พ่อหลิ่ง คนธรรมดา แต่หัวใจไม่ธรรมดา |
 |
Feel good
 |
...

''เงินตรา'' ไม่สามารถซื้อใจของผู้ชายธรรมดา ที่อาศัยอยู่ บนโลก คนนี้ได้ เพราะเขาถือคติที่ว่า จนเงิน แต่ขอ รวยน้ำใจ เพราะมันมีค่ามากกว่า เศษวัตถุนิยม...

''เงินตรา'' คงไม่มีใครกล้าปฎิเสธว่าเป็นสิ่งที่นำมาซึ่งความสุข ความสบาย แต่ถ้ายึดถือคำ คำนี้เอาไว้มากจนเกินไป จนกลายเป็นสิ่งฝังลึกลงไปถึงรากโคนของหัวใจ นั่นถือว่าเป็นสิ่งที่ผิดมหันต์ของมนุษย์โลก จนไม่อาจจะสามารถค้นหาความสุขที่แท้จริงของชีวิตตนเองได้

''พ่อ หลิ่ง'' เป็นนามของชายคนหนึ่ง ตัวเล็ก ผิวดำแดง มีลักษณะใบหน้าคล้ายๆกับเฉินหลง นักแสดงบทบู๊ คนดังที่ ฮ่องกงยังไง ยังงั้น มีลูกสาว 2คน ภรรยา1 คน อย่างหลังไม่ต้องบอกก็ได้เนอะ ขีืนมีเยอะ พ่อหลิ่ง คงจะต้องตายเพราะน้ำมือภรรยาแน่ๆ

''พ่อหลิ่ง'' ปลูกบ้านหลังเล็กๆเพราะมีพื้นจำกัด ตัวบ้านมุงด้วยสังกะสี ห้องนอน 3ห้องนอนถูกกั้นไว้ด้วยอิฐบล๊อกโดยที่ไม่ได้ถูกแต่งเติมด้วยสีใดๆทั้งสิ้น แต่ละห้องใช่ว่าจะใหญ่มากนัก แต่เพียงเพราะพ่อหลิ่งต้องการจะแบ่งกั้นห้องให้เป็นสัดเป็นส่วนออกมาอีกหน่อย เพราะลูกสาวทั้ง 2 ของพ่อหลิ่งแต่ละคนนั้นได้มีครอบครัวแล้วเช่นกัน

''ฉันเฝ้าสังเกตุครอบครัวนี้ตั้งแต่เล็ก จนโต แล้วก็ทราบว่า ครอบครัวนี้ไม่เคยแยกออกจากกันไปใหนใกลเลยสักครั้ง จะมีแค่บางครั้งเท่านั้น ที่ลูกสาวทั้ง 2 ของพ่อหลิ่งนั้นแอบหนีเข้ากรุง เพื่อไปรับจ้างงานเย็บผ้า แต่ก็ไม่เกิน 2 อาทิตย์ ก็ต้องรีบวิ่งแจ้นกลับมาหาครอบครัวเหมือนเดิม เพราะคิดถึงครอบครัว

''พ่อหลิ่ง'' ยึดอาชีพทำรางน้ำ มาตั้งแต่ใหน แต่ไรแล้ว งานจะเข้าดีในช่วงฤดูฝน ส่วนช่วงฤดูอื่นงานก็ซบเซาลงไปบ้าง มีเพียงงานเล็ก งานน้อย เช่น รับปะหม้อก๋วยเตี๋ยว รับแก้งานชำรุดตามหลังคา หรือแล้วแต่คนจะว่าจ้างวานให้ไปทำนั่นทำนี่บ้างในบางครั้ง เพื่อแลกกับเงินไม่มากเท่าไหร่

ส่วนทางครอบครัวของลูกสาวทั้ง 2 คน ของพ่อหลิ่ง พวกเขาก็ขยันทำมาหากินเช่นกัน แต่รวมๆแล้วในแต่ละเดือนก็ไม่ได้เงินมากสักเท่าไหร่ มีแค่ค่าจ่ายกับข้าว ค่าขนม นมเนย ในแต่ละวัน เพียงแค่นี้ก็หมดไปแล้ว ค่าไฟค่าน้ำที่ต้องจ่ายก็ไม่ต้องพูดถึงเลย เพราะแต่ละคนในครอบครัวนี้ต้องเงินที่มีอยู่น้อยนิดเพื่อเอามาหารกันตลอดในแต่ละเดือน

ส่วนภรรยาของพ่อหลิ่ง ก็ได้รับความวางใจจากบ้านข้างๆให้ไปทำความสะอาดบ้านบ้างในบางครั้ง หรือ แม้แต่ได้มีสิทธิ์เข้าไปเป็นแม่ครัวของโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่ง เพราะรู้จักเจ้าของโรงเรียนเป็นการส่วนตัว และ ลูกสาวเจ้าของโรงเรียนที่ตอนนี้เธอก็โตเป็นสาวแล้ว แต่ก็มักจะมาคลุกคลี เล่นที่บ้านพ่อหลิ่งเหมือนสมัยเด็กๆเช่นเดียวกับดิฉัน

ที่ยกเรื่องการขาดแคลนเงินทอง ชักหน้า ไม่ถึงหลัง ของครอบครัวนี้มาให้ดูนั้น มันกลับเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจมากที่พวกเขาไม่ยีหระใคร่จะใส่ใจเรื่องเงิน-ทองเหล่านั้นมากนัก
แต่พวกเขาชอบมีวิถีชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย เรื่องเงินทองไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา แต่พวกเขากลับรวยไปด้วยเสียงหัวเราะ และ รอยยิ้ม พ่อหลิ่งมีความสุขที่ได้ต้อนรับแขกในฐานะต่างๆ มีตั้งแต่ระดับรากหญ้า จนถึง นายใหญ่ นายโต มารวมพุดคุยเล่นที่ลานบ้านเล็กๆ แคบๆของพ่อ หรือบ้างก็ร่วมวงซดต้มไก่บ้านเป็นตัวๆ หรือ ลาบปลา ด้วยฝีมือของพ่อหลิ่งเอง วันใหนแขกเหล่านั้นใจดีหน่อย ก็จะมีเหล้า หรือ เบียร์ เอามาฝากหรือตั้งเคียงข้างอยู่ด้วย

กิจกรรมของพ่อหลิ่งทุกๆวันคือ การได้สวมรองเท้าผ้าใบสีขาว คู่เก่า เยินๆสักหน่อย พร้อมด้วยการโพกหัวด้วยลายผ้าต่างๆ แล้วกระโดดเข้าสนามเพื่อเตะตระกร้อ กับเพื่อนๆนับสิบที่รอพ่อหลิ่งบนสนาม ทุกๆคนต่างสุขใจที่ได้มาเล่นและหมุนเปลี่ยนเตะตระกร้อกับพ่อหลิ่ง เตะไป ก็หัวเราะครืนกันทั้งสนาม เพราะคำพูดของพ่อหลิ่ง บางคนเล่นเสร็จก็กลับบ้านพร้อมรอยยิ้มที่มีความสุข แต่บางคนติดลม ก็มานั่งเม้าส์กับพ่อหลิ่งต่อที่บ้านจนดึกดื่น พ่อหลิ่ง หรือ คนในครอบครัวพ่อหลิ่งก็ไม่ว่าอะไร แถมบริการ เอาใจสรรหาของกินมาเพียบ
พ่อหลิ่ง ผู้ชายที่ธรรมดา แต่หัวใจไม่ธรรมดา ขอเลือกที่จะจนเงิน แต่ขอรวยน้ำใจดีกว่า
และสำหรับใครหลายคนที่เคยสัมผัสรู้จักตัวตนของพ่อหลิ่งแล้วหล่ะก็มักจะพูดคล้ายๆกันว่า ได้อยู่กับพ่อหลิ่งแล้วมีความสุขจังเลย ไม่ต้องคิดอะไรมาก คุยกันโดยที่ไม่มีเรื่องเงินมาเกี่ยว พ่อหลิ่ง หรือ ผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์ตรงที่หัวใจ เสน่ห์จากใจ และ ความขันบนใบหน้า ทั้งหมดเหล่านี้ ฉันคิดคงหาซื้อที่ใหนไม่ได้อีกแล้ว

เงินตรานั้นไม่สามารถซื้อได้ทุกอย่างบนโลกเรา แต่ความจริงใจนั้น มันสามารถแลกใจและใจให้มารักกันได้ เหมือนที่พ่อหลิ่งได้ทำกับทุกคนอยู่ทุกๆวันนี้
''แด่พ่อหลิ่ง คนธรรมดา แต่หัวใจไม่ธรรมดา''

เมื่อวันที่ : 23 ก.ค. 2551, 22.49 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...