![]() |
![]() |
Anantra![]() |
...ฉันบอกกับตัวเองเสมอว่าฉันจะทำให้ดีที่สุด จะพยายามตอบแทนความรัก ความหวังดีจากเขา ถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากจะรักเขา แต่ตอนนี้ฉันมีเพียงแค่ความรู้สึกดี ๆ ให้กับเขาแค่นั้น ถ้าความรักมันสามารถบังคับกันได้ก็คงดี...
คุณหนึ่งดีกับฉันมาก อย่างน้อยเขาก็ทำให้ฉันลืมความโศกเศร้า แต่คงไม่ทั้งหมด ฉันยังคงไม่ลืมความรักครั้งเก่า อยากลืม แต่คงต้องรอเวลา เวลาเท่านั้นที่จะช่วยลบเลือนความรู้สึกต่าง ๆ ให้ลดน้อยลง อย่างน้อยมันก็คงไม่เจ็บปวดและทรมานเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้..."่อร นี่ก็นานแล้วนะ เมื่อไหร่แกจะยอมคบกับพี่หนึ่งแบบจริง ๆ จัง ๆ ซักที" จอยเพื่อนรักถามขึ้นมาในขณะที่เรากำลังเดินช้อปปิ้งกัน
"ฉันก็คบพี่เขาจริงจังนะ ไม่เห็นจะเล่น ๆ ตรงไหนเลย" ฉันตอบ
"ไม่ใช่แบบนั้น ฉันหมายถึงคบกันแบบแฟนน่ะ แหมแกนี่ ไม่รู้จริง ๆ หรือแกล้งไม่รู้กันแน่" ใยจอยหยิกฉันเบา ๆ
ฉันยิ้มไม่พูดอะไร ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากที่จะคบกับพี่เขาหรอกนะ เขาดีกับฉันมาก เอาใจใส่ ดูแลฉันดีทุกอย่าง แต่ฉันยังไม่พร้อม
"คุยอะไรกันอยู่เหรอครับสาว ๆ" พี่หนึ่งเดินเข้ามาพอดี หลังจากที่ไปเดินดูของกับน้อต
"ได้อะไรบ้างไหมคะ เห็นไปกันตั้งนาน" ฉันถาม
"ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจน่ะครับ จริง ๆ อยากจะให้เจ้าตัวเขามาเลือกเอง จะได้ถูกใจ " พี่หนึ่งสบตาฉัน
"แหม..พี่หนึ่ง ก็ให้อรเขาไปช่วยเลือกสิคะ ผู้หญิงเหมือนกัน อาจจะรู้ใจกันก็ได้" ใยจอยรีบพูด
"อร ช่วยเลือกก็ได้นะคะ พี่หนึ่งจะซื้ออะไร ให้ใครเหรอคะ" ฉันถาม
"คือพี่อยากจะซื้อแหวนให้คุณแม่น่ะครับ ใกล้จะถึงวันเกิดท่านแล้ว อยากเซอร์ไพร้ส์ท่านน่ะ" พี่หนึ่งบอก
"เอ..แต่ว่ามันจะดีเหรอคะ ให้อรช่วยเลือก เกิดท่านไม่ถูกใจขึ้นมา พี่หนึ่งจะมาโทษอรได้นะ" ฉันเย้า
"ไม่หรอกครับ ท่านต้องชอบแน่นอน ถ้าบอกว่าอรเป็นคนเลือกให้"
ฉันกับพี่หนึ่งสนิทกันมาก็เกือบจะสองปีแล้ว ฉันเคยไปทานข้าวกับคุณแม่พี่หนึ่งก็หลายครั้ง
คุณแม่ท่านเป็นคนใจดี ทันสมัย เป็นผู้หญิงเก่ง และมีความมั่นใจในตัวเองมาก คุณแม่แยกทางกับคุณพ่อของพี่หนึ่งตั้งแต่พี่หนึ่งอายุได้ 9 ขวบ
ส่วนคุณพ่อของพี่หนึ่ง ท่านมีครอบครัวใหม่ แต่พวกเขาก็ยังไปมาหาสู่กันเป็นประจำ คุณพ่ออยากจะให้พี่หนึ่งไปช่วยดูแลงานที่บริษัท แต่พี่หนึ่งก็ปฏิเสธมาตลอด อาจจะเป็นเพราะว่า เขายังทำใจยอมรับครอบครัวใหม่ของคุณพ่อของเขาไม่ได้
พี่หนึ่งพาฉันไปที่ร้านJewelry ก็คงเป็นร้านที่พี่เขาไปกับน้อตเมื่อสักครู่
คนขายต้อนรับพวกเราเป็นอย่างดี จอยกับน้อตขอตัวไปนั่งรอที่ร้านอาหารก่อน
"ไม่ทราบว่าสนใจวงไหนเป็นพิเศษหรือยังคะ" คนขายสอบถาม
"ยังเลย ช่วยแนะนำด้วยนะครับ" พี่หนึ่งบอกคนขาย พร้อมกับพาฉันไปนั่งโซฟาที่ทางร้านจัดเตรียมไว้
คนขายหยิบแหวนวงนั้น วงนี้ออกมาให้เลือกมากมาย บอกตรง ๆ ว่าฉันไม่ค่อยสันทัดกับเรื่องนี้มากนัก ดูเพชรฉันก็ดูไม่เป็น
"ชอบวงนี้ไหมครับอร" พี่หนึ่งถามฉัน พร้อมกับคะยั้นคะยอให้ฉันลองสวม มันพอดีกับขนาดของนิ้วฉันพอดี
"ก็สวยดีนะคะ แต่คุณแม่จะชอบรึเปล่าก็ไม่รู้" ฉันบอกเขา
"แล้วอรชอบไหมล่ะครับ" พี่หนึ่งถาม
"ชอบค่ะ อรว่าแบบมันเก๋ไก๋ น่ารักดี" ฉันตอบไปตามความรู้สึกจริง ๆ
"นี่เป็นแบบใหม่ล่าสุดของทางร้านเราเลยนะคะ มันเหมาะกับคุณมากเลยล่ะค่ะ" คนขายเชียร์
"งั้นผมเอาวงนี้ครับ" พี่หนึ่งบอกคนขาย ในขณะที่ฉันกำลังงง
"พี่หนึ่งคะ คืออรว่าเราชวนคุณแม่มาเลือกเองจะไม่ดีกว่าหรือคะ อรกลัวคุณแม่จะไม่ถูกใจ" ฉันท้วง
"แบบนั้นมันก็ไม่เซอร์ไพร้ส์สิครับ คือพี่อยากให้ท่านดีใจน่ะ อรไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ" พี่หนึ่งบอกยิ้ม ๆ
ฉันได้แต่พยักหน้าตามไปเท่านั้น จะไปพูดอะไรมากได้ ในเมื่อพี่หนึ่งเขาก็เห็นว่าสมควร
พี่หนึ่งพาฉันไปส่งบ้านตามปกติ มันกลายเป็นปกติไปแล้วเพราะว่าตลอดเวลามานี้ เขาไปมาหาสู่กับบ้านฉันเป็นประจำ และทุกครั้งเขาจะต้องแวะเข้าไปสวัสดี พ่อแม่ของฉันไม่เคยขาด
พ่อกับแม่ดูจะถูกใจพี่หนึ่งเป็นพิเศษ อาจจะเพราะว่าเขามีความเป็นผู้ใหญ่ รู้จักการวางตัว ขนาดฉันเองยังไม่กล้าที่จะดื้อรั้นกับเขา เพราะความเกรงใจ
อ้นกลายเป็นเพียงความทรงจำของฉันไปโดยปริยาย เราไม่ได้ติดต่อกันเลยหลังจากงานแต่งงานของเขาวันนั้น แม้แต่ข่าวคราวจากเขาฉันก็ไม่เคยได้รับรู้
ฉันคิดถึงเขาอยู่เสมอ บ่อยครั้งที่ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหวังว่าจะโทรไปถามไถ่ความเป็นไป แต่ก็ต้องเปลี่ยนใจทุกครั้ง มันคงจะไม่เหมาะแม้เพียงแค่ในฐานะเพื่อนก็ตาม
ฉันคิดว่าฉันมีความสุขดีแล้วตอนนี้ ฉันไม่เจ็บปวดอีกแล้วเวลาที่นึกถึงเรื่องราวในอดีต
อาจจะมีลำบากใจบ้างเรื่องพี่หนึ่ง เพราะเขาดีกับฉันมากเหลือเกิน มากเสียจนกระทั่งฉันเกรงว่าฉันจะไม่สามารถตอบแทนเขาได้ มันทรมานเหมือนกันนะ ทั้ง ๆ ที่ฉันก็อยากจะรักเขา แต่ในเรื่องของความรักมันบังคับใจกันไม่ได้จริง ๆ
ฉันเกรงใจเขาเหลือเกินเวลาที่เขาทำดีกับฉัน ทั้ง ๆ ที่ฉันเคยบอกเขาแล้วว่า เขาอาจจะต้องเสียเวลากับฉันโดยเปล่าประโยชน์ แต่เขาก็ยังยืนยัน เขาบอกกับฉันเสมอว่า เขาไม่ได้ต้องการให้ฉันรักเขาตอนนี้ แค่ขอให้เขาได้รักฉัน เขาอยากให้ฉันมีความสุข และเขาก็มีความสุขมากเวลาที่อยู่กับฉัน
ฉันรู้สึกซาบซึ้งใจในความดีที่เขามีให้ ฉันบอกกับตัวเองเสมอว่าฉันจะทำให้ดีที่สุด จะพยายามตอบแทนความรัก ความหวังดีจากเขา ถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากจะรักเขา แต่ตอนนี้ฉันมีเพียงแค่ความรู้สึกดี ๆ ให้กับเขาแค่นั้น ถ้าความรักมันสามารถบังคับกันได้ก็คงดี
พี่หนึ่งโทรหาฉันแต่เช้า วันนี้เป็นวันหยุด ฉันยังนอนอุตุอยู่บนเตียงอยู่เลย
"ตื่นหรือยังครับอร วันนี้ไปทานข้าวกันนะ เดี๋ยวพี่ไปรับ" เขาพูดตามสาย
"กี่โมงคะพี่หนึ่ง อรยังง่วงอยู่เลย" ฉันยังคงหลับตาพูด
"อีก 1 ชั่วโมง พี่คงไปถึงแต่งตัวทันไหมครับ" เขาบอก
"หา...." ฉันอุทานพร้อมกับหยิบนาฬิกาปลุกหัวเตียงมาดู จะ 10 โมงแล้วนี่นา
"คุณพ่อ คุณแม่ของพี่ก็จะมาด้วยนะ รีบหน่อยแล้วกัน แค่นี้นะครับ เดี๋ยวเจอกัน" ไม่ทันที่ฉันจะตอบเขาวางหูไปซะแล้ว ทำไงได้ฉันคงต้องลุกแล้วทั้ง ๆ ที่ยังอยากนอนต่ออีกหน่อย
แต่งตัวเสร็จ ฉันเดินลงไปข้างล่าง พี่หนึ่งมานั่งรออยู่แล้ว
"พี่เขามารอแล้ว เรานี่ทำไมช้าจัง" คุณแม่บ่น
"ผมขออนุญาต พาอรไปเลยนะครับ" พี่หนึ่งบอก
"จ้ะ รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวไม่ทัน" คุณแม่บอก
ฉันหันไปค้อนแม่ทีนึง อะไรกัน เข้าข้างกันเหลือเกิน ใครเป็นลูกตัวเองกันแน่
"แน๊..ยังจะมาค้อนอีก ใยลูกคนนี้นี่" แม่หัวเราะ พร้อมกับตีก้นฉันทีนึง
ท่าทางคุณแม่จะชอบพี่หนึ่งเป็นพิเศษ แต่ท่านก็ไม่เคยพูด หรือถามอะไรที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเขาเลย แต่ก็ดีแล้วล่ะ ถ้าท่านเกิดถามขึ้นมาฉันก็คงไม่รู้จะบอกว่ายังไง
"พี่หนึ่งคะ เรากำลังจะไปไหนกันหรือคะ" ฉันถามขณะเข้าไปนั่งในรถ
"ไปทานข้าวไงจ๊ะ ดีไหม" เขาตอบฉันอย่างอ่อนโยน
"เห็นพี่หนึ่งบอกว่าคุณพ่อกับคุณแม่จะมาด้วย"
"ใช่ครับ แต่อรไม่ต้องตื่นเต้นนะ ทำตัวตามสบาย" เขารีบพูด
"เนื่องในโอกาสอะไรคะเนี่ย แล้วอรมาแบบนี้ไม่ตลกเหรอคะ คือแบบว่ามันเป็นงานครอบครัวของพี่หนึ่ง" ฉันถามเบา ๆ
"อรเป็นคนสำคัญสำหรับพี่ แค่นี้ก็พอแล้ว" เขาทำหน้านิ่ว
ฉันไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก รู้แต่ว่าฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเลย นาน ๆ ครอบครัวของเขาจะได้อยู่กันพร้อมหน้า แต่ฉันเป็นคนอื่น พี่หนึ่งจะพาฉันมาด้วยทำไม อีกอย่างฉันก็ไม่เคยพบกับคุณพ่อของเขามาก่อน ฉันกลัวว่าจะวางตัวไม่ถูก
พี่หนึ่งจอดรถใต้ถุนโรงแรมหรูแห่งหนึ่งย่านใจกลางเมือง
"หวาย..โรงแรมนี้เลยเหรอ แล้วดูการแต่งตัวของฉันสิ สุดแสนจะธรรมดา น่าอายจัง รู้งี้งัดชุดใหม่ออกมาใส่ก็ดี" ฉันได้แต่คิด เหลือบไปมองพี่หนึ่ง เขานิ่งเงียบไปถนัดตา เป็นอะไรของเขากันนะ ไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อนเลย
เราเดินไปที่ลิฟท์เพื่อขึ้นไปที่ล็อบบี้ เห็นคุณแม่พี่หนึ่งแต่ไกล ท่านดูโดดเด่นในชุดสีแดงเพลิง วันนี้ท่านดูสวยเป็นพิเศษ คุณแม่ท่านเป็นช่างตัดเย็บฝีมือดี่มากคนหนึ่ง มีโรงเรียนสอนออกแบบ-ตัดเย็บโดยเฉพาะ เพราะฉะนั้นชุดแต่ละชุดที่ท่านสวมใส่ก็จะสวยเก๋ สมวัย ไม่ซ้ำแบบใคร
"มาแล้วเหรอลูก อ้าวอรก็มาด้วยเหรอจ๊ะเนี่ย" คุณแม่ทักทาย ฉันยกมือสวัสดีท่านตามมารยาท
"คุณพ่อล่ะครับ" พี่หนึ่งถาม
"เขากำลังมาจ้ะ หนึ่งมาคุยกับแม่ทางนี้หน่อย" คุณแม่พาพี่หนึ่งไปอีกมุมนึง
ฉันรู้สึกอึดอัด ทำไมคุณแม่ถึงทำหน้าแปลก ๆ เวลาเจอฉัน นี่ฉันมาผิดงานรึเปล่า ฉันชักสับสนในสถานะของตัวเองแล้วสิตอนนี้
สักพักพี่หนึ่งก็เดินมา โดยที่คุณแม่เดินนำขึ้นไปชั้นบน
"ไปกันเถอะครับ" เขาบอกฉัน
ฉันเดินไปกับเขาอย่างว่าง่าย อยากจะถามเขาเหมือนกันว่าเมื่อกี้นี้คุยอะไรกันกับคุณแม่ แต่ก็ไม่กล้า มันดูละลาบละล้วงเกินไป
เราทั้งสามคนเข้าไปนั่งรอคุณพ่ออยู่ในร้านอาหารจีนภายในโรงแรม
"ตามสบายเลยนะจ๊ะอร อยากทานอะไรก็สั่งเลย" คุณแม่เชิญ
พี่หนึ่งรับเมนูมาจากบริกร เปิดดูสักพัก แล้วเริ่มสั่ง
"อรเอาซุปรองท้องก่อนนะ" เขาพูด พลางหันไปสั่งบริกร "น้องครับซุปเยื่อไผ่ 2 ที่"
พี่หนึ่งจัดแจงสั่งอาหารให้ฉันเสร็จสรรพ นี่เขาไม่คิดจะถามความเห็นฉันเลยหรือยังไง
"พี่ขอสั่งให้นะ พี่รู้ว่าอรเกรงใจคงไม่กล้าสั่งเท่าไหร่ ไม่ต้องห่วงนะ พี่สั่งซาลาเปา เสี่ยวหลงเปาให้ด้วย รู้ว่าอรชอบ" เขาพูดยิ้ม ๆ
มันก็จริงอย่างที่เขาพูด ถ้าจะให้ฉันสั่ง ฉันคงไม่รู้จะสั่งอะไร และก็รู้สึกเกรงใจมากเหมือนเป็นแขกไม่ได้รับเชิญ
สักพักบริกรนำผู้ชายคนหนึ่งเข้ามา ฉันรู้ได้ทันทีว่าเขาคือ คุณพ่อของพี่หนึ่ง เพราะโครงหน้า และ ดวงตา คล้ายกับพี่หนึ่งมาก ต่างกันที่ส่วนสูงแค่นั้น พี่หนึ่งคงจะได้ความสูงมาจากคุณแม่
คุณพ่อเดินเข้ามาพร้อมกับผู้หญิงสาวคนหนึ่ง รูปร่างหน้าตาจัดว่าสวยใช้ได้เลยทีเดียว
"สวัสดีครับคุณพ่อ ทำไมมาช้านักล่ะครับ นี่เราก็สั่งอาหารกันไปเรียบร้อยแล้วด้วย" พี่หนึ่งพูดทักทายน้ำเสียงประชดเล็ก ๆ
"พ่อต้องขอโทษด้วย พอดีมีธุระด่วนที่บริษัทนิดหน่อยน่ะ" คุณพ่อพูดอย่างอารมณ์ดี
ฉันยกมือสวัสดีคุณพ่อของพี่หนึ่งทันทีที่พวกเขาพูดจบ
"นี่อร ค่ะคุณ เพื่อนของหนึ่งเขาน่ะ" คุณแม่รีบแนะนำ คุณพ่อมองหน้าฉันอย่างสงสัยพร้อมกับรับไหว้
"สวัสดีค่ะ คุณแม่, สบายดีไหมคะ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน คุณแม่ไม่เปลี่ยนเลยนะคะ ยังดูสาวและสวยอยู่เลย" ผู้หญิงคนที่มากับคุณพ่อทักทาย
"สบายดีจ้ะ หนูก็สวยขึ้นมากเลยนะ" คุณแม่ชม
"ขอบคุณค่ะคุณแม่ แล้วเอ่อ คุณ..." เธอถามฉัน
"อร ค่ะ" ฉันบอก
"แจนค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ" เธอยิ้มอย่างเป็นกันเองให้ฉัน
"เออนี่หนึ่ง ไม่เห็นแกแวะมาหาพ่อที่บริษัทบ้างเลย ทำไมงานยุ่งเหรอไง" คุณพ่อตัดบท
"ผมไม่ค่อยว่างน่ะครับ ว่าแต่คุณพ่อสบายดีไหมครับ"
"อืม ก็เรื่อย ๆ นะ ตามประสาคนแก่" คุณพ่อพูด "ว่าแต่แกควรจะมาหาน้องเขามั่งนะ ไหน ๆ ก็จะเป็นคู่หมั้นคู่หมายกันอยู่แล้ว นี่แจนเขาก็กลับมาได้เกือบเดือนแล้ว แกก็รู้นี่ ก็น่าจะมาเยี่ยมเยียนน้องบ้าง"
"แล้วเป็นยังไงบ้างจ๊ะ เรียนจบแล้วใช่ไหม เก่งจริง ๆ เลยนะเรา" คุณแม่รีบถามขึ้นมา
"เรียบร้อยแล้วค่ะคุณแม่ ถึงยังไงก็ต้องรีบเรียนให้จบเร็ว ๆ กลัวคนบางคนจะรอไม่ไหวน่ะค่ะ" เธอพูดพร้อมกับชายตาไปทางพี่หนึ่ง
"เออ แล้วว่าไงคุณ เรื่องงานหมั้น ไปถึงไหนแล้ว ที่ผมให้คุณไปดูฤกษ์ดูยามมาน่ะ" คุณพ่อถาม
"เอ่อ..ก็ดู ๆ อยู่น่ะค่ะว่าฤกษ์ไหนสะดวกที่สุด นี่ก็ว่าจะรอถามเจ้าตัวเองเลยว่าชอบวันไหน เดือนไหนกัน พอดีพระท่านก็บอกว่าปีนี้เป็นปีดี จัดงานมงคลได้หลายวัน"
"ไหนล่ะ มีวันไหนบ้าง จะได้สรุปกันซะที ไหน ๆ ก็อยู่กันพร้อมหน้าแล้วนี่" คุณพ่อรีบพูด
คุณแม่หันไปมองหน้าพี่หนึ่ง ก่อนที่จะก้มลงไปหยิบกระดาษในกระเป๋าส่งให้กับคุณพ่อ
พี่หนึ่งยังคงนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น
"ไหนดูซิ มีเดือนมิถุนายน กับพฤศจิกายน...ดีนี่ดี ผมว่าเราจัดงานหมั้นมิถุนา แต่งเดือนพฤศจิกาเลยเป็นไง ดีไหม หรือใครว่าไง" คุณพ่อถามทุกคนด้วยน้ำเสียงดีใจ
ทุกคนเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยสักคน ฉันเห็นคุณแม่หันไปมองหน้าพี่หนึ่งอีกครั้ง แต่เขาก็ได้แต่นั่งเงียบไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
"เป็นอะไรกันไปหมดล่ะ คุณว่าดีไหมคุณอมรศรี แล้วแจนล่ะ ว่าไงลูก เห็นด้วยไหม"
"ตามใจคุณพ่อค่ะ" แจนบอก
"ไง คุณ" คุณพ่อหันไปถามความเห็นคุณแม่
"เอ่อ ก็แล้วแต่เด็ก ๆ เขาแล้วกันค่ะ" คุณแม่ตอบแบบเลี่ยง ๆ
"งั้น OK ตามนี้นะ เดี๋ยวเรื่องงานทั้งหมดผมจัดการเอง" คุณพ่อพูดอย่างอารมณ์ดี
นี่มันอะไรกัน ฉันไม่เข้าใจ พี่หนึ่งกำลังจะหมั้นกับคุณแจน ทำไมเขาไม่เคยบอกอะไรฉันเลย หนำซ้ำยังพาฉันมานั่งอยู่ที่นี่ด้วยอีกทั้ง ๆ ที่มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันเลยสักนิด ทำไม...
เมื่อวันที่ : 25 พ.ค. 2549, 14.27 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...