นิตยสารรายสะดวก  Fiction  ๒๒ กรกฏาคม ๒๕๔๙
นิทานหมาน้อย
แดง หัวโต
...นิทานหมาน้อย มีคนมองโลกในแง่ร้ายคนหนึ่ง​​ ​​ได้เคยบอก​​กับข้าพเจ้า​​เอาไว้ว่า ‘ใน...
นิทานหมาน้อย

มีคนมองโลกในแง่ร้ายคนหนึ่ง​ ​ได้เคยบอก​กับข้าพเจ้า​เอาไว้ว่า ‘ในโลกใบนี้ คนเพียงคนเดียว...​ไม่สำคัญ’ บังเอิญว่าสิ่ง​ที่ข้าพเจ้า​กำลัง​จะเอ่ยถึงอยู่​นี้ ​เป็นสิ่งมีชีวิต​ที่ไม่ใช่คน ​และสำหรับคนอื่น ​แม้ว่ามันอาจ​จะไม่มี​ความหมายพิเศษอะไร​ ​แต่ในโลกใบจิ๋วของข้าพเจ้า ถือ​ได้ว่ามัน​เป็น​เพื่อนสุดวิเศษของข้าพเจ้าเลย​ก็ว่า​ได้

โซดา...​​เป็นชื่อของมัน เจ้าหมาตาโต-ตัวเตี้ย มันมีขนสีขาวออกเทา ​และดำขมุกขมอม​เป็นบางครั้งตามโอกาส​ที่มันเล่นซน โซดา​เป็นหมาสายพันธ์ไหน ข้าพเจ้าเองก็ไม่ยักรู้ ​แต่ก็พอบรรยายถึงลักษณะของมันเพิ่ม​ได้อีกนิดหน่อย​ว่า หูตูบ หัวโต ​และหลังยาว
ก่อน​จะมาเจอะ​กับเจ้าโซดา ​ความสัมพันธ์​ระหว่างข้าพเจ้า​กับเผ่าพันธ์ของเจ้าโซดานั้น​ ดูราว​กับ​เป็นเส้นขนานต่อกัน มันกลาย​เป็นเรื่อง​ธรรมดา​ที่ข้าพเจ้ามัก​จะถูกโห่เห่าใส่อยู่​​เป็นประจำ ​ความขัดแย้งนี้ดู​จะอยู่​ข้างข้าพเจ้าเสียมากกว่า เวลา​ที่ข้าพเจ้าเจอะหมาสักตัว หรือต่อให้​เป็นแค่ลูกหมาก็เถอะ ตัวข้าพเจ้า​จะมีอันยึกยัก ​และ​จะเกิดสัญชาติญาณระแวดระวังภัยขึ้น​มาทันที ​ถ้าถามถึงนิสัยประหลาดนี้ ข้าพเจ้าคิดว่า มันน่า​จะ​เป็น​เพราะในสมัยอนุบาลนั้น​ ข้าพเจ้าเคยถูกหมาใหญ่ขย้ำ​เอา อาการหนักจนถึงขั้น​ต้องเข้าโรงพยาบาลทีเดียว ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่น่าแปลกใจ ​ถ้าข้าพเจ้า​จะกลัว​และเกลียดหมาจนขึ้น​สมอง
จน​เมื่อพ่อของข้าพเจ้า​ต้องถูกย้ายราชการมาอยู่​ต่างจังหวัดนั่นแหละ​ จึงถือ​ได้ว่า​เป็นจุดเริ่มต้น​ที่ทำให้ข้าพเจ้า​ได้สร้าง​ความสัมพันธ์อันดี​กับ​ความกลัว​ที่เคยฝังรอยเขี้ยวทิ้ง​เอาไว้ ข้าพเจ้ารู้สาเหตุ​ที่ทำให้พ่อ​ต้องถูกย้ายออกมาจากเมืองกรุง ข้าพเจ้าคิดว่ามันคง​เป็น​เพราะตัวข้าพเจ้าเอง ​ที่​ไปก่อเรื่อง​ก่อราวให้ถูกหมาของเจ้านายพ่อกัด​เอา จนพ่อ​ต้องมีปากเสียง​กับเจ้านาย ​และทุกครั้ง​ที่ข้าพเจ้าถามพ่อเกี่ยว​กับเรื่อง​นี้ พ่อก็​จะปฏิเสธว่าไม่ใช่​ความผิดของข้าพเจ้า ​แต่​เป็น​เพราะพ่อไม่ชอบเมืองกรุงต่างหาก ​และอีกเหตุผลหนึ่ง​ก็​คือ พ่ออยากให้ข้าพเจ้า​ได้ซึมซับถึง​ความสงบ​ที่หา​ได้จากสิ่งแวดล้อม​ที่ดีด้วย
ทันที​เมื่อย้ายข้าวของเข้ามาอยู่​ในบ้านหลังใหม่เรียบร้อย​ ข้าพเจ้าก็นึกสนุก จับจักรยานคันเก่งปั่นเ​ที่ยว​ไปเรื่อย ชมนก ชมไม้ ชมแม่น้ำ ชมภูเขา ​แต่ไม่ปรารถนา​จะหวัง​ได้ชมหมา​แม้สักตัวเดียว ก่อนออกจากบ้าน พ่อ​ได้กำชับข้าพเจ้าไม่ให้​ไปเล่นน้ำ​ที่สวนผักท้ายหมู่บ้าน พ่อบอกว่าน้ำ​ที่นั่นมีสารเคมี​ซึ่ง​ใช้รดแปลงผัก ​ถ้าเผลอ​ไปเล่นเข้าอาจเกิดอันตรายขึ้น​​ได้
​เป็นอันว่าวัน​และคืนแรกในบ้านหลังใหม่ผ่าน​ไป​ได้ด้วยดี แล้ว​เช้า​วันใหม่ก็มาถึง ข้าพเจ้ารู้สึกตื่นเต้น​เพราะ​กำลัง​จะ​ได้​ไปโรงเรียนใหม่ มันอยู่​ไม่ไกลจากบ้านเท่าใดนัก ปั่นจักรยานไม่เกินสิบห้านาทีก็ถึง พ่อเสนอว่า​จะ​ไปส่งข้าพเจ้า ​แต่ข้าพเจ้าก็ปฏิเสธ ​เพราะอยาก​จะปั่นจักรยาน​ไปโรงเรียนเหมือนอย่าง​ที่เคยวาดฝัน​เอาไว้ตั้งแต่ครั้งยังเรียนอยู่​เมืองกรุงมากกว่า
​ระหว่างทาง ข้าพเจ้าผ่านบ้านเก่าๆ​หลังหนึ่ง​ รอบๆ​ภายในรั้วบ้านรกครึ้ม​ไปด้วยหลากต้นไม้จนเขียวครึ้ม​ไปทั่ว ข้าพเจ้าสะดุดตา​ที่ต้นชมพู่ต้นใหญ่ ข้าพเจ้าจำต้นไม้ชนิดนี้​ได้​และรู้จักมันดี ​เพราะ​ที่บ้านหลังเก่าก็เคย​ได้ปลูก​เอาไว้ ขณะ​ที่ข้าพเจ้า​กำลังมองมันอย่างอดชื่นชมใน​ความอุดมสมบูรณ์ไม่​ได้ สังเกต​ได้จากผลชมพู่​ที่ออกดกจนเต็ม​ไปทั่ว อยู่​ๆ​เจ้าหมาน้อยตัวหนึ่ง​ก็กระโดดพรวดออกมาขวางหน้ารถของข้าพเจ้าไว้
ข้าพเจ้าตกใจกลัว เผลอกำเบรคหน้าเสียแน่นมือ จนหัวเกือบ​จะคะ​มำ​เอาหน้าทิ่มพื้น ข้าพเจ้าสบตา​กับเจ้าหมาน้อย​ที่ยืนจังก้าอยู่​ตรงหน้า มันมองข้าพเจ้า​พร้อม​ทั้งแยกเขี้ยวขู่ใส่ ก่อน​จะร้องเอ้ว!ๆ​ ออกมา พอข้าพเจ้าตั้งสติ​ได้ก็ยกตัวขึ้น​ปั่นจักรยานหนีทันที ซอยยิกจนเท้าแทบ​จะติดไฟ​ได้ เจ้าหมาน้อยเองก็ไม่ยอมเลิกราง่ายๆ​ ยังคงวิ่งไล่กวดตามมา ทำอย่าง​กับเคยมี​ความแค้น​กับข้าพเจ้าจนเกลียดกันมาสักร้อยปีอย่างนั้น​แหละ​
ข้าพเจ้ามาถึงโรงเรียน​พร้อม​กับพก​ความตื่นเต้นมาด้วย ตัวข้าพเจ้าสั่นเทา​เพราะ​ความกลัว​และรู้สึก​เป็นกังวลว่าวันนี้อาจ​จะเรียนไม่ไหว ​แต่การณ์กลับไม่​เป็น​ไปตามคาด การเรียนในวันนี้สนุกสนาน ​และ​เพื่อนๆ​ก็ให้การต้อนรับ​เป็นอย่างดี ​แต่ข้าพเจ้าก็ยังไม่วายอด​เป็นห่วงตัวเองไม่​ได้ ​เพราะขากลับบ้านในเย็นนี้ คง​จะ​ต้องเผชิญหน้า​กับเจ้าหมาน้อยตัวนั้น​อีก กลาย​เป็นว่า ​ไปๆ​มาๆ​ ปัญหาใหญ่ของข้าพเจ้าในเวลานี้ กลับไม่ใช่เรื่อง​ของคนหรือการปรับตัว ​แต่หาก​เป็นเรื่อง​หมาๆ​​ไปแทนเสีย​ได้
แล้ว​เหตุการณ์ก็​เป็น​ไปตาม​ที่ข้าพเจ้ากังวลไว้จริงๆ​ เจ้าหมาน้อยมาดักคอยไล่กวดข้าพเจ้าอีกรอบ ​แม้ข้าพเจ้า​จะเตรียมตัวมาอย่างดี อีก​ทั้งยังปั่นจักรยานเร็วจนสุด​กำลังแล้ว​ ก็ยังไม่วายโดนไล่ขับเข้าให้อีก ข้าพเจ้าเก็บเรื่อง​นี้​ไป​เป็นกังวล จนรุ่งขึ้น​วัน​ต่อมา ข้าพเจ้าถึง​กับรบเร้าให้พ่อมาส่ง​ที่โรงเรียน พ่อถามข้าพเจ้าว่าทำไม ข้าพเจ้าอ้ำอึ้ง ก่อน​จะตอบ​ไปตามตรงว่ากลัวหมา พ่อมองตาข้าพเจ้าแล้ว​ส่ายหน้าปฏิเสธ ​และให้เหตุผลด้วยว่า ‘คนเรา​จะกลัวหมา​ไปตลอด​ทั้งชีวิตไม่​ได้ ​และ​ที่สำคัญ การกลัวในสิ่ง​ที่คนอื่นไม่กลัว ถือ​เป็นเรื่อง​น่าอายอย่างหนึ่ง​’ ข้าพเจ้ารู้สึกโกรธพ่อ​ที่พูดออกมาอย่างนั้น​ ​แต่ก็ก้มหน้านิ่งรับฟัง จน​ต้องยอมจูงจักรยานออกมาใน​ที่สุด
​ที่โรงเรียน ข้าพเจ้า​เอาเรื่อง​เจ้าหมาน้อย​ไปเล่าให้​เพื่อนฟัง พอเล่าว่ามันมีลักษณะ​เป็นอย่างไร ​และอยู่​​ที่ไหน ​เพื่อนๆ​ก็ต่างร้องอ๋อออกมา หลายคนพูดเหมือนกันอยู่​อย่าง​คือเรื่อง​​ที่มันชอบวิ่งไล่คนอื่น​ไปทั่ว ข้าพเจ้าถาม​เพื่อนๆ​ว่า เจ้าหมาตัวนี้มันชื่ออะไร​ ทุกคนก็แทบ​จะตอบ​เป็นเสียงเดียวกันว่า...​มันชื่อโซดา



บางทีแม่ของเจ้าโซดาอาจ​จะชื่อน้ำแข็ง ​ส่วนพ่อของมันอาจ​จะชื่อบรั่นดีกระมัง เจ้าหมาน้อยก็เลย​มีชื่อว่าโซดาซะอย่างนั้น​ ข้าพเจ้าเคยถาม​เพื่อนเกี่ยว​กับเรื่อง​ของโซดา ​ความคิดเห็นเรื่อง​นี้ แตกออก​เป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ​​คือ กลุ่มเด็กผู้ชาย​จะไม่ค่อยชอบเจ้าโซดาเท่าใดนัก สาเหตุก็​เพราะรำคาญเสียงเห่าตลกๆ​ของมัน ​ส่วนเด็กผู้หญิง​จะมี​ความเห็นตรงกันข้าม ​โดยมาก​จะสงสารมัน ​เพราะเจ้าโซดา​เป็นกำพร้า พ่อ-แม่ของมันโดนยาเบื่อตาย​ไปตั้งแต่มันยังเล็กอยู่​



พักหลังมานี่ ข้าพเจ้าสังเกตเห็นพ่อมัก​จะค่อนข้างเครียด แน่ล่ะ ในหลายๆ​เรื่อง​​ที่ทำให้พ่อกลุ้มใจ มัน​ต้องมีเรื่อง​ของข้าพเจ้าอยู่​ด้วย ​และคง​จะหนีไม่พ้นเรื่อง​การปรับตัว ข้าพเจ้ายังจำภาพ​ที่พ่อ​ได้รับคำสั่งย้ายราชการ​ได้ นั่นถือ​เป็นครั้งแรก​ที่ข้าพเจ้ารู้สึกสงสารพ่อ ภาพ​ที่พ่อเสียใจยังอยู่​ใน​ความทรงจำของข้าพเจ้า
ตั้งแต่คราวนั้น​ข้าพเจ้าก็สัญญา​กับตัวเองว่า
​จะไม่ทำให้พ่อเสียใจอีก ดังนั้น​ เพียงแค่เรื่อง​การปรับตัว ข้าพเจ้า​จะไม่​เอามา​เป็นปัญหาใหญ่ ​และ​จะผ่านมัน​ไป​ได้ด้วยดี ​แต่เรื่อง​ใหญ่เรื่อง​หนึ่ง​ของข้าพเจ้า นั่น​คือ อาการกลัวหมายังคง​เป็นปัญหา​ที่แก้ไม่ตก ​และคิดไม่ออกจริงๆ​ว่า​ต้องทำอย่างไรถึง​จะสลัด​ความรู้สึกนี้ออก​ไป​ได้
พ่อเคยสอนข้าพเจ้าอยู่​เรื่อง​หนึ่ง​ ​คือเรื่อง​​ความใจกว้าง ​และการมองโลกในแง่ดีทุกๆ​สถานการณ์ นัยว่าพ่อพยายาม​จะทำให้ข้าพเจ้ามองเห็นประโยชน์​ที่ดีจากสิ่ง​ที่เรากลัว อัน​ที่จริงข้าพเจ้าเข้าใจแล้ว​ว่า พ่อ​ต้องการ​จะบอกให้ข้าพเจ้าเปิดใจเรียนรู้​ความกลัว สำหรับข้าพเจ้า...​เรื่อง​นี้ถือ​เป็นเรื่อง​​ที่ละเอียดอ่อน ​เพราะ​ความรู้สึกต่อต้านสิ่ง​ที่เคยทำร้ายให้ข้าพเจ้าเจ็บปวด​ทั้งทางกาย​และทางใจ ยังคงทำให้ข้าพเจ้าไม่สนใจสิ่งดีๆ​จาก​ความมุ่งร้ายของผู้อื่น​โดยเด็ดขาด มันคง​เป็นคำถามในใจมากกว่า ว่าอะไร​​ที่คิดร้าย​กับเรายัง​จะพอมีข้อดีให้เรามามัวสนใจอย่างนั้น​หรือ คล้าย​กับสำนวน​ที่ว่าทำใจดีสู้เสือ ​แต่สำหรับข้าพเจ้าคง​เป็นการทำใจดีสู้หมามากกว่า
​เอามาฟูมฟายเสียใหญ่เสียโต กะอีแค่เรื่อง​หมาๆ​ ​ซึ่งมันอาจ​จะ​เป็นแค่ปัญหาลำดับ​ที่หนึ่ง​ในชีวิตเท่านั้น​ ต่อ​ไปนี้ข้าพเจ้า​จะ​ต้องผ่านมัน​ไปให้​ได้ ​จะมองโลกในแง่ดี ​และใจกว้างเหมือนอย่าง​ที่พ่อสอน​เอาไว้
วันเวลาเลื่อนผ่าน​ไป​เป็นเดือน ทุกวัน-ข้าพเจ้าก็ยังคงถูกเจ้าโซดาไล่กวด มาระยะหลังนี้ข้าพเจ้าเริ่มจับสังเกตพฤติกรรมของมัน​ได้ ​เพราะมัน​เอา​แต่เห่าแล้ว​วิ่งไล่เท่านั้น​ มาถึงตอนนี้ข้าพเจ้าไม่ค่อย​จะรู้สึกกลัวเจ้าโซดาสักเท่าไรแล้ว​ หนำซ้ำบางวันยังรู้สึกเซ็ง​และเบื่อเสียงเห่าของมันเสียด้วยซ้ำ
ข้าพเจ้ามาลองทบทวนดู รู้สึกว่า​ตัวเองอยาก​จะเริ่มมี​ความสัมพันธ์​ที่ดี​กับเจ้าโซดาบ้าง มันน่า​จะเริ่ม​ที่การปรับทัศนคติของข้าพเจ้าเสียก่อน จริงๆ​แล้ว​ข้าพเจ้าชอบฟังนิทานมาก พ่อเคยแนะว่า​ความกลัวมันอยู่​ในใจ บางที​ถ้าเราจินตนาการให้​ความกลัวกลาย​เป็นเรื่อง​ตลก ​และผูกเรื่อง​ราวให้​เป็นเหมือนนิทาน​ได้ สร้าง​ความกลัว​เป็นตัวละครเอก เราอาจ​จะเลิกกลัว​และแถมอาจหัวเราะออกมา​ได้ด้วย
ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงอยาก​จะพยายามเข้าใจเจ้าโซดา ชีวิตจริงของมันคง​ต้องมีเหตุผลอะไร​บางอย่าง ​ที่ทำให้มัน​ต้องออกมาไล่กวดคนอื่น บางที...​พ่อ​กับแม่ของมันอาจ​จะตายด้วยน้ำมือของมนุษย์ใจร้าย มันถึง​ได้เกลียดพวกเรา ไม่สิ-ไม่​เอา คิดอย่างนี้มันดู​เป็นการมองโลกในแง่ร้ายเกิน​ไป หลักของข้าพเจ้า​คือการมองโลกในแง่ดี​และใจกว้าง​โดยอาศัยการผูกเรื่อง​​เป็นนิทานตลก เอ...​ข้าพเจ้าครุ่นคิด พลางกระดิกนิ้วเคาะโต๊ะเรียนเสียงดัง จนถูกครูทำโทษให้​ไปยืนคาบไม้บรรทัดอยู่​หน้าชั้นเรียน
กระนั้น​ ข้าพเจ้าก็ไม่ยอมหยุดคิดง่ายๆ​ คิดจนคิ้วขมวดเข้าหากัน เอ..​ที่เจ้าโซดามันวิ่งไล่คนอื่น รึ​เป็น​เพราะมัน​กำลังออก​กำลังกาย​แต่แก้เขิน​โดยการทำ​เป็นวิ่งไล่เด็กนักเรียนนะ ข้าพเจ้าดีดนิ้วดังเป้าะ! ใช่แล้ว​ นิทานเรื่อง​นี้​ต้อง​เป็นตามนี้แหละ​ เจ้าโซดามันคงอยาก​จะลด​ความอ้วน​เอาใจหมาสาวๆ​ แถวละแวกนั้น​​เป็นแน่ ก็เลย​ออกมาวิ่ง​เพื่อหวัง​จะละลายไขมันของตัวมันเอง

เย็นวันนั้น​ ข้าพเจ้าก็รีบร้อนปั่นจักรยาน​ไปหาเจ้าโซดาทันที พอมันเห็นข้าพเจ้าเข้า มันก็ออกมาวิ่งไล่เหมือนอย่างเคย ชั่วขณะนั้น​ข้าพเจ้าก็คิดเรื่อง​สนุกขึ้น​มา​ได้ จึงลองชะลอ​ความเร็วของรถจักรยานดู ปรากฏว่าเจ้าโซดา​ที่วิ่งตามมาก็ผ่อนฝีเท้าลงด้วย พอข้าพเจ้าหยุด เจ้าโซดาก็หยุดตาม ข้าพเจ้ายิ้มชอบใจ ก่อน​จะเริ่มออกแรงปั่นจักรยานอีกครั้ง ทันที​ที่จักรยานเคลื่อนตัว เจ้าโซดาก็วิ่งไล่เห่าตามมาอีก ข้าพเจ้าทำที​เป็นปั่นๆ​หยุดๆ​ จน​ถ้าหากมี​ใครมาเห็นเข้า ก็อาจเข้าใจว่าเรา​กำลังหยอกกันเล่นอยู่​
มันกลับแปลกอยู่​ในใจข้าพเจ้า ​ความรู้สึก​ที่เคยกลัว​และเกลียดหมา มาบัดนี้ มัน​ได้หาย​ไปจนแทบ​จะหมดสิ้น ​ที่ยังเหลืออยู่​​และเกิดขึ้น​มาใหม่ก็​คือ​ความผูกพันธ์​และรอยยิ้ม ​ซึ่งข้าพเจ้าไม่เคย​ได้สัมผัส​ความรู้สึกนี้มาก่อนเลย​ในชีวิต

*************************************

น้ำเขียว...​​เป็นชื่อของหมาตัวเมีย หวานใจของเจ้าโซดา มันอยู่​ถัด​ไปจากบ้านของเจ้าโซดาสองหลัง ​เป็น​เพราะข้าพเจ้าอยากให้นิทานของเจ้าโซดา​เป็นนิทานรักหวานซึ้ง น้ำเขียวจึง​ได้รับบทนางเอก​ไปอย่างช่วยไม่​ได้
ข้าพเจ้าจับสังเกต​ได้ว่าเจ้าโซดามัก​จะไล่เห่านักเรียนในช่วงเช้า​ๆ​ ​ซึ่งนั่น​เป็นเวลา​ที่น้ำเขียวมัก​จะโผล่ออกมาจากบ้านของมัน​เพื่อมาเดินเตาะแตะยืดเส้นยืดสายอยู่​ริมถนน
บางที ท่าทาง​ที่วิ่งไล่กวดเด็กนักเรียนของเจ้าโซดาคง​จะไม่ห้าวหาญ​และโดนใจยัยน้ำเขียวมากพอ หรืออาจ​เป็น​เพราะบ้านหลังโทรมๆ​ ​ที่มี​แต่ลูกชมพู่​เป็นทรัพย์สินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น​ จึงทำให้เจ้าโซดาถูกน้ำเขียวเชิดหน้าเมินใส่อยู่​ร่ำ​ไป
กระนั้น​ เจ้าโซดา ก็มัก​จะกล่าวโทษตัวเองว่า​เป็นหมาขี้เกียจ ไม่ยอมทำมาหากินอะไร​ แถมยังปล่อยให้ตัวเองอ้วนฉุจนขนาดเกินพิกัดน้ำหนักหมาทั่ว​ไป ​ทั้งๆ​​ที่ในสายตาของข้าพเจ้า มันผอมจนแทบ​จะเหลือ​แต่ไส้อยู่​แล้ว​
มันจึงออกวิ่ง...​วิ่งๆ​​และวิ่ง ​เพราะนี่​คือสิ่งเดียว​ที่มันพอ​จะแสดงออก​ได้ว่า มันนั้น​รักแท้ ​และรักแท้ก็คุ้มค่ามากพอ​ที่​จะทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง​ที่มี​เพื่อรักคำเดียว
โซดา-มันผอมบักโกรก ผอมลง​ไปจมเลย​ ข้าพเจ้าเห็นอย่างนั้น​ก็อด​เป็นห่วงมันไม่​ได้ ก็เลย​ขออนุญาติพ่อ ​เพื่อ​จะ​เอาเศษอาหาร​ไปให้มัน พอพ่อ​ได้ยินเข้าอย่างนั้น​ ก็ทำท่าตกใจ พ่อทวนคำพูดของข้าพเจ้า แล้ว​ถามข้าพเจ้าว่าพูดอะไร​ผิด​ไปรึเปล่า ข้าพเจ้าส่ายหน้าแล้ว​บอกพ่อว่าข้าพเจ้าพูดไม่ผิด ​และสิ่ง​ที่พ่อ​ได้ยินก็หมาย​ความตามนั้น​จริงๆ​
พ่อเดินหายเข้า​ไปในครัว ครู่ใหญ่ก็เดินออกมา ​พร้อมด้วยถุงใส่อาหารถุงโต พ่อเดินมาหยุดตรงหน้าข้าพเจ้า แล้ว​ยื่นถุงอาหารให้ พ่อจับไหล่ข้าพเจ้าเบาๆ​ ข้าพเจ้าเงยหน้ามองพ่อ ก็เห็นแววตาคู่นั้น​ของพ่อเปล่งปลั่ง​และประกาย​ไปด้วย​ความปลาบปลื้ม
ก่อนออกจากบ้านมา พ่อบอก​กับข้าพเจ้าว่า ‘ปัญหา​ที่หนึ่ง​คง​จะผ่าน​ไป​ได้ งั้น...​เราก็โตขึ้น​​เป็นผู้ใหญ่อีกนิดแล้ว​’ ข้าพเจ้าทำหน้าฉงน จึงถามพ่อกลับ​ไปว่า ข้าพเจ้าอายุยังน้อยอยู่​แล้ว​​จะโต​เป็นผู้ใหญ่​ได้อย่างไรในเดี๋ยวนี้ พ่อหัวเราะแล้ว​พูดว่า ‘ผู้ใหญ่​ที่ดีไม่​ได้โตขึ้น​ตามเฉพาะเวลาเพียงอย่างเดียว ​แต่​จะโตขึ้น​ตามปัญหา​ที่ผ่าน​ไป​ได้ด้วย’
ข้าพเจ้ารู้สึกดีใจ ​ที่ในสายตาของพ่อเห็นข้าพเจ้ามีการเปลี่ยนแปลงในทาง​ที่ดีขึ้น​ ข้าพเจ้าลองคิดดูเล่นๆ​ อย่างอดชื่นชมในตัวเองไม่​ได้ว่า การ​เป็นในสิ่ง​ที่คน-คนหนึ่ง​คาดหวังในตัวเรานั้น​ ถือ​เป็นเรื่อง​​ที่น่าภูมิใจอย่างยิ่ง
ข้าพเจ้ามาหยุดยืนอยู่​ใต้ต้นชมพู่ในเขตบ้านของเจ้าโซดา พอส่งเสียงกระแอมเบาๆ​ เจ้าโซดาก็กระโดดพรวดออกมาจากพุ่มไม้ข้างๆ​ มันคำรามขู่เสียงดังแง่งๆ​ ​แม้ท่าทางของมัน​จะดูขึงขัง ​แต่ก็ขัดแย้ง​กับขนาดตัว​ที่เล็กของมัน ข้าพเจ้ารู้สึกขำในท่าที​ที่ดูเหมือนสร้างภาพของมัน จึงเผลอหัวเราะออกมา เจ้าโซดา​ได้ยินเข้าก็คง​จะนึก​เอาว่าถูกเยาะเย้ย ก็เลย​โก่งคอเห่าเสียงดังขึ้น​อีก ข้าพเจ้าตัดสินใจเรียกชื่อของมันออก​ไป นาทีนั้น​เอง มันก็สงบนิ่ง อาจ​จะงงหรือสงสัยอะไร​ก็แล้ว​​แต่ เพียงแค่ข้าพเจ้าขานชื่อของมัน ​ความก้าวร้าวก็ราว​กับถูกสลัดทิ้งออก​ไปทันที
พอข้าพเจ้าแก้ห่ออาหารออกให้มัน เจ้าโซดาก็ตรงเข้ามากินอย่างมูมมาม ​ระหว่างนั้น​ข้าพเจ้าก็พยายามสะกด​ความกลัวของตัวเองค่อยๆ​เอื้อมมือ​ไปลูบหัวมัน เจ้าโซดาแหงนมองข้าพเจ้า มันไม่ขัดขืนอะไร​ ซ้ำยังสะบัดหัวเล่น​กับมือข้าพเจ้าอย่างคุ้นเคย ข้าพเจ้าเคยเห็นท่าขอมือหมาจากโทรทัศน์จึงลองทำตามอย่างเก้ๆ​กังๆ​ ดูเหมือนว่าเจ้าโซดามัน​จะเข้าใจ​ได้ดีทีเดียว มันยกมือของมัน...​เอ้ย! เท้าของมันขึ้น​มาป้ายมือข้าพเจ้า ข้าพเจ้าหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน เพิ่ง​จะรู้นี่เองว่าเล่น​กับหมามัน​เป็นยังไง
หลังจากวันนั้น​มา ทุกเช้า​ก่อน​ไปโรงเรียน ​และทุกเย็น​เมื่อกลับถึงบ้าน ข้าพเจ้าก็ไม่เคยว่างเว้นจากการ​เอาอาหาร​ไปให้เจ้าโซดาเลย​ ​ทว่า แทน​ที่มัน​จะมี​ความสุขอย่าง​ที่ควร​จะ​เป็น มันกลับดูทุกข์ใจ ร่างกายยิ่งซูบผอมลงกว่าเดิม มันคง​จะมีคำอธิบายสำหรับเรื่อง​นี้ ​และ​ถ้าข้าพเจ้าเกิดมาโชคดี​สามารถฟังภาษาของมันออกแล้ว​ล่ะก็ ไม่แน่...​​เพื่อนคนนี้ก็อาจ​จะรับฟัง​และช่วยเหลือมัน​ได้
เดา​เอาว่า ​ความรักของเจ้าโซดาคง​จะเกิดปัญหาขึ้น​ ​เพราะยัยน้ำเขียวดัน​ไปติดหมาหนุ่มตัวอื่นเข้าให้เสียแล้ว​ นี่เอง​ที่อาจทำให้โซดามันเซื่องซึม ข้าพเจ้าไม่รู้ว่ามันยังคงโทษตัวเองอยู่​รึเปล่า ​เพราะ​ถ้ายังทำอยู่​ ข้าพเจ้าก็ไม่รู้​จะปลอบใจมันอย่างไร
แล้ว​เช้า​วันหนึ่ง​ ข้าพเจ้าก็​ต้องแปลกใจ เจ้าโซดากินอาหารเข้า​ไปไม่มากก็อ้วกออกมาหมด แน่นอน-หมามันคงแฮ็งสุราไม่​ได้ ​เพราะมันกินเหล้าไม่​เป็น ​แต่อาการแบบนี้มันหมาย​ความว่าเจ้าโซดาอาจ​จะป่วย ข้าพเจ้าตั้งใจว่า​จะบอกพ่อให้มาดูอาการของมันในตอนเย็น ​แต่พอตกเย็นจริงๆ​ เจ้าโซดามันก็หายตัว​ไป ข้าพเจ้ารอเก้ออยู่​เกือบชั่วโมง กระวนกระวายใจยังไงไม่รู้ จนสุดท้ายก็​ต้องออก​ไปตามหาเอง
ข้าพเจ้าไม่รู้ว่ามันหาย​ไปไหน ​เพราะนึกไม่ออกจริงๆ​ว่ายังมี​ที่อื่น​ที่มันชอบ​ไปอยู่​อีกรึเปล่า ข้าพเจ้าออกปั่นจักรยานตามหามัน​ไปทั่ว ทุก​ที่ ทุกแห่ง ​แต่ก็ไร้วี่แววของมัน ยิ่งคิดก็ยิ่ง​เป็นห่วง กลัวว่า ​ถ้ามันเกิดอกหักเหมือนอย่างในนิทาน​ที่ข้าพเจ้า​แต่งขึ้น​มาจริงๆ​ มันอาจ​จะคิดสั้น​และทำอะไร​โง่ๆ​ก็​เป็น​ได้
ข้าพเจ้าปั่นจักรยานตามหามันทุก​ที่ เหลือก็​แต่สวนผักท้ายหมู่บ้าน ข้าพเจ้าไม่รอช้า เร่งปั่นจักรยาน​ไป​ที่นั่น​โดยเร็ว แล้ว​ภาพตรงหน้า​เมื่อข้าพเจ้า​ไปถึง ก็ทำให้ข้าพเจ้าทิ้งจักรยานแล้ว​ยืนตะลึงงัน โถ...​เจ้าโซดา มันนอนแน่นิ่ง หายใจรวยรินอย่างแผ่วเบา ข้าพเจ้าเข้า​ไปประคองยกมันขึ้น​มากอดไว้ มันมีลมหายใจอ่อนๆ​อยู่​ ข้าพเจ้ามองซ้าย-ขวา พยายามมองหาคนช่วย ก็เจอะ​เอาเจ๊กเจ้าของแปลงผักยืนค้ำสะเอวมองดูอยู่​
"เจ้าหมานั่นมันมาดื่มน้ำ​ที่แปลงผักนี่" เจ๊กว่าพลางเดินเข้ามาหาข้าพเจ้า
"ช่วยพามัน​ไปหาหมอ​ได้ไหมครับ​" ข้าพเจ้าเอ่ยขอร้องเจ้าของแปลงผักอย่างขอ​ความเห็นใจ
"ลื้อ​เป็นเจ้าของมันเหรอ"
ข้าพเจ้าส่ายหน้าแทนคำตอบ
"​ถ้าอย่างนั้น​ อั้วก็ไม่รับผิดชอบ"
"​แต่ผมรู้จักมันนะ ​เอาอาหารมาให้มันทุกวันด้วย" ข้าพเจ้าแย้งขึ้น​ด้วยน้ำเสียงค่อนข้าง​จะ​เอาเรื่อง​ จนเจ๊กทำหน้าอารมณ์เสียขึ้น​มาทันที
"มันรู้จักลื้อ? มันก็รู้จักอั้วด้วย อั้วมายืนไล่มันเหย็งๆ​อยู่​ทุกวัน-ด่ามันทุกวัน ไม่ให้มันมากินน้ำ​ที่นี่ ​แต่มันก็ยังดื้อมากินน้ำในสระนี้ทุกที" เจ๊กกอดอกพูดพลางทำตาเขียวดุใส่ แล้ว​เดินเข้ามาใกล้ๆ​ก่อน​จะตบไหล่ข้าพเจ้าเบาๆ​อย่างเห็นใจ
"ลื้อ​จะ​ไปสนทำไม กะอีแค่หมาตัวเดียว รู้อะไร​ไหม ...​โลกใบนี้น่ะ ...​คนเพียงคนเดียวไม่สำคัญหรอก" พูดจบเจ๊กก็เดินหันหลังจาก​ไปทันที ข้าพเจ้ากอดเจ้าโซดาแน่น รู้สึกเหมือนตัวเองอยาก​จะร้องไห้ออกมา เสียงลมหายใจของมันแผ่วเบาลงเรื่อยๆ​ ข้าพเจ้าไม่รู้​จะช่วยมันอย่างไร ​ที่ทำ​ได้​คืออยู่​​เป็น​เพื่อนมันจนวินาทีสุดท้าย ​และแล้ว​เสียงลมหายใจของมันก็ขาดหาย​ไป ข้าพเจ้าน้ำตาหยดแหมะๆ​ กระชับเจ้าโซดาแน่น​กับอก แล้ว​พามันกลับบ้าน



พ่อวิ่งเข้ามาหาข้าพเจ้าอย่างตกใจ-ถามว่าเกิดอะไร​ขึ้น​ ข้าพเจ้าพูดออกมาไม่​ได้​เพราะรู้สึกเหมือนอะไร​มันจุกอยู่​ในอก ​ทั้งน้ำตา ​ทั้งน้ำมูก ดูโยเย​เป็นเด็กอ่อน​ไปเลย​ พ่อไม่ว่าอะไร​อีก ค่อยๆ​ประคองโซดาออกจากอ้อมกอดของข้าพเจ้า แล้ว​พาร่างของมัน​ไป​ที่หลังบ้าน
ไม่มีพิธี​และคำพูดอะไร​ให้มาก​ความ ข้าพเจ้า​กับพ่อยืนนิ่งสงบ เรามองดูหลุมศพของเจ้าโซดาอย่างอาลัย พ่อหันมาถามข้าพเจ้าว่าอยากเล่าอะไร​บ้างไหม ข้าพเจ้าพยักหน้า​และเริ่มเล่าทุกอย่างตั้งแต่เรื่อง​​ที่​ได้พบ​กับเจ้าโซดา เรื่อง​นิทานรักร้าวของมัน ​และการตาย​ที่น่าสงสาร
พอพ่อฟังจบก็ถามข้าพเจ้าว่านิทานรักร้าวมันจบลงอย่างไร ข้าพเจ้าจึงเล่าด้วยน้ำเสียงเนิบๆ​ ​ทั้งน้ำตา ‘ยัยน้ำเขียว​ไปติดหมาหนุ่มตัวอื่นจริงๆ​ เจ้าโซดาเองก็ทำใจไม่​ได้ มันรู้สึกว่า​สิ่ง​ที่มันอุตส่าห์ทุ่มเทมาตลอด กลับถูกมอง​เป็นสิ่งไร้ค่า มันน้อยใจ...​ก็เลย​ฆ่าตัวตายด้วยการ​ไปกินน้ำ​ที่สวนผัก’
พ่อถอนหายใจออกมา แล้ว​ถามข้าพเจ้าว่า จำเรื่อง​การมองโลกในแง่ดี​และใจกว้าง​ได้ไหม ข้าพเจ้ามองหน้าพ่อ แล้ว​ตอบ​ไปว่าจำ​ได้ พ่อบอกว่า บางที...​นางฟ้าคง​จะเกิดสงสารเจ้าโซดามันเข้า ก็เลย​มารับมัน​ไปอยู่​ด้วย ​ที่นั่นมีหมาสาวๆ​สวยๆ​ อยู่​เยอะแยะเต็ม​ไปหมด ไม่แน่ตอนนี้ มันอาจ​จะ​กำลังอยู่​ในวงล้อมของสาวๆ​ก็​เป็น​ได้
ข้าพเจ้ายิ้มออกมาจน​ได้ ​แต่พอมอง​ไปบนฟ้าก็อดนึกถึงสิ่ง​ที่เจ๊กพูดไม่​ได้เหมือนกัน ข้าพเจ้าจึงถามพ่อ​ไปว่า คนๆ​เดียวสำคัญ​กับโลกใบนี้ไหม
พ่อนิ่ง​ไปครู่หนึ่ง​ แล้ว​มองตาข้าพเจ้า
"คนเลวบางคนไม่มี​ความสำคัญ​กับโลกใบนี้ คนดีบางคน-โลกก็ไม่รู้จัก​เขา ​แต่ว่า​เพื่อนน่ะ สำคัญ​กับเรา​ที่สุดในโลกนะ"
ข้าพเจ้าพยักหน้า ยกมือขึ้น​เช็ดน้ำตาปรอยๆ​ ​แต่ก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง ‘​เพื่อน-สำคัญ​ที่สุดในโลก’ จริงอย่าง​ที่พ่อว่า โซดา-​เพื่อนของข้าพเจ้านำ​ความเปลี่ยนแปลงมาสู่ข้าพเจ้า ถึงมัน​จะ​เป็นหมา ​และ​ได้​ใช้เวลาสร้าง​ความสัมพันธ์​ที่ดีด้วยกันในช่วงเวลาสั้นๆ​ ​แต่มันก็มี​ความสำคัญ​กับข้าพเจ้า​ที่สุด ​และยิ่งกว่าอื่นใด โซดา-​เป็น​เพื่อน​ที่สุดวิเศษในโลกใบจิ๋วของข้าพเจ้า...​

...​...​...​จบ...​...​...​

 

F a c t   C a r d
Article ID A-1731 Article's Rate 18 votes
ชื่อเรื่อง นิทานหมาน้อย
ผู้แต่ง แดง หัวโต
ตีพิมพ์เมื่อ ๒๒ กรกฏาคม ๒๕๔๙
ตีพิมพ์ในคอลัมน์ เรื่องสั้น
จำนวนผู้เปิดอ่าน ๑๑๘๐ ครั้ง
จำนวนความเห็น ๘ ความเห็น
จำนวนดอกไม้รวม ๗๐
| | | |
เชิญโหวตให้เรตติ้งดอกไม้แก่ข้อเขียนนี้  
R e a d e r ' s   C o m m e n t
ความเห็นที่ ๑ : ศาลานกน้อย [C-8538 ], [000.000.000.000]
เมื่อวันที่ : 22 ก.ค. 2549, 11.33 น.

ผู้อ่าน​ที่รัก,

นิตยสารรายสะดวก​ ​และผู้เขียนยินดีรับฟัง​ความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดง​ความเห็น​ได้​โดยอิสระ ขอขอบคุณ​และรู้สึก​เป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมี​ส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...​

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๒ : หัวโตเบอเร้อ [C-8539 ], [203.151.141.194]
เมื่อวันที่ : 22 ก.ค. 2549, 11.42 น.

เรื่อง​สั้นเรื่อง​นี้ ผมเขียนมานานแล้ว​ นานจนลืมว่าเคยเขียนมันด้วยซ้ำ...​ผมว่า มันยังค่อนข้างไม่ดีเท่าไร ​แต่ยังไงก็ฝากผลงานชิ้นนี้ด้วยนะครับ​

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๓ : add [C-8540 ], [203.188.45.252]
เมื่อวันที่ : 22 ก.ค. 2549, 12.27 น.

เขียน​ได้ดีมากเลย​ละคะ​

ขออนุญาติ ​ที่ถูก ​คือ ขออนุญาต นะคะ​

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๔ : แสนรัก [C-8541 ], [219.184.210.104]
เมื่อวันที่ : 22 ก.ค. 2549, 14.43 น.

เล่า​ได้น่าอ่านมากเลย​ค่ะ​ มีหลายแง่มุมของการคิด​ที่​ได้จากการอ่านเรื่อง​นี้นะ แสนรักว่านอกจาก​เพื่อนดีๆ​ ​ที่​เป็นคนแล้ว​ หมานี่แหละ​ซื่อสัตย์​และรักเรา​ใช้​ได้ทีเดียว...​อิอิ ​ที่บ้านเพิ่งมีลูกหมาคลอดมาสี่ตัว สนใจ​เอา​ไปเลี้ยงแทนโซดาไหมจ๊ะ​ ​แต่ไม่มีน้ำแข็ง หรือบรั่นดีนะ มี​แต่มอมแมม แยมโรล พะโล้ ทองหยอด

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๕ : pilgrim [C-8572 ], [158.125.1.113]
เมื่อวันที่ : 25 ก.ค. 2549, 19.20 น.

พี่พิลเพิ่ง​ได้มีโอกาสตามเข้ามาอ่านค่ะ​ คุณแดง หัวโต อ่านแล้ว​ประทับใจมากๆ​ มีแง่มุมให้คิดมากมาย​ รูปประกอบก็น่ารักมากๆ​ค่ะ​
เขียนเรื่อยๆ​นะคะ​ ฝีมืออย่างนี้​ใช้​ได้เลย​ค่ะ​

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๖ : Rotjana Geneva [C-8605 ], [212.152.4.169]
เมื่อวันที่ : 27 ก.ค. 2549, 22.47 น.

ขออนุญาต​เป็นพี่รจนาแล้ว​กันนะคะ​ เพิ่งมีโอกาส​ได้เข้ามาอ่านเหมือนกันค่ะ​

เขียน​ได้ดี นุ่มนวล น่ารัก มีอารมณ์ขัน สะท้อน​ความคิด ​ความรู้สึก​ได้ดีมากค่ะ​ ​ใช้คำไม่มาก ​แต่บอกเล่าเหตุการณ์​ได้ครบถ้วน

จุดหักเปลี่ยนของตัวเอก​กับโซดาก็นุ่มนวล ราบรื่น น่ารัก อ่านแล้ว​คล้อยตาม พลอยอมยิ้ม​ไปด้วย

มีคำคม ข้อคิดดี ๆ​ งดงามหลายอย่าง ​โดยเฉพาะผ่านคำพูดของพ่อ​ที่ว่า ​ความ​เป็นผู้ใหญ่ไม่​ได้​เป็น​ไปตามเวลา​ที่ผ่าน​ไปอย่างเดียว ​แต่​กับวิธี​ที่เผชิญ​กับปัญหาด้วย พี่รจประทับใจ​กับประโยคนี้มากค่ะ​

หาก "พ่อ" ​เป็นบุคคล​ที่มีอยู่​จริงก็สมควรแก่การเคารพบูชาอย่างยิ่งค่ะ​

​และยังมีหลาย ๆ​ ​ส่วน​ที่ประทับใจจนอยากกล่าวว่า น่า​จะ​เป็นวรรณกรรมเยาวชน​ที่ดี​ได้เรื่อง​หนึ่ง​ ดีใจ​ที่คุณแดงหัวโตนำมาลงในศาลานกน้อยแห่งนี้ค่ะ​

​ส่วนคำผิดคำสะกด พี่แอ๊ดช่วยดูให้แล้ว​

นอกจากนั้น​ หาก​จะจัดย่อหน้าให้ห่างกันอีกนิดก็​จะดูสวยงามอ่านง่ายขึ้น​ ​แต่เท่า​ที่เห็น​แต่ละย่อหน้าก็กระชับในเนื้อหา​และไม่ยาวเยิ่นเย้อ

ขยันเขียนต่อ​ไปอย่างพี่พิลว่านะคะ​ ภาพน่ารัก​และเหมาะสม​กับเรื่อง​จริง ๆ​ ค่ะ​

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๗ : สตรอเบอรี่ [C-8784 ], [203.150.132.242]
เมื่อวันที่ : 06 ส.ค. 2549, 14.55 น.

เขียนดีครับ​ เปิดเรื่อง​​ได้น่าติดตาม มีมุมมอง​ที่ดี ​สามารถหยิบเรื่อง​เล็ก ๆ​ น้อย ๆ​ มาทำให้น่าสนใจ​ได้

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๘ : คนไกล [C-10083 ], [203.158.207.31]
เมื่อวันที่ : 13 ธ.ค. 2549, 13.53 น.

เล่าเรื่อง​​ได้น่ารักดี อ่านง่าย นึกภาพออก สงสัยคง​เป็น​เพราะ​ส่วนตัวชอบหมาอยู่​แล้ว​มั้งค่ะ​ ขยันเขียนต่อ​ไปอีกนะ ​เป็น​กำลังใจช่วย

แจ้งลบข้อความ


สั่งให้ระบบส่งเมลแจ้งการเพิ่มเติมความเห็น
 ศาลานกน้อย พร้อมบริการเสมอ และยินดีรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกท่าน  ติดต่อเว็บมาสเตอร์ได้ทางคอลัมน์ คุยกับลุงเปี๊ยก หรือทางอีเมลได้ที่ uncle-piak@noknoi.com  พัฒนาระบบ : ธีรพงษ์ สุทธิวราภิรักษ์  โลโกนกน้อย : สุชา สนิทวงศ์  ภาพดอกไม้ในนกแชท : ณัฐพร บุญประภา  ลิขสิทธิ์งานเขียนในนิตยสารรายสะดวก เป็นของผู้เขียนเรื่องนั้น  ข้อความที่โพสบนเว็บไซต์แห่งนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้โพสทั้งสิ้น