![]() |
![]() |
รจนา ณ เจนีวา![]() |
...ผู้ที่บริสุทธิ์ในศีลเป็นผู้มีกำลัง ระลึกถึงศีลของตัวเองเมื่อไร ปลาบปลื้มมีความสุข จิตใจควรแก่งาน จิตใจพร้อมเป็นสมาธิ อานาปาณสติไม่ได้ พุทโธ พุทโธอะไรไม่ได้ แต่ระลึกถึงศีลของตัวเอง ศีลที่บริสุทธิ์เมื่อไร ได้ผล ได้ผลเร็ว...
คำถาม การนั่งสมาธิ สติก็อยู่กับตัวดีอยู่ แต่พอไปเดินจงกรม สติจงกรม เร็วมาก สังเกตต้นไม้ให้เป็นหลักแล้วก็ยังไม่ได้ผล ใจจะลอยตลอด เอาเรื่องงานอยู่ตลอดเวลา นึกได้อีกที เลยต้นไม้ไปแล้ว พิจารณาดูผมเล็บก็แล้ว ใจก็ยังพะวงกลับไปถึงงาน จะมีคำแนะนำเพิ่มเติมไหมคะ?
คำตอบ
ลาออกจากงานจะได้หมดปัญหาไปเลย.........ไม่หรอกนะพูดเล่น
คือ นี่ก็ได้อธิบายว่า บางทีการภาวนาไม่สงบ แต่ก็ทำให้เราเข้าใจตัวเองได้ดีขึ้น ถ้าเราเพียงแต่พยายามบังคับจิตจะไปคิดเรื่องงาน ไม่ให้ไปคิดเรื่องงาน โดยไม่ยอมรับว่า จิตใจยังมีเรื่องพะวงเกี่ยวกับงาน มีจิตนึงที่ือยากคิดเรื่องงาน เป็นห่วงเรื่องงาน แล้วก็พยายามปัดไป ปัดไป ก็ได้บ้างไม่ได้บ้าง บางทีก็ได้ตอนนั่ง ตอนที่ออกจากนั่งไม่ได้
นี่มันไม่ใช่การแก้ปัญหา ถ้าลึก ๆ มันมีอะไรอยู่ ก็อย่างดีที่สุดก็มีข่มไว้ ถ้าเราไม่ยอมรับปัญหา คือ กำหนดรู้ปัญหา เราก็แก้ปัญหาไม่ได้ จะต้องดูเหตุปัจจัยของปัญหา หรือว่าเราต้องตั้งเป้าหมายของเราให้ชัดเจน เป้าหมายในแต่ละครั้งที่เราเดินจงกรม คือตั้งใจเลยว่า ตอนจงกรมนี่ปัญหาของเราก็คือ ชอบคิดเรื่องงาน แต่เราจะคิดเรื่องงานช่วงเดินจงกรมก็ไม่เกิดประโยชน์ และไม่ต้องการ เราเดินจงกรมเพื่อเจริญสติ เรื่องงานเรามีเวลาคิด เราต้องไม่กังวล ถ้ามีเรื่องอะไรที่เรารู้ว่าเป็นจุดเป็นตัวปัญหาที่เรากำลังเป็นห่วงอยู่ เราจะคิดว่าเรื่องนี้อยู่ที่นี่ คิดเท่ามันก็ไม่ได้แก้ไขอะไร ก็เป็นการเสียเวลาเปล่า ๆ เป็นปัญหาจริงอยู่ เป็นปัญหาที่เราจะต้องแก้ไข แต่ที่นี่ไม่ใช่สถานที่และไม่ใช่เวลาที่จะคิดในเรื่องนั้น
ความสามารถในการหยิบงานขึ้นมา แล้วทำในเวลาที่เหมาะสม และพอหมดเวลา วางไว้ นี่เป็นสิ่งที่เราควรจะสนใจศึกษา เป็นผลที่ควรจะได้จากการปฏิบัติ เราอยู่ที่งาน มีงานทำ มีปัญหา เราก็ทำเต็มที่ แต่พอหมดเวลา หยุดได้ ทำก็ทำ ทำถูกกาลเทศะของมัน ถ้าเราปล่อยวางไม่เป็น ก็จะเป็นอย่างนี้ เป็นการสอนให้เรารู้ว่านี่เป็นข้อบกพร่อง เราก็ยังไม่รู้จักปล่อยวาง
เราจะอยู่ในโลกแบบไม่มีปัญหาอะไรเลย มันก็เป็นไปไม่ได้ คอยให้ทะเลหมดคลื่น โอย ถ้าทะเลหมดคลื่น การเดินทางคงจะราบเรียบ เที่ยวเรือก็คงจะสนุก แต่ธรรมชาติของทะเลมันต้องมีคลื่น ธรรมชาติิของสังคม ธรรมชาติของงานก็คือ ต้องมีปัญหา แต่ทำอย่างไรเราจึงจะสร้างท่าทีต่อปัญหาที่ถูกต้อง คือ ไม่รับรู้เลย พยายามข่มไว้ ข่มไว้ ปัดไป ปัดไป มันจะไม่ค่อยได้ผลเท่าที่ควร เพราะมันเกิดจากการไม่ยอมรับปัญหา
นั่นก็เป็นการฝึกความคิด ฝึกในการปล่อยวาง ไม่ใช่เรื่องการนั่ง เรื่องการเดิน ก็เป็นเรื่องที่ว่าเรามีนิสัยบางอย่างซึ่งตอนเดินเราก็จะเห็นชัด ทำอย่างไรเราจึงจะแก้นิสัยนั้น
คำถาม
เวลาปฏิบัติทำแล้วรู้สึกว่าจิตใจเปลี่ยนไป ชอบอยู่คนเดียวอย่างสงบกับธรรมชาติ ไม่ชอบไปงานเลี้ยงสังสรรค์ ทำให้เวลาอยู่ในสังคมต้องฝืนตัวเอง เช่น ฟังเพลง ร้องเพลง สนุกไปกับเขา ทั้ง ๆ ที่ใจเฉย ๆ ไม่งั้นก็เข้าสังคมไม่ได้ ไม่เหมือนคนอื่น แต่ก็ยอมรับว่า มีความสุขกับการอยู่กับตัวเองมากกว่า เราหลอกคนอื่น ท่านอาจารย์มีความคิดเห็นอย่างไร บางทีก็ไม่เข้าร่วมกิจกรรมอันนั้นไม่เลย ก็กลัวทำให้คนอื่นมองว่า เราไม่ร่วมมือ ไม่เข้าสังคม ก็ไม่ดีอีก บางทีก็วางตัวลำบากเพราะไม่เหมือนคนอื่น
คำตอบ
นี่ก็เป็นโทษของชีวิตฆราวาส ก็เป็นเรื่องที่เราต้องยอมรับ ก็ไม่ใช่ว่าเราเป็นอย่างนี้คนเดียว คนเป็นอย่างนี้หลายคนเหมือนกัน สังคมก็มีหลายสังคม ใช่ไหม มันไม่ใช่ว่า สังคมเป็นปึกแผ่นอันหนึ่งอันเดียว มันก็มีหลายสังคม สังคมเต้นรำก็มี สังคมเล่นไพ่ก็มี สังคมเล่นกีฬาก็มี สังคมเที่ยวไน้ท์คลับก็มี นี่ก็หลายสังคมให้เราเลือก ถ้าเราจะปฏิบัติธรรม มันก็ต้องพยายามเลือกสังคมที่เราเข้าได้ แต่ว่ามันจะว่าเราอยู่ในครอบครัว เราต้องอนุโลมในบางเรื่องก็เป็นเรื่องธรรมดา จะให้มันดีเหมือนเมืองพระสงฆ์ก็คงไม่ได้
เราต้องทำความพอใจให้เกิดขึ้น ใช้เวลาที่มีอยู่ ใช้โอกาสที่มีอยู่ด้วยความไม่ประมาท ที่สำคัญอย่าไปโทษคนอื่นในครอบครัว หรือทำให้เกิดอคติต่อใครหรือสิ่งแวดล้อม มันเป็นอย่างนี้แหละ มันเป็นอย่างนี้เอง ทำอย่างไรเราจึงจะได้ประโยชน์มากที่สุดจากสภาวะอย่างนี้ นี่จะดีกว่า
เมื่อเราอยู่ในสังคมมันก็ควรจะมีหลักบางอย่างที่เรายกไว้ อย่างเช่น เรื่องศีลห้าเป็นต้น บางอย่างที่ไม่ผิดศีลห้า เช่น การฟังเพลง ดูหนัง ดูละคร พวกนี้ก็ไม่เป็นไร ถ้าเราถือศีลแปดเป็นครั้งคราว เพราะเป็็นการขัดเกลาตัวเองเป็นครั้งคราว ก็เป็นสิื่งที่ดี แต่เราอนุโลมในสิ่งที่ไม่ผิดหลักศีลธรรม เช่น ดูหนัง ดูละคร ฟังเพลง ร้องเพลง เราก็ให้ทุำกคนเห็นว่า เราเคร่งแบบไม่เอาสังคมเลย ไม่ร่วมมือเลย แต่ว่าในบางเรื่อง เราก็ขอไม่เอา เรื่องการเล่นการพนัน เรื่องการเที่ยวกินเหล้า เรื่องอะไรที่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติ เพราะฉะนั้นก็จะเป็นการไม่กตัญญูต่อพระศรีรัตนตรัย พระพุทธเจ้าคือคุณบิดา เป็นพ่อใหญ่ของเรา คุณพ่อของเรา คุณพ่อโดยทั่วไปก็ืคือพ่อเล็ก พระพุทธเจ้าคือพ่อใหญ่ พระพุทธเจ้าเป็นพ่อทุกภพทุกชาติ เรื่องความกตัญญูต่อพระพุทธเจ้าต้องเป็นที่หนึ่ง
อยู่ในสังคมก็ต้องฉลาด ต้องมีศิลปะ ต้องรู้จักสงวนในสิ่งที่ควรสงวน อนุโลมในสิ่งที่ควรอนุโลม ในเรื่องศีลก็พยายาม เรื่องสัมมาวาจาก็พยายาม เรื่องกินเหล้านี่ต้องเคร่งครัดหน่อยนะ มันจึงจะได้อานิสงส์ของศีล
เล่านิทานให้ฟัง เป็นนิทานฝรั่ง มีเศรษฐีคนหนึ่งมลูกชายสามคน เศรษฐีคนนี้เป็นพ่อค้า ก็มอบเรือลำดี ๆ ให้ลูกคนโตลูกคนกลาง ให้สินค้าอะไรหลายอย่าง ให้ไปค้าขายต่างประเทศ บ้านเขาอยู่ท่าเรือ ลูกคนสุดท้องอยากไปมั่งก็ไม่ให้ไป ในสายตาของพ่อ ลูกสุดท้องไม่ค่อยมีสติปัญญา ไปต่างประเทศก็คงไม่ได้ผลอะไร
ลูกคนโตคนกลางหายไปนาน ลูกสุดท้องอยากไปมาก รบเร้าคุณพ่อทุกวัน สุดท้ายพ่อก็ยอม แต่ให้เรือเล็ก ๆ เก่า ๆ ถ้าเทียบทุกวันนี้ เหมือนลูกคนโตคนกลางให้รถเบ๊นซ์ ลูกคนสุดท้องในรถญี่ปุ่นเล็ก ๆ เขาก็ไม่บ่น เขาก็ดีใจ ออกไป สินค้าก็มีแต่ของขาด ๆ ของเก่า ๆ พ่อคงคิดว่า เขาหมดสนุกแล้ว เขาก็จะกลับมา
ลูกชายคนสุดท้องปรากฏว่าเป็นคนเก่งเหมือนกัน ตั้งอกตั้งใจ แล่นไป แล่นไป ก็เห็นเกาะ ๆ หนึ่ง ก็ไปดูว่ามีอะไรบ้าง มีวัตถุดิบอะไรบ้าง ก็เห็นกลางเกาะมีภูเขาสีขาวหมด ก็เลยเดินไปดู ปรากฏว่าเป็นภูเขาทำด้วยเกลือ ก็เลยเอาสินค้าที่เอามาจากบ้านไปทิ้ง เอาเกลือลงเรือ แล่นไป แล่นไป ไปถึงอีกประเทศหนึ่ง ก็เอาเกลือไปเสนอพระราชา พระราชาไม่รู้จักเกลือ สินค้าอะไรไม่มีประโยชน์อะไร เป็นขี้ดินขาว ๆ ก็ไล่ออกจากวัง แต่คนนี้มีความอดทนมีความตั้งอกตั้งใจ นี่แสดงว่าีที่นี่เขาไม่กินเกลือ อาหารเขา กับข้าวเขาก็คงไม่มีรสชาติอะไรเลย คงจะจืดมาก ๆ เขาเลยแอบเข้าไปในโรงครัว ไปสังเกตการณ์ ก็ใช่ เขาเลยขออนุญาต หรือเขาแอบไป เขาคงไม่กล้าขออนุญาต เขาแอบเอาเกลือใส่ไปในแกงทุกหม้อ แล้วก็คอยดู เขาเอาอาหารไปให้พระราชาเสวย โอย วันนี้ทำไมอาหารอร่อยจังเลย ทำไมอร่อยผิดสังเกต สั่งให้ไปเช็คที่โรงครัวว่าเขาทำอะไรจึงทำกับข้าวได้ดี เขาก็งง ๆ อยู่เหมือนกัน ลูกสุดท้องของเศรษฐีก็มาบอกว่า ผมทำเอง ผมเอาสิ่งนี้ที่เรียกว่าเกลือลงไปในหม้อ พระราชาเลยซื้่อทั้งหมดเลย ให้ราคาดี เพราะว่า่ประเทศเขาไม่มีเลย
นี่นี้ก็รวยแล้วก็ต้องมีเรื่องผู้หญิง ลูกสาวของพระราชาก็หลงรัก ถ้าไม่มีก็ไม่ใช่นิทาน ที่นี้ก็จะกลับบ้านแล้ว มีเงิน มีทอง มีภรรยา หมั้นก่อนแล้วไปแต่งที่บ้าน นี่ไปเจอกลางทะเล ไปเจอเรือสองลำของพี่ที่ลงมาดูว่า น้องทำอะไร ว่าแล้วก็ยึดหมดเลย คนหนึ่งก็เอาเงิน คนหนึ่งก็เอาผู้หญิง น้องก็หมด เขาปล่อยเกาะด้วย ให้ตาย โชคดีว่าเกาะนั้นมันมียักษ์ใจดี สงสาร รู้เรื่องของคนนี้ สงสาร เขาก็ชักหมดกำลังใจแล้ว ทุกข์ พี่จะไปถึงบ้านแล้วจะไปโกหกพ่อว่าเป็นเงินของเขา ผู้หญิงของเขา หมด ยักษ์ก็ว่าไม่เป็นไร นั่งบนหลังของฉัน ฉันจะพาไป เขาก็ขึ้นหลัง ยักษ์ก็เดินออกไปในมหาสมุทร เขาตัวใหญ่มาก มหาสมุทรก็แค่ระดับเอว
มาถึงประเทศนั้น เชิญกลับบ้านได้ โอย ขอบคุณมาก ไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณอย่างไร ไม่ต้องตอบแทนอะไรหรอก ถือว่าทำบุญแล้วกัน แต่ว่าจะต้องขออย่างหนึ่ง คือ ฉันเป็นยักษ์นิรนาม คือพยายามปิดทองหลังพระ ไม่อยากให้ใครรู้ว่า คือใคร เราทำอะไร ไม่ขออะไรหรอก อย่าบอกใครว่ามาอย่างไร ถ้าบอก ฉันจะต้องมาจัดการ ครับผมไม่บอก ถือว่าเป็นความลับ
วิ่งเข้าไปในบ้าน พอผู้หญิงเห็น เขาดีใจมาก เพราะคิดว่าคู่หมั้นเขาตายไปแล้ว ก็เลยรีบบอกความจริงให้กับพ่อ พ่้อก็เลยต้อนรับอย่างดี เงินให้คืน ให้แต่งงานกับผู้หญิง ทีนี้ทุกคนก็อัศจรรย์ว่า มายังไง ผมพูดไม่ได้ แต่ว่าเสียอย่างไรรู้ไหม ฉลองการแต่งงาน กินเหล้า นี่เรื่องของเรื่องที่ยาวก็เพื่อจะเล่าเรื่องนี้ กินเหล้า และความสำรวมมันก็ค่อยหมดไป หมดไป ฉันก็พูดได้ แต่้ไม่พูดหรอก
พูดสิ พูดสิ ไม่ สุดท้ายอดไม่ได้ ต้องอวดว่า ฉันมาที่นี่ มาบนหลังของยักษ์ พอพูดอย่างนี้ มีเสียงเปรี้ยง เสียงยักษ์เดินมา ข้ามทะเล จะไปฆ่าเพราะว่าผิดสัจจะ ไม่กินเหล้านี่ไม่ผิดนะ เก็บความลับตลอดชีวิต เห็นบุญคุณของยักษ์มาก แต่พอกินเหล้า ความรู้สึกในบุญคุณ บาปบุญคุณโทษหมดไป ลืมตัว
ยักษ์มา ทำไมจึงผิดสัจจะอย่างนี้ เสียสัจจะ ผมไม่ได้ตั้งใจ แต่ผมกินเหล้า ผมช่วยไม่ได้ เหล้าคืออะไร ยักษ์ตัีวนี้ดี ไม่เคยรู้ว่าเหล้าคืออะไร เหล้าคือสิ่งที่ทำให้บ้าครับ คือยังไม่ีเชื่อ คิดว่าเขาหาข้ออ้าง ก็เอาให้กิน โอ๊ย แก้วแค่นี้ไม่ได้ เอาถังเหล้ามา กรึบ กรึบ กรึบ กรึบ กินหมดเลย อาละวาด บินไปบินมา ทุบบ้านหลังนั้น ทุกคนก็วิ่งหนี เมืองของเศรษฐีถูกทำลายเกือบหมดเลย
เสร็จแล้วก็ตื่นขึ้นมา ยักษ์ใจดีก็อ้าว อะไรเกิดขึ้น เขาบอกว่า คุณกินเหล้าแล้วคุณอาละวาด นี่หรือฤทธิ์ของเหล้า อ้อ เข้าใจแล้วว่า ทำไมน้องถึงเสียสัจจะ ไม่ลงโทษ ฉันเห็นแล้ว ฤทธิ์ของเหล้านี่น่ากลัวที่สุดในโลก หมดแล้ว ชาตินี้ไม่เอาอีกแล้ว น้องบอก ผมก็ไม่เอาเหมือนกันครับ ตกลงทุกคนในบ้านเลิกตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นไป เรื่องของเหล้า
ผู้ที่บริสุทธิ์ในศีลเป็นผู้มีกำลัง ระลึกถึงศีลของตัวเองเมื่อไร ปลาบปลื้มมีความสุข จิตใจควรแก่งาน จิตใจพร้อมเป็นสมาธิ อานาปาณสติไม่ได้ พุทโธ พุทโธอะไรไม่ได้ แต่ระลึกถึงศีลของตัวเอง ศีลที่บริสุทธิ์เมื่อไร ได้ผล ได้ผลเร็ว มันเป็นของศักดิ์สิทธิ์นะ ถ้าเรารักษาทุกข้อให้ดี ถ้ารักษาสามข้อบ้าง สี่ข้อบ้าง ก็ที่เราผิดศีลนิด ๆ น้อย ๆ ก็มักจะมีข้ออ้าง แต่ว่าถึงแม้ว่าเราจะอ้างว่าความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นจากการผิดศีลของเราน้อย เราเลยมองข้ามสิ่งที่ขาดไป สิ่งที่เราควรจะได้จากการเป็นผู้ทรงศีล นี่ก็เป็นข้อคิดในเรื่องของศีลธรรม รักษาไว้ก็ดี จะได้ผ่องใส ผู้มีความสุข
เมื่อวันที่ : 07 พ.ย. 2549, 14.50 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...