![]() |
![]() |
แบ่งปัน![]() |
...ฉันรู้สึกว่า เวลาของเรากำลังจะหมดลง เวลากำลังนับถอยหลัง...ยังเหลือเวลาอีกเท่าไหร่นะ...ฉันไม่กล้านับเลย.....................
ปลายฤดูหนาวได้มาถึง...เป็นฤดูแห่งกาลสอบ ส่งงาน... และร่ำลา จริงอยู่ว่าในชีวิตวัยเรียน เราก็ต่างได้ผ่านการร่ำลามาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ลาเพื่อนสมัยประถมเพื่อขึ้นมัธยม ลาเพื่อนสมัยมัธยมเพื่อเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย...มันต่างกันตรงที่ ครั้งนี้ เป็นการจาก...เพื่อออกไปเผชิญโลกกว้างใหญ่ ที่พวกเรา...ไม่เคยมีใครได้สัมผัสมาก่อน... ว่าวได้งานแล้ว จากการชักชวนของรุ่นพี่คนหนึ่งซึ่งทำงานในบริษัทรับจัดงาน และการแสดงต่างๆ
"เฮ้ย...กูได้งานเป็นคนแรกของรุ่น" ว่าวภูมิใจมาก...
งานที่ว่าวจะไปทำนั้น ดูจะหนักหนาแต่ก็ท้าทายความสามารถมิใช่น้อย ฉันก็รู้สึกดีใจไปกับเพื่อนด้วย ทั้งๆที่ฉัน...ยังคงไร้หนทาง
ว่าวตื่นเต้นมากกับการจะไปทำงาน เรามักใช้เวลาไปกับการเลือกซื้อเสื้อให้ว่าวใส่ไปทำงาน คุยกันว่าว่าวควรจะใช้เงินเดือนไปกับสิ่งต่างๆในสัดส่วนเท่าไหร่ รวมทั้งเรื่องที่ว่าวจะออกมาเช่าห้องอยู่เอง...
ตลอดเวลาที่ฉันเห็นว่าวมีความสุข ตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ที่กำลังจะมาถึง ในใจฉันกลับรู้สึกสลดหดหู่...ฉันรู้สึกว่า เวลาของเรากำลังจะหมดลง เวลากำลังนับถอยหลัง...ยังเหลือเวลาอีกเท่าไหร่นะ...ฉันไม่กล้านับเลย..................
ฉันพยายามข่มความรู้สึกใจหายนั้นไว้ให้ลึกสุดใจ พยายามเก็บเกี่ยวสิ่งตรงหน้า เก็บความรู้สึกดีๆ ความสุข ความสนุกสนานเอาไว้ให้นานเท่านาน....
วันหนึ่งขณะที่เรานั่งเล่น ปล่อยเวลาให้ไหลผ่านไปเหมือนเคย ว่าวก็เอ่ยขึ้นว่า
"ไปดูหนังม่ะ"
"จะบ้าหรอ...อีก10นาทีก็เรียนแล้ว จะโดดอีกแล้วหรอ"
"เอาน่า...นี่มึง...อาทิตย์หน้ากูจะไปทำงานแล้วนะ ไม่รู้ว่าจะได้ไปดูหนังกะมึงอีกหรือเปล่า"
หลังจากประโยคนั้นของว่าว...ฉันพูดอะไรไม่ออก นี่ไง ผลลัพท์ของการไม่ยอมนับถอยหลัง...พอเวลานั้นมาถึงจริงๆมันก็เข้าจู่โจมฉันอย่างไม่ทันตั้งตัวจนทำให้ฉันตั้งตัวไม่ติด........ฉันอยากร้องไห้ อยากปล่อยน้ำตาที่กักเอาไว้ให้ไหลออกมา.....แต่ไม่หรอก ฉันไม่อยากร้องไห้ให้ว่าวเห็น ฉันไม่อยากให้ว่าวรู้สึกว่าฉันไม่อยากให้เขาไป....
แล้ววันนั้นเราก็ไปดูหนังด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน ขับรถไปด้วยกันไกลถึงดอนเมือง...คุยกันเรื่องวันข้างหน้า แต่แม้จะรู้ดีว่านี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้ผลาญเวลาอย่างสิ้นเปลืองร่วมกัน เราก็ไม่คิด...ที่จะขอคำสัญญาใดๆจากกัน.....
ต่อจากนั้นไม่นานว่าวก็ออกจากงานเพื่อมาทำหนังเพื่อฉายในเทศกาลหนังสั้น....ว่าวบอกฉันว่า
"แพลนชีวิตกูนะ...กูจะทำหนังฉายกางจอให้ดี ให้มีผลงาน แล้วกูก็จะไปสมัครเป็นผู้ช่วยฯที่ House เล็กๆ อยู่สัก 4-5 ปี พอเป็นใหญ่แล้วค่อยย้ายไปอยู่ House ใหญ่...ดีป่ะ"
"เฮ้ย แกวางอย่างงี้เลยหรอ...ก็ดี...ฉันจะเอาใจช่วย"
"อย่าเอาใจช่วยอย่างเดียว ช่วยกูทำหนังด้วย"
"ก็ได้...จะให้ทำไรอ่ะ กูทำไม่เป็นสักอย่าง"
"เออ มีไรให้ทำเยอะแยะ"
แล้วก็เหมือนชะตาเล่นตลก พอว่าวจะเริ่มทำหนัง บริษัทโฆษณาแห่งหนึ่งก็รับฉันเข้าทำงานและต้องการให้ไปเริ่มงานอย่างเร็วที่สุด...
"แก....ฉันมีอะไรจะบอก และฉันจะบอกแกเป็นคนแรก..."
"อะไร..."
"ฉันได้งานแล้ว!!"
ว่าวเงียบ มองหน้าฉัน...ด้วยสีหน้าที่ฉันไม่คิดว่าจะได้เห็น...
"เออ ก็ดี ดีใจด้วยนะ" แต่สีหน้าว่าวไม่ได้ดีใจกับฉันเลย แล้วว่าวก็เดินหนีฉันไปพร้อมกับบทหนังในมือ...
"นั่นจะให้ฉันช่วยพิมพ์ป่าว"
"ไม่ต้องหรอก แกจะไปทำงานแล้วหนิ"
ขอโทษนะว่าว...แต่ฉันก็มีฝันของฉันเหมือนกัน.....................
ฉันเริ่มเดินไปตามความฝันของฉันพร้อมๆกับที่ว่าวกำลังกรุยทางให้กับฝันของตัวเอง ทุกเย็นหลังเลิกงานฉันจะแวะไปหาว่าวที่คณะเผื่อถามความเป็นไปของหนัง หรือบางทีก็โทรไป แต่สิ่งที่ฉันได้รับกลับมาเสมอก็คือความเฉยชาจากว่าว....................เป็นความเฉยชาอย่างที่ฉันไม่เคยเห็น...
คืนหนึ่งว่าวโทรมาหาฉันตอนประมาณตี 2 กว่าๆ....
"มึง...กูเหนื่อย กูท้อ...ไม่อยากทำแล้ว"
"อ้าว...ทำไมงั้นหน่ะ?"
"......"
"เฮ้ย อย่าเพิ่งท้อดิ ไรวะ ไม่ได้นะเว้ย ฉันรอดูหนังแกอยู่"
"ทำคนเดียวไม่ไหว...ไม่มีคนช่วย"
"แล้วน้องๆที่แกบอกว่าเขาจะมาช่วยหล่ะ"
"ไม่มี...เขาไปช่วยกองอื่นกันหมด"
...นี่แหละ ว่าวของฉัน ฉันก็พอจะรู้ว่าทำไม เพราะว่าวเป็นศิลปินซะเต็มตัว ทำงานตามที่อยากจะทำ คนอื่นก็ยากที่จะเดาใจว่าว...
"แล้วแกจะเปิดกล้องเมื่อไหร่"
"พรุ่งนี้..."
"อืม...แล้ว...มีไรให้ฉันช่วยไหมหล่ะ"
"ไม่ต้องหรอก....ดึกแล้ว แค่นี้นะ"
ฉันนอนน้ำตาไหล อยากจะช่วยว่าว อยากช่วยก่อร่างสร้างฝันของว่าวให้เป็นจริง ฉันรู้สึกผิด...เหมือนผิดกับคำสัญญา.............คำสัญญาที่ฉันพูดออกมาเองโดยที่ว่าวไม่เคยร้องขอ...
"เฮ้ยว่าว...ถึงไม่มีใคร แกยังมีฉันนะเว้ย"
แต่วันนี้ ฉันช่วยอะไรว่าวไม่ได้....ไม่ได้เลย ว่าวคงเหนื่อยมาก ว่าวจะโกรธฉันหรือเปล่านะ...
เมื่อวันที่ : 26 ส.ค. 2546, 04.04 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...