![]() |
![]() |
SONG-982![]() |
...ตีพิมพ์ครั้งแรก รวมเรื่องสั้นชุด "รักพ่อ รักนี้ไม่ธรรมดา" สำนักพิมพ์บ้านหนังสือโกสินทร์ ธันวาคม 2549...
(เรื่องแต่งเสมือนจริง จากประสบการณ์จริงในชีวิต)
เขตตลิ่งชันขณะนั้น คือช่วง พ.ศ. ๒๕๒๖ สภาพวิถีชีวิต แทบเรียกไม่ได้ว่าเป็นชีวิตของคนเมือง เพราะบ้านริมคลอง ยังมีท่าน้ำให้พ่อค้าแม่ขาย พายเรือมาเทียบ ซื้อขายกันตั้งแต่ของกินประเภทขนมกล้วย ถั่วกวน ข้าวเหนียวเปียก จนถึงการเดินลงไปเลือกซื้อของใช้ในเรือสำปั้นขนาดใหญ่ ซึ่งมีให้เลือกจับจ่ายครบครัน ทั้งเครื่องครัว มีด พร้า ตะกร้อสอยผลไม้ สุ่มไก่ เสื้อผ้าและเครื่องสำอาง
วัดยังเป็นศูนย์กลางการพบปะ ทุกวันพระ เขื่อนริมตลิ่งหน้าวัดจะจอดรายไปด้วยเรือพายใหญ่เล็ก เรียงชิดกันกราบต่อกราบ เรือหางหรือเรือติดเครื่องยนต์ ก็หันส่วนหางขึ้นพาดเก็บไว้ในเรือ ช่วยไม่ให้เกะกะแก่ผู้มาทีหลัง ใครมาล่ากว่าคนอื่น หากต้องเทียบเรือต่อกับแคมเรือลำก่อน ก็อาศัยเรือเพื่อนบ้านนั่นเอง ใช้ต่างแพลูกบวบเดินขึ้นไปทำบุญร่วมกัน
ลานดินกลางหมู่บ้าน ยังเป็นที่รวมเด็กหญิงชาย ส่วนมากจะเล่นรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ ใช้อุปกรณ์หลักคือร่างกาย เล่นไล่จับ แปะแข็ง ลิงชิงหลัก หรือมอญซ่อนผ้า การเล่นเหล่านี้ถือเป็นการออกกำลังกายไปในตัว ทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่ค่อยป่วยไข้อะไรกันมากมาย
น้อยครั้งที่อาจเกิดอาการไม่กินเส้นกันระหว่างกลุ่มเด็กหญิงกับกลุ่มเด็กชาย กลุ่มผู้หญิงก็จะแยกตัวมาเล่นตั่งเต รีรีข้าวสาร หรือแม่งูเอ๋ย ขณะที่กลุ่มผู้ชายจะไปเล่นอะไรที่แผลงได้เต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นกาฟักไข่ ตี่จับ หรือเล่นซ่อนหา
ทุกการละเล่นที่ไม่มีเด็กหญิงเข้าไปเกี่ยวข้องนั้น อาการแผลงก็จะกำเริบหนัก คนเป็นกาต้องฟักไข่ อาจถูกพวกที่ต้องการลักไข่ (สมมุติด้วยรองเท้าของบรรดาผู้เล่น) ผลักด้วยเท้า กระเด็นออกนอกรัง เป็นโอกาสให้ไข่ถูกขโมยไปทั้งหมด ต้องเริ่มเล่นกันใหม่ คนเป็นกายังต้องเป็นคนเดิม เพราะแตะจับคนขโมยไข่ไม่ได้ อาจต้องเจ็บตัวหลายรอบ กว่าจะมีผู้พลาดพลั้ง มารับกรรมเป็นกาแทน
ฉันเข้ากันได้ดีกับเพื่อนใหม่ทุกคน ด้วยความที่พ่อกับแม่ถูกให้คำจำกัดความจากหน่วยงานของรัฐว่า เป็นพวกหาเช้ากินค่ำ จึงต้องย้ายที่อยู่บ่อย ตามแต่งานที่ได้รับจ้าง การย้ายที่อยู่บ่อยๆ ช่วยให้ต้องรู้จักปรับตัวได้รวดเร็ว พ่อบอกว่าต้องรีบชินกับนิสัยใจคอของเพื่อนใหม่ให้ได้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นเรานั่นเอง จะเป็นคนที่อึดอัดและลำบากใจที่สุดในชุมชนใหม่
เราย้ายเข้ามาอาศัยอยู่กับผู้ใหญ่ที่นับถือและเปี่ยมเมตตาท่านหนึ่ง ตั้งแต่ก่อนเปิดภาคเรียน ปลูกเพิงเล็กๆ ระหว่างตัวเรือนของท่านกับรั้วการเวก ขนาดพอปูเสื่อกางมุ้งนอน แค่นั้นเราก็อยู่ร่วมกันได้อย่างสบายใจ ตัวฉันได้รับการเจือจุนเสื้อผ้าอาหารจากท่านตามสมควร แม่ไปรับจ้างถางหญ้า พ่อเข้าสวน-ลงคลองหาปลามาเร่ขายในหมู่บ้าน จนถึงเวลาที่ฉันต้องไปโรงเรียนทุกวัน พ่อกับแม่จึงต้องหางานประจำทำ เพื่อให้มีรายได้เป็นค่าเล่าเรียนของฉันได้อย่างสม่ำเสมอ
ก่อนเข้าโรงเรียน ฉันเคยเห็นพ่อดื่มเหล้าบ้างแต่ไม่บ่อยนัก คือจนกว่าพ่อจะมีเงินเหลือพอจากการใช้จ่ายในบ้าน พ่อถึงจะซื้อเหล้ามาดื่มฉลองเป็นครั้งคราวเพื่อให้กำไรชีวิต และอาจเป็นเพราะทุกครั้งที่พ่อตั้งวงดื่มกับตนเองนั้น แม่จะเริ่มบทนักเทศนาตั้งแต่เหล้าถูกเปิดฝา จนหยดสุดท้ายที่ถูกพ่อกรอกลงคอ ฉันจึงไม่ได้เห็นพ่อดื่มบ่อยเท่ากับลุงข้าราชการ หรือน้าข้างบ้านที่เป็นพนักงานบริษัทเอกชน
งานประจำของพ่อที่หาได้คือการไปเช่ารถสองแถวมาขับ รับส่งผู้โดยสารตั้งแต่ต้นสายวัดทองถึงปากทางบางขุนนนท์ ตอนนั้นฉันไม่รู้หรอกว่าพ่อแม่ต้องไปกู้ยืมใครมาเท่าไหร่ เพื่อวางมัดจำและค้ำประกันแก่เจ้าของอู่รถสองแถว ฉันรู้แต่เพียงว่า จากการที่ประคับประคองอยู่กันมาได้โดยไม่มีหนี้สิน อาศัยเพียงผักริมรั้ว หาปลา พึ่งพาอาหารกระป๋อง หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป กลับกลายเป็นเราทุกคนต้องดิ้นรนทำหน้าที่ของตัวอย่างหนัก
ทุกเช้าฉันไม่รู้หรอกว่าพ่อหรือแม่ที่ตื่นก่อน หรือต้องตื่นเช้าแค่ไหน รู้เพียงว่าหลังจากฉันเลิกเรียนกลับถึงบ้าน ทำการบ้านและหน้าที่ประจำที่ต้องทำเรียบร้อยแล้ว ตกเย็นหลังห้าโมงหลังจากแม่เลิกงานรับจ้างในสวน แม่ต้องไปเป็นกระเป๋ารถให้พ่อ ป้องกันที่เวลาคนแน่นๆ แล้วบางคนจะตั้งใจหรือแกล้งลืมจ่ายค่าโดยสาร
แม่เหนื่อยมากขึ้น พ่อเองก็เช่นกัน หน้าที่ที่เพิ่มขึ้นของฉัน จึงเป็นการรับปากรับคำ ว่าจะตั้งใจเรียนให้ได้ดีที่สุด เพื่อให้พ่อแม่มีแรงใจต่อสู้กับงานหนักต่อไป
ฉันตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มความสามารถ ทั้งด้านการเรียนและงานบ้าน ระยะต่อมาก็เริ่มช่วยแม่ประกอบช่อดอกไม้พลาสติกบ้าง ประกอบไม้หนีบผ้าบ้าง พับถุงบ้าง สำหรับเป็นค่ากินหรือเก็บสะสมไว้ซื้ออุปกรณ์การเรียนหรืออะไรก็ตามที่อยากได้
พ่อออกขับรถทุกวัน แม่ก็ทำงานรับจ้างต่างๆ ทุกวันเช่นกัน ตกค่ำหลังกลับจากขับรถพ่อจะมีเหล้าใส่ถุงกลับมาด้วยครึ่งขวดหรือกั๊กหนึ่งเสมอ ที่พ่อดื่มทุกวันอาจเพราะมีรายได้ประจำ หรือเพราะพ่อเครียดกับการขับรถมาทั้งวันก็เป็นได้ ทุกวันที่พ่อดื่ม แม่ก็จะทำหน้าที่เป็นนักเทศน์ทุกครั้งเช่นกัน ข้ออ้างของทั้งสองฝ่ายเวลามีปากเสียง มักยกฉันเป็นหลักใหญ่ ว่าเพราะฉัน เพื่อฉัน จะทำอะไรต้องคิดถึงลูก...คือฉัน
สถานการณ์ของครอบครัวเป็นเช่นนี้มาอีกหลายปี ฉันใกล้จบชั้นประถมปีที่ ๖ เพราะภารหน้าที่ตลอดมา ทำให้เราห่างเหินจากชุมชน ที่จริงอาจเป็นทุกคนที่เริ่มเหินห่างจากชุมชน ถนนสายหลักที่พ่อขับรถสองแถว ซึ่งต้องเดินผ่านสวนไปอีกหลายขนัด ก็มีการตัดถนนซอยราดยางมะตอย ผ่ากลางสวนมาสุดทางที่ริมคลองหน้าวัด ท่อระบายน้ำเสียถูกฝังลงพร้อมกัน และมาสุดปลายท่อที่คลองหน้าวัดเช่นกัน
น้ำเสียจากในเมืองระบายมาถึงในคลองบ้านเราได้ง่าย พอกับการที่คนบ้านเราขึ้นรถเข้าเมือง ไปเป็นแรงงานก่อสร้าง พ่อค้าเร่ข้างถนน วิถีชุมชนที่ค่อยเปลี่ยนไป ทำให้ชาวบ้านเราพบปะกันยากขึ้น จะเจอกันก็เฉพาะตอนเย็น หรือวันหยุด การตั้งวงสังสรรค์จึงเป็นที่ถวิลหา โดยมีเหล้าหรือไพ่เป็นตัวกลางส่งผ่านหัวข้อสนทนาให้ออกรสยิ่งขึ้น
ตอนนั้นประเทศเราใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่เท่าไหร่ไม่รู้ รู้แต่เพียงว่าคงไม่ใช่แผนที่ว่า พัฒนาคนเพื่อพัฒนาชาติ เป็นแน่ เพราะถนนหนทางตึกรามที่เจริญขึ้น ช่างสวนทางกับความย่อยยับกับวิถีชีวิตแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยของชุมชนดั้งเดิม ชนิดที่เด็กสิบสองขวบอย่างฉัน ก็สังเกตเห็นได้ไม่ยาก
วงสุราของกลุ่มพ่อบ้าน วงไพ่ของกลุ่มแม่บ้าน ตั้งวงกันทั่วไปเมื่อมีโอกาส คนที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับสุราหรือการพนันกลายเป็นคนแปลกแยก ถูกจับตา ถูกจับกลุ่มนินทา คอสุรามักหาเวลามาชวนพ่อไปร่วมวง การได้ดื่มกินฟรีทำให้พ่อไม่ค่อยปฏิเสธ ขณะที่กลุ่มภรรยาเริ่มพูดคุยเข้าหูแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ พ่อกับแม่เลยมีปากเสียงกันบ่อยขึ้น ยาวนานขึ้นและเสียงดังยิ่งขึ้น
ฉันโตขึ้นมากแล้วในตอนนั้น เรียนได้ดีเท่าที่สภาพการเรียนการสอนในโรงเรียนวัดขนาดเล็กจะเอื้ออำนวย มีสติรู้คิดเท่าที่วุฒิภาวะจะพาให้เป็นไป วิชาจริยธรรมและสร้างเสริมลักษณะนิสัยช่วยฉันได้มาก การอบรมบ่มนิสัยให้ใฝ่ดีบวกกับความรู้สึกโตพอจะชี้แจงแสดงเหตุผลกับผู้ใหญ่ได้ ทำให้ฉันเริ่มสร้างเงื่อนไขแรกในชีวิต กับผู้เป็นพ่อ
"พ่อขา...หนูขอ..."
เป็นประโยคที่ฉันใช้กับเงื่อนไขสำคัญ มันไม่ใช่เรื่องเพื่อตัวฉัน แต่เป็นเรื่องเพื่อตัวพ่อ เพื่อสุขภาพของพ่อเอง
ในฐานะลูก ฉันใช้ความเป็นลูกขอให้พ่อเลิกดื่มเหล้า
ไม่ว่าจะตอนเมาหรือไม่เมา ทุกครั้งที่ฉันร้องขอ พ่อจะยิ้มหรือไม่ก็หัวเราะ พร้อมกับลูบหัวฉันเบาๆ ด้วยความนุ่มนวล แววตาของพ่อที่มองมา เปี่ยมด้วยความรัก ความเข้าอกเข้าใจ พ่ออาจเพลาการดื่มให้น้อยลง หรือพยายามไม่ดื่มต่อหน้าฉัน แต่พ่อไม่ได้เลิกดื่มเหล้าอย่างที่ฉันขอร้อง
ฉันไม่เคยละความพยายามในเรื่องนี้ ด้วยในโรงเรียนครูก็พร่ำสอน ในโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์พระอาจารย์ก็บอก แม้ในเวลาโฆษณาของรายการโทรทัศน์ จะทำให้ผู้ชมเห็นว่ายิ่งดื่มมากยิ่งมีโอกาสลุ้นโชคมาก แต่เหล้าที่พ่อดื่มไม่ใช่ชนิดที่โฆษณาออกโทรทัศน์ พ่อจึงอ้างกับฉันไม่ได้เกี่ยวกับการลุ้นโชค ตรงข้ามกับฉันที่สามารถยกคำพระ คำพูดของครู มาบอกพ่อว่าเหล้าไม่ดีอย่างไร เช่นเคย พ่อยิ้มลูบหลังลูบไหล่ แล้วมองหน้าฉันด้วยความรัก
ข้อต่อรองสำคัญ ที่ฉันคิดอยู่นานกว่าจะกล้าเอ่ยปาก คือหากฉันสอบเข้าชั้นมัธยมในโรงเรียนชื่อดังแห่งนั้นได้ พ่อจะต้องเลิกดื่มเหล้า หลังจากดูสัดส่วนจำนวนผู้เข้าสอบกับปริมาณที่โรงเรียนรับได้ พ่อก็ยิ้ม ดึงมือฉันไปกุมแล้วบีบเบาๆ ในที่สุดพ่อก็รับปาก ว่าหากฉันทำได้ พ่อก็จะทำให้ฉันได้
ฉันคงเหมือนกบที่ใครมาเตะกะลาที่ครอบให้กระเด็นหายไป ที่หนึ่งของนักเรียนโรงเรียนวัดชานเมือง นอกจากไม่ได้สิทธิพิเศษ ในเรื่องรับเข้าเรียนโดยไม่ต้องสอบเพราะบ้านอยู่ใกล้โรงเรียนแล้ว ข้อสอบแบบฝนคำตอบด้วยดินสอแรเงาสีเข้มเท่านั้น กับกระดาษคำตอบหน้าตาพิลึกนั่น ทำให้ฉันต้องตั้งใจเป็นพิเศษตลอดเวลาการสอบสี่วิชาสำคัญ
เมื่อรู้ผลสอบ ฉันรีบกลับมาบอกพ่อ ความยินดีของเราน่าจะเพิ่มเป็นสองเท่า เพราะนอกจากฉันจะสอบเข้าโรงเรียนรัฐชื่อดังได้แล้ว พ่อยังจะเลิกดื่มเหล้า ตามที่รับปากไว้กับฉันอีกด้วย
นับว่าการดิ้นรนเข้าไปสอบแข่งขันครั้งนั้นประสบความสำเร็จ ฉันเป็นนักเรียนคนเดียวในละแวกบ้านที่สอบเข้าโรงเรียนนั้นได้ ทำให้แม่ยิ้มได้มากขึ้นทุกครั้งเวลามีการจับกลุ่มพูดถึงฉัน เพื่อนร่วมวงหลายคนของพ่อ ออกตัวอยากจะฉลองให้ในโอกาสนี้ด้วย แต่พ่อปฏิเสธ ดูเหมือนพ่อต้องใช้ความพยายามมากมาย
ฉันมารู้ทีหลังว่าพ่อต้องเสียเพื่อนไปหลายคน เพื่อทำให้ได้อย่างที่ลูกขอร้อง
การเรียนชั้นมัธยมต้องเริ่มต้นด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ อุปกรณ์การเรียนใหม่ ค่าเล่าเรียนที่ต้องเพิ่มขึ้นเพราะต้องจ่ายเป็นค่ากิจกรรมพิเศษ ค่าสมาคมครูและผู้ปกครอง ต้องใช้ทั้งกระเป๋านักเรียน กระเป๋าเคียง ต้องมีชุดสำหรับเนตรนารีสมุทร ชุดพละศึกษา ต้องจ่ายค่าหนังสือเล่มพิเศษจ่ายค่าครูพิเศษ และอะไรอื่นๆ อีกจิปาถะ
ฉันไม่สบายใจนัก ทุกครั้งที่ต้องนำจดหมายเรียกเก็บค่าใช้จ่ายต่างๆ มาให้พ่อกับแม่ ค่าเทอมของโรงเรียนรัฐแห่งนี้ไม่แพงเลย แค่หกร้อยกว่าบาท แต่ค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นต่อภาคเรียน ร่วมหมื่นบาท จากค่าส่วนเพิ่มต่างๆ ดังที่ว่า ทุกครั้งที่มีจดหมายเรียกเก็บเช่นนี้มา พ่อแม่ต่างมองหน้ากัน ท่านคงต้องมีการปรึกษากันอย่างใดอย่างหนึ่ง ก่อนที่วันหรือสองวันถัดมา ฉันจะมีเงินสำหรับค่าใช้จ่ายเหล่านั้น
เราอยู่กันอย่างประหยัด แบ่งเบาภาระให้กันและกันเท่าที่จะช่วยกันได้ พ่อยังขับรถสองแถวซึ่งมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นมากมาย แม่เช่าซื้อรถเข็นคันย่อม เริ่มลงทุนเล็กน้อยด้วยการขายขนมปังปิ้ง น้ำเต้าหู้ ขยับขยายเรื่อยขึ้นไปจนเป็นการขายข้าวแกง เข็นเร่ขายตามทางตั้งแต่หน้าวัดจนถึงถนนใหญ่ ฉันทำเรื่องขอรับทุนอาหารกลางวัน โดยต้องทำงานที่ห้องพักครูในช่วงพักเที่ยงเป็นข้อแลกเปลี่ยน
เงินค่ารถและค่าขนมวันละ ๒๕ บาท จึงมากพอกับค่าใช้จ่ายประจำวัน แต่ไม่เหลือพอสำหรับอย่างอื่น เช่นเงินสะสมของห้อง หรือเล่นเกมบัดดี้ที่เพื่อนในห้องต้องเล่นร่วมกัน ด้วยการแอบซื้อขนมนมเนยหรืออะไรอื่นมอบให้คนที่ตนจับฉลากชื่อได้ โดยจะต้องปกปิดไม่ให้เพื่อนคนนั้นรู้ว่าคนที่มอบสิ่งของให้เป็นใคร จนกว่าจะถึงวันเฉลย ซึ่งแต่ละคนต้องเตรียมของขวัญพิเศษอีกสองชิ้น สำหรับแลกเปลี่ยนกับเพื่อนคนที่เราจับฉลากชื่อเขาได้ และคนที่เขาจับชื่อเราได้ ฉันจ่ายเงินสะสมของห้องหรือที่เราเรียกว่าเงินค่าห้องไม่ค่อยตรงเวลานัก และปฏิเสธการร่วมเล่นเกมบัดดี้ตั้งแต่แรก
แม่ซื้อชุดนักเรียนใหม่ให้ฉันภาคเรียนละหนึ่งชุด แม้ท่านไม่ได้บอกว่าเพราะเงินไม่พอซื้อให้พร้อมกันในคราวเดียว แต่ฉันก็เข้าใจได้ไม่ยาก ฉันยิ้มรับ กราบขอบคุณและสวมใส่เสื้อผ้าเหล่านั้นด้วยความภูมิใจเสมอ
ฉันไม่เคยเห็นพ่อดื่มเหล้าอีกเลยตั้งแต่เข้าเรียนชั้นมัธยมปีที่ ๑ แม้เคยได้กลิ่นเหล้าบ้างในบางคืน แต่ฉันไม่ได้เรียกร้องทวงสัญญาอะไรอีก เพราะฉันเห็นแล้วว่าพ่อให้เกียรติในความคิดความรู้สึกของลูกแค่ไหน และเห็นแล้วว่าพ่อได้พยายามเพื่อฉันแล้ว
สิ่งที่ฉันต้องขบคิดต่อมาก็คือ ทำไมพ่อจึงเลิกเหล้าไม่ได้ ในเมื่อนักวิชาการต่างๆ ล้วนยืนยันตรงกัน ว่าใครก็เลิกดื่มเหล้าได้ โดยไม่เป็นอันตรายหรือเกิดอาการทุรนทุรายทุกข์ทรมานจากการไม่ได้ดื่ม ฉันแน่ใจว่าพ่อหยุดดื่มเหล้าไปพักใหญ่ มันนานพอที่จะเลิกเหล้าได้อย่างเด็ดขาด แต่ทำไมพ่อจึงหันกลับมาดื่มเหล้าอีกครั้ง
ความจำเป็นต้องสู้ทนกับภาระหนักในชีวิต ความเคร่งเครียดกับการงานและหนี้สินกระมัง ที่ทำให้พ่อหันกลับไปหาเครื่องย้อมใจชนิดนี้
ฉันพยายามมองหาเครื่องบันเทิงใจหรือวิธีการผ่อนคลายความเคร่งเครียดชนิดอื่น แต่ด้วยอาชีพอย่างพ่อจะไปทำกิจกรรมอย่างนั้นได้อย่างไร แม้กระทั่งเจ็บป่วยยังไม่มีเวลาจะพักฟื้นรักษาตัว นับประสาอะไรกับการสันทนาการ นันทนาการต่างๆ นานา ที่นักวิชาการเรียงหน้าออกมาเสนอแนะ
ฉันคงไม่เคยได้รับความเคร่งเครียด หรือความกดดันจากสิ่งแวดล้อมรอบตัวขนาดนั้น จึงไม่รู้ว่าการที่ใครสักคนต้องหันหน้าเข้าหาสุรา เพื่อมอมเมาตัวเอง หลอกตัวเองให้เลื่อนลอยหลุดจากโลกของความเป็นจริง แม้ชั่วครู่ชั่วยามนั้น ต้องใช้ระดับความเคร่งเครียด ต้องถูกกดดันขนาดไหน หรือจะมีทางรับมือกับความกดดัน ความเคร่งเครียดในระดับนั้นอย่างไร
กระทั่งเช้าวันหนึ่งในภาคเรียนที่ ๒ ของชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ครูฝ่ายปกครองยืนรอรับนักเรียนอยู่หลังประตูโรงเรียนตามปกติ ฉันสวมชุดนักเรียนที่ซักรีดอย่างเรียบร้อย แม้สีกระโปรงจะซีดหรือสีขาวของเสื้อจะหม่นมัวลง แต่ฉันก็มั่นใจว่ายังรักษาหน้าตาของโรงเรียนไว้ได้เต็มภาคภูมิ
แต่เช้าวันนั้นฉันถูกกักตัวไว้ที่หน้าประตู ครูฝ่ายปกครองผู้เคร่งครัดท่านนั้น นำฉันเข้าไปในห้องปกครอง รายงานกับหัวหน้าฝ่ายปกครองว่าฉันแต่งกายผิดระเบียบ ฉันก้มลงพิจารณาตัวเอง รองเท้าคู่คับถูกระเบียบแน่นอน เพราะได้รับคราวที่เจ้าของทุนท่านหนึ่ง แจกให้แก่นักเรียนทุนหลายคนในวันมอบทุนการศึกษา ถุงเท้าซ่อนรอยขาดรอยเย็บของมันไว้ในรองเท้า กระโปรงสีซีดขึ้นเส้นตามรอยจีบเป็นสีอ่อนจางกว่าสีของเนื้อผ้า ด้วยผ่านการซักรีดมาร่วมสองปี ยังยาวเลยหัวเข่าลงไปอีกสิบกว่าเซ็นติเมตร ที่จริงเครื่องแต่งกายทุกชิ้นแม่ก็ซื้อจากโรงเรียนในวันเปิดภาคเรียนทั้งนั้น
คุณครูฝ่ายปกครอง ยืนยันว่าฉันแต่งกายผิดระเบียบ สิ่งที่ผิดระเบียบคือเสื้อนักเรียน ซึ่งบัดนี้แขนมันเต่อสั้นกว่าที่กฎของโรงเรียนกำหนด
ฉันไม่รู้ว่าตัวเองสูงขึ้นขนาดไหนในระหว่างปีที่ผ่านมา ไม่รู้ว่าเสื้อที่เคยถูกระเบียบกลับกลายเป็นผิดระเบียบไปได้อย่างไร เพียงเพราะฉันสูงขึ้นหรือเพียงเพราะมันถูกใช้งานมานานเท่านั้นหรือ
ฉันน้ำตาซึม ก้มหน้ารับข้อกล่าวหาโดยปราศจากข้อโต้แย้งใดใด
การตั้งใจเรียนมาตลอดคงไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย หากฉันยังเป็นนักเรียนเรียนดีในเสื้อนักเรียนตัวนี้
ฉันถูกภาคทัณฑ์ คือตำหนิโทษไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ทั้งยังต้องมารายงานตัวที่ห้องปกครองทุกเช้า ตลอดหนึ่งเดือนต่อมา พร้อมกับชุดที่ถูกระเบียบ โดยเฉพาะต้องไม่สวมเสื้อตัวเก่าแขนเต่อตัวนั้นให้ครูเห็นอีก
เสื้อใหม่ที่ถูกระเบียบแน่นอนมีเพียงสองตัว อีกสองตัวฉันไม่แน่ใจ ส่วนตัวที่เป็นเหตุของการตำหนิถูกฉันซักรีดแขวนเก็บไว้ในตู้อย่างถาวร ตลอดหนึ่งเดือนฉันต้องซักเสื้อทุกวัน เพื่อให้มีเสื้อถูกระเบียบสวมไปรายงานตัว ฉันไม่เห็นเหตุผลว่าจะต้องให้แม่ซื้อตัวใหม่หรือต้องเก็บเงินซื้อเอง เพราะชั้นมัธยมปีที่ ๓ ใกล้สิ้นสุดลงแล้ว เครื่องแบบนักเรียนในชั้นสูงขึ้นไปต้องถูกเปลี่ยนอีกครั้ง สู้เก็บเงินไว้ตอนนั้นจะดีกว่า
นั่นคือครั้งแรกที่ฉันรู้สึกไม่ดีกับความจน รู้สึกว่าความยากจนทำให้คุณค่าของคนต่ำลงในสายตาคนอื่น และด้วยความจนนี่เอง ที่ทำให้การรักษาระดับความเป็นอยู่ให้ทัดเทียมกับใครอื่นนั้นแสนยาก และการต้องถูกจ้องจับผิดจากสังคมเพียงเพราะว่าเราเป็นคนจนนั้นแสนทรมาน
ฉันสูญเสียศรัทธาของการมีชีวิตให้กับเหตุการณ์ครั้งนั้น การต้องซักเสื้อทุกวันเพิ่มความลำบากกับฉันไม่มาก สิ่งที่ฉันหวาดหวั่นคืออนาคตข้างหน้า แม้ความจนจะไม่ทำให้ความมุ่งมั่นจางหาย แต่ก็ทำให้หนทางพร่าเลือนได้ไม่น้อย
การหมกมุ่นอยู่กับการพิจารณาหนทางชีวิตของตนเองตลอดมา รวมถึงในอนาคตที่จะเป็นไป อาจทำให้พ่อกับแม่สังเกตได้ แม่ออกปากถามฉันด้วยความเป็นห่วง จากหลายหัวข้อที่ว่าด้วยวัยรุ่นและความคะนอง แม่สรุปท้ายทุกครั้งว่าไว้ใจฉัน ดังนั้นจึงต้องอย่าทำให้พ่อแม่เสียใจ
แม้ฉันจะมั่นใจว่าไม่เคยทำอะไรให้พ่อแม่เสียใจ และจำไม่ทำอะไรอย่างนั้นเด็ดขาด แต่ฉันก็ยังอดเสียใจไม่ได้ เพราะความจนนี่เองที่ทำให้เราอาจพลั้งเผลอไม่ไว้ใจกันในบางเวลา ด้วยว่าสายตาและน้ำคำของคนอื่นรอบตัว พร้อมที่จะสร้างภาพร้ายหรือมองเราในแง่ลบได้ตลอด
พ่อยังปลอบใจฉันด้วยการลูบหัว ยิ้มให้ และมองดูหน้าฉันด้วยแววตาที่รักและห่วงใยเช่นเคย
กลิ่นเหล้าที่ระเหยอวลออกมาจากตัวพ่อ ไม่ได้ทำให้ฉันนึกตำหนิท่านอีกเลยหลังจากนั้น ความอับอายจากความผิดที่ตัวเองไม่ได้ก่อ ความจนที่ทำให้คุณค่าของความเป็นคนของเราลดลง ที่ฉันได้พบกับตัวเอง มันเป็นเพียงส่วนเสี้ยวหนึ่งของชีวิต เทียบไม่ได้กับพ่อที่ต้องผจญกับมันตลอดมา กระไรเล่ากับความมึนเมาสักน้อย ที่ช่วยย้อมใจให้ชีวิตรื่นรมย์ให้เพียงสักนิด
ส่วนทางออกของฉัน คือการพยายามพิสูจน์ให้ได้ว่า คนจนก็เป็นคนดีได้ ได้ดีได้เช่นกัน ฉันตั้งใจเรียนหนักขึ้น เตรียมตัวสำหรับการสอบเข้าเต็มที่ ฉันเลือกที่จะสอบเข้าวิทยาลัยอาชีวะ เพื่อหากคิดทำงานหลังเรียนจบชั้นปวช. ก็จะสามารถเริ่มงานได้ทันที
ข่าวการจะย้ายที่เรียนของฉันแพร่ไปในหมู่บ้านอีกครั้ง แม่ไม่ได้ยิ้มกับข่าวนี้เมื่อมีใครมาซักถาม เพราะการเรียนอาชีวะถูกดูแคลนกว่านักเรียนสายสามัญที่มุ่งตรงสู่มหาวิทยาลัย ฉันต้องใช้เวลาอธิบายมากมายเพื่อให้แม่สบายใจ ทั้งยังยืนยันว่าจะสอบเข้าวิทยาลัยที่ดีที่สุดในประเทศในสายวิชาที่ฉันเลือกเรียนให้ได้ ตลอดเวลาพ่อฟังอยู่ด้วย ท่านส่งรอยยิ้มให้กำลังใจ สบตาฉัน ส่งแววตาแห่งความหวังและความเชื่อมั่นมาให้ฉันได้อบอุ่นหัวใจ
เช้าวันสอบ ฉันเข้าไปกราบแม่และพ่อ ขอพรให้สมองปลอดโปร่ง ผ่านการสอบไปได้อย่างตลอดรอดฝั่ง การสอบครั้งนี้แม้ส่วนต่างของผู้สอบเข้ากับจำนวนที่รับได้จะแตกต่างกันมากมาย แต่ฉันกลับรู้สึกมั่นใจว่าจะต้องสอบได้
พ่อขับรถสองแถวคันเก่ามาส่งถึงหน้าวิทยาลัย ฉันกราบลงกับอกท่านอีกครั้ง ขอพรจากท่านอีกข้อ
"พ่อขา...หนูขอให้พ่อรักษาสุขภาพมากๆ นะคะ"
พ่อกุมมือฉัน บีบเบาๆ เป็นการรับปาก ฉันเห็นดวงตาของพ่อก็คลอด้วยน้ำตาเช่นเดียวกัน
***************
(แด่พ่อผู้เป็นที่รัก)
เมื่อวันที่ : 13 ต.ค. 2549, 01.46 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...