![]() |
![]() |
วันพีซ![]() |
ชาว เยอรมัน ราวปี ค.ศ.1917 หรือ พ.ศ. 2460 เกือบ 90 ปีก่อน และเขาได้รับรางวัลโนเบล ในปี 1918

หลายคนนึกภาพไม่ออกหรอกครับ อธิบายก็ยาก อธิบายไปอธิบายมา ผู้อ่านไม่ทัน
จะงง ผมจะงงเองซะก่อน เอาภาษาง่ายๆแบบเปรียบเทียบอย่างนี้ดีกว่า นึกถึงใบไม้ใบหนึ่งก็แล้วกัน แล้วมีฝนหยดแรกหยดลงบนใบไม้ น้ำฝนก็ไหลไปค้างอยู่ที่ปลายใบ
แล้วหยดที่ 2 ก็ตามมารวมกับน้ำหยดแรก สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ หยดน้ำนั้นใหญ่ขึ้น
แต่ก็ยังค้างอยู่ที่ปลายใบ(ด้วยแรงตึงผิวของน้ำเอง)ไม่ทันไรฝนหยดที่3 ก็ไหลเข้ามารวมตัวอีกจนกลายเป็น หยดน้ำปลายใบที่บวมเป่ง (แต่ก็ยังค้างอยู่อย่างนั้น)
แล้วน้ำหยดที่ 4 ก็ไม่รู้มาจากไหน ไหลเข้ามารวมกันอีก

คราวนี้ แรงตึงผิวของน้ำก็ทนรับน้ำหนักของน้ำทั้ง 4 หยดไม่ไหว ก็เทตัวเองลงจากปลายใบจนเกือบหมด แล้วน้ำปลายใบหยดแรกก็เริ่มต้นขึ้นใหม่ วนเวียนไปมาอยู่อย่างนี้ตั้งแต่เริ่มมีใบไม้ใบแรกเกิดขึ้นบนโลก .

...นี่คือธรรมชาติของจักรวาล เพราะไม่ว่าจะเกิดใบไม้ขึ้น ณ. มุมใดของจักรวาล ปรากฏการณ์นี้ก็ยังเกิดขึ้นเสมอ .

คราวนี้ลองมาดู ควอนตัม ที่ใช้อธิบายปรากฏการณ์อื่นดูบ้าง ก็ใบไม้อีนั่นล่ะ แต่ให้นึกถึงใบไม้ที่มีทั้งหมดในป่า รวมกับใบเมื่อกี้นี้ด้วยนะ .

นับดูคร่าวๆก็ 1..2..3..4......โอ๊ย นับไม่ถ้วน ไม่รู้กี่ร้อยกี่พันล้านใบในป่าเดียวกัน
เอ...ฟังดูคล้ายๆ "ไม้ป่าเดียวกันยังไงไม่รู้ " เอ้า.ๆ เข้าเรื่อง เอาเป็นว่า สมมุตินะว่ามีใบไม้สัก 1000 ล้านใบ ในป่าเดียวกันนะตัวเอง ใบไม้แต่ละใบก็มีน้ำ 1 หยดเป็นของตัวเอง ก็กำลังดี 2 หยด ก็ยังพอไหว 3หยด ..ชักคับอกคับใจ 4 หยด..กู ! ทนไม่ไหวแล้วโว๊ย .! เลยพร้อมใจกันเทน้ำ 4000 ล้านหยดลงไปบนดินที่อยู่ใต้ต้น

เราลองมาคิดดูเล่นๆซิว่า น้ำ 4000 ล้านหยดมันแค่ไหนกัน.น๊า คิดว่าน้ำ 10 หยด เป็น 1 cc. 10000 หยด ก็ 1 ลิตร 4000 ล้าน ก็ 4 แสนลิตร ยังงงอยู่ละซิว่าแค่ไหน 1000 ลิตร ก็ 1 คิวเมตร หรือ 1ตัน ก็จะได้ 400 ตัน ก็ราวๆ
40 คันรถสิบล้อนั่นล่ะ.


.....เธอเห็นแล้วใช่มั๊ย 4หยดน้ำบนปลายใบ นั้นมากมายสักแค่ไหน แต่ทั้งหมดก็เหือดหาย ไปในดินแห่งดงนั้น เมื่อย่างเข้าวสันต ฝนก็กรูกระหน่ำ ที่ปลายใบมีหยดน้ำ หยดซ้ำๆมิรู้ซา ดินเอ๋ยเจ้าเก็บกัก ไม่ให้น้ำทะลักมา ค่อยๆคายอย่างช้าๆ เป็นธาราไหลระริน รวมกันเป็นสายน้ำ ชโลมฉ่ำไม่รู้สิ้น นราทั่วแดนดิน ได้ดื่มกินชั่วกัปกัลป์
ว้าว...เพราะ ...อะไรถึงแต่ง..อิอิ..เข้าเรื่องๆ ..ดินเองก็มี ควอนตัม ของตัวมันเอง แต่มากกว่าใบไม้มากมาย หลายเท่าตัว .

ในขณะที่ฝนไม่ยอมหยุด พายุฝนก็กระหน่ำ ดินบนป่าเขาไม่สามารถรับน้ำได้อีก
ก็คล้ายๆ น้ำหยดที่4 ดินก็จะคายน้ำส่วนเกินเหล่านั้นออกมาอย่าบ้าคลั่ง จนกลายเป็นน้ำป่าหลากล้น ท่วมท้นบ้านเรือนให้เสียหายในพริบตา.

....จะเห็นว่าทฤษฎี ควอนตัม ก็อธิบาย เรื่องของน้ำป่าได้เช่นกัน จริงๆแล้วควอนตัม สามารถอธิบาย สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในจักรวาลนี้ได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแสง
เรื่องพลังงาน เรื่องของอารมณ์ การเมือง เศรษฐกิจ.

ฟังดูแล้วเหมือนจะเว่อๆนะ แต่ให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คงต้องเปรียบเทียบกับพุทธพจน์ ที่ว่า
" สิ่งต่างๆ ล้วนเกิดขึ้น คงอยู่ แล้วก็ดับไป " การเกิดขึ้นก็คือน้ำหยดที่ 1 การคงอยู่ก็คือน้ำหยดที่ 2 -3 การดับไปก็เปรียบกับน้ำหยดที่ 4 ชีวิตก็เกิดขึ้น คงอยู่ และดับไป การเมืองก็อยู่ในวัฏฏจักรนี้เช่นกัน คงไม่มีพรรคการเมืองใด เกิดขึ้นแล้วได้รับความนิยมจากประชาชนตลอดไป เศรษฐกิจก็มีขาขึ้นขาลงและขาก่ายหน้าผาก.

มียุคเฟื่องฟู ยุคข้าวยากหมากแพง แต่ปัจจุบัน เป็นยุค น้ำตาลปัน น้ำมันแพง มีกลางคืน กลางวัน มีนข้างขึ้น ข้างแรม น้ำขึ้น น้ำลง มีฤดูผันเปลี่ยนเวียนกันในแต่ละปี อารมณ์ก็มีขึ้นๆ ลงๆ ถ้าเรารู้ว่าเราทำให้ใครอยู่ในอารมณ์ของน้ำหยดที่ 2 หรือ 3 เราก็ควรหยุดเติมน้ำ(โห)ให้เขาได้แล้ว ไม่งั้นเราอาจจะโดนไม้หน้าสาม จากน้ำหยดที่ 4
ในอารมณ์ของเขาก็เป็นไปได้ แต่บางคนอาจทนได้ถึงน้ำหยดที่ 5-6-7
ในขณะที่บางคนแค่หยดที่ 2 ก็ระเบิดซะแร้ว เพราะควอนตัมในอารมณ์แต่ละคนไม่เท่ากัน เหมือน ใบไม้กับดิน..

.....ดูๆแล้ว ควอนตัม จึงไม่ใช่ทฤษฎีใหม่ ที่เพิ่งค้นพบเมื่อเกือบร้อยปีที่แล้ว หากแต่พระพุทธเจ้า ทรงตรัสไว้ แต่ครั้งพุทธกาล 2549 ปี มาแล้ว ท่านทรงสอนให้เรารู้จักธรรมะ คือธรรมชาติ หากเราระลึกถึงกฏแห่งการ เกิดขึ้น คงอยู่ และดับไปแล้ว เราก็จะวางตัวได้ถูกต้องในระหว่างที่เรายังคงอยู่ ให้เกิดสิ่งดีๆ ก่อนที่จะถึงวันแห่งการดับไป
โลกใบนี้คงเป็นสุขและน่าใช่ชีวิตอยู่ซะเหลือเกินนิ เช่นเดียวกับบทความนี้ ที่มันเริ่มต้นที่บรรทัดที่ 1แล้วคงอยู่มาจนถึงบรรทัดนี้ และจะจบลงในอีกไม่กี่บรรทัด ขอเพียงท่านระลึกถึงความดีงามแห่งพระรัตนตรัย ซึ่งเกิดขึ้นในใจของท่าน แต่คงไว้อย่านั้นให้นานตราบวันสิ้นสูญ พุทธศาสนาก็จะคงอยู่ต่อไปได้ตราบจนวันสิ้นภพ
ขอให้บทความนี้จงมีประโยชน์แด่ท่านทั้งหลายด้วยเทอญ (กล่าวพร้อมกัน " สาธุ ")




เมื่อวันที่ : 30 เม.ย. 2549, 06.57 น.
มองเห็นความหมายของควอนตัมได้ชัดเลยครับ อืม.. สงสัยมานาน ที่แท้ควอนตัมก็คือใบไม้นี่เอง... ฮา...