![]() |
![]() |
SONG-982![]() |
...ขณะที่ใช้คีมเงินคีบวัตถุกลมแบนอันจมอยู่ใต้น้ำสีอำพันในแ้ก้ว ก็กล่าวกับลูกสาวอย่างอ่อนโยนกว่าตอนแรก และทุกคนก็สังเกตได้ว่าเพราะแกเกรงใจเหรียญที่กำลังคบขึ้นมานั้นมากว่าการคำนึงถึงความรู้สึกเอ็นดูบุตร...
"แววเอ๊ย! แวว เอาน้ำแข็งมาเติมให้พ่อหน่อยลูก" นายวงตะโกนเรียกลูกสาวก่อนถอนหายใจลึกๆ สองสามครั้งเพื่อเรียกกำลัง เขาเป็นผู้ที่ร่างกายทรุดโทรมก่อนวัยอันควร แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจอะไรนักกับสังขารที่โรยไปไวกว่าเพื่อนร่วมรุ่น ซึ่งนั่งล้อมวงดื่มกันมาแล้วร่วมชั่วโมง"พักนี้ไม่ไหวพี่แม้น เหนื่อยง่ายจนรำคาญตัวเอง" เจ้าของบ้านปรารภกับกลุ่มเพื่อนเมื่อสังเกตเห็นแววความไม่สบายใจฉายชัดออกมาจากคนทั้งกลุ่ม
"พ่อก็เลิกกินเหล้าเสียทีสิ ให้ไปหาหมอก็ไม่ไป บอกเดี๋ยวพ่อปู่ช่วย..พ่อปู่ช่วย ก็ไม่เพราะพ่อปู่ขี้เหล้าของพ่อหรอกหรือ ถึงได้ไอค็อกไอแค็กอยู่อย่างนี้" หญิงสาวกระแทกโถน้ำแข็งลงแต่พองาม
ปากก็บ่นบิดาอย่างที่มารดาบ่นมาตลอด แต่สายตาแลเลยไปจับอยู่กับหนุ่มอ่อนอาวุโสที่สุดในวงสนทนา โดยมีสายตาฉ่ำเชื่อมพอกัน ของอีกฝ่ายประสานกลับมาแวบหนึ่ง ด้วยเกรงผู้ใหญ่จะจับพิรุธได้
"ไอ้แวว เอ็งอย่าพูดอย่างนี้ให้พ่อได้ยินอีกนะ" ชายร่างระโหยหันไปดุบุตรสาวเอาจริงๆ "ขอขมาท่านเสียด้วย เอ็งนี่ไม่รู้อะไรซะแล้ว...ที่ได้ดิบได้ดีมีกินมีใช้อยู่ทุกวันนี้ก็เพราะพ่อปู่ท่าน จำใส่หัวไว้นังลูก...."
เมื่อเห็นว่าเรื่องจะบานปลาย เพื่อนอีกคนจึงจ่อแก้วเหล้าให้ถึงปาก ผู้เป็นพ่อจึงต้องหยุดต่อคำเพื่อรับน้ำใจ ครั้นอ้าปากจะตัดพ้อต่อไป ชายหนุ่มก็ขัดขึ้นด้วยคำถาม
"พ่อปู่อะไรหรือน้า ท่าทางจะขลังมากใช่ไหม เห็นลุงแม้นเขาว่าน้ามีของดี พ่อปู่ที่ว่านี่นะหรือ...ขอผมชมเป็นบุญตาหน่อยเถิดครับ"
"เฮ้ยๆๆ พ่อปู่ของข้าไม่ใช่ของจะให้ใครออกมาชมเล่นกันได้ง่ายๆ นะโว๊ย...แต่เอาเถอะนานๆ เกลอเก่าจะมาเยี่ยมเยียนถึงเรือนสักที ข้าจะให้ได้ชมบารมีท่านเป็นขวัญตา"
ครั้งนี้นายวงไม่ได้วานลูกสาว หากแต่ลุกขึ้นหายเข้าไปด้านในเสียเอง
"ไม่มีใครอยู่เลยหรือแวว...ที่พวกลุงมากันนี่ก็ไม่มีใครรู้เลยสิ...เสียดายนักนะ..ว่าจะมาชิมรสมือแม่เขียนเขาสักหน่อยทีเดียว....หนูแววรู้ตัวไหมว่าสวยเหมือนคุณเขียนตอนสาวๆ นี่ท่าจะเอาการเอางานเหมือนแม่ด้วยหละนะ" เพื่อนบิดาหาเรื่องคุยอย่างเอ็นดูลูกหลานที่เห็นกันมาแต่เล็กแต่น้อย
"เอ้อ..นี่..ธนา...คงแก่กว่าแววสักปีสองปี ลูกชายเพื่อนสนิทลุงเอง ไอ้นี่มันเข้ากรุงเทพมานานแล้ว เห็นว่าไอ้วงเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของพ่อมัน ก็เลยพามาแนะนำให้รู้จักกันไว้"
ขณะคนรุ่นพ่อกำลังกล่าวแนะนำ คนรุ่นลูกก็ยิ้มน้อยๆ ให้แก่กัน ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อย ฝ่ายหญิงรีบพยักรับ แล้วหันไปสนทนาตอบถ้อยผู้อาวุโสกว่า
"ฉันไหว้หละลุง ได้ยินว่าพ่อเขาก็เคารพนับถือลุงมาก่อน ลุงช่วยเตือนๆ พ่อบ้างเถอะ..นี่แม่หนูเขาแทบจะไม่กลับบ้านอยู่แล้ว เขาว่าเฉพาะเรื่องที่โรงโม่ก็ยุ่งจะแย่ กลับมาเจอพ่อขี้เมาทุกวัน แม่เลยไปตั้งก๊วนตีกบทุกคืนเลย" แล้วหญิงสาวก็ทำท่าจะรินน้ำตาเสียเฉยๆ
"จะว่าไปแล้ว หนูว่าตั้งแต่หนูจำความได้เนี่ยก็เห็นพ่อได้แต่ันั่งบูชาเหรียญปู่ตี๋อะไรนี่อยู่ทุกเช้าทุกเย็น ไม่เห็นทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันให้ครอบครัวบ้างเลยนะลุง"
แวววรรณ ขยับเข้าใกล้ชายหนุ่ม ทำท่าจะพับเำพียบลงตรงข้างที่ พอดีกับผู้เป็นพ่อบรรจงประคองแ้ก้วทรงป้อมมีเชิงกลับเข้ามา เขาวางแก้วลงที่ตั่งเล็กข้างตัว
ขณะที่ใช้คีมเงินคีบวัตถุกลมแบนอันจมอยู่ใต้น้ำสีอำพันในแก้ว ก็กล่าวกับลูกสาวอย่างอ่อนโยนกว่าตอนแรก และทุกคนก็สังเกตได้ว่าเพราะแกเกรงใจเหรียญที่กำลังคีบขึ้นมานั้นมากกว่าการคำนึงถึงความรู้สึกเอ็นดูบุตร
"แวว เอ็งไม่เชื่อ เอ็งก็อย่ามาลบหลู่ดูหมิ่น พ่อพร่ำบอกเอ็งไม่ใช่หรือว่า ที่ได้ดิบได้ดีมีอยู่มีกินกันมาทุกวันนี้ ก็เพราะเหรียญพ่อปู่ทั้งนั้น...มันเริ่มตั้งแต่สมัยพ่อยังหนุ่ม...เอ็งรู้ไหม..." ชายผู้ร่วงโรยก่อนวัยอันควร วางเหรียญที่ว่าลงบนพานแก้วขนาดพอดีกัน แล้วยื่นให้เพื่อนรุ่นพี่ได้ชมเป็นคนแรก
"นี่ถ้าพ่อไม่ได้ท่านมาบูชา ไม่รู้ว่าจะตกห้วยตกเหวที่ไหนไปแล้ว..เอ็งรู้ไหม" ผู้เป็นพ่อยังย้ำคำ
"รู้..รู้จ๊ะพ่อ...รู้มานานแล้ว..รู้มาพอแล้วด้วย...รู้ซะจนฉันอยากจะรู้เรื่องอื่นๆ ซะบ้างแล้ว...พ่อเล่าให้เพื่อนพ่อฟังเถอะ...ฉันมีเรื่องต้องทำอีกเยอะ ไหนจะหากับแกล้ม ไหนจะเก็บเสื้อผ้า...เอ่์อ...ที่ตากไว้น่ะ บ่ายจัดแล้วเก็บตอนนี้กำลังหอมแดด" หญิงสาวค่อยกระถดตัวออกจากวง ขณะท้าวแขนยันกายลุกขึ้น ก็มีห่อกระดาษเล็กๆ ติดมือขึ้นไปด้วย
นายวงไม่ได้ใส่ใจกับกิริยาวาจาก่อนผละไปของลูกสาวเท่าใดนัก เมื่อคนที่เหลือทำท่าจะแย่งกันชื่นชม "เหรียญพ่อปู่" เป็นบุญตา
"นี่ของรักของหวงของวงเขาเชียวนะธนา เป็นบุญตาของเอ็งแล้วที่มาครั้งแรกก็ได้เห็น นี่ขนาดลุงไปมาหาสู่ออกบ่อยๆ ไอ้วงมันยังไม่ค่อยยอมเชิญท่านลงมาให้ชมเลย"
ผู้มาเยือนอีกคนที่พา ธนาและนายแม้นมาเยี่ยมเยียนกล่าวเป็นเชิงสรรเสริญทั้งสองฝ่าย
" ชื่อธนาเรอะ ชื่อดีที่หนา รูปร่างหน้าตาก็ใช้ได้ เอ็งรู้ไหมธนา กว่าจะได้เหรียญพ่อปู่นี่มาน่ะยากแสนยาก เสี่ยงกับเสี่ยงเชียวหนา"
"ทำไมล่ะครับน้า เล่าให้เป็นบุญหูผมหน่อยเถิดครับ" ชายหนุ่มกล่าวอย่างนอบน้อมที่สุด มือยกพานแก้วขึ้นจบที่หน้าผาก แล้วยื่นส่งคืน
ผู้เป็นเจ้าของยกขึ้นจบอีกครั้ง แล้วประคองพานแก้วไว้ที่หน้าตัก เขาเริ่มเล่าเรื่องราวด้วยแววตาเปี่ยมศรัทธา
"เหรียญนี่คือเหรียญปู่ตี๋ เรื่องความเป็นมาก่อนจะตกมาถึงมือนี่ไม่รู้รายละเอียดเท่าไหร่..เอาเป็นว่าจะเล่าเฉพาะตอนตั้งแต่ได้ท่านมาก็แล้วกันนะ..จะว่าไปเหตุการณ์วันนั้นก็คล้ายๆ กับตอนนี้ ตอนนั้นน้าก็คงอายุรุ่นๆ กับหลานชายนี่แหละ ก็ตามลูกพี่เขาไปสำมะเลเทเมากันตามเรื่อง...
....ไอ้น้าน่ะได้แต่เป็นลูกไล่เขาตลอด เพราะว่าสมองมันทึบ ป. สี่ นี่ยังไม่อยากจะจบเล้ย...เอ้อ...ตอนนั้นก็มีตัวน้ากับรุ่นพี่ๆ เขาอีกสองคน ก็ไปเยี่ยมพี่อีกคนเค้าที่ดำเนินฯ...เราก็คุยกันถึงเรื่องสัพเพเหระตามประสาหนุ่มคะนอง..พี่เจ้าของบ้านเขาว่าได้ของดีมา เป็นเหรียญเนื่อนวโลหะมีคุณทางเมตตามหานิยม พอได้มาไม่พ้นเจ็ดวันก็ได้เมีย....
....ไอ้ตอนนั้นน้ายังไก่อ่อนนัก เกี้ยวใครเขาไม่เป็น แต่อยากมีเมียมานอนกกใจจะขาด..พ่อได้ฟังว่าสามวันเจ็ดวันได้เมียก็หูผึ่งตั้งอกตั้งใจฟัง จนพี่เขาก็แทบจะหยุดเล่า...เขาว่าเดี๋ยวน้าพลั้งปากไปขอของเขาเข้า เขาถือว่าห้ามเอ่ยขอเดี๋ยวคุณจะเสื่อมถ้าไม่ให้"
"แล้วลุงได้ขอเขาไหมล่ะครับ" ธนาอดถามไม่ได้
"ไอ้หนุ่ม..เอ็งอย่าเพิ่งขัดได้ไหม.." นายวงปรามด้วยน้ำลายกำลังจะแตกฟอง ยกแก้วกระดกเหล้าเข้าปากอีกหลายอึกติดต่อกัน จึงค่อยกล่าวต่อ "เขาว่าไปได้มาจากจีนเฝ้าศาลเจ้าคนหนึ่ง ไปมาหาสู่กันบ่อยๆ...ก็ไปติดลูกสาวแกนั่นแหละ..มีเหล้ายาปลาปิ้งไปฝากแกบ่อยๆ เข้า คุยถูกอัธยาศัยไมตรีกันดี ร่ำๆ จะยกลูกสาวให้ แต่กลับให้เหรียญพ่อปู่มาแทน...
...กำชับนักกำชับหนาว่าอย่าไปบอกใคร...เด็ดนักหละเหรียญนี่ พี่เขาว่าอาแป๊ะแกสาธยายเสียเชื่อสนิท วันนั้นเลยซื้อเหล้าแดงติดมากลมหนึ่ง ตั้งอกตั้งใจบูชาตามที่จีนเฒ่าคนนั้นบอก คือใช้ถ้วยตะไลมาเติมเหล้าให้เต็ม วางไว้ในชาวอ่าง วางเหรียญพ่อปู่ท่านให้พอดีกับปากถ้วย แล้วค่อยๆ รินเหล้าที่เหลือฝ่ายหน้าเหรียญจนเหล้าหมดกลม ยกท่านทั้งถ้วยตะไลขึ้นบูชาไว้ใต้ฐานพระ ส่วนเหล้าในชามอ่างนั้นต้องดื่มให้หมด
"ต้องดื่มให้หมด ก็เมาปลิ้นไปสิน้า" ชายหนุ่มไม่วายสงสัย ขณะสายตาชำเลืองไปทางห้องครัวที่ด้านหลังเกือบตลอดเวลา หากนายวงไม่มัวเห็นแต่ภาพอดีตในวันแรกที่ได้เหรียญมาครอบครองก็คงจะจับสังเกตได้ไม่ยาก
"เอ๊ะไอ้หนุ่ม....เอ็งนี่ช่างซักจริง...ไอ้ีที่ตลกก็คือพี่เขาเป็นคนไม่เคยกินเหล้ามาก่อน เขาก็ไปชวนคนโน้นคนี้มาตั้งวงก๊งกันไปเฮฮากันไป จริงไหมพี่" เจ้าของเหรียญคนปัจจุบันหันไปพยักเพยิดกับอีกคนที่กำลังตั้งใจฟัง
"พี่เขาว่าสามวันแรกก็ไม่เห็นเกิดผลอะไรขึ้น วันที่สี่กลับไปถามจีนเฝ้าศาลเจ้าว่าให้คนอื่นกินเหล้าที่ล้นออกมาได้ไหม ตาแป๊ะแกก็หัวเราะร่าบอกว่าตามใจเอ็งเหอะวะ ...ตั้งแต่วันนั้นก็เลยต้องตั้งวงกันเรื่อยมา..จนวันที่เจ็ด อาหมวยมันก็หอบผ้ามาอยู่ด้วย...แหมตอนนั้น...เมียพี่เขามาได้ฟังเข้าพอดี เลยถองเสียเต็มรัก" นายวงเล่าพร้อมๆ กับลูบคลำพานแก้วในมืออย่างทะนุถนอม
"ตกลงแล้วน้าได้เหรียญมาพ่อปู่นี่มาได้ยังไงล่ะครับ" ธนานบนอบไล่เลียงต่อไป
"ก็วันนั้นนั่นแหละ น้ามันคนคออ่อน เมาพับไปก่อน..แต่ตื่นขึ้นมาก่อนพวกที่นอนกลิ้งอยู่ข้างวง ก็เลยอัญเชิญท่านมาอยู่ด้วย พ่อปู่ท่านก็มาจริงๆ" ถึงตรงนี้ชายผู้โรยกว่าวัย กล่าวอย่างปลื้มอกปลื้มใจเป็นที่สุดกับการได้เป็นเจ้าของมหาศรัทธาอันนี้
หญิงสาวเดินกลับเข้ามา ใช้หลังมือหนึ่งป้ายน้ำตา อีกมือถือจานกับแกล้ม เมื่อทรุดตัวคุกเข่าลงก็แอบสบตาชายหนุ่มอีกครั้ง ก่อนวางจานลงกลางวง
"เอ็งนี่ปอกหอมทีละเป็นน้ำหูน้ำตา ก็ทำไมเอ็งไม่ปอกในน้ำเล่าลูกเอ๊ย.."
"ช่างฉันเถอะพ่อ..นี่ของโปรดพ่อเลยนะ ยำไข่แมงดา ไม่สดเท่าไหรหรอกแต่ฉันปรุงสุดฝีมือเลย รสมันคงเฝื่อนๆ หน่อย ผงชูรสก็หมด มะนาวก็เหลืองด้วย แต่ไม่ขมเท่าไหร่" ครั้งนี้เธอไม่ได้พับเพียบลง หากเพียงแต่ทิ้งหางตาให้ธนาอีกครั้งก่อนยกมือขึ้นไหว้ที่ไหล่บิดา
"พ่อ ฉันไหว้หละ พ่อกินให้หมดจานเลยนะ...ฉันอุตส่าห์เสียน้ำตาขนาดนี้" แล้วหญิงสาวก็รีบลุกกลับเข้าไปทางห้องของตัว
"นังลูกคนนี้ท่าจะเพี้ยน...พักนี้มันห่างแม่น่ะ...แต่รสมือมันดีจริงนะพี่ แววมันมีดีตรงเป็นแม่เหย้าแม่เรือนนี่แหละ นี่ก็กะจะหาผู้ชายดีๆ ให้มันสักคน จะได้นอนตายตาหลับ"
"แล้วเหรียญพ่อปู่...เอ่อ...เหรียญปู่ตี๋นี่ท่านแสดงคุณอะไรให้ลุงเห็นบ้างไหมครับ" ผู้อ่อนวัยที่สุดยังคงสนใจในเรื่องราวของเหรียญมากกว่าจะตักยำจานใหญ่เข้าปากเหมือนคนอื่นๆ
หลังจากนายวงตักติดๆ กันหลายคำ แล้วซดเหล้าพ่อปู่ตามอีกค่อนแก้วจึงเล่าต่อ
"ก็ตลอดชีวิตน้านี่แหละไอ้หลานชาย ตอนนั้นทำงานอยู่โรงโม่ของแม่นังแววมัน เป็นกุลีแบกแป้ง ก็แอบรักลูกสาวเถ้าแก่..แบบดอกฟ้ากะหมาวัดเลยนะเอ็ง ข้าก็อยากจะให้พ่อปู่ท่านโปรดดลบันดาลให้เร็วๆ เลยเอาท่านแช่ไว้ในโหลยาดองเลยเชียว...
...จะว่าไปแล้วก็ขนลุก" นายวงใช้มือหนึ่งลูบลำแขนประกอบ "พ่อปู่ท่านคงโปรดเหล้าดองยา อีกสามวันถัดมา ตอนนั้นคนงานมันไปเที่ยวงานภูเขาทองกันหมด แม่นังแววเขาวิ่งมาตามที่เพิงคนงาน ว่าฝนตกหลังคารั่ว น้ำหยดลงแป้ง ให้น้าไปช่วยขนแป้งหลบฝน ขนกันไปขนกันมาอยู่สองคนแค่นั้นเอง แล้วก็ได้กับแม่เขียนเขาคืนนั้นนั่นแหละ" แล้วนายวงก็ยกมือขึ้นจบที่หน้าผากอีกครั้ง
"เถ้าแก่ท่านก็แสนดี เมื่อรู้ว่าน้าได้เสียกันแล้ว ก็ไม่ได้เอะอะโวยวายอะไร ยังช่วยส่งน้ากับเมียให้ขึ้นไปอยู่ที่นครสวรรค์กับญาติแก จนคลอดเจ้าวีรวัฒน์ลูกชายคนโต เถ้าแก่แกรักหลานชายคนโตเหลือเกิน ทำเรื่องยกสมบัติให้ทั้งหมด แต่ไม่กี่เดือนก็สิ้นลม ก่อนตายยังย้ำนักย้ำหนาว่าให้เลี้ยงไอ้วีมันให้ดีๆ ว่ามันจะเป็นดวงปิยะบ่งปิยะบุตรอะไรนี่"
ผู้เล่าเว้นระยะสูดหายใจลึกๆ อีกครั้ง ก่อนตักของโปรดเข้าปากตามด้วยเหล้าล้างคออีกเกือบค่อน
"ตอนแกตายปีแรกๆ ถ้าไม่ได้แม่เขียนเขาคุมกิจการอยู่ละก้อไม่รู้เป็นยังไง ไอ้น้าตอนนั้นก็ต้องโหมบูชาพ่อปู่ท่านทั้งเช้าทั้งเย็น มาติดเหล้างอมก็คงตอนนั้น...แต่ไอ้ลูกคนโตนี่มันก็เลี้ยงได้ดั่งใจดีจริงๆ นะ ตอนนี้มัน......ช่วยแม่เขียนเขาดูแลโรงโม่ได้........หมดทุกเรื่อง ถึงขนาด.......ค้างวันค้างคืนไม่กลับบ้านกลับช่อง"... นายวงชักเล่าช้าลงด้วยสุราล่วงผ่านลำคอเข้าไปหลายแก้ว
"ไอ้ยำนี่คงขาดผงชูรสจริงๆ มันเฝื่อนๆ พิกล" เขาทำท่าจะหันไปเรียกลูกสาว เมื่อชิมกับแกล้มใกล้หมดจานใบโต แต่ชายหนุ่มชิงถามขึ้นอีกเสียก่อน
"น้าก็ต้องดื่มทั้งเช้าสายบ่ายเย็นเลยสิ เยอะไหมนี้ เล่นทั้งโหลยาดองเลยนี่นะ"
"ก็จะให้ขลังๆ เข้าไว้ ก็ต้องกินอยู่เองคนเดียวหละนะไอ้หลาน มันไม่ต้องกังวลอะไรนี่ แม่เขียนเขาดูแลได้หมด วันไหนสร่างไม่ทันก็ไม่เป็นไร"
ถึงตอนนี้ชายอาวุโสอีกสองคนต่างมองหน้าแล้วพยักยิ้มให้แก่กันด้วยรู้ดีว่าตลอดชีวิตของนายวง นอกจากมีเมียคอยประคับประคอบชีวิตแล้ว ก็มีแต่ศรัทธาที่แรงกล้าและการเป็นบริวารบริโภคสุราของพ่อปู่เพียงเท่านั้น
"ผมว่าพ่อผมก็เคยมีนะครับลุง เหรียญพ่อปู่ตี๋อะไรเนี่ย แต่ผมไม่ทันได้เห็นหรอกครับ พ่อบอกว่าท่านไม่อยากอยู่กับคนอย่างพ่อ เพราะพ่อเป็นคนไม่กินเหล้าเมายา ขนาดพักหลังแทบจะไม่บูชาเหล้าให้พ่อปู่เลยละมั้ง ท่านก็เลยไม่อยู่ด้วย..นี่เป็นเรื่องตั้งแต่ผมยังไม่เกิดนะน้า ขนาดแม่ยังขออนุญาตตาหอบผ้ามาอยู่ด้วย...เพราะเห็นเป็นคนขยันหมั่นเพียรไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขตรงหน้า...แต่คุ้นๆ นะน้า...เหรียญปู่ตี๋บูชาเหล้าเหมือนกันนี่แหละ"
"เดี๋ยว...เดี๋ยว...ไอ้...หลาน...ชาย" เจ้าของบ้านเอามือป้องปากหาวหวอดๆ "ข้าว่ารู้สึกแปลกๆ มันหาวๆ โหยๆ ง่วงๆ ยังไงพิกลอยู่นา สงสัยพ่อปู่ท่านจะลงประทับทรง...เอ็งเอ้ย...ไม่เคยเลยนะนี่นะ"
นายวงยิ้มอย่างสบใจเต็มที่ ดวงตาหรี่ลงจนเกือบหลับ "เจ้าประคู๊น...ลูกช้างจะรับประทานดื่ม....ให้หนำใจ บูชาพ่อปู่....ให้่ได้่ลิ้มรสทางลิ้นดูบ้าง....ก็คราวนี้แหละ....นะพ่อปู่นะ" เสียงเขายานคางอย่างถึงที่สุด คล้ายสมองเอ่ยสั่งการปากได้อย่างยากเย็น
ชายสูงวัยอีกสองคนก็ทำท่าหาวนอนตามไปด้วย แต่ชายหนุ่มก็ยังเล่าเรื่องของตัวต่อไปด้วยน้ำเสียงที่เนิบช้ากว่าเดิม
"พ่อว่าท่านไปตอนตั้งวงเหล้ากับเพื่อนๆ ในวันหนึ่ง แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดใจเสาะหาอย่างไร พ่อว่าท่านไม่อยู่เพราะบุญพ่อไม่ถึง แต่ก็ดีเพราะไม่ต้องมามัวพะวงบูชาเหล้าเช้าเย็น เอาเงินมาเก็บสะสมไว้ให้ลูกดีกว่า ตั้งแต่นั้นก็ช่วยกันกับแม่เก็บเล็กประสมน้อย ค่อยสร้างเนื้องสร้างตัวกันมาได้จนทุกวันนี้เหมือนกัน พ่อบอกว่าเหรียญพ่อปู่ตี๋นี่ศักดิ์สิทธิ์นักนะน้า...น้า....น้า..." ธนาลองเอื้อมมือไปเขย่าร่างเจ้าของเหรียญ ที่นั่งคอพับพิงตั่งไปเสียแล้ว
......และชายอาวุโสทั้งสามก็นิ่งหลับสนิทอยู่ตรงนั้น......
หญิงสาวที่แอบดูสถานการณ์อยู่ตลอดเวลาจากด้านใน จึงก้าวออกมาพร้อมกับกระเป๋าใบย่อม เอ่ยกับชายหนุ่มด้วยเสียงอันเบา และท่าทางอันสนิทสนมคุ้นเคยกันมานาน
"ไม่ต้องเอาเหรียญพ่อปู่ไปหรอกนะพี่ ฉันขี้เกียจได้ผัวขี้เหล้า....แล้วนี่จะให้ฉันไปกราบคุณพ่อคุณแม่ที่ดำเนินฯ เลยใช่ไหมจ๊ะ"
เมื่อวันที่ : 20 ก.ค. 2546, 19.56 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...