นิตยสารรายสะดวก  Memorandum  ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๐
ผืนป่าหลังฝน
เชิงดอย
...ฝนห่าแรก เหมือนยาทิพย์ให้​​กับป่า จากป่า​​ที่ใกล้ตาย​​กับฟื้นขึ้น​​มาทันที ต้นไม้​​ที่สลัดใบเริ่มแทงตา แตกหน่อสีเขียวๆ​​ ป่าคา​​ที่โดนเผาตั้งแต่หลังหน้าเกี่ยวคาแทงหน่อเขียวๆ​​ อวดกระต่ายป่าให้มาชิม นกเริ่มจับคู่สร้างรัง บ้างก็ออกลูกเล็กๆ​​​​กำลังน่ารัก...
ทุกวันผะญาวัน(15 เมษา) หรืออย่างช้าก็วันปากปี​(16 เมษา) ฝนห่าแรกของปีก็ตกลงมาให้คลายร้อนกันเสียบ้าง ปีไหนดีหน่อย​ฝนก็ลงมาตั้งแต่ต้นเดือนเมษาก่อนปีใหม่(ไทย) ให้​ได้เข้าป่าไล่เหล่า(ไล่ราว)​ได้เก้ง หรือหมูป่ามากินกันตอนปีใหม่ ป่ามันเหมือนมีชีวิต ก่อนฝน​จะลงห่าแรก ป่า​ทั้งป่าดูเหมือนคนอมโรค ใบไม้ ไบหญ้าแห้งกรอบ ยิ่งป่าสักยิ่งแย่เข้า​ไปใหญ่ ใบหล่น​ทั้งต้นยืน​เป็นดงเหมือนดงเปรตอยู่​กลางป่า ป่าแพะก็แล้งเหลือหลาย ต้นเหืองต้นตึงใบร่วงกรอบอยู่​​กับพื้น เดินเข้า​ไป​แต่ละทีเสียงกรอบแกรบๆ​ ​ถ้าไม่​ได้เผาป่าไว้เนี่ยหากินยากชะมัดยาด

ฝนห่าแรก เหมือนยาทิพย์ให้​กับป่า จากป่า​ที่ใกล้ตาย​กับฟื้นขึ้น​มาทันที ต้นไม้​ที่สลัดใบเริ่มแทงตา แตกหน่อสีเขียวๆ​ ป่าคา​ที่โดนเผาตั้งแต่หลังหน้าเกี่ยวคาแทงหน่อเขียวๆ​ อวดกระต่ายป่าให้มาชิม นกเริ่มจับคู่สร้างรัง บ้างก็ออกลูกเล็กๆ​​กำลังน่ารัก

ก่อนฝนห่าแรก​จะลงผม​จะหาซื้อถ่านแก๊ส ถ่านตรากบเก็บตุนๆ​ไว้ คืนแรก​ที่ฝนลงก็​จะพากันเดิน​ไปตามสระมีน้ำขังอยู่​ตามท้ายนา แบกหน้าไม้​ไปด้วย จุดประสงค์หลักก็​คืออึ่งอ่างหรือไม่ก็กบ​ที่​ได้น้ำแล้ว​มาร้องเพลงรอคู่อยู่​ ยามสาดแสงไฟโดนตากบหรืออึ่งอ่าง ก็​จะเห็นประกายสีแดง ​ถ้า​เป็นอึ่งอ่างก็ตาเล็กๆ​ สะ้ท้อนแสงริบหรี่ไม่​เป็นประกายมากนัก อึ่งอ่าง​จะชอบอยู่​ตามแอ่งน้ำ​ที่ใกล้ป่าไร่ แอ่งนึงอาจ​จะลอยคอร้องเพลงกัน​เป็นสิบๆ​ตัว ​ส่วนกบชอบอยู่​ตามสระหรือบ่อใกล้นา หรือไม่ก็กลางป่าโล่งๆ​หน่อย​
อึ่งอ่างตัวเล็กกว่ากบหน่อย​ ตัวเมียไข่เต็มท้อง ตุ๊บหัวตัวละที แล้ว​ล้างยางด้วยน้ำเกลือ แกงใส่ใบส้มป่อย กิน​ได้​ทั้งกระูดูก น้ำแกงเปรี้ยวๆ​ หน่อย​ กิน​กับน้ำพริกปลาแห้งหอมๆ​ อร่อยอย่าบอก​ใครเชียว ​ส่วนกบ ญาติผู้พี่ ควักไส้ โขลกขมิ้นตะไคร้ใส่เกลือ ทาถูๆ​ แล้ว​ยัดไส้อีกที จับขึงพืดบนไม้ตะหีบ ย่างให้หอม อร่อยไม่​เป็นสองรอง​ใครเหมือนกัน ​ส่วนอึ่งอ่าง​ถ้าเบื่อแกงก็ย่างเหมือนกบ​ได้เหมือนกัน ​แต่กระดูก​จะอ่อนกว่า เคี้ยวง่ายกว่า

รุ่งเช้า​ ผม​กับน้าก็​ได้ทีออก​ไปหาของอร่อยอีกอย่างจากท้องนาใกล้ๆ​บ้าน นาไร่ไหน​ที่น้ำขัง มีมะขี้อ้นอยู่​กลางนาเยอะหน่อย​ คอยเดินสังเกตดูว่าต้นไหนมีไข่แมงดาเกาะติดอยู่​มั่ง แล้ว​ก็​เอามือควานรอบต้น หรือไม่ก็ขยุ้มตรงต้น แม่แมงดาหรือไม่ก็พ่อมัก​จะอยู่​ใกล้ๆ​ไข่ให้เรา​ได้จับเสมอ ​ถ้าไม่ขี้เกียจมาก​ใช้แหหว่านครอบต้นมะขี้อ้น​ที่มีไข่อยู่​ซะเลย​ แล้ว​ทีนี้ละ แมงดา​จะ​ไปไหน ไข่แมงดา​ที่เกาะต้นอยู่​ก็ทิ้งมันไว้อย่างนั้น​แหละ​ ไม่งั้นเดี๋ยวปีหน้าไม่มีกิน

แมงดา​ที่จับ​ได้มี​ทั้งตัวผู้ตัวเมีย ตัวเมีย​จะโตกว่าตัวผู้หน่อย​ ตัวบางๆ​ ประมาณว่าคุณเธอคง​จะรีดน้ำหนักมาก​ไปหน่อย​ ​แต่ตัวผู้​จะตัวเรียวๆ​ ท้องป่อง ลงพุงเล็กน้อยพองาม ​แต่ก็ไม่เสมอ​ไปว่าตัวเล็กๆ​อ้วนๆ​​จะ​เป็นตัวผู้​ทั้งหมด มีหลายตำราเหลือเกิน​ที่เค้าว่ากันไว้ บางคนก็บอกว่าตัวผู้ปีกมันขวาทับซ้าย ​ส่วนตัวเมียปีกซ้ายทับขวา สมัยผมเด็กๆ​ ผู้ใหญ่บอกว่าอยากให้รู้แน่ๆ​ ก็​ต้องดมใต้ท้องมัน ​ถ้า​เป็นตัวผู้​จะมีกลิ่น ตัวเมียไม่มีกลิ่น ด้วย​ความซื่อ ผมจับขึ้น​มาแล้ว​หงายท้องจ่อจมูกทันที...​เท่านั้น​ก็จบ ผมนี่แหละ​​ที่จบ พวก​เอาขาเกี่ยวจมูกผมแล้ว​ก็ต่อยป้าบ...​. น้ำตาเล็ด ​ใครบอกว่าแมงดาต่อยไม่เจ็บ ลองดมมันดูสิ แล้ว​​จะรู้เองแหละ​ว่าตัวผู้หรือตัวเมีย..

นอกจากพวกตัวเล็กตัวน้อย ตัวจ้อย​ที่หา​ได้ตามท้องนาแล้ว​ หลังฝนอย่างนี้ยังหาเก็บผักจากป่า​ได้อีกเพียบ ไม่ว่า​จะ​เป็นผักสาบ ผักสลิดหรือดอกขจร ผักหวานป่า ดอกก้าน ผักพ่อค้า

ดอกก้านน่า​จะอยู่​ตระกูลเดียว​กับบุก หัวอยู่​ในดิน หน้าแล้งก็ยุบลง เหลือ​แต่หัวในดิน พอฝนตกก็แทงก้านออกมา​เป็นดอก ดอกคล้ายดอกหน้าวัว​แต่ก้านมีสีเขียวหรือเขียวลายพรางขนาดก็ประมาณนิ้วก้อยหรือ​ถ้างามๆ​หน่อย​ก็นิ้วชี้ ดอกมีสีเขียว หัวฝังอยู่​ในดิน เวลาเก็บมากินก็เก็บดอกอ่อนๆ​ ​ที่แทงยอดขึ้น​มาแล้ว​ยังไม่บาน หรือบานแล้ว​​แต่ก้านยังไม่แข็ง ​ส่วนคู่ซี้ของดอกก้านก็​คือผักพ่อค้า(ตีเมีย) แถวบ้านผมเรียกว่าผักงอดแงด หลังฝนหนักๆ​ ห่าแรกซักอาทิตย์นึง ผักพ่อค้าก็​จะแทงยอดสีเขียวๆ​ก้านแดงๆ​ ต้นเล็กเท่าไม้จิ้มฟัน เก็บ​แต่ก้านอ่อนๆ​ ​ที่ยังไม่ทันคลี่ใบแบ่ง​เป็นกำ ผูกด้วยตอกเส้นเล็กแกงใส่ดอกก้าน ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า เพิ่มโปรตีนด้วยปลาแห้งซักนิดก็อร่อย​ได้แบบลูกป่า ผักงอดแงด​ได้ชื่อมาจากเวลาเคี้ยว​จะมีเสียงงอดแงดๆ​ ​เพราะมันอุดมด้วยไฟเบอร์ แกงยังไงก็ไม่นุ่ม ผิด​กับดอกก้าน แกงนานก็เละ แกงแป๊บเดียวก็คันปาก ​แต่พอ​เอามาแกงด้วยกันแล้ว​มันเข้ากันเหมือนหยินกะหยาง อ่อนซ่อนแข็ง แหม..​ใครกันนะคิด​เอามาแกงรวมกัน​ได้ลงตัวดีจริงๆ​

ของกินอย่างสุดท้ายก็​คือเห็ดถอบหรือ​ที่แถวๆ​กรุงเทพเค้าเรียกกันว่าเห็ดเผาะมั้ง เห็ดถอบลักษณะ​เป็นเม็ดกลมๆ​ ขนาดตั้งแต่นิ้วก้อยจนถึงนิ้วโป้ง ​ถ้าอยู่​ใต้ดิน​จะสีขาวขุ่นๆ​ ​ถ้าโผล่พ้นดินถูกลมก็​จะสีดำเหมือนเม็ดยาลูกกลอน เห็ดถอบแถวบ้านผมชอบขึ้น​อยู่​ตามป่าแพะ อย่าพึ่งงงนะครับ​ ป่าแพะก็​คือป่าเต็งรังหรือแถวอีสานเรียกป่าโคก ​เป็นป่า​ที่อยู่​บนดินลูกรัง หรือดินทรายมีธาตุอาหารน้อย มีธาตุเหล็กเยอะสังเกต​ได้จากมัก​เป็นดินสีแดงๆ​ ต้นไม้ก็​ที่ขึ้น​ก็พวกต้นเหือง ต้นตึง ไม้เปา ไม้แงะ (ไม้เต็ง ไม้รัง)ไม่ค่อยมีต้นใหญ่ๆ​ให้เห็น นอกจากนั้น​​แต่ละต้นยังดูหงิกๆ​งอๆ​พิกล ยังไง​ถ้า​เพื่อนๆ​คุณเค้า​จะ​ไปแพะเมืองผีก็อย่าเผลอบอกให้เค้าจับมาให้ดูซักตัวก็แล้ว​กัน ไก่หายเกลี้ยงหมดเล้าเลย​นะนั่น

เห็ดถอบชอบขึ้น​ตามรากต้นไม้ หรือไม่ก็ข้างไม้ผุๆ​ เวลาหาก็​ต้อง​ใช้ไม้เขี่ยๆ​ แคะ​ๆ​ ​ไปเรื่อย นั่งยองๆ​ แคะ​ เขี่ย​ไปเรื่อยๆ​ ​ถ้าเจอเม็ดนึงก็มีอีกหลายเม็ดอยู่​รอบๆ​ ​แต่ผมขี้เกียจ​ไปหน่อย​ ​ส่วนมากก็ด้อมๆ​มองๆ​ หาตามรากไม้ มองหาพวก​ที่โผล่พ้นดินนั่นแหละ​ เจอ​เมื่อไหร่ก็นั่งแคะ​ แคะ​หมด​เมื่อไหร่ก็เดินด้อมๆ​มองๆ​ต่อ

หลังจากหาเห็ดถอบมา​ทั้งวันแล้ว​ ด้อมๆ​มองๆ​หาเห็ดถอบ​ไปก็หมายตารูแย้​ไปด้วย เจอรูก็จำไว้ว่าเจอตรงไหนบ้าง บ่ายสี่โมงก่อนกลับบ้านก็แวะกลับมาช็อปปิ้งแย้​ไปย่างกินแกล้มแกงเห็ดถอบใส่ใบมะเม่า แหม! แย้ย่างหอมๆ​ เค็มๆ​ มันๆ​ แกงเห็ดถอบใส่ใบมะเม่ารสชาติเปรี้ยวๆ​นิดๆ​ พับเผื่่อยเหอะมันเหมือนมันเกิดมาคู่ักันจริงๆ​

นอกจากแกงใส่ใบมะเ่ม่า ก็ยัง​เอามานึ่ง หรือต้มใส่ใบส่มป่อยหน่อย​ตักเกลือโยนใส่ซักช้อนให้ออกเค็มปะแล่่มๆ​ กิน​กับน้ำพริกแมงดาก็เข้ากั๊น เข้ากัน

นอกจากพวกผักแล้ว​ก็ยังมีพวกหน่ออีกอย่าง เรียกว่าหน่อไม้ฮุนไฟ ผมชอบเรียกว่าหน่อไม้พ่นไฟ ​เป็นหน่อไม้หรือเรียกว่าตาไผ่ก็​ได้ หลังจากกอไผ่ไร่ถูกเผาช่วงหน้าแล้ง พอโดนฝนก็แตกตาเขียวอี๋ เวลาเก็บก็หัก​เอาจากกอ หน่อฮุนไฟพวกนี้ดิบๆ​​จะขมปี๋ ​แต่พอสับแล้ว​แกงใส่ผักเจ้านาง(ย่านาง) รสชาติน้ำแกง​จะออกหวานอมขื่นนิดๆ​ ตักน้ำปูคนๆ​ซะหน่อย​ให้น้ำแกงข้นๆ​ อุ๊ยลำขนาด ​ถ้า​จะให้ครบเครื่องก้​ต้องหาผักหนาม ใบมะตูมกินแกล้ม ​ได้กบหรืออึ่งหรือแย้ย่างกินแกล้มอีกอย่างละ​เอาไก่ผู้พันเซนเดอร์มาแลกก็ไม่ยอม

ชีวิตบ้านป่า​ที่อยู่​​กับป่าอย่างพึ่งพาอาศัย ต่างพึ่งพาอาศัยกัน มีกิน มี​ใช้ อยู่​อย่างพอเพียง ​แต่ไม่ใช่ตามมีตามเกิด ​กับข้าวข้างรั้ว ข้างบ้าน จนถึงป่าหลังบ้านมีเหลือเฟือ ​ได้นก​ได้หนูก็แกงใส่ผัก เบื่อนกเบื่อหนูก็​เอา​ไปแลก​กับผักบ้านข้างๆ​ แบ่งกัน​ใช้ แบ่งกันกิน แกงเยอะก็ใส่ถ้วยกาไก่แบ่งส่งข้ามรั้ว​ไปให้บ้านข้างๆ​ พรุ่งนี้มะรืนนี้ก็มีแกงอะไร​ซักอย่างส่งคืนมาให้เหมือนเดิม

สงกรานต์​ที่ผ่านมาผมเห็น​ความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ​ความเปลี่ยนแปลง​ที่ดูน่ากลัวว่าซักวันนึง​ความ​เป็นคนเมือง​จะเปลี่ยน​ไป กระแสวัฒนธรรมเงินตรา​ที่เชี่ยวกรากกลืนกินทุกอย่าง เหลือไว้ก็เพียงซากเศษของ​ความสวยงามของวิถีชีวิตดั้งเดิม บ่าวน้อยไม่เคยเดินเก็บผักหวาน ไม่เคยหาเห็ดถอบ ไม่เคยแบกปืนเข้าป่า มี​แต่กำเงินเข้ากาด...​.

แลกเปลี่ยนไม้ให้กลาย​เป็นเงินแบ็งค์ แลกตั้งแต่ไม้ท่อน ไม้แป้น จนถึงปีกไม้ ​ไปยันตอไม้ ถึงรากไม้ ...​. ลูกหลานเอ๋ย...​ หมดตอไม้แล้ว​มึง​จะขายอะไร​?

 

F a c t   C a r d
Article ID A-2312 Article's Rate 10 votes
ชื่อเรื่อง ผืนป่าหลังฝน
ผู้แต่ง เชิงดอย
ตีพิมพ์เมื่อ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๐
ตีพิมพ์ในคอลัมน์ รูปภาพเล่าเรื่อง
จำนวนผู้เปิดอ่าน ๙๗๔ ครั้ง
จำนวนความเห็น ๑๐ ความเห็น
จำนวนดอกไม้รวม ๔๖
| | | |
เชิญโหวตให้เรตติ้งดอกไม้แก่ข้อเขียนนี้  
R e a d e r ' s   C o m m e n t
ความเห็นที่ ๑ : ศาลานกน้อย [C-11532 ], [000.000.000.000]
เมื่อวันที่ : 11 พ.ค. 2550, 16.37 น.

ผู้อ่าน​ที่รัก,

นิตยสารรายสะดวก​ ​และผู้เขียนยินดีรับฟัง​ความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดง​ความเห็น​ได้​โดยอิสระ ขอขอบคุณ​และรู้สึก​เป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมี​ส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...​

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๒ : พิษรัก [C-11584 ], [203.156.136.73]
เมื่อวันที่ : 22 พ.ค. 2550, 16.41 น.


คนชนบทอย่างเราๆ​ วันเก่าๆ​ล่วง​ไปไวนัก

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๓ : Rotjana Geneva [C-12767 ], [212.152.28.156]
เมื่อวันที่ : 29 ก.ย. 2550, 21.46 น.

เชิงดอยหาย​ไปนานมากเลย​นะคะ​ หวังว่าคงสบายดี
เพิ่งเข้ามาตรวจงานเขียน เห็นว่า งานนี้อยู่​ในคอลัมน์รูปภาพเล่าเรื่อง​ ​แต่ไม่เห็นภาพเลย​นะคะ​?

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๔ : คนบ้านป่า [C-13518 ], [58.9.148.222]
เมื่อวันที่ : 12 ม.ค. 2551, 13.45 น.

อ่านแล้ว​คิดถึงบ้าน คิดถึงวันเก่าๆ​ ​ที่เคยแบกปืน​ไปยิงนกยิงหนู

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๕ : ฅนผาปัง [C-14353 ], [124.122.209.190]
เมื่อวันที่ : 16 ก.ค. 2551, 21.23 น.

อ่านแล้ว​เห็นภาพตัวเองตอนวัยเยาว์แบกจอบเสียมปืนผาหน้าไม้เข้าป่าลงห้วยหาอยู่​หากิน หลังฝนหัวปี(ฝนห่าแรก)ของกินเพียบ วันนี้ผมยังคิดอยู่​เสมอว่าหากมีโอกาสอยาก​จะสะพายเป้แบกปืนแก๊ปปีนดอยอานม้าดูอีกส้กครั้ง

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๖ : กว่างกิ [C-14357 ], [90.218.4.98]
เมื่อวันที่ : 18 ก.ค. 2551, 09.24 น.

คิดถึงอดีตครับ​ เป๋นหนะอ่อนแบกเสียม​ไปขุดปู๋ ก๋างต่งต๋อนหน้าแล้ง ปอฝนลงก่แบกแซะ
​ไปซ้อนอี่ฮวก ปอเปิ้นปลูกเข้าแล้ว​ก่อ​ไปไส่เบ็ดกบ เบ็ดตี๋

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๗ : อีน้องนางบ้านนา [C-14599 ], [124.120.58.127]
เมื่อวันที่ : 11 ก.ย. 2551, 22.01 น.

กึ๊ดเติงหาบ้านแต้ว่าเนอะอ้าย

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๘ : lovelynat [C-14797 ], [222.123.12.76]
เมื่อวันที่ : 11 ต.ค. 2551, 17.38 น.

คริ ๆ​ ..

มีประสบการณ์แมงดาต่อย​เพราะอยากรู้


ว่าตัวผู้หรือตัวเมียเหมือนกันค่ะ​ เข้าใจอารมณ์เลย​ 55+

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๙ : Shadow [C-16861 ], [222.123.214.25]
เมื่อวันที่ : 22 มี.ค. 2553, 23.01 น.

ง้อมแต้ๆ​ อยากกลับบ้านเหมือนกัน

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๑๐ : เชียงกลาง น่าน [C-17456 ], [58.8.99.82]
เมื่อวันที่ : 03 ก.ย. 2553, 16.15 น.

อยากอ่านอีกไวๆ​ ครับ​ ผมคนน่าน เวอะอ่าน วันเดียวตั้งแต่ตอนแรกจนจบ คืนเดียวเลย​ครับ​ เขียนดีมากๆ​ๆ​ ครับ​ ขอบคุณสำหรับน้ำใจให้​เพื่อนร่วมทาง ขอบคุณครับ​

แจ้งลบข้อความ


สั่งให้ระบบส่งเมลแจ้งการเพิ่มเติมความเห็น
 ศาลานกน้อย พร้อมบริการเสมอ และยินดีรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกท่าน  ติดต่อเว็บมาสเตอร์ได้ทางคอลัมน์ คุยกับลุงเปี๊ยก หรือทางอีเมลได้ที่ uncle-piak@noknoi.com  พัฒนาระบบ : ธีรพงษ์ สุทธิวราภิรักษ์  โลโกนกน้อย : สุชา สนิทวงศ์  ภาพดอกไม้ในนกแชท : ณัฐพร บุญประภา  ลิขสิทธิ์งานเขียนในนิตยสารรายสะดวก เป็นของผู้เขียนเรื่องนั้น  ข้อความที่โพสบนเว็บไซต์แห่งนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้โพสทั้งสิ้น