![]() |
![]() |
kokila![]() |
...
ร่างของดลฤดี นอนหลับตาพริ้มที่เตียง ก่อนที่จะกระพริบตาขึ้นอย่างช้า ๆ เมื่อรับรู้ถึงเสียงคุยกันอยู่ใกล้ ๆ ตัวเธอ ตอนนี้...........


ตอนนี้ เธอไม่ได้อยู่ที่ห้องเพียงลำพังแล้วซิ......เสียงใครนะ ดลฤดี พยายามจะขยับตัวลุกขึ้น แต่......นี่มันเกิดอะไรขึ้น.....

เมื่อคืน ก่อนที่เธอจะผล็อยหลับไป....เธอจำได้ว่าเธอเข้าโปรแกรมเอ็มเอสเอ็น เพื่อสแปร์กลูโคสและก่อนเข้านอนเธอก็ดูแล้วนี่หน่า...ว่าระดับกลูโคสที่ได้ มีเพียงพอที่จะปฏิบัติภารกิจได้สำเร็จ แล้วนี่ทำไม....ทำไมร่างกายเธอเป็นแบบนี้ เธอพยายามเพ่งมองกลุ่มแสงเรืองรองที่อยู่กลางห้อง กลุ่มแสงเรืองรองที่เป็นต้นกำเนิดของเสียงที่คุยกัน เธอพบว่ามันเป็นกลุ่มแสงเล็ก ๆ สามดวงที่มีความสว่างลดหลั่นกันไป จากนั้นสติสัมปชัญญะของเธอก็ดับวูบลง
"ท่านแม่ ท่านแม่ ดลฤดี เป็นอะไรไปหรือเจ้าค่ะ" บราซ่าส์ ถามผู้เป็นแม่ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนรัก
"แม่ก็ไม่รู้เหมือนกันจ๊ะลูกรัก" ท่านบี-แอล-เล็ก-เซอร์-ต้า- ออบเจ็ค กล่าวตอบผู้เป็นลูก เพราะนางก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ดลฤดีเป็นอะไร
"ท่านพ่อ ท่านพ่อ ท่านต้องช่วยดลฤดีนะเจ้าค่ะ ดลฤดีเป็นเพื่อนคนเดียวที่ลูกมี อย่าปล่อยให้ดลฤดีเป็นอะไรไปนะเจ้าค่ะ" บราซ่าส์ หันไปอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากท่านควอ-ซ่าร์ ผู้เป็นพ่อ

บี-แอล-เล็ก-เซอร์-ต้า- ออบเจ็ค หันไปมองร่างดลฤดีที่เสมือนกับมนุษย์โลกที่กำลังหลับใหลทั่ว ๆ ไ ป นางมองดลฤดีด้วยความสงสารยิ่งนัก มองเผิน ๆ แทบดูไม่ออกเลยว่า ดลฤดีอยู่ในอาการสาหัสใกล้แตกดับเต็มที จะมีก็แต่เพียงแสง Aurora (ออ-โร-ร่า) ที่กำลังแผ่ออกจากตัวของดลฤดีเท่านั้น ที่บอกให้รู้ว่าดลฤดีกำลังแย่
"ท่านพี่ เราพานางกลับไปที่กาแล๊กซี่ทางช้างเผือกดีไหมคะ เพราะถ้าขืนเราปล่อยนางไว้ ณ ที่โลกมนุษย์เช่นนี้ อาการของนางต้องแย่ แน่ ๆ เลย" บี-แอล-เล็ก-เซอร์-ต้า- ออบเจ็ค บอกท่านควอ-ซ่าร์ ผู้เป็นสามี
"ก็ดีเหมือนกัน" ท่านควอ-ซ่าร์คล้อยตาม เพราะเค้าก็จนปัญญาที่จะคิดหาวิธีช่วยนางจริง ๆ เพราะไม่รู้ว่านางเป็นอะไร
จากนั้น ร่างทั้งสามได้ยืนโอบล้อมเตียงที่ดลฤดีกำลังนอนหลับใหลอยู่ พร้อม ๆ กับปล่อยแสงเรืองรองรอบ ๆ ตัวดลฤดี
ฉับพลัน เมื่อแสงเรืองรองนั้นจางหายไป ร่างของดลฤดีก็ไม่ได้อยู่ ณ โลกมนุษย์แล้ว








ณ กาแล๊กซี่ทางช้างเผือก

"ช่วยดลฤดีด้วยนะเจ้าค่ะ ท่านพระอาทิตย์" เสียงของบราซ่าร์ดังแทรกขึ้นท่ามกลางหมู่ดวงดาว
พระอาทิตย์มองไปยังร่างของดลฤดี ที่นอนหลับใหลลอยอยู่เหนือหมู่ดวงดาว นางยังคงหลับตาพริ้ม โดยที่หาได้รู้ไม่ว่า บัดนี้ร่างของนางมีอาการคล้ายกับอาการของดวงดาวที่ใกล้แตกดับเต็มที
"เราก็ไม่อาจรู้ได้ว่าจะช่วยนางได้อย่างไร เพราะอาการอย่างนี้ ไม่น่าจะเกิดกับดวงดาวที่มีอายุน้อยเพียงแค่ 1974 ปีเช่นนาง เราไม่อาจรู้ได้เลยว่านางเป็นอะไร แต่เราก็จะพยายามช่วยเหลือนางเต็มกำลังความสามารถของเรา"
พระอาทิตย์บอกกับบราซ่าร์ และก็บอกกับตัวเองไปด้วย เพราะมันเป็นเรื่องที่ยากมาก จากนั้นพระอาทิตย์ก็ส่องแสงมายังโลกมนุษย์ เพื่อถอยเวลากลับไปดูว่า ก่อนที่ดลฤดีจะมีอาการเยี่ยงนี้สาเหตุเกิดจากอะไร
โอ...

"นางถูกพิษ" ท่านพระอาทิตย์บอกกับเหล่าดวงดาว
"ถูกพิษ....นางถูกพิษอะไรเจ้าค่ะ"
"นางถูกพิษจากพลังงานกลูโคสที่นางเสพเข้าไป"
"ท่านหมายความว่า นางจะตายเพราะกินหรือเจ้าค่ะ" เสียงหนึ่งถามแทรกกลางขึ้นมาจากหมู่ดวงดาว
"อืมมมม......... เจ้าจะกล่าวอย่างนั้นก็ได้นะ แต่เจ้าไม่คิดว่า มันจะไม่เป็นการใจร้ายกับดลฤดีไปหน่อยรึ ที่เจ้ากล่าววาจาเยี่ยงนั้นออกมา ตายเพราะกิน ข้าว่า.....เจ้าเก็บประโยคนี้เอาไว้ไปใช้กับพวกมนุษย์โลกที่ไร้อารยธรรมพวกนั้นเถอะ อย่าได้เอามาใช้กับดลฤดีเลย เพราะดลฤดีสะอาดและบริสุทธิ์เกินกว่าที่จะทันเล่ห์เหลี่ยมของพวกมนุษย์โลกได้"
"เอาหล่ะ พวกเจ้าทุก ๆ ดวงกลับไปทำหน้าที่ส่องสว่างให้กับพวกมนุษย์โลกได้แล้ว ปล่อยดลฤดีไว้อย่างนี้แหล่ะ นางจะยังคงไม่แตกดับไปในตอนนี้หรอก"
"ข้าขออยู่เป็นเพื่อนนางได้ไหมเจ้าค่ะ" บราซ่าร์ถาม
"ก็ตามใจเจ้า แต่เดี๋ยวเราจะเข้าไปพักก่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ ว่าจะทำอย่างไรกับนางดี ตอนนี้เราขอตัวไปคิดหาวิธีช่วยนางก่อนแล้วกัน" ท่านพระอาทิตย์กล่าว ก่อนที่จะกลับเข้าไปพัก
ณ ดินแดนโลกมนุษย์

ทรงกต ไม่เข้าใจว่า ทำไม .....ไม่ว่า..... เค้าจะทำอะไรก็ดูผิดพลาดไปซะหมด หงุดหงิดไปซะทุกเรื่อง เค้าไม่มีสมาธิเอาเสียเลย...... นี่เค้าเป็นอะไรไปนะ ทำไม....เค้าต้องเฝ้าคิดถึงยัยแม่มดนั่นด้วย นี่มันกี่วันแล้ว....ที่ยัยแม่มดหายไป
เค้าเฝ้ารอ และก็รอ เธอหายไปไหนของเธอนะ รึเธอจะโกรธเค้า รึเธอจะได้เพื่อนใหม่ รึเธอจะไม่สบาย...หลาย ๆ คำถามผุดขึ้นมาในห้วงสำนึกของชายหนุ่ม
.....แต่อีกสำนึกหนึ่งก็ดังคัดค้านขึ้นมา.....ช่างหัวเธอสิ ไปใส่ใจอะไรกับคนพรรค์นั้น
มีแต่ทำให้หงุดหงิด เขียนอะไรมาแต่ละอย่างไม่เห็นเข้าท่า....หาเสน่ห์ในตัวเองก็ไม่เจอ.......ผู้หญิงอะไรไม่มีเสน่ห์สักนิด......ช่างหัวเธอ.......จะไปตายที่ไหนก็ช่าง ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเราซักหน่อย จะไปโดนใครในเอ็มเอสเอ็นหลอกก็ช่าง ในเมื่ออวดดีว่าเก่งนักเก่งหนา ฉลาดนัก ฉลาดหนา ก็ให้เจอดีซะบ้าง
ถึงแม้เค้าจะเฝ้าบอกกับตัวเองว่า การที่เธอจะหายไป จะเป็นจะตาย มันก็ไม่ใช่ธุระของเค้า แต่ในใจลึก ๆแล้ว เค้าก็อดที่เป็นห่วงเธอไม่ได้
"ยัยแม่มด" เขาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ พร้อม ๆ กับเผลอยิ้มที่มุมปาก ดูชื่อที่เธอตั้งสิ เธอช่างตั้งชื่อในการออนเอ็มเอสเอ็นได้เหมาะกับตัวเธอจริง ๆ นี่เธอกำลังเล่นไสยศาสตร์มนต์ดำอะไรกับเค้าใช่ไหม ทำให้เค้ากระวนกระวายใจด้วยความคิดถึงเธอ








เมื่อวันที่ : 18 ส.ค. 2550, 22.23 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...