้ามหลายอย่าง​เมื่อมีสัญญาณเตือนจากร่างกาย หรือเกิดเจ็บป่วยขึ้น​
๑. ไม่​ไปหาหมอ
๒. ไม่กินอาหาร ​เพื่อให้ร่างกาย​ได้ทำงานซ่อมแซมเต็ม​ที่ ไม่​ต้องห่วงคอยมาย่อยอาหารอยู่​
๓. ไม่กินยา
๔. ไม่ทำงาน ​ต้องพักผ่อนอย่างเต็ม​ที่
๕. ไม่คิดว่า​คือ​ความเจ็บป่วย ให้คิดว่าร่างกาย​กำลังขับพิษร้ายออก
๖. อย่าหวาดกลัว จงเชื่อมั่นใน​ความ​สามารถของร่างกายตนเอง ​และรอคอยกระบวนการต่าง ๆ​ ของร่างกายอย่างใจเย็น​และเข้าใจ
๗. ​สามารถดื่มน้ำมะพร้าว​ได้ในบางกรณี

มีคำถามว่าธรรมชาติบำบัดมีขอบเขตแค่ไหน

คำตอบคง​จะอยู่​​ที่ข้อ ๖ ​คือ​ความเชื่อมั่นในร่างกายตนเอง​และใจเย็นรอ ร่วม​กับ​การปฏิบัติตนให้สอดคล้อง​กับแนวทางการบำบัดอย่างเคร่งครัด

เรื่อง​นี้​เป็นเรื่อง​ยาก​ที่สุด​ที่แนวทางนี้​จะ​ต้องฟันฝ่า เราเคยชิน​แต่​กับการฝากร่างกายเราไว้​กับหมอ​ซึ่งเราเชื่อว่ามี​ความเชี่ยวชาญ​เป็นผู้ดูแล ​เมื่อเราป่วยเรา​จะรีบ​ไปหาหมอ ให้หมอ​ใช้​ความรู้​ที่มีมารักษาร่างกายเรา หมอ​จะให้เราทำอะไร​ กินอะไร​ เรา​จะทำตาม ​โดยไม่เคยมีคำถาม ​ถ้ายังไม่หาย หมอก็มีวิธีรุนแรงกว่าเดิมมารักษาร่างกายเรา ​ความรุนแรง​จะเพิ่มขึ้น​เรื่อย ๆ​ ตาม​ความรู้ของหมอ จนกระทั่งถึงขั้นตัดอวัยวะบาง​ส่วนทิ้ง ​ซึ่งถือ​เป็นขั้นตอน​ที่ร่างกายขาด​ความสมดุลอย่างถึง​ที่สุดในทางธรรมชาติ ต่อ​ไปร่างกายก็​จะลด​ความ​สามารถในการบำบัดตนเองลง ​และ​จะอ่อนแอลงเรื่อย ๆ​ จนกระทั่งเหนื่อยล้าพ่ายแพ้อำลา​ไปใน​ที่สุด

อย่างไรก็ตาม ธรรมชาติบำบัดก็มีข้อจำกัดของตนเอง ​ต้องพึ่งพาเทคนิคทางการแพทย์สมัยใหม่เข้าช่วยด้วย ​เพื่อตรวจหา​ส่วน​ที่เจ็บป่วยของร่างกาย หรือกรณี​ที่​ได้รับอุบัติเหตุ มีบาดแผล หรือกระดูกหักรวม​ทั้งการเจ็บป่วยแบบเฉียบพลัน ก็​ต้องให้การแพทย์สมัยใหม่แก้ไขก่อน ​แต่หลังจากนั้น​ขอให้ร่างกาย​ได้ทำหน้า​ที่ของตนเอง

จึงอาจสรุป​ได้ว่า ​ถ้าจำ​เป็นจริง ๆ​ ก็​ต้องพบแพทย์สมัยใหม่ ​ถ้าไม่จำ​เป็นนัก ให้ร่างกายดูแลตัวเองดี​ที่สุด ขอให้ถือแนวทางธรรมชาติบำบัด​เป็นทางเลือกหนึ่ง​ในการดูแลสุขภาพ แนวทางนี้น่า​จะดี​ที่สุดสำหรับคน​ที่ยังไม่เจ็บป่วยจนถึงขั้นวิกฤติ

​โดยปกติร่างกายคนเรา​จะขับถ่ายของเสียหรือพิษออกจากร่างกาย ๔ ช่องทาง
๑. ลมหายใจออก
๒. เหงื่อ
๓. ปัสสาวะ
๔. อุจจาระ
(๕. รอบเดือน)
​ต้องไม่ขัดขวางกระบวนการเหล่านี้ ปล่อยให้ร่างกายขับออกมาให้เต็ม​ที่ ฝึกหัดการหายใจเข้าออกยาว ๆ​ ลึก ๆ​ ให้หายใจออกมากกว่าหายใจเข้า ๑ เท่า อย่ารีบเข้าห้องแอร์​เมื่อเหงื่อออก อย่ากลั้นปัสสาวะ​และอุจจาระ ปล่อยให้ธรรมชาติของร่างกายจัดการตัวเอง

​แต่ในสถานการณ์วิกฤติ ร่างกาย​จะมีช่องทางพิเศษในการขับพิษ ดังนี้
๑. ​เป็นหวัด ไอ จาม น้ำมูกไหล
๒. อาเจียน
๓. ท้องเสีย
๔. ​เป็นไข้
นี่​คือคำร้องของร่างกาย จงฟังร่างกายตนเอง​และปฏิบัติตัวให้ถูก​ต้อง

กระบวนการบำบัด​โดยธรรมชาติมีอยู่​ ๓ ขั้นตอน
๑. ชำระล้าง
๒. เยียวยา
๓. ฟื้นฟู

อาหาร​คือสิ่งหนึ่ง​​ที่หมอเจค็อบเน้น​เป็นพิเศษ ​เขาบอกว่า อาหารมีคุณลักษณะ ๔ ประการ ​คือ ชำระล้าง เยียวยา ฟื้นฟู ​และก่อให้เกิดพิษ

น้ำผลไม้ น้ำผักคั้น น้ำเปล่า มีคุณสมบัติชำระล้าง​และเยียวยา ผลไม้มีคุณสมบัติในการฟื้นฟู​และชำระล้าง ​ส่วนอาหารปรุงสุกนั้น​มีคุณค่าทางด้านฟื้นฟูให้พลังงาน ​แต่ก็ก่อให้เกิดพิษ​ได้ด้วย

น้ำมะพร้าวถือ​เป็นน้ำทิพย์จากสรวงสวรรค์ อุดม​ไปด้วยแร่ธาตุ สะอาด​และบริสุทธิ์กว่าน้ำใด ๆ​ ทารก​สามารถดื่มแทนน้ำนม​ได้​เมื่อมารดาเสียชีวิต มีคุณสมบัติ​ที่ดีครบถ้วน​ทั้งชำระล้าง เยียวยา ​และฟื้นฟูร่างกาย น้ำมะพร้าว ๑ ลูก มีคุณค่าเท่าอาหาร ๑ มื้อ ​ทั้งร่างกายไม่​ต้องเหน็ดเหนื่อย​ไปย่อยให้เสียพลังงานด้วย จึงนับ​เป็นอาหาร​ที่ดี​ที่สุดของร่างกาย

ในสภาพปกติ หมอเจค็อบแนะนำให้กินผลไม้ ๒ มื้อ เช้า​​กับเย็น มื้อกลางวันกินอาหารปรุงสุก ​เป็นหลัก กิน​แต่อาหารใหม่สด​ที่ เต็ม​ไปด้วยพลังชีวิต ​ทั้งนี้มีกฎเหล็กหลายข้อในการกินดังนี้
๑. ไม่กินอาหารก่อน ๖ โมงเช้า​ ​และหลัง ๖ โมงเย็น ​เพราะร่างกาย​กำลังพักผ่อนไม่​พร้อม​ที่​จะรับอาหาร
๒. ไม่กินอาหารปรุงสุกนานกว่า ๓ ชั่วโมง ​ถ้า​เป็นผลไม้ปอกเปลือกไม่เกิน ๓๐ นาที น้ำผลไม้​ต้องดื่มทันที ​เนื่องจากเรา​ต้องการพลังชีวิตจากอาหาร
๓. ไม่กินจนอิ่ม ให้กินเพียง ๑ ใน ๓ ของกระเพาะอาหาร ปล่อยเนื้อ​ที่ว่างให้กระเพาะเคลื่อนไหวทำงาน​ได้สะดวก​
๔. ไม่ดื่มชา กาแฟ น้ำอัดลม อาหารหมักดอง ธัญญพืชขัดขาว น้ำตาลทรายขาว ผงชูรส อาหารทอด เนื้อสัตว์ นม ไข่ ​ซึ่งถือ​เป็นอาหารพิษ
๕. มีสมาธิเวลากิน ตั้งใจกิน​และเคี้ยวจนกระทั่งอาหาร​เป็นน้ำ​สามารถดื่ม​ได้ ช่วยให้กระเพาะไม่​ต้องทำงานหนักมากเกิน​ไป
๖. ห้ามกินอาหาร​ที่ผสมกันหลากหลายใน​แต่ละมื้อ ผักควรกิน​กับธัญญพืช ​ถ้ากินผลไม้ก็​ต้อง​เป็นผลไม้รสเดียวกัน ​เพื่อถนอมกระเพาะอาหาร​และน้ำย่อย
๗. กินอาหารเพียง ๓ มื้อต่อวัน อาจดื่มน้ำผลไม้​ระหว่างมื้อ​ได้ ๒ ครั้ง ​แต่ห้ามกินอาหาร​ระหว่างมื้อ ปล่อยให้กระบวนการย่อยอาหารทำงานเต็มประสิทธิภาพ​โดยไม่มีการรบกวน

ธรรมชาติบำบัดนั้น​​ที่จริงแล้ว​​เป็นเรื่อง​เก่าของคนรุ่นย่ายาย(อาจรุ่นทวดของเด็กรุ่นใหม่) ​ส่วนการแพทย์สมัยใหม่นั้น​มาทีหลัง ​แต่ก็เหนียวแน่นใน​ความรู้สึกของคนรุ่นหลัง พวกเรา​ได้ทอดทิ้งภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ ​แต่เชื่อในผลงานการค้นคว้าวิจัยทางวิทยาศาสตร์​และศาสตร์ตะวันตกกันมากกว่า ​ถ้าเรามีโอกาสทบทวนวิธีต่าง ๆ​ ในธรรมชาติบำบัด ก็​จะเห็นว่า เออใช่ เออใช่ ทุกที​ไป หมอเจค็อบบอกว่า ธรรมชาติบำบัด​เป็นเรื่อง​ง่าย ​แต่​เนื่องจากมันง่ายเกิน​ไป คนจึงไม่เห็นค่าของมัน​และทอดทิ้งมัน​ไป

เรื่อง​นี้​เป็นการต่อสู้ทางแนวคิดด้วย การ​ที่เรา​จะทดลอง​ใช้ธรรมชาติมาบำบัดตนเองนั้น​อาจพอมีทางทำ​ได้ ​แต่​ถ้า​กับญาติผู้ใหญ่ของเรา หรือลูกของเรา เรา​จะไม่กล้าใช่ไหม นั่นเลย​ การต่อสู้สองแนวทาง

ตัวฉันเองค่อนข้างเชื่อแนวทางนี้ ​แต่ก็ยังไม่​ทั้งหมด เราคง​ต้อง​ได้เห็นตัวอย่างเยอะ ๆ​ กระมัง ถึง​จะเชื่อ​ได้มากขึ้น​

อย่างไรก็ตาม ​ถ้าบางอย่างเราทดลองทำซ้ำแล้ว​ซ้ำอีก​กับตัวเองจน​ได้ผลเหมือนกันทุกครั้งแล้ว​ เราก็น่า​จะยืนหยัดทำต่อ​ไป รวม​ทั้งเผยแพร่​ไปสู่คนอื่นด้วย ​ถ้า​ใครเคย​ใช้ธรรมชาติของร่างกายรักษาตนเอง​ได้ผลอย่างไร ก็บอกคนอื่นอย่างนั้น​​ไป​ได้

"คุณแม่ท่านหนึ่ง​อายุ 81 ​จะสบายใจ​ถ้า​ได้กินยาหรือฉีดยาบ้าง"

คิดว่า​ถ้าท่านแข็งแรงดี ไม่​เป็นโรคร้ายอะไร​ อายุขนาดนี้​ต้องถือว่าท่านปฏิบัติตัวถูก​ต้อง​และสอดคล้อง​กับวิถีธรรมชาติดีทีเดียว การกินยาหรือฉีดยา​เป็นบางครั้งอาจทำให้ท่านสบายกายจริง ๆ​ ก็ปล่อยท่านเถอะ ​ที่จริงคนแก่​สามารถ​ใช้อาหารธรรมชาติ​ได้​ทั้งหมด ​เพราะปกติร่างกายท่านก็รับอาหารพวกเนื้อ หรือแป้งมากไม่ค่อย​ได้อยู่​แล้ว​ อาหารหลักของท่าน​จะ​เป็นพวกผลไม้​และผักใช่ไหมคะ​ ก็เสริมคุณสมบัติสด​และใหม่ให้​กับท่าน ท่านก็​จะสบายตัว​และอยู่​​กับเรา​ได้อีกนาน

​ระหว่างวัน​ที่ ๓๑ สิงหาคม -- ๔ กันยายน ๒๕๕๑ นี้ หมอเจค็อบ วาทักกันเชรี ​จะเปิดอบรม "ธรรมชาติบำบัด" ​ที่ เสถียรธรรมสถาน www.sdswb.org

ท่านใดสนใจติดต่อ​ได้​ที่แม่ชีทัศนา หรือแม่ชีกาญจนา โทร. ๐๘ ๐๒๘๘ ๔๙๓๑ หรือติดต่อ​ได้​ที่เสถียรธรรมสถานทุกวันเวลา ๐๙.๐๐ น. - ๑๗.๐๐ น.

เข้าคอร์สเพียง 7 วัน อย่ากลัวว่า​จะหิวมื้อเย็น ร่างกายกลับรู้สึกสบาย ๆ​ บางคนน้ำหนักอาจลด ​แต่บางคนก็ไม่ลด ​ทั้งนี้อาจมีเรื่อง​ของบรรยากาศรวม ๆ​ ช่วยไว้ด้วย ​แต่พอกลับจากคอร์ส มา​ใช้ชีวิตตามปกติ ​โดยทั่ว​ไปมื้อเช้า​พอมีสิทธิ์เลือก​ได้บ้าง ​เพราะกิน​ที่บ้านกัน​ได้ ​แต่มื้อกลางวัน​กับมื้อเย็นจำ​ต้องปล่อยตามสานการณ์ ถือหลักเพียงว่า​ถ้า​จะ​ต้องกินเนื้อ ก็กิน​แต่เนื้ออย่างเดียวไม่กินปะปน​กับอาหารอื่น ​จะทำให้ร่างกายไม่เครียด การย่อยก็​จะปกติดี

สุขภาพดีซื้อไม่​ได้ ​แต่​ต้องปฏิบัติด้วยตัวเอง

 

F a c t   C a r d
Article ID A-2911 Article's Rate 8 votes
ชื่อเรื่อง ธรรมชาติบำบัด
ผู้แต่ง วันใหม่
ตีพิมพ์เมื่อ ๓๑ กรกฏาคม ๒๕๕๑
ตีพิมพ์ในคอลัมน์ สัพเพเหระ
จำนวนผู้เปิดอ่าน ๖๐๕ ครั้ง
จำนวนความเห็น ๑ ความเห็น
จำนวนดอกไม้รวม ๓๙
| | | |
เชิญโหวตให้เรตติ้งดอกไม้แก่ข้อเขียนนี้  
R e a d e r ' s   C o m m e n t
ความเห็นที่ ๑ : ศาลานกน้อย [C-14428 ], [000.000.000.000]
เมื่อวันที่ : 31 ก.ค. 2551, 08.27 น.

ผู้อ่าน​ที่รัก,

นิตยสารรายสะดวก​ ​และผู้เขียนยินดีรับฟัง​ความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดง​ความเห็น​ได้​โดยอิสระ ขอขอบคุณ​และรู้สึก​เป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมี​ส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...​

แจ้งลบข้อความ


สั่งให้ระบบส่งเมลแจ้งการเพิ่มเติมความเห็น
 ศาลานกน้อย พร้อมบริการเสมอ และยินดีรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกท่าน  ติดต่อเว็บมาสเตอร์ได้ทางคอลัมน์ คุยกับลุงเปี๊ยก หรือทางอีเมลได้ที่ uncle-piak@noknoi.com  พัฒนาระบบ : ธีรพงษ์ สุทธิวราภิรักษ์  โลโกนกน้อย : สุชา สนิทวงศ์  ภาพดอกไม้ในนกแชท : ณัฐพร บุญประภา  ลิขสิทธิ์งานเขียนในนิตยสารรายสะดวก เป็นของผู้เขียนเรื่องนั้น  ข้อความที่โพสบนเว็บไซต์แห่งนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้โพสทั้งสิ้น