นิตยสารรายสะดวก  Regular Articles  ๐๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๙
คำถาม-คำตอบจากการปฏิบัติ (หนึ่ง) (คำเทศน์ โดย ชยสาโรภิกขุ)
รจนา ณ เจนีวา
...ผู้​​ที่บริสุทธิ์ในศีล​​เป็นผู้มี​​กำลัง ระลึกถึงศีลของตัวเอง​​เมื่อไร ปลาบปลื้มมี​​ความสุข จิตใจควรแก่งาน จิตใจ​​พร้อม​​เป็นสมาธิ อานาปาณสติไม่​​ได้ พุทโธ พุทโธอะไร​​ไม่​​ได้ ​​แต่ระลึกถึงศีลของตัวเอง ศีล​​ที่บริสุทธิ์​​เมื่อไร ​​ได้ผล ​​ได้ผลเร็ว...
คำถาม
การนั่งสมาธิ สติก็อยู่​​กับตัวดีอยู่​ ​แต่พอ​ไปเดินจงกรม สติจงกรม เร็วมาก สังเกตต้นไม้ให้​เป็นหลักแล้ว​ก็ยังไม่​ได้ผล ใจ​จะลอยตลอด ​เอาเรื่อง​งานอยู่​ตลอดเวลา นึก​ได้อีกที เลย​ต้นไม้​ไปแล้ว​ พิจารณาดูผมเล็บก็แล้ว​ ใจก็ยังพะวงกลับ​ไปถึงงาน ​จะมีคำแนะนำเพิ่มเติมไหมคะ​?

คำตอบ
ลาออกจากงาน​จะ​ได้หมดปัญหา​ไปเลย​...​...​...​ไม่หรอกนะพูดเล่น

​คือ นี่ก็​ได้อธิบายว่า บางทีการภาวนาไม่สงบ ​แต่ก็ทำให้เราเข้าใจตัวเอง​ได้ดีขึ้น​ ​ถ้าเราเพียง​แต่พยายามบังคับจิต​จะ​ไปคิดเรื่อง​งาน ไม่ให้​ไปคิดเรื่อง​งาน ​โดยไม่ยอมรับว่า จิตใจยังมีเรื่อง​พะวงเกี่ยว​กับงาน มีจิตนึง​ที่ือยากคิดเรื่อง​งาน ​เป็นห่วงเรื่อง​งาน แล้ว​ก็พยายามปัด​ไป ปัด​ไป ก็​ได้บ้างไม่​ได้บ้าง บางทีก็​ได้ตอนนั่ง ตอน​ที่ออกจากนั่งไม่​ได้

นี่มันไม่ใช่การแก้ปัญหา ​ถ้าลึก ๆ​ มันมีอะไร​อยู่​ ก็อย่างดี​ที่สุดก็มีข่มไว้ ​ถ้าเราไม่ยอมรับปัญหา ​คือ กำหนดรู้ปัญหา เราก็แก้ปัญหาไม่​ได้ ​จะ​ต้องดูเหตุปัจจัยของปัญหา หรือว่าเรา​ต้องตั้งเป้าหมายของเราให้ชัดเจน เป้าหมายใน​แต่ละครั้ง​ที่เราเดินจงกรม ​คือตั้งใจเลย​ว่า ตอนจงกรมนี่ปัญหาของเราก็​คือ ชอบคิดเรื่อง​งาน ​แต่เรา​จะคิดเรื่อง​งานช่วงเดินจงกรมก็ไม่เกิดประโยชน์ ​และไม่​ต้องการ เราเดินจงกรม​เพื่อเจริญสติ เรื่อง​งานเรามีเวลาคิด เรา​ต้องไม่กังวล ​ถ้ามีเรื่อง​อะไร​​ที่เรารู้ว่า​เป็นจุด​เป็นตัวปัญหา​ที่เรา​กำลัง​เป็นห่วงอยู่​ เรา​จะคิดว่าเรื่อง​นี้อยู่​​ที่นี่ คิดเท่ามันก็ไม่​ได้แก้ไขอะไร​ ก็​เป็นการเสียเวลาเปล่า ๆ​ ​เป็นปัญหาจริงอยู่​ ​เป็นปัญหา​ที่เรา​จะ​ต้องแก้ไข ​แต่​ที่นี่ไม่ใช่สถาน​ที่​และไม่ใช่เวลา​ที่​จะคิดในเรื่อง​นั้น​

​ความ​สามารถในการหยิบงานขึ้น​มา แล้ว​ทำในเวลา​ที่เหมาะสม ​และพอหมดเวลา วางไว้ นี่​เป็นสิ่ง​ที่เราควร​จะสนใจศึกษา ​เป็นผล​ที่ควร​จะ​ได้จาก​การปฏิบัติ เราอยู่​​ที่งาน มีงานทำ มีปัญหา เราก็ทำเต็ม​ที่ ​แต่พอหมดเวลา หยุด​ได้ ทำก็ทำ ทำถูกกาลเทศะของมัน ​ถ้าเราปล่อยวางไม่​เป็น ก็​จะ​เป็นอย่างนี้ ​เป็นการสอนให้เรารู้ว่านี่​เป็นข้อบกพร่อง เราก็ยังไม่รู้จักปล่อยวาง

เรา​จะอยู่​ในโลกแบบไม่มีปัญหาอะไร​เลย​ มันก็​เป็น​ไปไม่​ได้ คอยให้ทะเลหมดคลื่น โอย ​ถ้าทะเลหมดคลื่น การเดินทางคง​จะราบเรียบ เ​ที่ยวเรือก็คง​จะสนุก ​แต่ธรรมชาติของทะเลมัน​ต้องมีคลื่น ธรรมชาติิของสังคม ธรรมชาติของงานก็​คือ ​ต้องมีปัญหา ​แต่ทำอย่างไรเราจึง​จะสร้างท่าทีต่อปัญหา​ที่ถูก​ต้อง ​คือ ไม่รับรู้เลย​ พยายามข่มไว้ ข่มไว้ ปัด​ไป ปัด​ไป มัน​จะไม่ค่อย​ได้ผลเท่า​ที่ควร ​เพราะมันเกิดจากการไม่ยอมรับปัญหา

นั่นก็​เป็นการฝึก​ความคิด ฝึกในการปล่อยวาง ไม่ใช่เรื่อง​การนั่ง เรื่อง​การเดิน ก็​เป็นเรื่อง​​ที่ว่าเรามีนิสัยบางอย่าง​ซึ่งตอนเดินเราก็​จะเห็นชัด ทำอย่างไรเราจึง​จะแก้นิสัยนั้น​

คำถาม
เวลาปฏิบัติทำแล้ว​รู้สึกว่า​จิตใจเปลี่ยน​ไป ชอบอยู่​คนเดียวอย่างสงบ​กับธรรมชาติ ไม่ชอบ​ไปงานเลี้ยงสังสรรค์ ทำให้เวลาอยู่​ในสังคม​ต้องฝืนตัวเอง เช่น ฟังเพลง ร้องเพลง สนุก​ไป​กับ​เขา ​ทั้ง ๆ​ ​ที่ใจเฉย ๆ​ ไม่งั้นก็เข้าสังคมไม่​ได้ ไม่เหมือนคนอื่น ​แต่ก็ยอมรับว่า มี​ความสุข​กับการอยู่​​กับตัวเองมากกว่า เราหลอกคนอื่น ท่านอาจารย์มี​ความคิดเห็นอย่างไร บางทีก็ไม่เข้าร่วมกิจกรรมอันนั้น​ไม่เลย​ ก็กลัวทำให้คนอื่นมองว่า เราไม่ร่วมมือ ไม่เข้าสังคม ก็ไม่ดีอีก บางทีก็วางตัวลำบาก​เพราะไม่เหมือนคนอื่น

คำตอบ
นี่ก็​เป็นโทษของชีวิตฆราวาส ก็​เป็นเรื่อง​​ที่เรา​ต้องยอมรับ ก็ไม่ใช่ว่าเรา​เป็นอย่างนี้คนเดียว คน​เป็นอย่างนี้หลายคนเหมือนกัน สังคมก็มีหลายสังคม ใช่ไหม มันไม่ใช่ว่า สังคม​เป็นปึกแผ่นอันหนึ่ง​อันเดียว มันก็มีหลายสังคม สังคมเต้นรำก็มี สังคมเล่นไพ่ก็มี สังคมเล่นกีฬาก็มี สังคมเ​ที่ยวไน้ท์คลับก็มี นี่ก็หลายสังคมให้เราเลือก ​ถ้าเรา​จะปฏิบัติธรรม มันก็​ต้องพยายามเลือกสังคม​ที่เราเข้า​ได้ ​แต่ว่ามัน​จะว่าเราอยู่​ในครอบครัว เรา​ต้องอนุโลมในบางเรื่อง​ก็​เป็นเรื่อง​ธรรมดา ​จะให้มันดีเหมือนเมือง​พระสงฆ์ก็คงไม่​ได้

เรา​ต้องทำ​ความพอใจให้เกิดขึ้น​ ​ใช้เวลา​ที่มีอยู่​ ​ใช้โอกาส​ที่มีอยู่​ด้วย​ความไม่ประมาท ​ที่สำคัญอย่า​ไปโทษคนอื่นในครอบครัว หรือทำให้เกิดอคติต่อ​ใครหรือสิ่งแวดล้อม มัน​เป็นอย่างนี้แหละ​ มัน​เป็นอย่างนี้เอง ทำอย่างไรเราจึง​จะ​ได้ประโยชน์มาก​ที่สุดจากสภาวะอย่างนี้ นี่​จะดีกว่า

​เมื่อเราอยู่​ในสังคมมันก็ควร​จะมีหลักบางอย่าง​ที่เรายกไว้ อย่างเช่น เรื่อง​ศีลห้า​เป็นต้น บางอย่าง​ที่ไม่ผิดศีลห้า เช่น การฟังเพลง ดูหนัง ดูละคร พวกนี้ก็ไม่​เป็นไร ​ถ้าเราถือศีลแปด​เป็นครั้งคราว ​เพราะเป็็นการขัดเกลาตัวเอง​เป็นครั้งคราว ก็​เป็นสิื่ง​ที่ดี ​แต่เราอนุโลมในสิ่ง​ที่ไม่ผิดหลักศีลธรรม เช่น ดูหนัง ดูละคร ฟังเพลง ร้องเพลง เราก็ให้ทุำกคนเห็นว่า เราเคร่งแบบไม่​เอาสังคมเลย​ ไม่ร่วมมือเลย​ ​แต่ว่าในบางเรื่อง​ เราก็ขอไม่​เอา เรื่อง​การเล่นการพนัน เรื่อง​การเ​ที่ยวกินเหล้า เรื่อง​อะไร​​ที่​เป็นอุปสรรคต่อ​การปฏิบัติ ​เพราะฉะนั้น​ก็​จะ​เป็นการไม่กตัญญูต่อ​พระศรีรัตนตรัย ​พระพุทธเจ้า​คือคุณบิดา ​เป็นพ่อใหญ่ของเรา คุณพ่อของเรา คุณพ่อ​โดยทั่ว​ไปก็ื​คือพ่อเล็ก ​พระพุทธเจ้า​คือพ่อใหญ่ ​พระพุทธเจ้า​เป็นพ่อทุกภพทุกชาติ เรื่อง​​ความกตัญญูต่อ​พระพุทธเจ้า​ต้อง​เป็น​ที่หนึ่ง​

อยู่​ในสังคมก็​ต้องฉลาด ​ต้องมีศิลปะ ​ต้องรู้จักสงวนในสิ่ง​ที่ควรสงวน อนุโลมในสิ่ง​ที่ควรอนุโลม ในเรื่อง​ศีลก็พยายาม เรื่อง​สัมมาวาจาก็พยายาม เรื่อง​กินเหล้านี่​ต้องเคร่งครัดหน่อย​นะ มันจึง​จะ​ได้อานิสงส์ของศีล

เล่านิทานให้ฟัง ​เป็นนิทานฝรั่ง มีเศรษฐีคนหนึ่ง​มลูกชายสามคน เศรษฐีคนนี้​เป็นพ่อค้า ก็มอบเรือลำดี ๆ​ ให้ลูกคนโตลูกคนกลาง ให้สินค้าอะไร​หลายอย่าง ให้​ไปค้าขายต่างประเทศ บ้าน​เขาอยู่​ท่าเรือ ลูกคนสุดท้องอยาก​ไปมั่งก็ไม่ให้​ไป ในสายตาของพ่อ ลูกสุดท้องไม่ค่อยมีสติปัญญา ​ไปต่างประเทศก็คงไม่​ได้ผลอะไร​

ลูกคนโตคนกลางหาย​ไปนาน ลูกสุดท้องอยาก​ไปมาก รบเร้าคุณพ่อทุกวัน สุดท้ายพ่อก็ยอม ​แต่ให้เรือเล็ก ๆ​ เก่า ๆ​ ​ถ้าเทียบทุกวันนี้ เหมือนลูกคนโตคนกลางให้รถเบ๊นซ์ ลูกคนสุดท้องในรถญี่ปุ่นเล็ก ๆ​ ​เขาก็ไม่บ่น ​เขาก็ดีใจ ออก​ไป สินค้าก็มี​แต่ของขาด ๆ​ ของเก่า ๆ​ พ่อคงคิดว่า ​เขาหมดสนุกแล้ว​ ​เขาก็​จะกลับมา

ลูกชายคนสุดท้องปรากฏว่า​เป็นคนเก่งเหมือนกัน ตั้งอกตั้งใจ แล่น​ไป แล่น​ไป ก็เห็นเกาะ ๆ​ หนึ่ง​ ก็​ไปดูว่ามีอะไร​บ้าง มีวัตถุดิบอะไร​บ้าง ก็เห็นกลางเกาะมีภูเขาสีขาวหมด ก็เลย​เดิน​ไปดู ปรากฏว่า​เป็นภูเขาทำด้วยเกลือ ก็เลย​​เอาสินค้า​ที่​เอามาจากบ้าน​ไปทิ้ง ​เอาเกลือลงเรือ แล่น​ไป แล่น​ไป ​ไปถึงอีกประเทศหนึ่ง​ ก็​เอาเกลือ​ไปเสนอ​พระราชา ​พระราชาไม่รู้จักเกลือ สินค้าอะไร​ไม่มีประโยชน์อะไร​ ​เป็นขี้ดินขาว ๆ​ ก็ไล่ออกจากวัง ​แต่คนนี้มี​ความอดทนมี​ความตั้งอกตั้งใจ นี่แสดงว่าี​ที่นี่​เขาไม่กินเกลือ อาหาร​เขา ​กับข้าว​เขาก็คงไม่มีรสชาติอะไร​เลย​ คง​จะจืดมาก ๆ​ ​เขาเลย​แอบเข้า​ไปในโรงครัว ​ไปสังเกตการณ์ ก็ใช่ ​เขาเลย​ขออนุญาต หรือ​เขาแอบ​ไป ​เขาคงไม่กล้าขออนุญาต ​เขาแอบ​เอาเกลือใส่​ไปในแกงทุกหม้อ แล้ว​ก็คอยดู ​เขา​เอาอาหาร​ไปให้​พระราชาเสวย โอย วันนี้ทำไมอาหารอร่อยจังเลย​ ทำไมอร่อยผิดสังเกต สั่งให้​ไปเช็ค​ที่โรงครัวว่า​เขาทำอะไร​จึงทำ​กับข้าว​ได้ดี ​เขาก็งง ๆ​ อยู่​เหมือนกัน ลูกสุดท้องของเศรษฐีก็มาบอกว่า ผมทำเอง ผม​เอาสิ่งนี้​ที่เรียกว่าเกลือลง​ไปในหม้อ ​พระราชาเลย​ซื้่อ​ทั้งหมดเลย​ ให้ราคาดี ​เพราะว่า่ประเทศ​เขาไม่มีเลย​

นี่นี้ก็รวยแล้ว​ก็​ต้องมีเรื่อง​ผู้หญิง ลูกสาวของ​พระราชาก็หลงรัก ​ถ้าไม่มีก็ไม่ใช่นิทาน ​ที่นี้ก็​จะกลับบ้านแล้ว​ มีเงิน มีทอง มีภรรยา หมั้นก่อนแล้ว​​ไป​แต่ง​ที่บ้าน นี่​ไปเจอกลางทะเล ​ไปเจอเรือสองลำของพี่​ที่ลงมาดูว่า น้องทำอะไร​ ว่าแล้ว​ก็ยึดหมดเลย​ คนหนึ่ง​ก็​เอาเงิน คนหนึ่ง​ก็​เอาผู้หญิง น้องก็หมด ​เขาปล่อยเกาะด้วย ให้ตาย โชคดีว่าเกาะนั้น​มันมียักษ์ใจดี สงสาร รู้เรื่อง​ของคนนี้ สงสาร ​เขาก็ชักหมด​กำลังใจแล้ว​ ทุกข์ พี่​จะ​ไปถึงบ้านแล้ว​​จะ​ไปโกหกพ่อว่า​เป็นเงินของ​เขา ผู้หญิงของ​เขา หมด ยักษ์ก็ว่าไม่​เป็นไร นั่งบนหลังของฉัน ฉัน​จะพา​ไป ​เขาก็ขึ้น​หลัง ยักษ์ก็เดินออก​ไปในมหาสมุทร ​เขาตัวใหญ่มาก มหาสมุทรก็แค่ระดับเอว

มาถึงประเทศนั้น​ เชิญกลับบ้าน​ได้ โอย ขอบคุณมาก ไม่รู้​จะตอบแทนบุญคุณอย่างไร ไม่​ต้องตอบแทนอะไร​หรอก ถือว่าทำบุญแล้ว​กัน ​แต่ว่า​จะ​ต้องขออย่างหนึ่ง​ ​คือ ฉัน​เป็นยักษ์นิรนาม ​คือพยายามปิดทองหลัง​พระ ไม่อยากให้​ใครรู้ว่า ​คือ​ใคร เราทำอะไร​ ไม่ขออะไร​หรอก อย่าบอก​ใครว่ามาอย่างไร ​ถ้าบอก ฉัน​จะ​ต้องมาจัดการ ครับ​ผมไม่บอก ถือว่า​เป็น​ความลับ

วิ่งเข้า​ไปในบ้าน พอผู้หญิงเห็น ​เขาดีใจมาก ​เพราะคิดว่าคู่หมั้น​เขาตาย​ไปแล้ว​ ก็เลย​รีบบอก​ความจริงให้​กับพ่อ พ่้อก็เลย​ต้อนรับอย่างดี เงินให้คืน ให้​แต่งงาน​กับผู้หญิง ทีนี้ทุกคนก็อัศจรรย์ว่า มายังไง ผมพูดไม่​ได้ ​แต่ว่าเสียอย่างไรรู้ไหม ฉลองการ​แต่งงาน กินเหล้า นี่เรื่อง​ของเรื่อง​​ที่ยาวก็​เพื่อ​จะเล่าเรื่อง​นี้ กินเหล้า ​และ​ความสำรวมมันก็ค่อยหมด​ไป หมด​ไป ฉันก็พูด​ได้ ​แต่้ไม่พูดหรอก

พูดสิ พูดสิ ไม่ สุดท้ายอดไม่​ได้ ​ต้องอวดว่า ฉันมา​ที่นี่ มาบนหลังของยักษ์ พอพูดอย่างนี้ มีเสียงเปรี้ยง เสียงยักษ์เดินมา ข้ามทะเล ​จะ​ไปฆ่า​เพราะว่าผิดสัจ​จะ ไม่กินเหล้านี่ไม่ผิดนะ เก็บ​ความลับตลอดชีวิต เห็นบุญคุณของยักษ์มาก ​แต่พอกินเหล้า ​ความรู้สึกในบุญคุณ บาปบุญคุณโทษหมด​ไป ลืมตัว

ยักษ์มา ทำไมจึงผิดสัจ​จะอย่างนี้ เสียสัจ​จะ ผมไม่​ได้ตั้งใจ ​แต่ผมกินเหล้า ผมช่วยไม่​ได้ เหล้า​คืออะไร​ ยักษ์ตัีวนี้ดี ไม่เคยรู้ว่าเหล้า​คืออะไร​ เหล้า​คือสิ่ง​ที่ทำให้บ้าครับ​ ​คือยังไม่ีเชื่อ คิดว่า​เขาหาข้ออ้าง ก็​เอาให้กิน โอ๊ย แก้วแค่นี้ไม่​ได้ ​เอาถังเหล้ามา กรึบ กรึบ กรึบ กรึบ กินหมดเลย​ อาละวาด บิน​ไปบินมา ทุบบ้านหลังนั้น​ ทุกคนก็วิ่งหนี เมืองของเศรษฐีถูกทำลายเกือบหมดเลย​

เสร็จแล้ว​ก็ตื่นขึ้น​มา ยักษ์ใจดีก็อ้าว อะไร​เกิดขึ้น​ ​เขาบอกว่า คุณกินเหล้าแล้ว​คุณอาละวาด นี่หรือฤทธิ์ของเหล้า อ้อ เข้าใจแล้ว​ว่า ทำไมน้องถึงเสียสัจ​จะ ไม่ลงโทษ ฉันเห็นแล้ว​ ฤทธิ์ของเหล้านี่น่ากลัว​ที่สุดในโลก หมดแล้ว​ ชาตินี้ไม่​เอาอีกแล้ว​ น้องบอก ผมก็ไม่​เอาเหมือนกันครับ​ ตกลงทุกคนในบ้านเลิกตั้งแต่บัดนั้น​​เป็นต้น​ไป เรื่อง​ของเหล้า

ผู้​ที่บริสุทธิ์ในศีล​เป็นผู้มี​กำลัง ระลึกถึงศีลของตัวเอง​เมื่อไร ปลาบปลื้มมี​ความสุข จิตใจควรแก่งาน จิตใจ​พร้อม​เป็นสมาธิ อานาปาณสติไม่​ได้ พุทโธ พุทโธอะไร​ไม่​ได้ ​แต่ระลึกถึงศีลของตัวเอง ศีล​ที่บริสุทธิ์​เมื่อไร ​ได้ผล ​ได้ผลเร็ว มัน​เป็นของศักดิ์สิทธิ์นะ ​ถ้าเรารักษาทุกข้อให้ดี ​ถ้ารักษาสามข้อบ้าง สี่ข้อบ้าง ก็​ที่เราผิดศีลนิด ๆ​ น้อย ๆ​ ก็มัก​จะมีข้ออ้าง ​แต่ว่าถึง​แม้ว่าเรา​จะอ้างว่า​ความเดือดร้อน​ที่เกิดขึ้น​จากการผิดศีลของเราน้อย เราเลย​มองข้ามสิ่ง​ที่ขาด​ไป สิ่ง​ที่เราควร​จะ​ได้จากการ​เป็นผู้ทรงศีล นี่ก็​เป็นข้อคิดในเรื่อง​ของศีลธรรม รักษาไว้ก็ดี ​จะ​ได้ผ่องใส ผู้มี​ความสุข

 

F a c t   C a r d
Article ID A-1995 Article's Rate 0 votes
ชื่อเรื่อง คำถาม-คำตอบจากการปฏิบัติ (หนึ่ง) (คำเทศน์ โดย ชยสาโรภิกขุ)
ผู้แต่ง รจนา ณ เจนีวา
ตีพิมพ์เมื่อ ๐๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๙
ตีพิมพ์ในคอลัมน์ ประกายธรรมนำทาง
จำนวนผู้เปิดอ่าน ๗๐๓ ครั้ง
จำนวนความเห็น ๔ ความเห็น
จำนวนดอกไม้รวม
| | | |
เชิญโหวตให้เรตติ้งดอกไม้แก่ข้อเขียนนี้  
R e a d e r ' s   C o m m e n t
ความเห็นที่ ๑ : ศาลานกน้อย [C-9608 ], [000.000.000.000]
เมื่อวันที่ : 07 พ.ย. 2549, 14.50 น.

ผู้อ่าน​ที่รัก,

นิตยสารรายสะดวก​ ​และผู้เขียนยินดีรับฟัง​ความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดง​ความเห็น​ได้​โดยอิสระ ขอขอบคุณ​และรู้สึก​เป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมี​ส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...​

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๒ : ตะวัน [C-9806 ], [202.44.144.2]
เมื่อวันที่ : 21 พ.ย. 2549, 13.17 น.

ขอให้คุณเจนีวาช่วยหาบท​ความขอท่าอ.ปสันโน เจ้าอาวาสวัดป่าอภัยคีรีมาลงด้วย​จะขอบคุณมากคำสอนท่านทันสมัยฟังง่ายครับ​
ตะวัน

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๓ : Rotjana Geneva [C-10078 ], [83.180.229.80]
เมื่อวันที่ : 12 ธ.ค. 2549, 20.21 น.

ตอบคุณตะวัน
ขอโทษ​ที่ช้า​ไปหน่อย​นะคะ​ แล้ว​รจนา​จะลองเช็คดูนะคะ​ ​เพราะหากมีคนเผยแพร่แล้ว​ก็ไม่อยาก​จะเผยแพร่ซ้ำน่ะค่ะ​
ด้วยมิตรไมตรี

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๔ : พญาไฟ [C-11652 ], [124.121.18.80]
เมื่อวันที่ : 08 มิ.ย. 2550, 20.19 น.

สวัสดีค่ะ​

ชอบนิทานธรรมะ หนูอยากฟังอีก

แจ้งลบข้อความ


สั่งให้ระบบส่งเมลแจ้งการเพิ่มเติมความเห็น
 ศาลานกน้อย พร้อมบริการเสมอ และยินดีรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกท่าน  ติดต่อเว็บมาสเตอร์ได้ทางคอลัมน์ คุยกับลุงเปี๊ยก หรือทางอีเมลได้ที่ uncle-piak@noknoi.com  พัฒนาระบบ : ธีรพงษ์ สุทธิวราภิรักษ์  โลโกนกน้อย : สุชา สนิทวงศ์  ภาพดอกไม้ในนกแชท : ณัฐพร บุญประภา  ลิขสิทธิ์งานเขียนในนิตยสารรายสะดวก เป็นของผู้เขียนเรื่องนั้น  ข้อความที่โพสบนเว็บไซต์แห่งนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้โพสทั้งสิ้น