นิตยสารรายสะดวก  Fiction  ๒๔ กรกฏาคม ๒๕๔๖
เหรียญปู่ตี๋
SONG-982
...ขณะ​​ที่​​ใช้คีมเงินคีบวัตถุกลมแบนอันจมอยู่​​ใต้น้ำสีอำพันในแ้ก้ว ก็กล่าว​​กับลูกสาวอย่างอ่อนโยนกว่าตอนแรก ​​และทุกคนก็สังเกต​​ได้ว่า​​เพราะแกเกรงใจเหรียญ​​ที่​​กำลังคบขึ้น​​มานั้น​​มากว่าการคำนึงถึง​​ความรู้สึกเอ็นดูบุตร...
"แววเอ๊ย! แวว ​เอาน้ำแข็งมาเติมให้พ่อหน่อย​ลูก" นายวงตะโกนเรียกลูกสาวก่อนถอนหายใจลึกๆ​ สองสามครั้ง​เพื่อเรียก​กำลัง ​เขา​เป็นผู้​ที่ร่างกายทรุดโทรมก่อนวัยอันควร ​แต่เจ้าตัวก็ไม่​ได้รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจอะไร​นัก​กับสังขาร​ที่โรย​ไปไวกว่า​เพื่อนร่วมรุ่น ​ซึ่งนั่งล้อมวงดื่มกันมาแล้ว​ร่วมชั่วโมง

"พักนี้ไม่ไหวพี่​แม้น เหนื่อยง่ายจนรำคาญตัวเอง" เจ้าของบ้านปรารภ​กับกลุ่ม​เพื่อน​เมื่อสังเกตเห็นแวว​ความไม่สบายใจฉายชัดออกมาจากคน​ทั้งกลุ่ม

"พ่อก็เลิกกินเหล้าเสียทีสิ ให้​ไปหาหมอก็ไม่​ไป บอกเดี๋ยวพ่อปู่ช่วย..พ่อปู่ช่วย ก็ไม่​เพราะพ่อปู่ขี้เหล้าของพ่อหรอกหรือ ถึง​ได้ไอค็อกไอแค็กอยู่​อย่างนี้" หญิงสาวกระแทกโถน้ำแข็งลง​แต่พองาม

ปากก็บ่นบิดาอย่าง​ที่มารดาบ่นมาตลอด ​แต่สายตาแลเลย​​ไปจับอยู่​​กับหนุ่มอ่อนอาวุโส​ที่สุดในวงสนทนา ​โดยมีสายตาฉ่ำเชื่อมพอกัน ของอีกฝ่ายประสานกลับมาแวบหนึ่ง​ ด้วยเกรงผู้ใหญ่​จะจับพิรุธ​ได้

"ไอ้แวว เอ็งอย่าพูดอย่างนี้ให้พ่อ​ได้ยินอีกนะ" ชายร่างระโหยหัน​ไปดุบุตรสาว​เอาจริงๆ​ "ขอขมาท่านเสียด้วย เอ็งนี่ไม่รู้อะไร​ซะแล้ว​...​​ที่​ได้ดิบ​ได้ดีมีกินมี​ใช้อยู่​ทุกวันนี้ก็​เพราะพ่อปู่ท่าน จำใส่หัวไว้นังลูก...​."

​เมื่อเห็นว่าเรื่อง​​จะบานปลาย ​เพื่อนอีกคนจึงจ่อแก้วเหล้าให้ถึงปาก ผู้​เป็นพ่อจึง​ต้องหยุดต่อคำ​เพื่อรับน้ำใจ ครั้นอ้าปาก​จะตัดพ้อต่อ​ไป ชายหนุ่มก็ขัดขึ้น​ด้วยคำถาม

"พ่อปู่อะไร​หรือน้า ท่าทาง​จะขลังมากใช่ไหม เห็นลุง​แม้น​เขาว่าน้ามีของดี พ่อปู่​ที่ว่านี่นะหรือ...​ขอผมชม​เป็นบุญตาหน่อย​เถิดครับ"

"เฮ้ยๆ​ๆ​ พ่อปู่ของข้าไม่ใช่ของ​จะให้​ใครออกมาชมเล่นกัน​ได้ง่ายๆ​ นะโว๊ย...​​แต่​เอาเถอะนานๆ​ เกลอเก่า​จะมาเยี่ยมเยียนถึงเรือนสักที ข้า​จะให้​ได้ชมบารมีท่าน​เป็นขวัญตา"
ครั้งนี้นายวงไม่​ได้วานลูกสาว หาก​แต่ลุกขึ้น​หายเข้า​ไปด้านในเสียเอง

"ไม่มี​ใครอยู่​เลย​หรือแวว...​​ที่พวกลุงมากันนี่ก็ไม่มี​ใครรู้เลย​สิ...​เสียดายนักนะ..ว่า​จะมาชิมรสมือแม่เขียน​เขาสักหน่อย​ทีเดียว...​.หนูแววรู้ตัวไหมว่าสวยเหมือนคุณเขียนตอนสาวๆ​ นี่ท่า​จะ​เอาการ​เอางานเหมือนแม่ด้วยหละนะ" ​เพื่อนบิดาหาเรื่อง​คุยอย่างเอ็นดูลูกหลาน​ที่เห็นกันมา​แต่เล็ก​แต่น้อย

"เอ้อ..นี่..ธนา...​คงแก่กว่าแววสักปีสองปี ลูกชาย​เพื่อนสนิทลุงเอง ไอ้นี่มันเข้ากรุงเทพมานานแล้ว​ เห็นว่าไอ้วง​เป็น​เพื่อนเก่า​เพื่อนแก่ของพ่อมัน ก็เลย​พามาแนะนำให้รู้จักกันไว้"

ขณะคนรุ่นพ่อ​กำลังกล่าวแนะนำ คนรุ่นลูกก็ยิ้มน้อยๆ​ ให้แก่กัน ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อย ฝ่ายหญิงรีบพยักรับ แล้ว​หัน​ไปสนทนาตอบถ้อยผู้อาวุโสกว่า

"ฉันไหว้หละลุง ​ได้ยินว่าพ่อ​เขาก็เคารพนับถือลุงมาก่อน ลุงช่วยเตือนๆ​ พ่อบ้างเถอะ..นี่แม่หนู​เขาแทบ​จะไม่กลับบ้านอยู่​แล้ว​ ​เขาว่าเฉพาะเรื่อง​​ที่โรงโม่ก็ยุ่ง​จะแย่ กลับมาเจอพ่อขี้เมาทุกวัน แม่เลย​​ไปตั้งก๊วนตีกบทุกคืนเลย​" แล้ว​หญิงสาวก็ทำท่า​จะรินน้ำตาเสียเฉยๆ​

"​จะว่า​ไปแล้ว​ หนูว่าตั้งแต่หนูจำ​ความ​ได้เนี่ยก็เห็นพ่อ​ได้​แต่ันั่งบูชาเหรียญปู่ตี๋อะไร​นี่อยู่​ทุกเช้า​ทุกเย็น ไม่เห็นทำอะไร​​เป็นชิ้น​เป็นอันให้ครอบครัวบ้างเลย​นะลุง"

แวววรรณ ขยับเข้าใกล้ชายหนุ่ม ทำท่า​จะพับเำพียบลงตรงข้าง​ที่ ​พอดี​กับผู้​เป็นพ่อบรรจงประคองแ้ก้วทรงป้อมมีเชิงกลับเข้ามา ​เขาวางแก้วลง​ที่ตั่งเล็กข้างตัว

ขณะ​ที่​ใช้คีมเงินคีบวัตถุกลมแบนอันจมอยู่​ใต้น้ำสีอำพันในแก้ว ก็กล่าว​กับลูกสาวอย่างอ่อนโยนกว่าตอนแรก ​และทุกคนก็สังเกต​ได้ว่า​เพราะแกเกรงใจเหรียญ​ที่​กำลังคีบขึ้น​มานั้น​มากกว่าการคำนึงถึง​ความรู้สึกเอ็นดูบุตร

"แวว เอ็งไม่เชื่อ เอ็งก็อย่ามาลบหลู่ดูหมิ่น พ่อพร่ำบอกเอ็งไม่ใช่หรือว่า ​ที่​ได้ดิบ​ได้ดีมีอยู่​มีกินกันมาทุกวันนี้ ก็​เพราะเหรียญพ่อปู่​ทั้งนั้น​...​มันเริ่มตั้งแต่สมัยพ่อยังหนุ่ม...​เอ็งรู้ไหม...​" ชายผู้ร่วงโรยก่อนวัยอันควร วางเหรียญ​ที่ว่าลงบนพานแก้วขนาด​พอดีกัน แล้ว​ยื่นให้​เพื่อนรุ่นพี่​ได้ชม​เป็นคนแรก

"นี่​ถ้าพ่อไม่​ได้ท่านมาบูชา ไม่รู้ว่า​จะตกห้วยตกเหว​ที่ไหน​ไปแล้ว​..เอ็งรู้ไหม" ผู้​เป็นพ่อยังย้ำคำ

"รู้..รู้จ๊ะ​พ่อ...​รู้มานานแล้ว​..รู้มาพอแล้ว​ด้วย...​รู้ซะจนฉันอยาก​จะรู้เรื่อง​อื่นๆ​ ซะบ้างแล้ว​...​พ่อเล่าให้​เพื่อนพ่อฟังเถอะ...​ฉันมีเรื่อง​​ต้องทำอีกเยอะ ไหน​จะหา​กับแกล้ม ไหน​จะเก็บเสื้อผ้า...​เอ่์อ...​​ที่ตากไว้น่ะ บ่ายจัดแล้ว​เก็บตอนนี้​กำลังหอมแดด" หญิงสาวค่อยกระถดตัวออกจากวง ขณะท้าวแขนยันกายลุกขึ้น​ ก็มีห่อกระดาษเล็กๆ​ ติดมือขึ้น​​ไปด้วย

นายวงไม่​ได้ใส่ใจ​กับกิริยาวาจาก่อนผละ​ไปของลูกสาวเท่าใดนัก ​เมื่อคน​ที่เหลือทำท่า​จะแย่งกันชื่นชม "เหรียญพ่อปู่" ​เป็นบุญตา

"นี่ของรักของหวงของวง​เขาเชียวนะธนา ​เป็นบุญตาของเอ็งแล้ว​​ที่มาครั้งแรกก็​ได้เห็น นี่ขนาดลุง​ไปมาหาสู่ออกบ่อยๆ​ ไอ้วงมันยังไม่ค่อยยอมเชิญท่านลงมาให้ชมเลย​"
ผู้มาเยือนอีกคน​ที่พา ธนา​และนาย​แม้นมาเยี่ยมเยียนกล่าว​เป็นเชิงสรรเสริญ​ทั้งสองฝ่าย

" ชื่อธนาเรอะ ชื่อดี​ที่หนา รูปร่างหน้าตาก็​ใช้​ได้ เอ็งรู้ไหมธนา กว่า​จะ​ได้เหรียญพ่อปู่นี่มาน่ะยากแสนยาก เสี่ยง​กับเสี่ยงเชียวหนา"

"ทำไมล่ะครับ​น้า เล่าให้​เป็นบุญหูผมหน่อย​เถิดครับ" ชายหนุ่มกล่าวอย่างนอบน้อม​ที่สุด มือยกพานแก้วขึ้น​จบ​ที่หน้าผาก แล้ว​ยื่นส่งคืน

ผู้​เป็นเจ้าของยกขึ้น​จบอีกครั้ง แล้ว​ประคองพานแก้วไว้​ที่หน้าตัก ​เขาเริ่มเล่าเรื่อง​ราวด้วยแววตาเปี่ยมศรัทธา

"เหรียญนี่​คือเหรียญปู่ตี๋ เรื่อง​​ความ​เป็นมาก่อน​จะตกมาถึงมือนี่ไม่รู้รายละเอียดเท่าไหร่..​เอา​เป็นว่า​จะเล่าเฉพาะตอนตั้งแต่​ได้ท่านมาก็แล้ว​กันนะ..​จะว่า​ไปเหตุการณ์วันนั้น​ก็คล้ายๆ​ ​กับตอนนี้ ตอนนั้น​น้าก็คงอายุรุ่นๆ​ ​กับหลานชายนี่แหละ​ ก็ตามลูกพี่​เขา​ไปสำมะเลเทเมากันตามเรื่อง​...​

...​.ไอ้น้าน่ะ​ได้​แต่​เป็นลูกไล่​เขาตลอด ​เพราะว่าสมองมันทึบ ป. สี่ นี่ยังไม่อยาก​จะจบเล้ย...​เอ้อ...​ตอนนั้น​ก็มีตัวน้า​กับรุ่นพี่ๆ​ ​เขาอีกสองคน ก็​ไปเยี่ยมพี่อีกคนเค้า​ที่ดำเนินฯ...​เราก็คุยกันถึงเรื่อง​สัพเพเหระตามประสาหนุ่มคะนอง..พี่เจ้าของบ้าน​เขาว่า​ได้ของดีมา ​เป็นเหรียญเนื่อนวโลหะมีคุณทางเมตตามหานิยม พอ​ได้มาไม่พ้นเจ็ดวันก็​ได้เมีย...​.

...​.ไอ้ตอนนั้น​น้ายังไก่อ่อนนัก เกี้ยว​ใคร​เขาไม่​เป็น ​แต่อยากมีเมียมานอนกกใจ​จะขาด..พ่อ​ได้ฟังว่าสามวันเจ็ดวัน​ได้เมียก็หูผึ่งตั้งอกตั้งใจฟัง จนพี่​เขาก็แทบ​จะหยุดเล่า...​​เขาว่าเดี๋ยวน้าพลั้งปาก​ไปขอของ​เขาเข้า ​เขาถือว่าห้ามเอ่ยขอเดี๋ยวคุณ​จะเสื่อม​ถ้าไม่ให้"

"แล้ว​ลุง​ได้ขอ​เขาไหมล่ะครับ" ธนาอดถามไม่​ได้

"ไอ้หนุ่ม..เอ็งอย่าเพิ่งขัด​ได้ไหม.." นายวงปรามด้วยน้ำลาย​กำลัง​จะแตกฟอง ยกแก้วกระดกเหล้าเข้าปากอีกหลายอึกติดต่อกัน จึงค่อยกล่าวต่อ "​เขาว่า​ไป​ได้มาจากจีนเฝ้าศาลเจ้าคนหนึ่ง​ ​ไปมาหาสู่กันบ่อยๆ​...​ก็​ไปติดลูกสาวแกนั่นแหละ​..มีเหล้ายาปลาปิ้ง​ไปฝากแกบ่อยๆ​ เข้า คุยถูกอัธยาศัยไมตรีกันดี ร่ำๆ​ ​จะยกลูกสาวให้ ​แต่กลับให้เหรียญพ่อปู่มาแทน...​

...​กำชับนักกำชับหนาว่าอย่า​ไปบอก​ใคร...​เด็ดนักหละเหรียญนี่ พี่​เขาว่าอาแป๊ะแกสาธยายเสียเชื่อสนิท วันนั้น​เลย​ซื้อเหล้าแดงติดมากลมหนึ่ง​ ตั้งอกตั้งใจบูชาตาม​ที่จีนเฒ่าคนนั้น​บอก ​คือ​ใช้ถ้วยตะไลมาเติมเหล้าให้เต็ม วางไว้ในชาวอ่าง วางเหรียญพ่อปู่ท่านให้​พอดี​กับปากถ้วย แล้ว​ค่อยๆ​ รินเหล้า​ที่เหลือฝ่ายหน้าเหรียญจนเหล้าหมดกลม ยกท่าน​ทั้งถ้วยตะไลขึ้น​บูชาไว้ใต้ฐาน​พระ ​ส่วนเหล้าในชามอ่างนั้น​​ต้องดื่มให้หมด


"​ต้องดื่มให้หมด ก็เมาปลิ้น​ไปสิน้า" ชายหนุ่มไม่วายสงสัย ขณะสายตาชำเลือง​ไปทางห้องครัว​ที่ด้านหลังเกือบตลอดเวลา หากนายวงไม่มัวเห็น​แต่ภา​พอดีตในวันแรก​ที่​ได้เหรียญมาครอบครองก็คง​จะจับสังเกต​ได้ไม่ยาก

"เอ๊ะไอ้หนุ่ม...​.เอ็งนี่ช่างซักจริง...​ไอ้ี​ที่ตลกก็​คือพี่​เขา​เป็นคนไม่เคยกินเหล้ามาก่อน ​เขาก็​ไปชวนคนโน้นคนี้มาตั้งวงก๊งกัน​ไปเฮฮากัน​ไป จริงไหมพี่" เจ้าของเหรียญคนปัจจุบันหัน​ไปพยักเพยิด​กับอีกคน​ที่​กำลังตั้งใจฟัง

"พี่​เขาว่าสามวันแรกก็ไม่เห็นเกิดผลอะไร​ขึ้น​ วัน​ที่สี่กลับ​ไปถามจีนเฝ้าศาลเจ้าว่าให้คนอื่นกินเหล้า​ที่ล้นออกมา​ได้ไหม ตาแป๊ะแกก็หัวเราะร่าบอกว่าตามใจเอ็งเหอะวะ ...​ตั้งแต่วันนั้น​ก็เลย​​ต้องตั้งวงกันเรื่อยมา..จนวัน​ที่เจ็ด อาหมวยมันก็หอบผ้ามาอยู่​ด้วย...​แหมตอนนั้น​...​เมียพี่​เขามา​ได้ฟังเข้า​พอดี เลย​ถองเสียเต็มรัก" นายวงเล่า​พร้อมๆ​ ​กับลูบคลำพานแก้วในมืออย่างทะนุถนอม

"ตกลงแล้ว​น้า​ได้เหรียญมาพ่อปู่นี่มา​ได้ยังไงล่ะครับ" ธนานบนอบไล่เลียงต่อ​ไป

"ก็วันนั้น​นั่นแหละ​ น้ามันคนคออ่อน เมาพับ​ไปก่อน..​แต่ตื่นขึ้น​มาก่อนพวก​ที่นอนกลิ้งอยู่​ข้างวง ก็เลย​อัญเชิญท่านมาอยู่​ด้วย พ่อปู่ท่านก็มาจริงๆ​" ถึงตรงนี้ชายผู้โรยกว่าวัย กล่าวอย่างปลื้มอกปลื้มใจ​เป็น​ที่สุด​กับการ​ได้​เป็นเจ้าของมหาศรัทธาอันนี้

หญิงสาวเดินกลับเข้ามา ​ใช้หลังมือหนึ่ง​ป้ายน้ำตา อีกมือถือจาน​กับแกล้ม ​เมื่อทรุดตัวคุกเข่าลงก็แอบสบตาชายหนุ่มอีกครั้ง ก่อนวางจานลงกลางวง

"เอ็งนี่ปอกหอมทีละ​เป็นน้ำหูน้ำตา ก็ทำไมเอ็งไม่ปอกในน้ำเล่าลูกเอ๊ย.."

"ช่างฉันเถอะพ่อ..นี่ของโปรดพ่อเลย​นะ ยำไข่แมงดา ไม่สดเท่าไหรหรอก​แต่ฉันปรุงสุดฝีมือเลย​ รสมันคงเฝื่อนๆ​ หน่อย​ ผงชูรสก็หมด มะนาวก็เหลืองด้วย ​แต่ไม่ขมเท่าไหร่" ครั้งนี้เธอไม่​ได้พับเพียบลง หากเพียง​แต่ทิ้งหางตาให้ธนาอีกครั้งก่อนยกมือขึ้น​ไหว้​ที่ไหล่บิดา

"พ่อ ฉันไหว้หละ พ่อกินให้หมดจานเลย​นะ...​ฉันอุตส่าห์เสียน้ำตาขนาดนี้" แล้ว​หญิงสาวก็รีบลุกกลับเข้า​ไปทางห้องของตัว

"นังลูกคนนี้ท่า​จะเพี้ยน...​พักนี้มันห่างแม่น่ะ...​​แต่รสมือมันดีจริงนะพี่ แววมันมีดีตรง​เป็นแม่เหย้าแม่เรือนนี่แหละ​ นี่ก็กะ​จะหาผู้ชายดีๆ​ ให้มันสักคน ​จะ​ได้นอนตายตาหลับ"

"แล้ว​เหรียญพ่อปู่...​เอ่อ...​เหรียญปู่ตี๋นี่ท่านแสดงคุณอะไร​ให้ลุงเห็นบ้างไหมครับ" ผู้อ่อนวัย​ที่สุดยังคงสนใจในเรื่อง​ราวของเหรียญมากกว่า​จะตักยำจานใหญ่เข้าปากเหมือนคนอื่นๆ​

หลังจากนายวงตักติดๆ​ กันหลายคำ แล้ว​ซดเหล้าพ่อปู่ตามอีกค่อนแก้วจึงเล่าต่อ

"ก็ตลอดชีวิตน้านี่แหละ​ไอ้หลานชาย ตอนนั้น​ทำงานอยู่​โรงโม่ของแม่นังแววมัน ​เป็นกุลีแบกแป้ง ก็แอบรักลูกสาวเ​ถ้าแก่..แบบดอกฟ้ากะหมาวัดเลย​นะเอ็ง ข้าก็อยาก​จะให้พ่อปู่ท่านโปรดดลบันดาลให้เร็วๆ​ เลย​​เอาท่านแช่ไว้ในโหลยาดองเลย​เชียว...​

...​​จะว่า​ไปแล้ว​ก็ขนลุก" นายวง​ใช้มือหนึ่ง​ลูบลำแขนประกอบ "พ่อปู่ท่านคงโปรดเหล้าดองยา อีกสามวันถัดมา ตอนนั้น​คนงานมัน​ไปเ​ที่ยวงานภูเขาทองกันหมด แม่นังแวว​เขาวิ่งมาตาม​ที่เพิงคนงาน ว่าฝนตกหลังคารั่ว น้ำหยดลงแป้ง ให้น้า​ไปช่วยขนแป้งหลบฝน ขนกัน​ไปขนกันมาอยู่​สองคนแค่นั้น​เอง แล้ว​ก็​ได้​กับแม่เขียน​เขาคืนนั้น​นั่นแหละ​" แล้ว​นายวงก็ยกมือขึ้น​จบ​ที่หน้าผากอีกครั้ง

"เ​ถ้าแก่ท่านก็แสนดี ​เมื่อรู้ว่าน้า​ได้เสียกันแล้ว​ ก็ไม่​ได้เอะอะโวยวายอะไร​ ยังช่วยส่งน้า​กับเมียให้ขึ้น​​ไปอยู่​​ที่นครสวรรค์​กับญาติแก จนคลอดเจ้าวีรวัฒน์ลูกชายคนโต เ​ถ้าแก่แกรักหลานชายคนโตเหลือเกิน ทำเรื่อง​ยกสมบัติให้​ทั้งหมด ​แต่ไม่กี่เดือนก็สิ้นลม ก่อนตายยังย้ำนักย้ำหนาว่าให้เลี้ยงไอ้วีมันให้ดีๆ​ ว่ามัน​จะ​เป็นดวงปิยะบ่งปิยะบุตรอะไร​นี่"

ผู้เล่าเว้นระยะสูดหายใจลึกๆ​ อีกครั้ง ก่อนตักของโปรดเข้าปากตามด้วยเหล้าล้างคออีกเกือบค่อน

"ตอนแกตายปีแรกๆ​ ​ถ้าไม่​ได้แม่เขียน​เขาคุมกิจการอยู่​ละก้อไม่รู้​เป็นยังไง ไอ้น้าตอนนั้น​ก็​ต้องโหมบูชาพ่อปู่ท่าน​ทั้งเช้า​​ทั้งเย็น มาติดเหล้างอมก็คงตอนนั้น​...​​แต่ไอ้ลูกคนโตนี่มันก็เลี้ยง​ได้ดั่งใจดีจริงๆ​ นะ ตอนนี้มัน...​...​ช่วยแม่เขียน​เขาดูแลโรงโม่​ได้...​...​..หมดทุกเรื่อง​ ถึงขนาด...​...​.ค้างวันค้างคืนไม่กลับบ้านกลับช่อง"...​ นายวงชักเล่าช้าลงด้วยสุราล่วงผ่านลำคอเข้า​ไปหลายแก้ว

"ไอ้ยำนี่คงขาดผงชูรสจริงๆ​ มันเฝื่อนๆ​ พิกล" ​เขาทำท่า​จะหัน​ไปเรียกลูกสาว ​เมื่อชิม​กับแกล้มใกล้หมดจานใบโต ​แต่ชายหนุ่มชิงถามขึ้น​อีกเสียก่อน

"น้าก็​ต้องดื่ม​ทั้งเช้า​สายบ่ายเย็นเลย​สิ เยอะไหมนี้ เล่น​ทั้งโหลยาดองเลย​นี่นะ"

"ก็​จะให้ขลังๆ​ เข้าไว้ ก็​ต้องกินอยู่​เองคนเดียวหละนะไอ้หลาน มันไม่​ต้องกังวลอะไร​นี่ แม่เขียน​เขาดูแล​ได้หมด วันไหนสร่างไม่ทันก็ไม่​เป็นไร"

ถึงตอนนี้ชายอาวุโสอีกสองคนต่างมองหน้าแล้ว​พยักยิ้มให้แก่กันด้วยรู้ดีว่าตลอดชีวิตของนายวง นอกจากมีเมียคอยประคับประคอบชีวิตแล้ว​ ก็มี​แต่ศรัทธา​ที่แรงกล้า​และการ​เป็นบริวารบริโภคสุราของพ่อปู่เพียงเท่านั้น​

"ผมว่าพ่อผมก็เคยมีนะครับ​ลุง เหรียญพ่อปู่ตี๋อะไร​เนี่ย ​แต่ผมไม่ทัน​ได้เห็นหรอกครับ​ พ่อบอกว่าท่านไม่อยากอยู่​​กับคนอย่างพ่อ ​เพราะพ่อ​เป็นคนไม่กินเหล้าเมายา ขนาดพักหลังแทบ​จะไม่บูชาเหล้าให้พ่อปู่เลย​ละมั้ง ท่านก็เลย​ไม่อยู่​ด้วย..นี่​เป็นเรื่อง​ตั้งแต่ผมยังไม่เกิดนะน้า ขนาดแม่ยังขออนุญาตตาหอบผ้ามาอยู่​ด้วย...​​เพราะเห็น​เป็นคนขยันหมั่นเพียรไม่ยุ่งเกี่ยว​กับอบายมุขตรงหน้า...​​แต่คุ้นๆ​ นะน้า...​เหรียญปู่ตี๋บูชาเหล้าเหมือนกันนี่แหละ​"

"เดี๋ยว...​เดี๋ยว...​ไอ้...​หลาน...​ชาย" เจ้าของบ้าน​เอามือป้องปากหาวหวอดๆ​ "ข้าว่ารู้สึกแปลกๆ​ มันหาวๆ​ โหยๆ​ ง่วงๆ​ ยังไงพิกลอยู่​นา สงสัยพ่อปู่ท่าน​จะลงประทับทรง...​เอ็งเอ้ย...​ไม่เคยเลย​นะนี่นะ"

นายวงยิ้มอย่างสบใจเต็ม​ที่ ดวงตาหรี่ลงจนเกือบหลับ "เจ้าประคู๊น...​ลูกช้าง​จะรับประทานดื่ม...​.ให้หนำใจ บูชาพ่อปู่...​.ให้่​ได้่ลิ้มรสทางลิ้นดูบ้าง...​.ก็คราวนี้แหละ​...​.นะพ่อปู่นะ" เสียง​เขายานคางอย่างถึง​ที่สุด คล้ายสมองเอ่ยสั่งการปาก​ได้อย่างยากเย็น

ชายสูงวัยอีกสองคนก็ทำท่าหาวนอนตาม​ไปด้วย ​แต่ชายหนุ่มก็ยังเล่าเรื่อง​ของตัวต่อ​ไปด้วยน้ำเสียง​ที่เนิบช้ากว่าเดิม

"พ่อว่าท่าน​ไปตอนตั้งวงเหล้า​กับ​เพื่อนๆ​ ในวันหนึ่ง​ ​แต่หลังจากนั้น​ก็ไม่​ได้ติดใจเสาะหาอย่างไร พ่อว่าท่านไม่อยู่​​เพราะบุญพ่อไม่ถึง ​แต่ก็ดี​เพราะไม่​ต้องมามัวพะวงบูชาเหล้าเช้า​เย็น ​เอาเงินมาเก็บสะสมไว้ให้ลูกดีกว่า ตั้งแต่นั้น​ก็ช่วยกัน​กับแม่เก็บเล็กประสมน้อย ค่อยสร้างเนื้องสร้างตัวกันมา​ได้จนทุกวันนี้เหมือนกัน พ่อบอกว่าเหรียญพ่อปู่ตี๋นี่ศักดิ์สิทธิ์นักนะน้า...​น้า...​.น้า...​" ธนาลองเอื้อมมือ​ไปเขย่าร่างเจ้าของเหรียญ ​ที่นั่งคอพับพิงตั่ง​ไปเสียแล้ว​

...​...​​และชายอาวุโส​ทั้งสามก็นิ่งหลับสนิทอยู่​ตรงนั้น​...​...​

หญิงสาว​ที่แอบดูสถานการณ์อยู่​ตลอดเวลาจากด้านใน จึงก้าวออกมา​พร้อม​กับกระเป๋าใบย่อม เอ่ย​กับชายหนุ่มด้วยเสียงอันเบา ​และท่าทางอันสนิทสนมคุ้นเคยกันมานาน

"ไม่​ต้อง​เอาเหรียญพ่อปู่​ไปหรอกนะพี่ ฉันขี้เกียจ​ได้ผัวขี้เหล้า...​.แล้ว​นี่​จะให้ฉัน​ไปกราบคุณพ่อคุณแม่​ที่ดำเนินฯ เลย​ใช่ไหมจ๊ะ​"

 

F a c t   C a r d
Article ID A-208 Article's Rate 9 votes
ชื่อเรื่อง เหรียญปู่ตี๋
ผู้แต่ง SONG-982
ตีพิมพ์เมื่อ ๒๔ กรกฏาคม ๒๕๔๖
ตีพิมพ์ในคอลัมน์ เรื่องสั้น
จำนวนผู้เปิดอ่าน ๖๘๐ ครั้ง
จำนวนความเห็น ๑ ความเห็น
จำนวนดอกไม้รวม ๓๗
| | | |
เชิญโหวตให้เรตติ้งดอกไม้แก่ข้อเขียนนี้  
R e a d e r ' s   C o m m e n t
ความเห็นที่ ๑ : ศาลานกน้อย [C-640 ], [000.000.000.000]
เมื่อวันที่ : 20 ก.ค. 2546, 19.56 น.

ผู้อ่าน​ที่รัก,

นิตยสารรายสะดวก​ ​และผู้เขียนยินดีรับฟัง​ความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดง​ความเห็น​ได้​โดยอิสระ ขอขอบคุณ​และรู้สึก​เป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมี​ส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...​

แจ้งลบข้อความ


สั่งให้ระบบส่งเมลแจ้งการเพิ่มเติมความเห็น
 ศาลานกน้อย พร้อมบริการเสมอ และยินดีรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกท่าน  ติดต่อเว็บมาสเตอร์ได้ทางคอลัมน์ คุยกับลุงเปี๊ยก หรือทางอีเมลได้ที่ uncle-piak@noknoi.com  พัฒนาระบบ : ธีรพงษ์ สุทธิวราภิรักษ์  โลโกนกน้อย : สุชา สนิทวงศ์  ภาพดอกไม้ในนกแชท : ณัฐพร บุญประภา  ลิขสิทธิ์งานเขียนในนิตยสารรายสะดวก เป็นของผู้เขียนเรื่องนั้น  ข้อความที่โพสบนเว็บไซต์แห่งนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้โพสทั้งสิ้น