นิตยสารรายสะดวก  Memorandum  ๒๘ ธันวาคม ๒๕๔๘
เรื่องเล่าจากซอกดอย : ศิวิไลซ์
เชิงดอย
...​​และแล้ว​​ไฟฟ้าก็มาถึง ตะเกียง​​เป็นสิ่ง​​ที่ไม่จำ​​เป็นอีกต่อ​​ไป ถ่านแก็สถูกแทน​​ที่ด้วยหม้อแบ็ตตราค้างคาว ​​ไปทางไหนก็มี​​แต่คนมีทีวี มีตู้เย็น น้ำแข็งอยากกิน​​เมื่อไหร่ก็​​ได้กิน ไม่​​ต้องรองานบุญ...
เสียงรถประจำหมู่บ้านครางฮึ่มๆ​ มา​แต่ไกล ควันฝุ่นตลบตามหลังมา​แต่ไกล ผ่านบ้านคน​ที่รู้จักก็กดแตร ปิ๊น! ทักทายตลอดทาง เสียงตะโกนโหวกเหวกของผู้​โดยสารแทรกมา​กับเสียงคำรามของรถคันเก่า บอกทางว่าให้จอดตรงไหน เสียงเบรกเอี๊ยดตามด้วยฝุ่นควันตลบตามรถมาทัน​ที่หน้าประตูบ้าน เสียงเอะอะ หัวเราะคิกคัก น้าชายลงมาจากรถ​โดยมีเด็กท้ายรถช่วยหิ้วกล่องกระดาษใบใหญ่เข้าบ้าน ผมเล่นอยู่​ในบ้าน​ได้​แต่แอบมองหลังเสาไม้สักต้นเขื่อง สงสัยเหลือเกินว่าน้าหอบหิ้วอะไร​มา

รถผ่านหน้าบ้าน​ไป น้าชายเรียกผม​ไปช่วยหิ้วกล่องใบใหญ่ หิ้วหูคนละข้างขึ้น​บันไดวางบนชานหน้าร้านหม้อน้ำกิน ดูข้างกล่องแล้ว​ผมก็ตาลุกวาว มันเขียนข้างกล่องว่า โทรทัศน์ ธานินทร์ แหมไม่ให้ตื่นเต้น​ได้ยังไงล่ะ ​จะ​ได้ดูทีวีเหมือนเด็กในเมืองซะที ปกติแล้ว​ผมไม่ค่อย​ได้ดูทีวีหรอก นอกจาก​จะ​ได้เข้าเมืองวันเสาร์อาทิตย์ ​ไปหาหมอ หรือไม่ก็​ไปส่งตา​ไปหาหมอเท่านั้น​ ทีวีก็หาดูตามร้านอาแปะแถวๆ​ตลาด​ที่​เป็นท่ารถนั่นแหละ​ ดู​เมื่อไหร่ก็เห็นมี​แต่มวยอยู่​ช่องเดียว

ว่า​แต่​จะหาไฟจากไหนล่ะเนี่ย มี​แต่ทีวีแล้ว​​จะเสียบปลั๊ก​ที่ไหน มาถึงบางอ้อก็​เมื่อสองอาทิตย์​ต่อมามีคนมาขุดหลุมหน้าบ้าน ​เอาเสามาวางไว้ แล้ว​ก็ค่อยๆ​ ตั้งเสาไฟ เดินสาย กว่า​จะเสร็จ​ได้ก็​เป็นเดือน ​ระหว่างนั้น​ก็มีรถเร่ขายเครื่อง​ใช้ไฟฟ้าเข้ามาไม่ซ้ำหน้า ​ที่เจอบ่อยๆ​ก็ซิงเกอร์ ขนตู้เย็น ทีวี เตาอบ เครื่องซักผ้า สารพัดมาบนรถกระบะ แล้ว​ก็​เอามาขายผ่อน บางคนก็ซื้อทีวี ตู้เย็นไว้ ​ทั้งๆ​​ที่ไฟก็ยังไม่มี ​ไปทางไหนก็เห็น​แต่คนยิ้ม คุยกัน​แต่เรื่อง​ไฟฟ้า เด็กๆ​อย่างผมก็ฝันถึงการ์ตูน หนัง ​ที่ไม่​ต้องหอบเสื่อ หอบหมอน ​ไปดูถึงลานวัด นอกจากรถขายเครื่อง​ใช้ไฟฟ้าแล้ว​ยังมีรถรับซื้อพืชพืชสวนเข้ามาด้วย รับซื้อมันทุกอย่าง ข้าวเปลือก ถั่วทุกอย่าง ขมิ้น ขิง ชาวบ้าน​ที่ไม่มีเงินซื้อของก็​เอาข้าว ​เอาของมาขาย ​เพื่อแลก​เป็นเงินสักก้อน​เพื่อ​เอามาผ่อนซื้อของ

​และแล้ว​ไฟฟ้าก็มาถึง ตะเกียง​เป็นสิ่ง​ที่ไม่จำ​เป็นอีกต่อ​ไป ถ่านแก็สถูกแทน​ที่ด้วยหม้อแบ็ตตราค้างคาว ​ไปทางไหนก็มี​แต่คนมีทีวี มีตู้เย็น น้ำแข็งอยากกิน​เมื่อไหร่ก็​ได้กิน ไม่​ต้องรองานบุญ ถนนหนทางถูกเกรดเรียบ อัดลูกรัง มีข่าวว่าหลวงท่าน​จะสร้างทางใหม่ให้​เป็นราดยาง...​.. ​ไปทางไหนมี​แต่ข่าวดี​ไปหมด ​แต่​ที่แน่ๆ​ เงิน​ที่​ต้องจ่าย​เมื่อต้นเดือนก็มาถึง ข้าวก็ขาย​ไปแล้ว​ บ้างไม่มีเงินก็​ต้องคืนของเค้า​ไป บ้างก็​ต้องหาเงินสารพัดวิธี ไม่ว่า​จะตัดไม้มาขาย หาของป่าออกมาขายในเมือง ยามเย็น​ที่เคยมีคนเดินตามถนนหน้าบ้านก็เปลี่ยน​ไป คน​ต้องทำงานกันมากขึ้น​ เย็นๆ​ต่างคนต่างก็นอนดูทีวีในบ้าน มี​แต่แสงไฟหลอดนีออน เสียงเพลงจากสเตอริโอกระหึ่ม ​แต่ดูเหมือนหมู่บ้านเงียบเหงาเหลือเกิน ...​..

ในเวลาไม่นานหลังจากนั้น​ ป่าก็เริ่มแตก...​. ไม้สักเริ่มถูกตัดออกจากป่า สักต้นโตกว่าสองคนโอบถูกโค่นแล้ว​ชักออกจากป่า ขึ้น​โรงเลื่อยแปรรูป​เป็นสินค้าส่งออก​ที่เค้าเรียกว่าอ่าง อ่างรูปสี่เหลี่ยมกว้างยาวคืบคูณซอก​เป็นสาเหตุ​ที่ทำให้สัก​ที่อายุนับร้อยๆ​ปีหมดป่า​ไปอย่างรวดเร็ว ไม้​ที่คนเฒ่าคนแก่เคยบอกกันว่าต่อให้มึงตัดกัน​ทั้งชาติก็ไม่มีวันหมดเริ่มหมด​ไปเรื่อยๆ​ จากห้วย​แม้พร้า แม่ต้า ลาม​ไปถึงผานีต ภูไท นายทุนเจาะไม้สักจากต้นโอบไม่รอบ​ไป​เป็นอ่างไม้สักส่งออกเมืองนอก สุดท้าย ไม่ถึงห้าปี ไม้สักก็ไม่เหลือจากป่าเวียงต้าอีกต่อ​ไป...​.ทิ้งไว้ก็เพียงตอสัก​ที่สูงแค่หน้าแข้ง ​กับเศษซากคน​ที่อพยพจากต่างถิ่นเข้ามาขุดทอง มอดไม้ เจ้าพ่อ...​.. วงจรอุบาท​ว์ วิถีชิวีตเปลี่ยน​ไป แม่พร้าจากเคย​ได้ดื่มกินหมดฝนหมดแล้ง เหลือเพียงกอหญ้า กอผักขม ป่าทรายในหน้าแล้ง น้ำ​ที่เคยนองในหน้าฝนก็เหลือแค่เอ่อให้จี้กุ่งร่าเริง ป่าเปลี่ยน คนเปลี่ยน...​

ไฟฟ้า ผมไม่รู้เหมือนกันว่ามันเข้ามาแล้ว​ดีหรือไม่ดี บ้านมีไฟสว่าง คนต่างถิ่นเดินเข้าออก รถขนไม้เข้าออกป่า แรงงานเยอะแยะปัญหาก็ตามมา ซ่องผุดขึ้น​มา สาวจากต่างบ้านมาหากิน ขายตัวเลี้ยงชีวิต ป่า​ที่เคยเขียว หนาแน่น​ไปด้วยไม้ใหญ่กลับโล่งขึ้น​ ​ไปทางไหนก็เจอ​แต่ตอไม้ ไก่ป่า​ที่เคยขันล้อลูกปืน​ที่หลังบ้านก็ดับเสียง กระต่าย แย้ หนู ​ที่เคยหากินรอบบ้านเริ่มหาย​ไป เงินกลาย​เป็นปัจจัยหลักในการดำเนินชีวิต คนหาเงินกันเก่งขึ้น​ จากไม้สัก ก็ลาม​ไปไม้มะค่า ไม้ประดู่ ไม้แดง ไม้พยุง ไม้ตะเคียน ไม้ยาง ไม้มะม่วงป่า ไม้แคทราย ไม้ผู พ่อเลี้ยงในหมู่บ้านเริ่มมีช้าง มีโรงเลื่อยเถื่อน พ่อเรือน​ต้องเข้าป่า​ไปตัดไม้​เป็นเดือนๆ​​เพื่อหาเงินค่างวดเงินผ่อน คนเริ่มห่างป่า​ไปทุกที​ทั้งๆ​​ที่เข้าป่าตัดไม้กันจนปรุ วิญญาณป่าหาย​ไปไหน?

เสียงกรีดร้องของป่าคงดังก้องเหมือน​กับเสียงเลื่อยยนต์​ที่แผดคำราม น้ำตาป่าคงไหลจนแห้งเหือดหายเหมือนสายห้วย​ที่แห้งเหือด เลื่อยโซ่คำราม​ที่ไหนเหมือนเสียงจากมัจจุราชก้องสนั่นป่า เสียงเครื่องคูโบต้าจากโรงเลื่อยเถื่อนเดินเครื่องไม่หยุด​ทั้งวัน​ทั้งคืน ป่าเริ่มเล็กลง สัตว์หาย​ไปเรื่อยๆ​ คนเอ๋ย...​.ฤาเจ้า​จะหากินแค่ชาติเดียว

ป่ายางต้นสูงเทียมเมฆ ดงใหญ่​ที่ขุนห้วยอันตรธานเหลือ​แต่ตอ ต้นนึงๆ​โตกว่า​ที่ผู้ใหญ่สองคน​จะโอบไหว ผมเคย​ไปเก็บขี้ยางเล่นลูกเท่าหัว ​เอามาทำขี้ไต้เล่น ป่ายาง​ที่เข้า​ไปแล้ว​ไม่เห็นตะวันเหลือเพียงซาก กลาย​ไป​เป็นบ้านหลังโตมีไฟฟ้า มีทีวี มีตู้เย็น มีสเตอริโอเสียงกระหึ่ม บ้านแทบทุกบ้าน​ต้องมีมอเตอร์ใซค์วิบาก​เอาไว้เข้าป่า เกวียน​ที่เคย​เอาไว้ลากข้าว ลากฝ้ายกลับ​เอา​ไปลากไม้ เสียงจ๊อย ซอ กลาย​เป็นเสียงเพลงลูกทุ่งกระหึ่มจากลำโพง

เด็กๆ​อย่างผมก็​ได้​แต่มองตาปริบๆ​ ม่อนดงซางเหลือ​แต่กอซาง​กับไม้ต้นเล็กๆ​ ผม​ได้กินเนื้อหมู เนื้อวัวบ่อยตาม​ที่อยากกิน​แต่​ต้อง​ไปหาซื้อจากตลาด ผัก​ที่อยู่​ตามชายรั้วกลาย​เป็นของมีค่า ข่า ตะไคร้ พริก ผักบุ้ง ผักแว่น กลาย​เป็นของขายตามกาดเช้า​ อะไร​ก็​เป็นเงิน​เป็นทอง​ไปหมด...​.. กระต่ายป่ารอบบ้านเริ่มหาย​ไปเรื่อยๆ​ นกคุ่มตามปลายนาท้ายบ้านถูกจับมาขายจนแทบสูญพันธุ์ มอง​ไปทางไหนแห็น​แต่ไอแดด ข้าวในยุ้งถูกขายออก​ไป​เป็นเครื่อง​ใช้ไฟฟ้า ธกส.เข้ามา​เป็นเจ้าหนี้ราย​ต่อมา กู้มาปลูกบ้านหลังโตๆ​ เสาเรือนใหญ่ๆ​ ไม้กระดานสองชั้น หลังคากระเบื้อง แสดง​ความรวย ​แต่หมกไว้ด้วยตัวเลขเงินกู้ในธนาคารหกหลัก​ที่ไม่รู้ว่าชาตินี้​จะผ่อนหมดหรือเปล่า ถุย! " ศิวิไลซ์ "

 

F a c t   C a r d
Article ID A-1306 Article's Rate 5 votes
ชื่อเรื่อง เรื่องเล่าจากซอกดอย : ศิวิไลซ์
ผู้แต่ง เชิงดอย
ตีพิมพ์เมื่อ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๔๘
ตีพิมพ์ในคอลัมน์ ฉันเขียนให้เธออ่าน
จำนวนผู้เปิดอ่าน ๕๗๗ ครั้ง
จำนวนความเห็น ๓ ความเห็น
จำนวนดอกไม้รวม ๒๐
| | | |
เชิญโหวตให้เรตติ้งดอกไม้แก่ข้อเขียนนี้  
R e a d e r ' s   C o m m e n t
ความเห็นที่ ๑ : ศาลานกน้อย [C-6607 ], [000.000.000.000]
เมื่อวันที่ : 28 ธ.ค. 2548, 16.40 น.

ผู้อ่าน​ที่รัก,

นิตยสารรายสะดวก​ ​และผู้เขียนยินดีรับฟัง​ความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดง​ความเห็น​ได้​โดยอิสระ ขอขอบคุณ​และรู้สึก​เป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมี​ส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...​

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๒ : pilgrim [C-6647 ], [158.125.1.113]
เมื่อวันที่ : 04 ม.ค. 2549, 22.07 น.

อ่านแล้ว​สะเทือนใจแทนค่ะ​

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๓ : เด็กบ้านนอก [C-13752 ], [203.144.130.176]
เมื่อวันที่ : 28 ก.พ. 2551, 16.40 น.

​เป็น​กำลังใจให้นะครับ​ ​ที่เขียนเรื่อง​ให้คน​ได้คิด ว่าปัจจุบัน​เป็นอย่างไร อดีด ​เป็นอย่างไร ​ถ้าคน​ที่มี​ความคิดแล้ว​ ​เขาก็​จะนำ​ไปปรับปรุงเองแหละ​ครับ​ คุณ ศิวิไลซ์

แจ้งลบข้อความ


สั่งให้ระบบส่งเมลแจ้งการเพิ่มเติมความเห็น
 ศาลานกน้อย พร้อมบริการเสมอ และยินดีรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกท่าน  ติดต่อเว็บมาสเตอร์ได้ทางคอลัมน์ คุยกับลุงเปี๊ยก หรือทางอีเมลได้ที่ uncle-piak@noknoi.com  พัฒนาระบบ : ธีรพงษ์ สุทธิวราภิรักษ์  โลโกนกน้อย : สุชา สนิทวงศ์  ภาพดอกไม้ในนกแชท : ณัฐพร บุญประภา  ลิขสิทธิ์งานเขียนในนิตยสารรายสะดวก เป็นของผู้เขียนเรื่องนั้น  ข้อความที่โพสบนเว็บไซต์แห่งนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้โพสทั้งสิ้น