เดือนแรกของนักศึกษาใหม่ |
 |
โดโรที
 |
...

14 มีนาคม ปีสากลคือ 2005 เป็นวันแรกที่เรามาเริ่มเรียน วันนั้นเป็นวันจันทร์เรามาแต่เช้าตรู่มาถึงที่ออฟฟิศประมาณแปดโมงครึ่งแต่ก็ต้องมาเดินโต๋เ...

14 มีนาคม ปีสากลคือ 2005 เป็นวันแรกที่เรามาเริ่มเรียน วันนั้นเป็นวันจันทร์เรามาแต่เช้าตรู่มาถึงที่ออฟฟิศประมาณแปดโมงครึ่งแต่ก็ต้องมาเดินโต๋เต๋อยู่พักหนึ่งเนื่องจากเข้าออฟฟิศไม่ได้ ใกล้ๆเก้าโมงเรากลับมาอีกที มีสาวผมทองหน้าตาจิ้มลิ้ม (ทราบภายหลังว่าเธอชื่อ Nadine) มาเปิดประตูให้ เรากล่าวขอบคุณเธอและเข้าไปนั่งรออาจารย์ Mike ระหว่างที่นั่งรอสายตาก็สำรวจความโอ่โถงของออฟฟิศ ออฟฟิศแบ่งเป็น 5 ส่วน สองส่วนเป็นที่นั่งสำหรับอาจารย์สองท่าน ที่เหลืออีกสามส่วนก็สำหรับพวกเรานักศึกษา สักพักอาจารย์มาถึงแถมบอกว่าเรามาเช้าเกินไป

แกจัดให้เรามีที่นั่งสำรองไปก่อนโดยเข้าไปใช้โต๊ะทำงานของ Donnie ซึ่งมีชื่อเต็มว่า Donald เนื่องจากว่ายังไม่มีที่สำหรับเรา และระหว่างนั้น Donnie แกก็ไปพักผ่อนที่ต่างประเทศ ชีวิตนักศึกษาที่นี่สามารถหยุดพักผ่อนได้ปีละหนึ่งเดือน ไม่รวมวันหยุดราชการ

ในห้องนั้นมีที่นั่งสำหรับสองคน สมาชิกอีกคนก็คือ David เราได้รับคำแนะนำจาก David เกี่ยวกับการดำรงชีวิตในออฟฟิศ ในออฟฟิศมีชา กาแฟ นม น้ำตาล และที่ขาดไม่ได้ก็คือน้ำร้อน David ให้แก้วกาแฟมาหนึ่งใบ นอกจากนี้แล้วอุปกรณ์เครื่องเขียน สมุด แผ่น CD รวมไปถึงอุปกรณ์ที่ใช้ทั่วไปในสำนักงาน เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องส่งแฟกซ์ เครื่องพิมพ์ (printer) มีบริการให้นักศึกษาทั้งหมด เรียกว่าไม่ต้องไปเสียเงินกับเรื่องพวกนี้เลย ช่วงแรกเราต้องใช้คอมพิวเตอร์ของ Donnie ไปก่อนเนื่องจากคอมพิวเตอร์ของเราอาจารย์กำลังดำเนินเรื่องให้

พูดถึงคอมพิวเตอร์ ทำให้นึกถึงสมัยเป็นนักศึกษาปริญญาโทที่เมืองไทย เราเป็นนักศึกษาปริญญาโทรุ่นแรก ทางภาควิชาไม่มีคอมพิวเตอร์ให้ใช้แม้แต่ตัวเดียว รวมไปถึงห้องพักสำหรับนักศึกษาด้วย โชคดีที่ศูนย์คอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยเปิดตลอด 24 ชั่วโมง ต้องบอกว่าศูนย์คอมพิวเตอร์แห่งนั้นเปรียบเสมือนเป็นห้องนอนที่สองของเรา เพราะเราต้องไปพิมพ์งานที่นั่นจนสว่างเป็นประจำ และบ่อยครั้งที่ฟุบหลับอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ที่ศูนย์นั้น มีอยู่หนึ่งครั้งตกดึกราวตีหนึ่งกว่าๆเกิดอาการหิวอย่างมาก เรียกว่าหิวจนใจหวิวเหงื่อออกมือเลยทีเดียว จะเดินออกไปก็ถ้าจะไม่รอด เพราะไกลเหมือนกัน อาจจะเป็นลมกลางทางได้ เราตัดสินใจออกไปเล็งหาจักรยานที่จอดไว้หน้าศูนย์คอมพิวเตอร์และสอดส่องคันที่ไม่ได้ล็อค ซึ่งเป็นของใครก็มิอาจรู้ได้ เมื่อเจอเป้าหมายแล้ว ก่อนที่จะนำไปใช้เราก็รบกวนลุงยามประจำศูนย์คอมพิวเตอร์ออกไปดูจักรยานคันที่เรากับเพื่อนจะหยิบยืมไปชั่วคราวเพื่อที่จะปั่นออกไปซื้อเสบียงหน้ามหาวิทยาลัย เนื่องจากเกรงว่าเจ้าของมาตามหาแล้วตกใจว่าจักรยานคู่ชีพหายไปไหน ลุงยามก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเนื่องจากเราซี้กัน

กลับมานึกถึงตอนนี้ก็รู้สึกว่าเรานี่ทำอะไรบ้าๆไม่เข้าเรื่องเหมือนกัน อย่าได้เอาเป็นเยี่ยงอย่างนะคะ เมื่อเราเริ่มมีรุ่นน้องซึ่งตอนนั้นเราอยู่ปีสองตอนปลายแล้วพวกเรานักศึกษาปริญญาโทจึงได้ตัดสินใจทำจดหมายยื่นถึงหัวหน้าภาคเพื่อขอคอมพิวเตอร์และห้องพัก และในที่สุดพวกเราก็ได้คอมพิวเตอร์มา 1 ตัว พร้อมห้องพักสำหรับนักศึกษา ซึ่งเป็นห้องพร้อมโต๊ะกับเก้าอี้ยาวๆเหมือนที่ตั้งอยู่บนโรงอาหาร เมื่อมาอยู่ตรงนี้มองย้อนกลับไปก็รู้สึกถึงความแตกต่างได้ชัดเจน ปัจจุบันได้แต่หวังว่ารุ่นน้องน้องคงมีคอมพิวเตอร์ใช้เพิ่มขึ้นแล้ว ดังนั้นเมื่อเรามาเห็นสภาพความพร้อมของมหาวิทยาลัยที่เรากำลังเรียนอยู่นี้ทำให้เราตื่นตาตื่นใจและประทับใจไปพร้อมๆกัน

ช่วงแรกที่มาเรียนใหม่ในต่างแดนนี้ต้องปรับตัวและเรียนรู้วัฒนธรรมพอสมควร ทุกเช้าเมื่อแต่ละคนมาถึงในออฟฟิศ เขาจะต้องกล่าวคำทักทายซึ่งกันและกัน Hello! Hi! Good Day! เสียงเหล่านี้ได้ยินทุกวันลั่นออฟฟิศ มีแต่เรานี่แหละเข้ามาเงียบๆพร้อมแล้วยิ้ม ทุกวันนี้ยังเขินอยู่ถ้าจะต้องกล่าวทักทายดังๆให้ได้ยินทั่วกันทั้งออฟฟิศ นอกจากนี้เวลาเสร็จสิ้นงานประจำวันเมื่อทักทายแล้วก็ต้องตบท้ายด้วยคำลา See You-See Ya, Cheers ส่วนเราก็ต้องหัดกับเขาด้วยโดยเริ่มต้นจากคำว่า Goodbye พร้อมกับโบกมือขวาโยกไปมาด้วยความเคยชินเวลาพูดบ๊ายบายกับเพื่อนที่ไทย จนปัจจุบันท่านี้กลายเป็นท่าที่ทุกคนในออฟฟิศแม้แต่อาจารย์ก็ร่วมโบกมือขวาด้วยเช่นกัน ส่วนถ้าเป็นวันศุกร์หรือวันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุดล่ะก็จะต้องตบท้ายด้วยคำว่า Have a good weekend, Have a good holiday, enjoy your weekend ด้วยความที่เป็นนักศึกษาใหม่ นักศึกษาเก่าเข้ามาทักทายและเป็นมิตรกับเราเป็นอย่างดีทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายไปพอสมควร

งานแรกของเราเมื่อเริ่มเข้าเรียนคือการอ่านและค้นคว้าเนื้อหาข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับงานวิจัยหรือที่เรียกว่าการทำ Literature Review แต่มันไม่ใช่การอ่านธรรมดา เนื่องจากเมื่อการอ่านและการค้นคว้าผ่านไปได้หนึ่งวัน อาจารย์ Mike เรียกไปคุยบอกให้เราเขียน Review Paper เพื่อที่จะส่งตีพิมพ์ในวารสารระหว่างประเทศ ที่รู้จักกันในแวดวงนักวิจัยหรือนักศึกษาว่า International Journal โดยมีวันกำหนดส่งต้นฉบับที่เรียกว่า First Draft ภายในสิ้นเดือนมีนาคม อาจารย์ให้ชื่อวารสารที่ต้องการให้ตีพิมพ์มา พร้อมทั้งให้เราศึกษารูปแบบและข้อกำหนดของวารสารโดยไปค้นจาก Google เพื่อนนักค้นหาบนโลก Internet นั่นเอง การเขียน Review Paper ไม่ใช่เรื่องง่ายเนื่องจากผู้เขียนต้องทำการบ้านมาอย่างดีในเนื้อหาที่จะเขียน โดยต้องมีการค้นคว้าข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่งานวิจัยในอดีตจนกระทั้งปัจจุบันของเรื่องที่นำมาเขียน พร้อมทั้งต้องแทรกความคิดเห็นลงไปด้วย เฮ้อ! งานแรกก็ท้าทายแล้ว แต่เราก็ทำเต็มที่ภายในเวลาเพียงครึ่งเดือน เพราะความมุ่งมั่นในการเรียนนั้นเรามีอย่างเดียวคือทำให้ดีที่สุด เนื่องจากทุกวันนี้ที่เรียนได้ก็เพราะอาจารย์ Mike ท่านนี้ และสุดท้าย First Draft ความยาว 18 หน้าก็ถูกส่งถึงมืออาจารย์เมื่อวันที่ 1 เมษายน ด้วยความโล่งอก......

เมื่อวันที่ : 18 ก.พ. 2549, 08.59 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...