![]() |
![]() |
เรียวจันทร์![]() |


ผู้ประพันธ์หนังสือเล่มนี้คือ ดอสโตเยฟสกี้
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ดอสโตเยฟสกี้ (Fyodor Dostoyevsky) มีชีวิตอยู่ในช่วงปี ค.ศ.1821-1881 เขาเกิดมาในตระกูลชนชั้นกลางที่ไม่ร่ำรวยนัก มีพ่อซึ่งเป็นศัลยแพทย์ประจำโรงพยาบาลอนาถาแห่งหนึ่ง มีพี่น้องทั้งหมด 7 คน เขาเป็นลูกชายคนที่สอง พ่อเป็นคนเข้มงวด ขี้หึงและชอบดื่มเหล้า แม่เขาตายเมื่อเขามีอายุ 16 ปี และสองปีต่อมาพ่อเขาก็ตาย ซึ่งอาจจะเป็นเพราะเนื่องจากเส้นโลหิตในสมองแตก แต่ก็มีข่าวร่ำลือว่าพ่อตายเพราะถูกฆาตกรรมด้วยฝีมือของชาวนาซึ่งเป็นทาสในที่ดินของเขาเองโดยการถูกจับกรอกด้วยเหล้าวอดก้าจนสำลักตาย
ดอสโตเยฟสกี้ เรียนหนังสือเองที่บ้านและเข้าโรงเรียนประจำของเอกชนแห่งหนึ่งในมอสโคว์ จากนั้นก็ศึกษาต่อที่สถาบันวิศวกรรมทหารที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เรียนจบก็เข้ารับราชการทหารได้ปีเดียวก็ลาออกมาเริ่มต้นเขียนหนังสือ
เขาเริ่มเขียนหนังสือเมื่อ ปี ค.ศ. 1844 และ รักของผู้ยากไร้ Poor Folkหรือ Poor People (1846) เป็นนวนิยายขนาดสั้นเล่มแรกของเขา ซึ่งได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็น เขาเป็นโกโกลคนใหม่ (นิโคลัส โกโกล ค.ศ.1809 -1852 เป็นผู้บุกเบิกงานวรรณกรรมเสียดสีสังคม Dead Souls (ซึ่งเทียบเคียงกับวรรณกรรมเรื่อง Don Quixote)) เพราะรักของผู้ยากไร้เป็นนวนิยายที่สะท้อนสังคมเล่มแรกในรัสเซีย ซึ่งทำให้เขาประสบความสำเร็จขณะที่มีอายุเพียง 24 ปี จากแนวคิดและบุคลิกตัวละครในเรื่อง รักของผู้ยากไร้นี้เป็นพื้นฐานในการสร้างตัวละครอื่นๆในงานเขียนชิ้นหลังๆของเขาให้สลับซับซ้อนยิ่งขึ้น
สองสัปดาห์ต่อมา The Double (1846) ผลงานเล่มที่สองก็ออกสู่ตลาด แต่ไม่ได้รับความนิยมเท่ากับเรื่องแรก
ในฤดูใบไม้ผลิ ค.ศ.1949 ดอสโตเยฟสกี้เข้าร่วมขบวนการโค่นพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่หนึ่ง แต่ถูกจับจำคุก "ขังเงียบ" นานถึง 8 เดือน และถูกตัดสินประหารชีวิต ระหว่างที่เขาสวมชุดนักโทษประหารรอรับความตายอยู่นั้น ในเวลาห้านาทีก่อนจะถึงเวลาที่เขาจะต้องถูกผูกติดกับเสาและถูกยิงเป้าต่อจากสหายด้วยกัน เหมือนปาฏิหาริย์ พระเจ้าซาร์ได้สั่งงดการประหารชีวิตเปลี่ยนเป็นการเนรเทศพวกนักโทษให้ไปอยู่ไซบีเรียทำงานหนักเยี่ยงทาสนาน 4 ปีแทน เขาได้เรียนรู้ความยากลำบากนานัปการที่ไซบีเรีย หลังจากพ้นโทษและได้รับฐานะทางชนชั้นกลับคืนมาแล้ว เขาก็ยังใช้ชีวิตอย่างยากไร้เสียเป็นส่วนใหญ่ เขาเคยทั้งเป็นนักพนันและติดยาเสพติด
หลังจากพ้นโทษเขาเดินทางกลับสู่ เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เขาก็เขียนเรื่อง The House of the Dead (1861-62) บรรยายถึงประสบการณ์ในคุกไซบีเรียได้อย่างสะเทือนอารมณ์ , ตามด้วย The Insulted and Injured (1861) , Winter Notes on Summer Impressions (1863), Notes from Underground (1864).
มารียา ฟิโอโดโรฟน่า คือภรรยาคนแรกของเขา ซึ่งดอสโตเยฟสกี้ ให้ฉายาเธอว่า "อัศวินสวมอาภรณ์สตรี" ก็เป็นบุคลิกตัวละครหนึ่งใน Crime and Punishment (1866) ตัวละครนั้นคือ แคธีน่า อีวานอฟน่า ภรรยาของเขาเสียชีวิตด้วยวัณโรคในปี ค.ศ.1864
หลังจากที่เขาล้มเหลวในการพยายามจะทำให้นิตยสาร "ยุคสมัย" ยืนหยัดต่อไปได้หลังจากพี่ชายเขาเสียชีวิตไปแล้ว เขาก็เดินทางไปยุโรปตะวันตกเพื่อพักผ่อนและหลบหน้าเจ้าหนี้ ชีวิตช่วงนี้ตกต่ำสุดขีด มีหนี้สินจากการพนัน และเขาต้องติดคุกในเยอรมันนาน 2 เดือน พอกลับจากเยอรมันเขาจึงเขียน Crime and Punishment ตามด้วย นักพนัน The Gambler (1968)
เขาแต่งงานครั้งที่สองกับ กริกอเรียฟน่า สนิตกิน่า ผู้จดตามคำบอกของเขา เขาเดินทางไปยุโรปนาน 4 ปีเต็ม และเขียน The Idiot (1868-69) ซึ่งตัวเอกเป็นโรคลมบ้าหมูเหมือนตัวเขา The Possessed (1872), The Diary of a Writer (1876), 'The Gentle Maiden' (1876), และ The Brothers of Karamazov (1879-80) เป็นเรื่องสุดท้ายที่เขาเขียนไว้ลงเป็นตอนๆในหนังสือ The Russia Herald ซึ่งได้รับชื่อเสียงและเงินทองมากขึ้น เขาเสียชีวิตด้วยโรคเกี่ยวกับระบบการทำงานของปอดเมื่อเดือนมกราคม 1881
พี่น้องคารามาซอฟ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ผู้แปล คือ สดใส
เสกสรรค์ ประเสริฐกุล บทนำ
เทพศิริ สุขโสภา ภาพประกอบ
ความหนา 891 หน้า ราคา 300 บาท
"สิ่งหนึ่งที่สร้างความทุกข์ใจแก่จิตสำนึกและจิตใต้สำนึกมาตลอดชีวิตก็คือ คำถามที่ว่ามีจริงหรือไม่?" นี่คือแนวความคิดของ ดอสโตเยฟสกี้ ที่ใส่เข้าไว้ในหนังสือเล่มสุดท้ายของเขาอีกครั้งในพี่น้องคารามาซอฟ โดยผ่านทางตัวละครที่ชื่อ อีวาน ลูกชายคนที่สอง ของตาเฒ่าคารามาซอฟ
นวนิยายเรื่องนี้กล่าวถึงครอบครัว คารามาซอฟ ผู้พ่อซึ่งหยาบช้า กักขฬะ ไม่เคยสนใจดูแลลูกเมีย และมักมากในกามคุณ เขามีภรรยาสองคน บุตรจากภรรยาคนแรกชื่อ ดิมิตรี หรือ มิตยา เป็นนายทหารผู้โผงผางตรงไปตรงมา และอาฆาตแค้นต่อพ่อของตนเองว่าเขาไม่ได้รับการเอาใจใส่ดูแล รวมทั้งพ่อยังรักผู้หญิงคนเดียวกับเขาอีกด้วย เขาเคยมีความคิดที่จะฆ่าพ่อของเขาเอง
บุตรชายคนที่สองคือ อีวาน ซึ่งเป็นลูกคนโตกับภรรยาคนที่สอง อีวานเป็นนักคิดนักเขียน และแนวความคิดเรื่องพระเจ้าไม่มีจริงก็สอดใส่อยูในจิตวิญญาณของเขาตลอด เขาเองก็เคยมีความคิดชั่วร้ายที่ไม่อยากจะให้พ่อของเขามีชีวิตอยู่เช่นกัน
ส่วนบุตรชายคนที่สาม คือ อเลกไซ หรือ อโลชาผู้น้อง ซึ่งเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อ่อนโยน และฝักใฝ่ในธรรมะ เขาแทบจะเป็นคนเดียวในเรื่องนี้ที่มีสุขภาพจิตที่สมบูรณ์ที่สุด เขาชอบช่วยเหลือคนอื่นๆและมองคนในแง่ดีเสมอ
เหตุการณ์สำคัญของนวนิยายเรื่องนี้ คือ คารามาซอฟผู้พ่อถูกฆาตกรรม หลักฐานทุกอย่างผูกมัดให้มิตยาลูกชายคนโตถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ฆ่า
อีวานน้องคนรอง ได้ค้นพบความจริงว่าผู้ที่ฆ่าพ่อคือคนใช้ในบ้านซึ่งอาจจะเป็นลูกของพ่อเขาเองกับหญิงบ้า และในการฆาตกรรมครั้งนี้เขาเองก็ดูจะมีส่วนในการพูดให้ฆาตกรมีแรงจูงใจที่จะฆ่าพ่อเขาด้วย แต่ยังไม่ทันที่อีวานจะเปิดเผยความลับนี้เขาก็มีอาการทางสมองไปเสียก่อน
อโลชาน้องสุดท้อง เชื่อมั่นว่าพี่ชายคนโตไม่ได้ฆ่าพ่ออย่างแน่นอนโดยเชื่อจากสายตาที่บริสุทธิ์ของพี่ชาย แต่เขาไม่มีหลักฐาน เขาพยายามจะหาทางช่วยพี่ชายของเขาทุกวิถีทาง แม้กระทั่งการหลบหนี
แคทธารีนา
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
กรูเชนกา
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
มีผู้หญิงตัวเอกสองคนในเรื่อง คือ แคทธารีนา คนรักคนแรกของมิตยา แต่ในท้ายที่สุดเธอกลับพบว่าตัวเองรักอีวานผู้น้อง ผู้หญิงอีกคนหนึ่งคือ กรูเชนกา หญิงงามเมืองที่มิตยาหลงรัก และพ่อเฒ่าคารามาซอฟหลงใหล
เรื่องนี้ ดอสโตเยฟสกี้ เขียนไว้ 4 ภาค บทส่งท้ายยังไม่ทันจบเขาก็เสียชีวิตไปก่อน พี่น้องคารามาซอฟจึงจบลงตรงที่ มิตยาถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฆ่าพ่อ
ตัวละครแต่ละตัวนั้น ผู้เขียนได้สร้างบุคลิก นิสัยใจคอ ความคิดและความเชื่อไว้อย่างชัดเจนมาก เขาเขียนให้เรามองเห็นมนุษย์แต่ละคนอย่างทะลุปรุโปร่งจนถึงวิญญาณ นับเป็นความละเอียดลออและความสามารถของดอสโตเยฟสกี้ นอกจากนี้ยังมีรายละเอียด ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนและปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในสังคมรัสเซีย
ดอสโตเยฟสกี้ ทำให้เรามองเห็นมนุษย์ที่แท้ ซึ่งมีทั้งความดีและความชั่วอยู่ในคนเดียวกัน แต่บางคนก็ไม่รู้ตัวเองว่าเหตุใดจึงกระทำการแบบนั้น เพราะเหตุผลอะไร มนุษย์เรามีความคิดซับซ้อนและสับสนวุ่นวาย ในอีกด้านหนึ่ง เขาก็แสดงให้เห็นจิตใจที่ดีงามของมนุษย์ที่ดีอย่างอโลชา เอื้ออาทรห่วงใยต่อเพื่อนมนุษย์จนทำให้เรารู้สึกว่าใครๆก็สบายใจเมื่ออยู่ใกล้ แม้คนอ่านเองก็สบายใจเมื่อได้อ่านเรื่องราวของคนคนนี้ เขาเป็นตัวแทนแห่งความรักความดีงาม เขาเป็นตัวแทนของพระเจ้า
ถึงแม้ว่าบางตอนของเรื่อง พี่น้องคารามาซอฟ จะเยิ่นเย้อไปบ้าง แต่โดยภาพรวมแล้ว พี่น้องคารามาซอฟเป็นวรรณกรรมที่มีคุณค่าต่อความเข้าใจในความเป็นมนุษย์ อ่านแล้วคุณจะเข้าใจว่ามนุษย์คือคนที่ถูกสร้างมาอย่างมีความผิดพลาด การดูแลเลี้ยงดูส่งผลต่อความนึกคิดของแต่ละคน มนุษย์มีแต่ความโลภ โกรธ และหลง อ่านแล้วคุณจะได้หันกลับมามองตัวเอง มองความคิดของตนเอง เราคิดดีคิดเลวต่อใครบ้าง และความคิดที่ดีของเราเอาชนะความคิดชั่วในตัวเราได้หรือเปล่า?
จากหนังสือ อาชญากรรมกับการลงทัณฑ์ (Crime and Punishment) ศ. ศุภศิลป์ แปล
จากหนังสือ พี่น้องคารามาซอฟ (The Brothers of Karamazov) สดใส แปล
เมื่อวันที่ : 21 มิ.ย. 2549, 18.50 น.
ขอบคุณค่ะ ที่นำมาแบ่งปัน