![]() |
![]() |
แดง หัวโต![]() |
...๗. หัวใจมหาศาล ยามฝันแผดเสียงละเมอท่ามกลางความเงียบสงัด มาวินผวาสะดุ้งตื่น แล้วรีบเข้าประคองปลุกเรียกสาวน้อยให้ฟื้นคืนจากภวังค์ร้าย ใบหน้าของนางฟ้...
๗. หัวใจมหาศาลยามฝันแผดเสียงละเมอท่ามกลางความเงียบสงัด มาวินผวาสะดุ้งตื่น แล้วรีบเข้าประคองปลุกเรียกสาวน้อยให้ฟื้นคืนจากภวังค์ร้าย ใบหน้าของนางฟ้าจากดาวสีชมพูขณะนี้ ขาวซีด เนื้อตัวเย็นเฉียบ พร่ำร้องแต่กลัวแล้วๆ มาวินเห็นท่าไม่ดีจึงเขย่าตัวแรงขึ้น จนเธอสะดุ้งตื่น แต่กลับผลักอกมาวินออกห่าง แลแววตาหวาดระแวง
"ยามฝันเป็นอะไร" มาวินร้องถาม พลางขยับตัวเข้าใกล้ แต่สาวน้อยกับถอยฉากหนีออกห่าง
"นี่ผมมาวินไง...มาวินจากดาวโลก...มาวินแห่งก๋วยเตี๋ยวต้มยำ"
ยามฝันมองสำรวจรอบๆตัว เมื่อจัดลำดับความทรงจำและแยกแยะโลกแห่งความจริงกับโลกแห่งความฝันออกจากกันได้ เธอจึงโผกอดมาวิน แล้วร้องไห้บนอกเขา
"ไม่เป็นไรนะ ตอนนี้คุณอยู่บนดาวโลก...คุณปลอดภัย สบายใจได้" มาวินลูบหลังปลอบโยน ก่อนประคองสาวนักละเมอลุกไปล้างหน้าไล่อาการเมาขี้ตา
ตั้งแต่ยามฝันเพ้อเมื่อตอนตีสาม กระทั่งรุ่งเช้า เธอเอาแต่นั่งเหม่อลอยมองดูดวงดาวจนพวกมันลับหายคาตา
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ยามฝันมีอาการประหลาดเช่นนี้ สองสัปดาห์ของเธอบนดาวโลก มาวินนับได้ว่ามีถึงสี่คืนด้วยกัน ที่สาวน้อยผวาร้องเสียงหลงเพราะฝันร้าย
เขาเป็นห่วงเธอ และเข้าใจดีว่าฐานะเชลยบนดาวสีชมพู คงทำให้ยามฝันถูกข่มเหงรังแกอยู่บ่อยๆ ยิ่งต้องออกมาผจญภัยไกลบ้าน แถมหอบเอาความหวังของเหล่าสตรีพี่น้องทั้งดาวมาอีก มันยิ่งกดดันให้เธอมีสภาพจิตใจย่ำแย่ จนต้องเก็บเอาไปกังวลเป็นฝันร้ายคอยหลอกหลอน
มาวินรู้สึกเห็นใจและสงสาร แต่ยังคงคอยเตือนตัวเองเสมอ ไม่ให้หลงเชื่อคำของสาวน้อยง่ายๆ แม้สถานการณ์จะเลยเถิด ถึงขั้นพาลูกเต้าเหล่าใครก็ไม่รู้ มาอยู่ร่วมเตียงเคียงหมอน เหมือนคู่รักหลังงานแต่งก็ตาม
สองสัปดาห์ที่ผ่านมา ถึงจะอยู่ด้วยกันเกือบตลอดเวลา แต่หนุ่มหน้ามนต์คนไม่มีแฟนตระหนักดีว่า ตนรู้เรื่องของยามฝันน้อยมาก บ่อยครั้ง สาวสวยจากต่างดาวพยายามเล่าประวัติของเธอและมหาสงครามของดาวอะไรต่อมิดาวอะไรเยอะแยะ ทว่ามันกลับฟังดูจับฉ่าย คล้ายเป็นเรื่องเพ้อฝันของคนสติไม่ดีเสียมากกว่า
ดังนั้น ร้อยละความเชื่อของมาวิน จึงเทน้ำหนักไปที่ความไม่แน่ใจเป็นส่วนใหญ่ คงเป็นการยาก หากจะทำให้คนที่ไม่รู้จักกระทั่งชื่อกาแลคซี่ของตนอย่างเขา มายอมปักใจเชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวมีอยู่จริง
...แต่ข้อเท็จจริงหนึ่งก็คือ ไม่ว่าเหตุผลจะฟังดูงี่เง่าสักแค่ไหน หากมันเป็นคำขอร้องที่ออกจากปากสาวสวย นั่นก็เพียงพอจะทำให้มนุษย์เพศชายยอมทำทุกอย่าง กระทั่งรู้อยู่เต็มอกว่าตนอาจถูกหลอกใช้ก็ตาม...
มาวินไม่อยากให้ผู้หญิงคนไหนลวงหัวใจเขาอีก ยามฝันก็รวมอยู่ในนั้นด้วย ตอนนี้เขาแค่อยากได้ความจริง อยากรู้สาเหตุ เพราะอะไรสาวสวยระดับดาราอย่างเธอ จึงเข้ามาตีซี้กับคนโสดโดนแฟนทิ้งอย่างเขา
ถ้าต้องการทรัพย์สิน-ที่จะได้คงมีแค่เศษเงิน
ถ้าต้องการแก้แค้น-มาวินจำได้ดีขึ้นใจ เพราะตั้งแต่เกิดมา ลูกผู้ชายคนนี้ไม่เคยทำให้ผู้หญิงคนไหนอกเดาะเพราะรักล่มมาก่อน
แต่หากเจตนาของยามฝันคือการตามหารักแท้จริงๆ มาวินก็คงต้องส่ายหน้า พร้อมทั้งยอมรับกับตัวเองว่า มันเป็นเหตุผลไร้สาระที่สุดเท่าที่เคยฟังมาในชีวิต
ดังนั้นวันนี้เขาจึงตั้งใจแน่วแน่ แบบล็อคตัวยามฝันมาเจรจาก็ยอม ขอเพียงให้เธอพูดความจริง มันจะเลวร้ายแค่ไหนก็พร้อมรับฟัง เพราะอย่างน้อย ความจริงอาจช่วยให้ตัดสินใจได้ว่า ในสถานการณ์เหลือเชื่อเช่นนี้ เขาควรจะใส่เกียร์เดินหน้า หรือถอยหลังหนีห่าง...
******************
แววตาที่มองมาวินอยู่ในขณะนี้ ช่างสดใสน่ารักผิดกับเมื่อคืนลิบลับ ที่ดูตาขวาง-ตาลอกแลกไม่ไว้ใจ ยามฝันยิ้มละไม เลิกคิ้วขึ้นทำเชิงถามว่า สุภาพบุรุษเบื้องหน้าเธอมีเรื่องอันใดมาหาลือ
"ก่อนอื่นเลย ผมคงต้องขอให้คุณพูดความจริง" มาวินเปิดประโยคสนทนาอย่างตื่นเต้น เขารู้สึกเกร็งเสมือนโดนอีกฝ่ายกดดัน ทั้งๆที่สาวน้อยเพียงนั่งเคาะนิ้วเล่นกับโต๊ะเท่านั้น
"ได้จ้ะ มาวินอยากฟังเรื่องไหนเหรอ เอาเรื่องนี้ดีไหม เรื่องสภาแห่งจักรวาลเป็นไง..."
"ไม่ใช่เรื่องพวกนี้ครับ" ชายหนุ่มเอ่ยแทรกขัดจังหวะ "ผมอยากฟังความจริง หมายถึงเรื่องของยามฝันจริงๆ"
สาวน้อยขมวดคิ้ว เพ่งมองตาของมาวิน ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบกลับมา
"คุณไม่เชื่อเรื่องที่ฉันเล่าใช่ไหม"
มาวินก้มหน้าหลบตา พลางถอนหายใจยาว
"ไม่ใช่อย่างนั้นครับ...แต่คุณต้องเข้าใจก่อนว่า เรื่องมนุษย์ต่างดาวในโลกของผม แบบว่า...เอ่อ...มันค่อนข้างฟังดูเหลือเชื่อ"
"หรือคุณอยากให้ฉันพิสูจน์!!!"
สาวน้อยกระแทกเสียงหลังประโยค จนมาวินสะดุ้งเบาๆ
"สักนิดได้ไหมล่ะครับ อย่างเช่น ติดต่อกับเพื่อนคุณบนดาวสีชมพู หรือไม่ก็...พาผมไปดูยานอวกาศของคุณก็ยังดี"
มาวินทำใจดีสู้เสือ คิดเอาไว้ในใจว่า สักพักสาวน้อยคงเคือง เผลอๆอาจโดนลูกตบเป็นของแถมอีกดอก แต่การณ์กลับผิดคาด ยามฝันถอนหายใจเฮือก ท่าทีเหมือนยอมเอออวยไปกับเขา จนมาวินเริ่มหวาดๆ กลัวสาวสวยเป็นมนุษย์ต่างดาวขึ้นมาจริงๆ แล้วจะเผยตัวตนให้เห็นเหมือนในโฆษณาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสจัดจ้าน รูปร่างพิลึกๆที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความน่ารักของเธอ อาจทำให้เขาช็อคตายไปเลยทีเดียว
"แต่ยานของฉันเสียนี่นา แถมมันยังอยู่ในระบบล่องหนอีก ขนาดฉันเป็นคนขับมันมาหลายล้านปีแสงแท้ๆ ยังมองไม่เห็นด้วยซ้ำ"
ว่าแล้ว...แต่เอาไงดีล่ะ มาวินครุ่นคิด แม่สาวน้อยคนนี้มาแผนสูงจนไล่ไม่ติด จะปล่อยเลยตามเลยก็อาจโดนหลอกให้เสียใจภายหลัง ครั้นหากยอมหักไม่ยอมงอเสียในวันนี้ จำนึกกลัวความสัมพันธ์อันดีที่อุตส่าห์สร้างมาสองอาทิตย์จะพังครืนลงไป
"เอาอย่างนี้ดีไหมล่ะ" ยามฝันทำหน้าเซ็งๆ พลางฉุดมาวินลุกเดินตาม
สาวสวยจากดาวสีชมพู หลุกหลิกๆอยู่กับกระเป๋าใบเล็กของเธอสักพัก ก่อนหยิบของบางอย่างในนั้นออกมา
"ของในนี้อาจช่วยยืนยันได้" ว่าจบแล้วยื่นกล่องดำทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดใส่ผลแอปเปิ้ลได้หนึ่งลูกให้หนุ่มจากดาวโลกรับไว้ เขาพลิกมันไปมา ดูรอบทิศ ทั้งเขย่า ทั้งดม เพื่อหาข้อพิสูจน์ แต่...
"เปิดยังไงล่ะจ้ะ" หนุ่มซื่อเสียงอ่อย ตาเยิ้มอย่างเขินๆ
"เห็นทำฟอร์มอยู่ตั้งนาน นึกว่าเปิดเป็น...เอามานี่ มัวแต่ยิ้มอยู่นั่นแหละ"
ยามฝันคว้ากล่องปริศนากลับมา แล้วเปิดมันอย่างง่ายดาย แต่แง้มไว้พอลุ้น ก่อนส่งคืน
ชายหนุ่มชักใจคอไม่ดี ของในกล่องใบนี้มันหนักพิกล ก้าวเท้าเดินห่างออกมา แล้วค่อยๆเปิดกล่องใบนั้นขึ้นดูด้วยใจตุ้มๆต่อมๆ
ตาลุกวาว...ปากหวอ...รูจมูกบานอย่างไม่ตั้งใจ...ขนแขนลุกทำมุมกับผิวหนังเก้าสิบองศา มาวินตกใจ อยากจกไตให้หายบ้า วัตถุในกล่องเปล่งแสงสีชมพูระเรื่อ ช่างสวยงดงามเหมือนของเล่นนางฟ้ามาทำตกไว้บนโลก
"เชื่อรึยังล่ะจ้ะ พ่อหนุ่มฉงน คนซื่อ...บื้อ" ยามฝันร้องถามปนด่านิดๆ
"แหะ แหะ ยังเห็นไม่ชัดเลย ขอดูอีกที"
ลักษณะโดยรวมของวัตถุคงเปรียบได้กับอัญมณีบนโลก หากแต่มันมีขนาดใหญ่โตเกินกว่าที่คนธรรมดาสามัญจะมีสิทธิ์ครอบครองหรือแม้แต่ยลโฉม มาวินลองเทียบกำปั้นของตนกับวัตถุผิวสีชมพู แล้ววางหมัดกับอกด้านซ้ายเหมือนกะขนาดกับหัวใจ พลางอุทานออกมาเบาๆ ...หัวใจสีชมพู...
"ขอคืนได้ไหม กลัวมาวินจะเชิดน่ะนะ" ยามฝันแบมือทวง ส่วนอีกฝ่ายกำลังเนื้อเต้นใจสั่น
ถ้าขายคงได้หลายตังค์ มาวินนึกเล่นๆ ก่อนส่งคืนเจ้าของ
"มันคือหัวใจสีชมพูที่แม่ฉันให้มาไง จำได้ป่ะ เล่าไปห้าร้อยรอบได้แล้วมั้ง"
"จ้า...จำได้ ว่าแต่ เจ้ารักแท้ของคุณมันเป็นอะไรกันแน่ คาถาอาคม-พลังลึกลับ หรือเป็นวัตถุแบบเจ้าหัวใจสีชมพูนี่"
ยามฝันนิ่งครุ่นคิด ก่อนยอมรับตามความเข้าใจของตน
"ไม่รู้สิ ฉันต้องสารภาพเลย เพราะฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันจริงๆ มันอาจเป็นอะไรก็ได้ อาจเป็นความรู้สึก พรวิเศษ หรือไม่แน่...อาจเป็นมาวิน-ผู้ชายใจดีคนนี้ก็เป็นได้"
หนุ่มดาวโลกกับสาวดาวสีชมพูสบตากันนิ่ง แววตาของฝ่ายหญิงขณะนี้ ดูจริงจังและจริงใจ เป็นสุภาพบุรุษเองที่กลับเขิน จนต้องแกล้งกระแอมแล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนากลบเกลื่อน
"รักแท้...มันมีค่ามหาศาล และต้องอยู่กับใครสักคน...ใครสักคนที่ไม่ถูกทอดทิ้งอย่างผม..."
...จบ...
เมื่อวันที่ : 12 มิ.ย. 2551, 12.47 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...